นอกจากนั้น... เหวินหมิงยังไม่เคยต้องการเธอเลยตลอดหลายปีมานี้ มีแค่ครั้งเดียวเมื่อสามเดือนก่อนตอนที่เหวินหมิงเมามาก เธอเลยจงใจกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเขา แต่ทว่าทั้งหมดที่เย่เหวินหมิงพูดหลังจากเมาแล้วกลับเป็นชื่อของโจวเชียนหยุนแม้ว่าเธอจะนอนอยู่บนเตียง แต่คืนนั้นเขาก็ไม่ได้แตะต้องเธอเลยแม้ว่าตอนนี้เธอจะหลอกเหวินหมิงว่าพวกเขามีอะไรกัน แต่เธอก็ปิดบังความจริงเรื่องจำนวนสัปดาห์ที่ตั้งครรภ์ไม่ได้อยู่ดีเทียบกับลูกแล้ว ตำแหน่งคุณนายตระกูลเย่เป็นสิ่งที่เธอหวงแหนมากกว่า“งั้นก็ทำแท้งสิ แอบทำก่อนแต่งงานเข้าตระกูลเย่ แล้วเธอค่อยหาข้อแก้ตัวเพื่อพักสักสองสามวัน ทุกอย่างจะไม่เป็นไร” คุณนายคงกล่าวหลังจากครุ่นคิดไปชั่วครู่คงจื่ออินตรึกตรอง ‘ฉันจะทำแท้งเด็กคนนี้ แต่... ฉันก็คิดอะไรบางอย่างได้ ฉันอยากใช้เด็กในท้องทำให้เย่เหวินหมิงจบความรู้สึกกับโจวเชียนหยุนซะ!’“แม่คะ พ่อคะ หนูมีความคิดหนึ่ง...” ด้วยรอยยิ้มมุมปาก คงจื่ออินกระซิบกับพ่อแม่ของเธอถึงแผนที่เธอเพิ่งคิดได้... ...หลิงอี้หรานมองเพื่อนสนิทของเธอที่พยายามทานอาหารอยู่บนเตียงผู้ป่วย หลังจากไป๋ทิงซินออกไปจากห้องพักฟื้นของเหลียนอีวันนั้น
ถึงอย่างนั้นการรักใครสักคนมากและสุดท้ายต้องเลิกกันไปทั้งอย่างนั้นก็ยังทำให้เธอเจ็บปวดอยู่ดีแต่สิ่งที่สำคัญกว่าความเจ็บปวดและเศร้าใจของเธอ คือเธอยังมีเพื่อนและครอบครัวอยู่ เธอไม่อยากให้พวกเขาเป็นกังวลเรื่องเธอ เธอจึงต้องร่าเริงเพื่อให้คู่ควรกับความรักและเป็นห่วงของพวกเขา“อี้หราน... ฉันจะซ่อนไป๋ทิงซินไว้ลึกสุดหัวใจ... ฉันจะค่อย ๆ ลืมเขาและความสัมพันธ์นี้ไป ฉันจะไม่โกรธเกลียดอะไรเขา... เพราะยังไงเราก็ไม่ได้บาดหมางกันในตอนที่เลิกกัน เราแค่... ไม่ได้ให้คุณค่าในสิ่งเดียวกันแล้วก็แค่นั้น” ชินเหลียนอีกล่าวหลิงอี้หรานรู้สึกได้ว่าจมูกของเธอระคายเคือง เหลียนอีแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดมากเหลียนอีคู่ควรกับคนดี ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต!ตอนบ่ายโจวเชียนหยุนก็เข้ามาเยี่ยมชินเหลียนอี ทั้งยังต้องตะลึงเมื่อได้รู้ว่าชินเหลียนอีกับไป๋ทิงซินเลิกกันแล้ว ถึงอย่างนั้นโจวเชียนหยุนก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่เห็นโจวเชียนหยุนมีท่าทีเปิดกว้างกับการเลิกกันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เหลียนอีสามารถมีสติได้หลังจากที่เจ็บปวดกับเรื่องน่าปวดใจแบบนั้นชินเหลียนอีพูดคุยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะง่วงอีกครั้ง และหลับลึกไป โจวเชียนหย
โจวเชียนหยุนหลุบตาลงต่ำเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ชีวิตนี้ฉันก็ไม่เสียใจแล้วล่ะ ที่ได้เจอเย่เหวินหมิง บางทีนี่คงเป็นชะตากรรม... แต่ฉันก็แค่หวังว่า ชาติหน้าจะไม่ต้องเจอเย่เหวินหมิงอีกก็พอ”หลิงอี้หรานเม้มปากเข้าด้วยกัน แม้ว่าพี่โจวจะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง แต่เธอไม่มีทางยอมเธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้พี่โจวมีชีวิตรอด! ...หลิงอี้หรานมาที่อี้กรุ๊ปหลังจากออกจากโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ต้อนรับและพนักงานรักษาความปลอดภัยจำเธอได้ อย่างไรภาพของหลิงอี้หรานที่ยืนรอเพื่อเจอท่านประธานครั้งล่าสุดก็ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของพวกเขาพวกเขาคิดว่าท่านประธานจะไม่อยากเจอเธอ แต่สุดท้ายท่านประธานก็ให้เลขาเกามาพาตัวเธอขึ้นไปที่ห้องทำงานของเขาดังนั้น คราวนี้พวกเขาเลยไม่แน่ใจว่าควรให้เธอเข้าไปไหมในตอนที่หลิงอี้หรานอยากจะโทรหาอี้จิ่นหลีเพื่ออธิบายสถานการณ์ เธอก็เห็นเกาฉงหมิงที่เดินผ่านไปไม่ไกล เธอรีบตะโกนเรียกเขาทันที “เลขาเกา!”หลังจากเห็นหลิงอี้หราน เกาฉงหมิงก็รีบเดินเข้ามาหาทันทีพลางพูดว่า “นายหญิง ทำไมมาอยู่ที่นี่ครับ?”คำที่เขาใช้เรียกเธอดูเหมือนจะทำให้พนักงานต้อนรับและคนอื่น ๆ ที่เดิ
แต่ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่นี่ราวกับเป็นคนละคนจากก่อนหน้านี้หลิงอี้หรานเดินไปที่โต๊ะทำงานของอี้จิ่นหลี และเห็นเอกสารหลากหลายอยู่บนนั้น เธอจินตนาการได้เลยว่าเขายุ่งขนาดไหนในตอนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวนี้ทันใดนั้นสายตาของเธอก็มองไปเห็นเอกสารหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ และหน้าปกมีคำว่า ‘ห่าวชุ่ย การ์เดน’ อยู่ เธอจำได้ว่า ห่าวชุ่ยการ์เดนเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของตระกูลห่าว นี่เป็นโครงการสำคัญที่ตระกูลห่าวส่งไปตีตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ พูดได้ว่าพวกเขาลงทุนพันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อที่ตรงนี้มา สองปีที่ผ่านมาตระกูลห่าวให้การประชาสัมพันธ์ที่แห่งนี้อย่างใหญ่โต ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าโครงการนี้สำคัญกับตระกูลห่าวมากแค่ไหนแต่ว่า... ทำไมถึงมีเอกสารนี่บนโต๊ะของจินล่ะ?ขณะที่หลิงอี้หรานกำลังสงสัย ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก ด้วยความตกใจเธอจึงบังเอิญปัดซองจดหมายจากบนโต๊ะหล่นลงพื้นของที่อยู่ในซองร่วงกระจายลงบนพื้นหลิงอี้หรานอึ้งไปเมื่อเธอเห็นว่าอะไรออกมาจากซอง มันเป็น... รูปหลายใบ และคนในรูปก็เป็นห่าวเหมยยวี่!อดีตคู่หมั้นของจิน ทายาทของตระกูลห่าวคนนั้น!ทำไมรูปพวกนี้ถึงมาอยู่บนโต๊ะของเขา?ห่าวเหมยยวี่ ผู้ห
“เซียวจื่อฉี...” ปากของอี้จิ่นหลีขยับพูด “เขาหักหลังเธอ แต่... ถ้าเขาไม่ได้หักหลังเธอ ตอนนี้เธอจะแต่งงานกับเขาเหรอ?”“ไม่ค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว“แน่ใจเหรอ?”“ฉันยังเด็ก ฉันไม่รู้ว่า ‘ฐานะเท่ากัน’ มีความหมายมากขนาดไหน ตอนนี้ฉันคิดเรื่องนั้น ถึงฉันจะเป็นแฟนของเซียวจื่อฉี แต่พ่อแม่ของเขาไม่มีวันยอมให้เขาแต่งงานกับฉันแล้วให้ฉันเป็นคนในตระกูลเซียวแน่”หลิงอี้หรานหวนนึกถึงความหลังแล้วถอนหายใจให้กับตัวเธอที่ไร้เดียงสา“ยิ่งไปกว่านั้น เซียวจื่อฉีเองก็ไม่ได้รักอะไรฉันมากหรอกค่ะ เขาอาจมีความชอบพอฉันบ้างเล็กน้อย แต่เขาก็แค่เห็นว่าฉันยังสดซิงน่าสนใจก็เท่านั้น เขาจะไม่มีทางทะเลาะกับพ่อแม่ หรือยอมละทิ้งทุกอย่างที่มีในตระกูลเซียวมาเพื่อแต่งงานกับฉัน เพราะแบบนั้นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถอยห่างไปอย่างรวดเร็วในตอนที่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้น”“งั้นเธอก็จะแต่งงานกับเขา ถ้าเขาต่อต้านความต้องการของพ่อแม่ และยอมทิ้งทุกอย่างในตระกูลเซียวมาหาเธอล่ะสิ?” ตอนนี้อี้จิ่นหลีกลายเป็นคนหึงแทน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความวุ่นวายใจหลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คุณคิดว่าทุกคนจะเหมือนคุณหรือไง? เรื่องแบบนั้นไ
“ฉันจะพยายามปกป้องคุณด้วยเหมือนกัน” หลิงอี้หรานกล่าว จากนั้นราวกับว่ามีบางอย่างปรากฏขึ้นกับเธอ “เพราะคุณจะทำอะไรบางอย่างกับห่าวชุ่ยการ์เดน ตระกูลห่าวเลยส่งรูปของห่าวเหมยยวี่มาเพื่อให้คุณนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ หรือเปล่าคะ?”ดวงตาของอี้จิ่นหลีเป็นประกายเล็กน้อย ‘ให้ฉันนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ... ตระกูลห่าวส่งรูปนี้มาไม่ใช่เพื่อให้ฉันนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ หรอก แต่ส่งมาเพื่อย้ำฉันว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นต่างหาก!’ ...ในเลานจ์วีไอพีของสนามบิน ไป๋ทิงซินมองตั๋วเครื่องบินในมือเงียบ ๆ ‘ฉันกำลังจะไปจากเมืองเฉิน’เขาตัดสินใจแล้ว แต่ภาพของเหลียนอีที่มีผ้าพันแผลรอบหัว และสีหน้าซีดเซียวของเธอตอนที่พูดกับเขาอย่างใจเย็น ‘หวังว่าคุณจะได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ’ ก็ยังคงปรากฏในหัวเขาอยู่เรื่อย ๆ‘ได้สิ่งที่ต้องการ... ฉันได้สิ่งที่ฉันต้องการจริงเหรอ?’‘อืม เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอจะหายดี ออกจากโรงพยาบาล และมีชีวิตใหม่ที่สวยงาม แบบนั้นฉันก็คงได้สิ่งที่ฉํนต้องการ’“เป็นอะไรไปคะ? ยังคิดถึงแฟนเก่าของคุณอยู่เหรอ?” เกาม่านหลินเขามาใกล้ไป๋ทิงซิน และใช้มือจับแขนเขาไว้ ร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอแนบไปกับเขา “อย่าลืมสิ่ง
เธอมีเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว และไม่อยากเวลาอันจำกัดนี้ใช้ไปกับการหาหมอ เธอแค่อยากใช้เวลาอยู่กับแม่และลูกชายของเธอให้มากขึ้นเท่านั้น“ฉันรู้ค่ะ ฉันเตรียมใจไว้แล้ว ช่วยเพิ่มยาแก้ปวดให้ได้ไหมคะ ช่วงนี้อาการปวดมันรุนแรงขึ้นนิดหน่อย” โจวเชียนหยุนกล่าวหมอที่ให้การรักษาถอนหายใจ และเข้าใจในทางเลือกที่โจวเชียนหยุนตัดสินใจ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจกลับเป็นสีหน้าสงบนิ่งของเธอเขาเคยเจอผู้ป่วยที่พยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่แม้จะรู้ว่าเป็นวันสุดท้ายของชีวิตแล้วก็ตามแม้บางคนจะไม่มีเงินสำหรับการรักษา แต่พวกเขาก็พยายามถามหาวิธีการยื้อเวลาให้ได้มากที่สุดอยู่ดี พวกเขากระวนกระวายใจมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับโรคพวกนี้มีแค่ส่วนน้อยที่จะสงบใจได้อย่างโจวเชียนหยุนถึงอย่างนั้นคนแบบนี้มักจะมีเรื่องราวน่าเศร้าอยู่เบื้องหลังเสมอ“ได้ครับ ผมจะให้ยาคุณเพิ่ม แต่คุณจะกินยานี่เยอะเกินไปไม่ได้นะ ยิ่งกินมาก ก็ยิ่งมีโอกาสดื้อยามากขึ้น พอหลังจากนั้นกินยาไปเท่าไหร่ก็ใช้หยุดอาการปวดนี้ไม่ได้อีกแล้ว อีกทั้งจะเพิ่มความเร็วให้เซลล์มะเร็งแย่ลงไปด้วย” หมอกล่าว“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” โจวเชียนหยุนตอบหลังจากรับยา โจวเ
ทันทีที่โจวเชียนหยุนวางสาย เธอก็รีบออกจากโรงพยาบาลและนั่งรถแท็กซี่ไปยังร้านอาหารที่ว่าเมื่อมาถึงร้านอาหาร โจวเชียนหยุนก็ไปยังห้องส่วนตัวที่คงจื่ออินพูดถึง ในทันทีที่เธอผลักประตูเข้าไป เธอก็เห็นนายท่านและคุณนายคง คงจื่ออิน และอาหยันน้อยอยู่ในห้องนั้นมีหลายคนที่ดูเหมือนลูกสมุนของตระกูลคงยืนอยู่รอบ ๆ ด้วยท่าทางที่แค่มองก็รู้สึกว่าถูกคุกคามอาหยันน้อยนั่งอยู่ที่โต๊ะ มีอาหารอร่อย ๆ และของเล่นมากมายอยู่บนนั้น แต่เจ้าตัวเล็กไม่ได้แตะต้องพวกมัน และนั่งเงียบ ๆ เท่านั้นในทันทีที่เห็นโจวเชียนหยุนรอยยิ้มก็ปรากฏออกมาบนใบหน้าไม่มีความสุขของเขา เขารีบกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปหาโจวเชียนหยุน “แม่ฮะ!”โจวเชียนหยุนกอดลูกชายไว้และตรวจดูว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนก่อนจะรู้สึกโล่งอก “โอเค แม่มาแล้ว! เรากลับบ้านกันเถอะ”“แต่พวกเขาบอกว่าที่พาผมมาที่นี่ก็เพื่อรอพ่อครับ!” อาหยันน้อยพึมพำเขาตามคนพวกนี้มาเพราะต้องการเจอพ่อของเขาครั้งก่อนที่ไปสวนสนุกด้วยกัน เขาดันหลับไประหว่างทางกลับบ้านเลยไม่ได้บอกลาพ่อเลย และนั่นทำให้เขาเสียดายมาจนถึงตอนนี้โจวเชียนหยุนกัดริมฝีปากเล็กน้อย “ทำไมเราไม่ไปหาพ่อกันท
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค