โจวเชียนหยุนเดินทางไปยังโรงแรมที่เย่เหวินหมิงเข้าพัก และถามกับพนักงานต้อนรับว่า “ขอถามหน่อยค่ะ ตอนนี้คุณเย่เหวินหมิงอยู่ไหมคะ?”“คุณเย่ออกไปข้างนอก และยังไม่กลับมาค่ะ ถ้าอยากมาหาคุณเย่ คุณสามารถโทรหาเขา หรือรอที่ล็อบบี้โรงแรมก็ได้ค่ะ” พนักงานต้อนรับกล่าวอย่างสุภาพโจวเชียนหยุนเม้มปากเข้าด้วยกัน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งรอสำหรับเรื่องการติดต่อเย่เหวินหมิง... เธอขาดการติดต่อกับเย่เหวินหมิงไปตั้งนานแล้ว คนเดียวที่เธอสามารถติดต่อได้คือทนายของเย่เหวินหมิงที่ทำหน้าที่ในคดีการฟ้องร้องสิทธิ์เลี้ยงดูลูกเท่านั้นโจวเชียนหยุนนั่งอยู่ในล็อบี้และรอโดยไม่พูดอะไรเวลาผ่านไปเงียบ ๆ จนกระทั่งภายนอกมืดลง ในที่สุดเธอก็เห็นเย่เหวินหมิงและคงจื่ออินเดินเข้าโรงแรมมาเย่เหวินหมิงเห็นโจวเชียนหยุนในทันทีเขาเดินเข้ามาในโรงแรมมีผู้คนหลากหลายอยู่ในล็อบบี้ แต่ดูเหมือนดวงตาของเขาจะสามารถมองเห็นเธอได้อย่างง่ายดาย“เธอมาทำอะไรที่นี่?” เย่เหวินหมิงถามขณะมองโจวเชียนหยุนที่เดินเข้ามาหาเขา“มีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ” โจวเชียนหยุดกล่าวขณะเม้มปากที่ค่อนข้างแห้งแตกของเธอเข้าด้วยกัน“คุยเรื่องอะไร?” เ
ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดลง“เหวินหมิง!” คงจื่ออินตะโกน เธอยื่นมือออกมาดูเหมือนว่า เขาพยายามจะกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์เพื่อหยุดการปิดประตูอย่างรวดเร็วนี้ลงเย่เหวินหมิงมองร่างที่สั่นเทาของโจวเชียนหยุนและอยู่ ๆ ก็พูดกับคงจื่ออินว่า “ขึ้นไปรอก่อนนะ เดี๋ยวผมตามไป”“อะไรนะ?” คงจื่ออินแปลกใจ และยกนิ้วค้างไว้ในอากาศ เธอไม่สามารถบังคับตัวเองให้กดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ได้ และทำได้เพียงมองประตูลิฟต์ที่ปิดลง และตัดภาพตรงหน้าของเธอไปหัวใจของคงจื่ออินพลุ่งพล่านไปด้วยความร้อนใจ ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือ เย่เหวินหมิงมองไปยังโจวเชียนหยุน และพบความลังเลที่พยายามดิ้นรนอยู่ภายในดวงตาของเขา‘ทำไมถึงพยายามดิ้นรนด้วย? เขาลังเลเรื่องอะไร?‘นี่มันผ่านมากว่าสี่ปีแล้ว แต่โจวเชียนหยุนก็ยังมีความสำคัญในหัวใจเขาอยู่งั้นเหรอ?’คงจื่ออินกัดฟันอย่างเกลียดชัง “ทำไมยัยผู้หญิงคนนี้ถึงไม่ตายให้มันเร็วกว่านี้นะ? ถ้ามันตายไปฉันก็จะได้สบายใจสักที!”แม้แต่เย่เหวินหมิงที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์เองก็แปลกใจ เมื่อเห็นร่างที่สั่นเทาของเธอและเธอก็รั้งเขาไว้เสียงดังจนทำให้เขาต้องอยู่ที่เดิม“เธออยากพูดอะไร? รีบพูดมาสิ!” เขาสะบัดมือออกจากนิ้วข
ใบหน้าของโจวเชียนหยุนแสดงออกถึงความประหลาดใจ ‘เขา... ต้องการให้ฉันขอโทษคงจื่ออินเหรอ? ยังมีอะไรที่ตลกไปกว่าการขอให้คนที่โดนใส่ร้ายไปขอโทษคนที่ใส่ร้ายอีกไหม?’เธอไม่ใช่คนที่ติดค้างคำขอโทษสี่ปีนั้น เป็นเย่เหวินหมิงและคงจื่ออินต่างหาก “เย่เหวินหมิง การใช้เวลาวันหนึ่งกับลูกชายของคุณแลกเปลี่ยนกับเรื่องแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?” เธอพึมพำ ความประหลาดใจจางหายไปจากใบหน้าของเธอจู่ ๆ ตอนนี้เขาก็รู้สึกอับอายขึ้นมา!“เป็นเรื่องของฉันที่จะตั้งเงื่อนไขอะไรขึ้นมาก็ได้!” เย่เหวินหมิงกล่าวอย่างเย็นชาเธอสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดอย่างสงบว่า “ได้ ฉันจะทำ” ...คงจื่ออินกำลังรอให้เย่เหวินหมิงกลับมาอยู่ในห้องเพรซิเดนเชียลสวีทอย่างกระวนกระวายแต่เธอคาดไม่ถึงงว่าจะได้เห็นเย่เหวินหมิงและโจวเชียนหยุนขึ้นมาด้วยกัน“เหวินหมิง ทำไมคุณถึงพาเธอเข้า...” คงจื่ออินถามอย่างสับสน เย่เหวินหมิงไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่โจวเชียนหยุนเดินเข้าไปหาคงจื่ออิน เธอโค้งตัวและพูดขณะก้มหน้าว่า “คุณคง สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตล้วนเป็นความผิดของฉัน ฉันไม่ควรผลักคุณตกบันไดจนเสียลูกไป ฉันสมควรแล้วที่เข้าคุก ยกโทษให้ฉันด้วยค่ะ คุณคง”ดวงตาขอ
แม้ว่าศาลจะตัดสินจำคุกเธอสามปีครึ่ง แต่เธอก็ยังคงยืนกรานว่าตัวเองบริสุทธิ์ ในความคิดของเธอ อย่างน้อยเธอก็ยังคงมีศักดิ์ศรีแต่สิ่งที่เธอพอจะมีเหลืออยู่ในวันนี้กลับถูกเย่เหวินหมิงเหยียบย่ำจนเป็นเศษผง‘แต่ฉันก็คิดว่าไม่เป็นไร แบบนั้นแล้วก็จะไม่มีอะไรเหลือระหว่างเย่เหวินหมิงกับฉันอีก!’คงจื่ออินซึ่งรออยู่ในห้องสวีทดูเหมือนจะได้สติขึ้นมา เธอรีบเข้าไปหาเย่เหวินหมิงและกล่าวว่า “เหวินหมิง ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ ไม่ว่าเธอจะขอโทษหรือไม่ ฉันแค่อยากให้คุณโอเค!”เย่เหวินหมิงถูหว่างคิ้วตนเอง “คุณควรได้รับการขอโทษ!”“แต่การขอโทษจะไปมีประโยชน์อะไรคะ ถ้าไม่ใช่ความตั้งใจของเธอ?” คงจื่ออินเอนตัวแอบอิงแขนของเย่เหวินหมิงขณะพูด “เหวินหมิงคะ บางทีที่โจวเชียนหยุนเข้าหาคุณอีกครั้งอาจเพราะเรากำลังจะแต่งงานกัน บางทีเธอจงใจทำแบบนี้เพื่อให้คุณสนใจเธอ เพราะว่าเธอไม่ยอม ฉันไม่อยากให้คุณเกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงคนนี้จริง ๆ”“ทำไมผมต้องสนใจเธอด้วย? ไม่ต้องห่วง งานแต่งของเราจะจัดตามกำหนดการแน่ มีแค่คุณเท่านั้นที่จะได้เป็นนายหญิงตระกูลเย่! ไม่มีทางเป็นคนอื่น” เย่เหวินหมิงกล่าวคงจื่ออินยิ้มอย่างพอใจ และเงยหน้าเพื่อจูบป
“วันหยุดสุดสัปดาห์หน้าเหรอ?” โจวเชียนหยุนลังเล“ทำไมเหรอคะ? พี่ยุ่งเหรอ?” หลิงอี้หรานถาม“เย่เหวินหมิงอาจจะพาอาหยันน้อยไปสวนสนุกในสุดสัปดาห์หน้าน่ะสิ” โจวเชียนหยุนกล่าว อย่างน้อยเย่เหวินหมิงก็สัญญากับเธอไว้แล้วใบหน้าของเจ้าตัวเล็กสดใสขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “แม่ฮะ คุณพ่อจะไปสวนสนุกกับเราจริงเหรอฮะ?”“จริงสิจ๊ะ” โจวเชียนหยุนลูบหัวเล็ก ๆ ของลูกชายเธออย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นสีหน้ามีความสุขของเด็กน้อย เธอก็รู้สึกราวกับว่า มันคุ้มค่าแล้วที่ศักดิ์ศรีของเธอโดนเย่เหวินหมิงเหยียบย่ำไปก่อนหน้านี้ถึงอย่างนั้นหลิงอี้หรานก็สังเกตเห็นคำว่า ‘เรา’ จึงกระซิบถามโจวเชียนหยุนในตอนที่เธอกำลังเดินกลับออกไป “พี่จะไปสวนสนุกกับอาหยันน้อยและเย่เหวินหมิงด้วยเหรอคะ?”“ใช่แล้วล่ะ” เธอพยักหน้า “อาหยันน้อยเคยพูดที่โรงเรียนว่า ความฝันของเขาคือการไปเที่ยวสวนสนุกกับแม่และพ่อ ฉันอยากช่วยให้เขาได้ทำตามฝันน่ะ”“แต่ร่างกายของพี่…”“ก็แค่สวนสนุกเอง ฉันแค่ไปเป็นเพื่อน อาหยันน้อยก็ไปเล่น เพราะอย่างนั้นไม่เป็นไรหรอก” เธอกล่าว หลิงอี้หรานที่อีกไม่นานก็จะเป็นแม่คนจึงค่อนข้างเข้าใจความคิดของโจวเชียนหยุนในตอนนี้
แม้ว่าเธอจะเห็นใบหน้าของเขาอยู่ทุกวัน แต่เธอก็ยังคงทึ่งกับรูปลักษณ์ของเขาอยู่ดีแต่น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันนี้เมื่อเห็นเซเลปหน้าตาดี แม้ว่าแฟนคลับจะบอกว่าใบหน้าของพวกเขาราวกับงานชิ้นเอกที่พระเจ้าปั้น แต่เธอก็แค่ชื่นชมหน้าตาพวกเขาเท่านั้น เธอแปลกใจไปครู่หนึ่ง แต่นั่นก็คือทั้งหมดหลังจากที่มองพวกเขาไปนาน ๆแต่กับจินแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่เคยพอกับการมองหน้าเขาเลย“อรุณสวัสดิ์ สุขสันต์วันเกิดนะคะ!” เธอกล่าวเขายิ้ม “อรุณสวัสดิ์”“วันนี้คุณไม่ต้องเข้าออฟฟิศใช่ไหมคะ?” เธอถามขณะที่มองดูเขาหยิบเสื้อออกมาจากตู้และสวมมันทุกครั้งที่ดูเขาสวมเสื้อผ้า เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังดูหนังเรื่องหนึ่งอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยาที่มองเห็นกันหมดทุกอย่าง แต่เธอก็อดหน้าแดงไม่ได้เมื่อเห็น ‘ภาพ’ แบบนั้น ถึงอย่างนั้นเธอก็หยุดมองไม่ได้เลย เขารู้สึกสนุกกับการที่เธอมองเขาแบบนี้“จิน คุณว่าลูกจะหน้าเหมือนคุณไหมคะ?” เธออดไม่ได้ที่จะถามขึ้น เขาสวมเสื้อเชิ้ตและกลัดกระดุมพลางพูดว่า “ทำไม? อยากให้หน้าเหมือนฉันเหรอ?”“ค่ะ” เธอพยักหน้า “จะดีมากเลยถ้าพวกเขาหน้าตาเหมือนคุณ ฉันสงสัยนะคะว่า ลูกชายขอ
นี่เป็นงานฉลองวันเกิดที่มีแค่พวกเขาสองคน หลิงอี้หรานเลือกชุดเดรสที่สีเดียวกันกับชุดที่อี้จิ่นหลีใส่ในวันนี้ จากนั้นพวกเขาก็ลงมารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน เธอตั้งใจว่าจะทำอาหารเที่ยงด้วยตัวเอง แต่เขากลับรีบปฏิเสธคำขอนั้นด้วยเหตุผลว่าเธอท้องเขาพูดให้น่าฟังว่า เขากลัวว่าจะทำให้เธอเหนื่อยและใช้เรื่องสุขภาพของลูก ๆ มากดดัน หลิงอี้หรานคิดว่าทักษะการทำอาหารของเธอจะมีผลดีก็ต่อเมื่อเธอคลอดเด็ก ๆ ออกมาแล้วเท่านั้นถึงอย่างนั้นเธอก็ตั้งใจเลือกเมนูด้วยตนเอง ซึ่งทั้งหมดก็เป็นเมนูโปรดของเขา อีกทั้งเธอยังเลือกเค้กวันเกิดเองด้วย เธอวาดแบบคร่าว ๆ ไว้ และใช้เวลาคุยกับช่างอบขนมอยู่นานจนเป็นที่พอใจ เมื่อเธอเอาเค้กให้อี้จิ่นหลีดู ความประหลาดใจบนใบหน้าของเขาดูเหมือนจะเป็นการตอบรับที่ดีที่สุดที่เธอได้รับ“เธอ...” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หราน ความประหลาดใจยังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้าของเขา“ชอบไหมคะ?” เธอถาม เขายิ้มและขยับปากบางพูดอย่างอ่อนโยน “ฉันชอบมันนะ”เค้กถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับสวนเล็ก ๆ ที่มีบ้านหลังน้อยอยู่ในนั้นกลางสวนนั้นมีคนแก่ผมขาวสองคนยืนจับมือกัน และมีคนสามคนในชุดเดียวกันรวมถึงคนตัวเล
ขณะเป่าเทียนริมฝีปากบางก็ขยับเล็กน้อย “ฉันขอ...”เขากำลังจะพูดต่อ แต่ในทันใดนั้นเองเธอก็ยกมือขึ้นมาแตะปากเขาไว้ “อย่าพูดออกมาสิคะ ถ้าพูดเสียงดังมันจะไม่เป็นจริงนะ”เขาเก็บมือของเธอลงอย่างอ่อนโยน “แต่เธอบอกว่าจะทำคำขอของฉันให้เป็นจริงถ้าทำได้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าฉันไม่พูด แล้วเธอจะทำให้ฝันฉันเป็นจริงได้ยังไงล่ะ?”“พวกนั้นเป็นคำขอ ฉันสามารถทำคำขอให้คุณสามข้อ แต่ขอพรวันเกิดมันควร... เป็นสิ่งที่มีแต่พระเจ้าที่ช่วยคุณได้ เช่น ขอให้บริษัทเติบโต หรือขอให้อายุยืน” เธอกล่าวแต่เขากลับพูดว่า “ทั้งคำขอและพรวันเกิดทั้งหมดก็เกี่ยวกับเธอทั้งนั้นแหละ”ขณะพูดเขาก็ก้มหน้าลงมอง และแงะนิ้วของเธอออกมาเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่า ‘หนึ่ง’ ขณะที่จับมือเธอไว้ “คำขอแรกคือ ขอให้เธออยู่ฉลองวันเกิดกับฉันไปทุกปีจนกว่าฉันจะหมดลมหายใจ”เธอตะลึงไปจากนั้นเขาก็อ้านิ้วกลางของเธอออกเป็นสัญลักษณ์แทนเลข ‘2’ “คำขอที่สองของฉันคือ เธอจะไม่ทิ้งฉันไป”เขาเงียบไปหลังจากนั้น และมองมือของเธออยู่อย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดคำขอที่สามออกมา“คำขอที่สามล่ะคะ?” หลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“ฉันจะไม่บอกคำขอที่สามในตอนนี้ ฉันจะบอกเธอตอนที่