ในทันใดนั้นความรู้สึกว่างเปล่าในมือก็ทำให้เย่เหวินหมิงตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วคราว“เหวินหมิง...” เสียงอันเจ็บปวดของคงจื่ออินดังขัดขึ้นเย่เหวินหมิงย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ และมองสิ่งที่เกิดขึ้นกับคงจื่ออิน ใบหน้าของเธอซีดเซียวจนเกือบเป็นสีขาว และแม้แต่ริมฝีปากของเธอก็สั่นเทา“เหวินหมิง ฉัน... ฉันแค่อยากให้อาหยันน้อยได้เจอกับพ่อแม่ฉัน ฉันคิดว่า... จะเป็นแม่ที่ดี แต่... แต่ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ ฉัน...” คงจื่ออินพูดอย่างยากลำบบากราวกับว่าเธอไม่รู้เรื่องและหวังดีในทันใดนั้นเองคงจื่ออินก็ขมวดคิ้วและทำสีหน้าเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม “โอ๊ย... เหวินหมิง ท้องฉัน เจ็บจังค่ะ...”เย่เหวินหมิงขมวดคิ้ว “เอาล่ะ เลิกพูด ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”เมื่อเย่เหวินหมิงอุ้มคงจื่ออินขึ้นมา เขาก็พบว่าที่ก้นของชุดที่คงจื่ออินสวมเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงวันนี้คงจื่ออินสวมชุดสีขาว รอยเลือดสีแดงนั้นจึงทำให้คนตกใจมากขึ้นไปอีกนายท่านและคุณนายเองก็ทำท่าตกใจ “ทำไมมีเลือดได้? จื่ออิน โจวเชียนหยุนทำเธอเจ็บตรงไหน?”โจวเชียนหยุนเองก็แปลกใจไปด้วย คงจื่ออินเพิ่งล้มลงไป เพราะอย่างนั้นเธอไม่น่าจะมีเลือดออกมากขนาดนี้แ
เย่เหวินหมิงกลับมาได้สติและรีบจากไปพร้อมกับคงจื่ออินที่อยู่ในอ้อมแขนนายท่านและคุณนายคงมองโจวเชียนหยุนด้วยสายตาอาฆาตพลางพูดหยาบคาย “อย่าคิดว่าเรื่องจะจบแค่นี้นะ จื่ออินของเราสำคัญกว่าเธอ!”โจวเชียนหยุนมองตอบพวกเขาอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเฉยเมย แต่แขนของเธอก็ยังคงโอบกอดลูกชายไว้พลางกดหน้าของอาหยันน้อยให้ซบกับแขนของเธอ เพราะแบบนั้นเขาเลยไม่ได้เห็นภาพแผนการอันน่าเกลียดของพวกผู้ใหญ่ในตอนที่เธอและอาหยันน้อยกลับบ้านไป โจวเชียนหยุนก็รู้สึกเหนื่อยจนหมดแรงขณะอุ้มหลานชายไว้ในอ้อมแขนหัวใจของคุณนายโจวก็สั่นไปด้วยความกลัว “เอาล่ะ ๆ สุดท้ายเธอก็ได้กลับมา” เธอกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่โชคดีที่ลูกสาวและหลานชายของเธอกลับมาได้อย่างปลอดภัยโจวเชียนหยุนถอนหายใจและพูดว่า “แม่คะ ช่วยดูอาหยันน้อยหน่อยนะคะ... หนูจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”คุณนายโจวชะงักไปครู่หนึ่ง เธอสังเกตเห็นว่าใบหน้าของลูกสาวซีดขาวและเธอก็เอามือกดหน้าท้องด้านขวาของตัวเองเอาไว้ เธอรู้ในทันทีว่าลูกสาวของเธอน่าจะเจ็บอีกครั้ง แต่พูดแบบนั้นออกมาก็เพื่อไม่ให้อาหยันน้อยสังเกตเห็นดังนั้นคุณโจวจึงรีบกล่าวว่า “ได้จ้ะ ได้ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
ในตอนนั้นเขาไม่กล้าที่จะชำเลืองมองเป็นครั้งที่สองด้วยซ้ำ เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ทำเรื่องทรยศลงไปแต่ใครกันที่เขาทรยศ? เขาและจื่ออินกำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่นานนี้ ดังนั้นแม้พวกเขาจะมีอะไรกันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรยิ่งไปกว่านั้นเขากับจื่ออินเคยนอนด้วยกันก่อนที่โจวเชียนหยุนจะเข้าคุกด้วย แต่หลังจากที่โจวเชียนหยุนเข้าคุก ไม่รู้ทำไมเขากลับเคยชินกับการนอนคนเดียวแม้ว่าเขาและจื่ออินจะเป็นคู่รักและกำลังจะแต่งงานกัน แต่เขากลับรู้สึกผิดเมื่อจะทำอะไรใกล้ชิดสนิทสนมกับจื่ออินแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม‘นี่เป็นเพราะโจวเชียนหยุนเหรอ? แต่โจวเชียนหยุนเป็นใครถึงมามีอิทธิพลต่อฉัน? ในเมื่อเขาสามารถให้การเป็นพยานกับศาลได้ ก็หมายความว่าเขาไม่เคยรักเธอเลย!’“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ลูกที่น่าสงสารของฉัน!” คุณนายคงตอนนี้ฟุ่บตัวลงข้าง ๆ คงจื่ออินและร้องไห้ปานจะขาดใจ “ทำไมโจวเชียนหยุนถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้? ทำร้ายกันครั้งเดียวไม่พอยังมีครั้งที่สองอีก เด็กสองคน! สองชีวิตเลยนะ!”“แม่คะ พอ... พอเถอะค่ะ..” คงจื่ออินซึ่งตอนนี้หน้าซีดจากการผ่าตัดดูน่าสงสารยิ่งกว่าเดิมขณะที่ร้องไห้น้ำตาอ
วันต่อมาเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และอาหยันน้อยก็ไม่ต้องไปโรงเรียนอนุบาล โจวเชียนหยุนจึงพูดกับแม่ของเธอว่า “แม่คะ หนูจะพาอาหยันน้อยไปเล่นที่สวนใกล้ ๆ นี้หน่อยนะคะ”“ทำไมไม่นอนพักอีกหน่อยล่ะ?” คุณนายโจวถาม ในช่วงสุดสัปดาห์ปกติแล้วช่วงเช้าเธอจะเป็นคนพาหลานชายไปเล่นในสวนใกล้ ๆ หมู่บ้าน เพราะว่าลูกสาวของเธอจะได้เตรียมตัวไปขายของในตอนเย็น“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากใช้เวลากับอาหยันน้อยให้มากขึ้นอีกนิด” โจวเชียนหยุนกล่าว ตอนนี้ทุกนาทีที่ผ่านไปเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับเธอคุณนายโจวถอนหายใจ “งั้นก็ได้ ฉันจะเตรียอาหารเที่ยงรออยู่ที่บ้านนะ เดี๋ยวทำจานโปรดไว้ให้เลย”“ได้ค่ะ” โจวเชียนหยุนยิ้มจาง ๆ และพาลูกชายออกจากประตูไปมีพ่อแม่หลายคนที่พาลูกของพวกเขาออกมาเล่นในสวนสาธารณะใกล้ ๆ หมู่บ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ปกติอาหยันน้อยจะเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ ในสวน แต่วันนี้แทนที่จะเล่นกับเด็กคนอื่น เขากลับยืนอยู่ข้าง ๆ โจวเชียนหยุนอยู่ตลอดด้วยสีหน้าเป็นกังวล“เป็นอะไรไป? ไม่ไปเล่นเหรอจ๊ะ?” โจวเชียนหยุนถามอย่างสับสน“แม่... แม่ไม่ใช่คนไม่ดีใช่ไหมฮะ?” เจ้าตัวเล็กลังเลไปเล็กน้อยก่อนในสุดท้ายจะถามออกมา เรื่องที่เกิดขึ้นใ
นี่เป็นรูปครอบครัวของพวกเขาสามคนที่อาหยันน้อยอยากได้ บางครั้งเขาก็ชอบดูรูปพวกนี้ในมือถือของเธอ จากนั้นรอยยิ้มพอใจก็ปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเพราะแบบนี้โจวเชียนหยุนจึงเก็บรูปพวกนั้นไว้มือถือเธอเป็นการชั่วคราวและไม่ได้ลบไปโจวเชียนหยุนก้มหน้ามองรูปสามคนของพวกเขาบนม้าหมุน อาหยันน้อยยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่เธอกำที่จับที่อยู่ข้างตัวแน่นด้วยท่าทางกังวล และขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังสะกดกลั้นบางอย่างไว้ในตอนนั้นความเจ็บปวดปรากฏขึ้น และทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวในรูปเย่เหวินหมิงหันหน้าเล็กน้อยราวกับกำลังมองมาที่เธอจากรูปใครมองมาคงคิดว่าเย่เหวินหมิงมองเธออย่างเป็นห่วงแต่รูปนั้นก็เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น ต่อให้เธอและเย่เหวินหมิงนั่งม้าหมุนตัวเดียวกัน แต่ก็ยังมีคูน้ำขวางกั้นพวกเขาไว้เธอหวังว่า... เธอจะไม่เจอเขาอีกแม้แต่ในนรก!ในตอนนั้นเองที่โจวเชียนหยุนได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายเธอร้องออกมาว่า “พ่อฮะ!”โจวเชียนหยุนเงยหน้ามองทันที และเห็นร่างเล็ก ๆ ของอาหยันน้อยวิ่งไปหาร่างสูง‘นั่น... เย่เหวินหมิงนี่!’โจวเชียนหยุนตัวชาไปครู่หนึ่งและมองเย่เหวินหมิงที่เดินเข้ามาหาเธออย่างประหลา
แม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นพ่อของเขา แต่ก็ไม่ควรมากล่าวหาแม่ของเขาว่าเป็นคนผิดอยู่ดี!สีหน้าของเย่เหวินหมิงถอดสี “อาหยันน้อย หลีกไป แม่ของลูกทำผิดและต้องขอโทษ”เจ้าตัวเล็กกล่าวว่า “ไม่หลีก ทำไมแม่ต้องขอโทษด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด? แม่แค่แตะมือของผู้หญิงคนนั้นเบา ๆ แต่เธอล้มลงไปเอง แม่แค่ไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นแตะผม! แม่ไม่ได้ทำอะไรผิด!”แล้วเขาก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นด้วยแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะยิ้มให้เขา แต่สายตาที่เธอมองเขากลับมีแต่ความเกลียดชังแม้เจ้าตัวเล็กจะยังเป็นเด็ก แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าใครใจดีกับเขา และใครเกลียดเขาแต่คำพูดของอาหยันน้อยในตอนนี้มีแต่เติมเชื้อเพลิงให้เปลวไฟของเย่เหวินหมิง“โจวเชียนหยุน นี่นะเหรอที่เธอสอนลูก? โกหกทั้งเพ! เธออยากให้เขาเป็นคนขี้โกหกเหมือนเธอเหรอ? เผื่อเธอไม่รู้นะ ในห้องมีกล้องวงจรปิด!“จื่ออินแค่อยากจะคุยกับอาหยันน้อย แต่เธอผลักเขา!“เธอผลักเขานิดเดียว แต่ก็มีเจตนาร้าย! เธอรู้ว่าจื่ออินท้องอยู่ และเธอทำแบบนี้ก็เพราะกลัวว่า ถ้าจื่ออินคลอดเด็กคนนั้นออกมาแล้วจะทำให้ฐานะของอาหยันน้อยสั่นคลอน!”เย่เหวินหมิงกล่าวเรื่องร้ายกาจอย่างนั้นออกมา ทุกคำของเข
‘ทำไมต้องให้อาหยันน้อยได้ยินอะไรพวกนี้ด้วย?’“แม่ฮะ พ่อเขา... เกลียดผมเหรอ?” เสียงเด็กน้อยของเจ้าตัวเล็กดังขึ้น ดวงตาสีเข้มของเขามองเย่เหวินหมิงจากนั้นก็มองโจวเชียนหยุนเย่เหวินหมิงรู้สึกยุ่งเหยิงขึ้นมาในทันทีดวงตาของลูกชายเขาในตอนนี้ไม่มีความรักความผูกพันอีกต่อไปแล้ว และมีเพียงความเจ็บปวดและห่างเหินแทนจากนั้นเขาจึงตระหนักได้ในสิ่งที่ตัวเองพูดขึ้นในทันใด!“เอา... เอาตัวเด็กไป!” เย่เหวินหมิงสั่งลูกน้องที่ตามเขามาคนของเขาตอบรับและรีบอุ้มตัวอาหยันน้อยขึ้นมา แม้ว่าเด็กน้อยจะดิ้นหนีหรือตะโกนโวยวายแต่ก็ไม่มีประโยชน์“คุณจะทำอะไรอาหยันน้อยน่ะ?!” โจวเชียนหยุนพูดอย่างโกรธเคือง และต้องการเอาลูกชายของเธอกลับมา ทว่าเย่เหวินหมิงกำแขนของเธอไว้อย่างแรง “อาหยันน้อยเป็นลูกชายฉัน ฉันไม่ทำร้ายเขาแน่ แต่เธอ... เธอต้องไปขอโทษจื่ออินและครอบครัวตระกูลคงกับฉัน!” เย่เหวินหมิงกล่าวขณะพูดเขาก็ลากตัวโจวเชียนหยุนตรงไปยังทางออกของสวนเล็ก ๆ แห่งนี้ เขาสั่งให้คนของเขาสองคนจัดการเรื่องวุ่นวายที่นี่อย่างไรเสียการโต้เถียงของพวกเขาก็เรียกความสนใจจากผู้คนที่อยู่รอบ ๆ พวกเขาโจวเชียนหยุนเกือบสะดุดในขณะที่เ
“เย่เหวินหมิง ทำไมคุณถึงเชื่อคงจื่ออินมากขนาดนี้? แค่เพราะเธอบริจาคไขกระดูกให้คุณแล้วช่วยชีวิตคุณไว้เหรอ?” เธอโพล่งถามขึ้นทันใดคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันในทันที “เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” มีแค่คนในตระกูลเย่กับตระกูลคงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ พวกเขาไม่เคยประกาศบอกเรื่องนี้ให้สาธารณชนรับรู้“ถ้าฉันบอกว่าเธอไม่ใช่คนที่ช่วยคุณ คุณจะเชื่อไหม?” เธอถามเขาตวาดกลับอย่างหมดความอดทน “นี่เธอพยายามใส่ความจื่ออินอีกแล้วเหรอ? โจวเชียนหยุน เธออยากเข้าคุกอีกหรือไง? ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่ขอเตือนเธอไว้เลยนะว่าอย่ามาทำให้ฉันกับจื่ออินบาดหมางใจกัน!”ทันใดนั้นเขาก็จับคางของเธอไว้พลางพูด ดวงตาและน้ำเสียงของเขาเย็นชา “ถ้าไม่ใช่จื่ออินที่ช่วยฉันไว้ งั้นเป็นเธอหรือไง? ฉันสาบานว่า ฉันจะปกป้อง รัก และจงรักภักดีตราบชั่วชีวิตของฉัน เธอฝันไปเถอะ!”โจวเชียนหยุนระเบิดหัวเราะ ซึ่งเสียงหัวเราะของเธอดังขึ้นเรื่อย ๆ“หยุดหัวเราะ!” เขาตะโกน เขาพบว่าเสียงหัวเราะของเธอทำให้เขาหงุดหงิดใจเป็นพิเศษถึงอย่างนั้นโจวยังคงหัวเราะอยู่ หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา“พอสักที หยุดหัวเราะได้แล้ว!” จู่ ๆ เขาก็เอื้อมม