ถึงอย่างนั้นการรักใครสักคนมากและสุดท้ายต้องเลิกกันไปทั้งอย่างนั้นก็ยังทำให้เธอเจ็บปวดอยู่ดีแต่สิ่งที่สำคัญกว่าความเจ็บปวดและเศร้าใจของเธอ คือเธอยังมีเพื่อนและครอบครัวอยู่ เธอไม่อยากให้พวกเขาเป็นกังวลเรื่องเธอ เธอจึงต้องร่าเริงเพื่อให้คู่ควรกับความรักและเป็นห่วงของพวกเขา“อี้หราน... ฉันจะซ่อนไป๋ทิงซินไว้ลึกสุดหัวใจ... ฉันจะค่อย ๆ ลืมเขาและความสัมพันธ์นี้ไป ฉันจะไม่โกรธเกลียดอะไรเขา... เพราะยังไงเราก็ไม่ได้บาดหมางกันในตอนที่เลิกกัน เราแค่... ไม่ได้ให้คุณค่าในสิ่งเดียวกันแล้วก็แค่นั้น” ชินเหลียนอีกล่าวหลิงอี้หรานรู้สึกได้ว่าจมูกของเธอระคายเคือง เหลียนอีแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดมากเหลียนอีคู่ควรกับคนดี ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต!ตอนบ่ายโจวเชียนหยุนก็เข้ามาเยี่ยมชินเหลียนอี ทั้งยังต้องตะลึงเมื่อได้รู้ว่าชินเหลียนอีกับไป๋ทิงซินเลิกกันแล้ว ถึงอย่างนั้นโจวเชียนหยุนก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่เห็นโจวเชียนหยุนมีท่าทีเปิดกว้างกับการเลิกกันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เหลียนอีสามารถมีสติได้หลังจากที่เจ็บปวดกับเรื่องน่าปวดใจแบบนั้นชินเหลียนอีพูดคุยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะง่วงอีกครั้ง และหลับลึกไป โจวเชียนหย
โจวเชียนหยุนหลุบตาลงต่ำเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ชีวิตนี้ฉันก็ไม่เสียใจแล้วล่ะ ที่ได้เจอเย่เหวินหมิง บางทีนี่คงเป็นชะตากรรม... แต่ฉันก็แค่หวังว่า ชาติหน้าจะไม่ต้องเจอเย่เหวินหมิงอีกก็พอ”หลิงอี้หรานเม้มปากเข้าด้วยกัน แม้ว่าพี่โจวจะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง แต่เธอไม่มีทางยอมเธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้พี่โจวมีชีวิตรอด! ...หลิงอี้หรานมาที่อี้กรุ๊ปหลังจากออกจากโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ต้อนรับและพนักงานรักษาความปลอดภัยจำเธอได้ อย่างไรภาพของหลิงอี้หรานที่ยืนรอเพื่อเจอท่านประธานครั้งล่าสุดก็ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของพวกเขาพวกเขาคิดว่าท่านประธานจะไม่อยากเจอเธอ แต่สุดท้ายท่านประธานก็ให้เลขาเกามาพาตัวเธอขึ้นไปที่ห้องทำงานของเขาดังนั้น คราวนี้พวกเขาเลยไม่แน่ใจว่าควรให้เธอเข้าไปไหมในตอนที่หลิงอี้หรานอยากจะโทรหาอี้จิ่นหลีเพื่ออธิบายสถานการณ์ เธอก็เห็นเกาฉงหมิงที่เดินผ่านไปไม่ไกล เธอรีบตะโกนเรียกเขาทันที “เลขาเกา!”หลังจากเห็นหลิงอี้หราน เกาฉงหมิงก็รีบเดินเข้ามาหาทันทีพลางพูดว่า “นายหญิง ทำไมมาอยู่ที่นี่ครับ?”คำที่เขาใช้เรียกเธอดูเหมือนจะทำให้พนักงานต้อนรับและคนอื่น ๆ ที่เดิ
แต่ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่นี่ราวกับเป็นคนละคนจากก่อนหน้านี้หลิงอี้หรานเดินไปที่โต๊ะทำงานของอี้จิ่นหลี และเห็นเอกสารหลากหลายอยู่บนนั้น เธอจินตนาการได้เลยว่าเขายุ่งขนาดไหนในตอนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวนี้ทันใดนั้นสายตาของเธอก็มองไปเห็นเอกสารหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ และหน้าปกมีคำว่า ‘ห่าวชุ่ย การ์เดน’ อยู่ เธอจำได้ว่า ห่าวชุ่ยการ์เดนเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของตระกูลห่าว นี่เป็นโครงการสำคัญที่ตระกูลห่าวส่งไปตีตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ พูดได้ว่าพวกเขาลงทุนพันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อที่ตรงนี้มา สองปีที่ผ่านมาตระกูลห่าวให้การประชาสัมพันธ์ที่แห่งนี้อย่างใหญ่โต ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าโครงการนี้สำคัญกับตระกูลห่าวมากแค่ไหนแต่ว่า... ทำไมถึงมีเอกสารนี่บนโต๊ะของจินล่ะ?ขณะที่หลิงอี้หรานกำลังสงสัย ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก ด้วยความตกใจเธอจึงบังเอิญปัดซองจดหมายจากบนโต๊ะหล่นลงพื้นของที่อยู่ในซองร่วงกระจายลงบนพื้นหลิงอี้หรานอึ้งไปเมื่อเธอเห็นว่าอะไรออกมาจากซอง มันเป็น... รูปหลายใบ และคนในรูปก็เป็นห่าวเหมยยวี่!อดีตคู่หมั้นของจิน ทายาทของตระกูลห่าวคนนั้น!ทำไมรูปพวกนี้ถึงมาอยู่บนโต๊ะของเขา?ห่าวเหมยยวี่ ผู้ห
“เซียวจื่อฉี...” ปากของอี้จิ่นหลีขยับพูด “เขาหักหลังเธอ แต่... ถ้าเขาไม่ได้หักหลังเธอ ตอนนี้เธอจะแต่งงานกับเขาเหรอ?”“ไม่ค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว“แน่ใจเหรอ?”“ฉันยังเด็ก ฉันไม่รู้ว่า ‘ฐานะเท่ากัน’ มีความหมายมากขนาดไหน ตอนนี้ฉันคิดเรื่องนั้น ถึงฉันจะเป็นแฟนของเซียวจื่อฉี แต่พ่อแม่ของเขาไม่มีวันยอมให้เขาแต่งงานกับฉันแล้วให้ฉันเป็นคนในตระกูลเซียวแน่”หลิงอี้หรานหวนนึกถึงความหลังแล้วถอนหายใจให้กับตัวเธอที่ไร้เดียงสา“ยิ่งไปกว่านั้น เซียวจื่อฉีเองก็ไม่ได้รักอะไรฉันมากหรอกค่ะ เขาอาจมีความชอบพอฉันบ้างเล็กน้อย แต่เขาก็แค่เห็นว่าฉันยังสดซิงน่าสนใจก็เท่านั้น เขาจะไม่มีทางทะเลาะกับพ่อแม่ หรือยอมละทิ้งทุกอย่างที่มีในตระกูลเซียวมาเพื่อแต่งงานกับฉัน เพราะแบบนั้นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถอยห่างไปอย่างรวดเร็วในตอนที่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้น”“งั้นเธอก็จะแต่งงานกับเขา ถ้าเขาต่อต้านความต้องการของพ่อแม่ และยอมทิ้งทุกอย่างในตระกูลเซียวมาหาเธอล่ะสิ?” ตอนนี้อี้จิ่นหลีกลายเป็นคนหึงแทน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความวุ่นวายใจหลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คุณคิดว่าทุกคนจะเหมือนคุณหรือไง? เรื่องแบบนั้นไ
“ฉันจะพยายามปกป้องคุณด้วยเหมือนกัน” หลิงอี้หรานกล่าว จากนั้นราวกับว่ามีบางอย่างปรากฏขึ้นกับเธอ “เพราะคุณจะทำอะไรบางอย่างกับห่าวชุ่ยการ์เดน ตระกูลห่าวเลยส่งรูปของห่าวเหมยยวี่มาเพื่อให้คุณนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ หรือเปล่าคะ?”ดวงตาของอี้จิ่นหลีเป็นประกายเล็กน้อย ‘ให้ฉันนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ... ตระกูลห่าวส่งรูปนี้มาไม่ใช่เพื่อให้ฉันนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ หรอก แต่ส่งมาเพื่อย้ำฉันว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นต่างหาก!’ ...ในเลานจ์วีไอพีของสนามบิน ไป๋ทิงซินมองตั๋วเครื่องบินในมือเงียบ ๆ ‘ฉันกำลังจะไปจากเมืองเฉิน’เขาตัดสินใจแล้ว แต่ภาพของเหลียนอีที่มีผ้าพันแผลรอบหัว และสีหน้าซีดเซียวของเธอตอนที่พูดกับเขาอย่างใจเย็น ‘หวังว่าคุณจะได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ’ ก็ยังคงปรากฏในหัวเขาอยู่เรื่อย ๆ‘ได้สิ่งที่ต้องการ... ฉันได้สิ่งที่ฉันต้องการจริงเหรอ?’‘อืม เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอจะหายดี ออกจากโรงพยาบาล และมีชีวิตใหม่ที่สวยงาม แบบนั้นฉันก็คงได้สิ่งที่ฉํนต้องการ’“เป็นอะไรไปคะ? ยังคิดถึงแฟนเก่าของคุณอยู่เหรอ?” เกาม่านหลินเขามาใกล้ไป๋ทิงซิน และใช้มือจับแขนเขาไว้ ร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอแนบไปกับเขา “อย่าลืมสิ่ง
เธอมีเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว และไม่อยากเวลาอันจำกัดนี้ใช้ไปกับการหาหมอ เธอแค่อยากใช้เวลาอยู่กับแม่และลูกชายของเธอให้มากขึ้นเท่านั้น“ฉันรู้ค่ะ ฉันเตรียมใจไว้แล้ว ช่วยเพิ่มยาแก้ปวดให้ได้ไหมคะ ช่วงนี้อาการปวดมันรุนแรงขึ้นนิดหน่อย” โจวเชียนหยุนกล่าวหมอที่ให้การรักษาถอนหายใจ และเข้าใจในทางเลือกที่โจวเชียนหยุนตัดสินใจ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจกลับเป็นสีหน้าสงบนิ่งของเธอเขาเคยเจอผู้ป่วยที่พยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่แม้จะรู้ว่าเป็นวันสุดท้ายของชีวิตแล้วก็ตามแม้บางคนจะไม่มีเงินสำหรับการรักษา แต่พวกเขาก็พยายามถามหาวิธีการยื้อเวลาให้ได้มากที่สุดอยู่ดี พวกเขากระวนกระวายใจมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับโรคพวกนี้มีแค่ส่วนน้อยที่จะสงบใจได้อย่างโจวเชียนหยุนถึงอย่างนั้นคนแบบนี้มักจะมีเรื่องราวน่าเศร้าอยู่เบื้องหลังเสมอ“ได้ครับ ผมจะให้ยาคุณเพิ่ม แต่คุณจะกินยานี่เยอะเกินไปไม่ได้นะ ยิ่งกินมาก ก็ยิ่งมีโอกาสดื้อยามากขึ้น พอหลังจากนั้นกินยาไปเท่าไหร่ก็ใช้หยุดอาการปวดนี้ไม่ได้อีกแล้ว อีกทั้งจะเพิ่มความเร็วให้เซลล์มะเร็งแย่ลงไปด้วย” หมอกล่าว“เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” โจวเชียนหยุนตอบหลังจากรับยา โจวเ
ทันทีที่โจวเชียนหยุนวางสาย เธอก็รีบออกจากโรงพยาบาลและนั่งรถแท็กซี่ไปยังร้านอาหารที่ว่าเมื่อมาถึงร้านอาหาร โจวเชียนหยุนก็ไปยังห้องส่วนตัวที่คงจื่ออินพูดถึง ในทันทีที่เธอผลักประตูเข้าไป เธอก็เห็นนายท่านและคุณนายคง คงจื่ออิน และอาหยันน้อยอยู่ในห้องนั้นมีหลายคนที่ดูเหมือนลูกสมุนของตระกูลคงยืนอยู่รอบ ๆ ด้วยท่าทางที่แค่มองก็รู้สึกว่าถูกคุกคามอาหยันน้อยนั่งอยู่ที่โต๊ะ มีอาหารอร่อย ๆ และของเล่นมากมายอยู่บนนั้น แต่เจ้าตัวเล็กไม่ได้แตะต้องพวกมัน และนั่งเงียบ ๆ เท่านั้นในทันทีที่เห็นโจวเชียนหยุนรอยยิ้มก็ปรากฏออกมาบนใบหน้าไม่มีความสุขของเขา เขารีบกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปหาโจวเชียนหยุน “แม่ฮะ!”โจวเชียนหยุนกอดลูกชายไว้และตรวจดูว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนก่อนจะรู้สึกโล่งอก “โอเค แม่มาแล้ว! เรากลับบ้านกันเถอะ”“แต่พวกเขาบอกว่าที่พาผมมาที่นี่ก็เพื่อรอพ่อครับ!” อาหยันน้อยพึมพำเขาตามคนพวกนี้มาเพราะต้องการเจอพ่อของเขาครั้งก่อนที่ไปสวนสนุกด้วยกัน เขาดันหลับไประหว่างทางกลับบ้านเลยไม่ได้บอกลาพ่อเลย และนั่นทำให้เขาเสียดายมาจนถึงตอนนี้โจวเชียนหยุนกัดริมฝีปากเล็กน้อย “ทำไมเราไม่ไปหาพ่อกันท
“โจวเชียนหยุน เธอคิดผิดแล้วล่ะที่พูดแบบนั้น” คงจื่ออินจิบชาขณะนั่งอยู่ตรงโต๊ะ “เธอไม่รู้สึกละอายใจที่โกหกต่อหน้าเด็กเลยเหรอ? เธออิจฉาที่ฉันคบกับเย่เหวินหมิง เธอเลยจงใจผลักฉันลงบันได เธออยากให้ฉันกับลูกในท้องตาย แต่ฉันแข็งแกร่งจนรอดมาได้ ส่วนลูกในท้อง น่าสงสารที่แก...”คงจื่ออินจงใจมองชำเลืองมองอาหยันน้อยพลางพูด “ลูกฉันก็น่าจะอายุเท่า ๆ กับลูกเธอ ถ้าเขายังอยู่”“คงจื่ออิน หุบปาก!” โจวเชียนหยุนพูด เธอรู้ว่าคงจื่ออินจงใจพูดแบบนั้นต่อหน้าอาหยันน้อย เด็กไม่ควรเข้ามายุ่งกับเรื่องบาดหมางของพวกผู้ใหญ่!“เธอรู้สึกผิดเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ?” คงจื่ออินหัวเราะเบา ๆ ขณะลุกขึ้นและเดินมาหาอาหยันน้อยช้า ๆ“รู้อะไรไหม? ฉันคบกับพ่อหนู แต่แม่หนูอิจฉาที่เขาชอบฉัน เพราะแบบนั้นแม่เธอหนูทำร้ายฉันกับลูกในท้อง คิดดูสิ แม่หนูฆ่าเด็กคนหนึ่งที่น่าจะอายุเท่ากับหนูในตอนนี้ไปนะ!”คงจื่ออินพูดคำพูดร้ายกาจพวกนั้นด้วยรอยยิ้ม!ในฐานะที่โตกว่าวัยอาหยันน้อยย่อมเข้าใจในสิ่งที่คงจื่ออินพูด แต่เขาไม่มีทางเชื่อคำพูดของเธอ“ไม่ แม่ผมไม่ได้ทำ! แม่บอกว่าไม่เคยทำร้ายใคร!” เจ้าตัวน้อยตะโกนออกมาเสียงดัง“แม่ห