โจวเชียนหยุนเดินทางไปยังโรงแรมที่เย่เหวินหมิงเข้าพัก และถามกับพนักงานต้อนรับว่า “ขอถามหน่อยค่ะ ตอนนี้คุณเย่เหวินหมิงอยู่ไหมคะ?”“คุณเย่ออกไปข้างนอก และยังไม่กลับมาค่ะ ถ้าอยากมาหาคุณเย่ คุณสามารถโทรหาเขา หรือรอที่ล็อบบี้โรงแรมก็ได้ค่ะ” พนักงานต้อนรับกล่าวอย่างสุภาพโจวเชียนหยุนเม้มปากเข้าด้วยกัน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งรอสำหรับเรื่องการติดต่อเย่เหวินหมิง... เธอขาดการติดต่อกับเย่เหวินหมิงไปตั้งนานแล้ว คนเดียวที่เธอสามารถติดต่อได้คือทนายของเย่เหวินหมิงที่ทำหน้าที่ในคดีการฟ้องร้องสิทธิ์เลี้ยงดูลูกเท่านั้นโจวเชียนหยุนนั่งอยู่ในล็อบี้และรอโดยไม่พูดอะไรเวลาผ่านไปเงียบ ๆ จนกระทั่งภายนอกมืดลง ในที่สุดเธอก็เห็นเย่เหวินหมิงและคงจื่ออินเดินเข้าโรงแรมมาเย่เหวินหมิงเห็นโจวเชียนหยุนในทันทีเขาเดินเข้ามาในโรงแรมมีผู้คนหลากหลายอยู่ในล็อบบี้ แต่ดูเหมือนดวงตาของเขาจะสามารถมองเห็นเธอได้อย่างง่ายดาย“เธอมาทำอะไรที่นี่?” เย่เหวินหมิงถามขณะมองโจวเชียนหยุนที่เดินเข้ามาหาเขา“มีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ” โจวเชียนหยุดกล่าวขณะเม้มปากที่ค่อนข้างแห้งแตกของเธอเข้าด้วยกัน“คุยเรื่องอะไร?” เ
ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดลง“เหวินหมิง!” คงจื่ออินตะโกน เธอยื่นมือออกมาดูเหมือนว่า เขาพยายามจะกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์เพื่อหยุดการปิดประตูอย่างรวดเร็วนี้ลงเย่เหวินหมิงมองร่างที่สั่นเทาของโจวเชียนหยุนและอยู่ ๆ ก็พูดกับคงจื่ออินว่า “ขึ้นไปรอก่อนนะ เดี๋ยวผมตามไป”“อะไรนะ?” คงจื่ออินแปลกใจ และยกนิ้วค้างไว้ในอากาศ เธอไม่สามารถบังคับตัวเองให้กดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ได้ และทำได้เพียงมองประตูลิฟต์ที่ปิดลง และตัดภาพตรงหน้าของเธอไปหัวใจของคงจื่ออินพลุ่งพล่านไปด้วยความร้อนใจ ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือ เย่เหวินหมิงมองไปยังโจวเชียนหยุน และพบความลังเลที่พยายามดิ้นรนอยู่ภายในดวงตาของเขา‘ทำไมถึงพยายามดิ้นรนด้วย? เขาลังเลเรื่องอะไร?‘นี่มันผ่านมากว่าสี่ปีแล้ว แต่โจวเชียนหยุนก็ยังมีความสำคัญในหัวใจเขาอยู่งั้นเหรอ?’คงจื่ออินกัดฟันอย่างเกลียดชัง “ทำไมยัยผู้หญิงคนนี้ถึงไม่ตายให้มันเร็วกว่านี้นะ? ถ้ามันตายไปฉันก็จะได้สบายใจสักที!”แม้แต่เย่เหวินหมิงที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์เองก็แปลกใจ เมื่อเห็นร่างที่สั่นเทาของเธอและเธอก็รั้งเขาไว้เสียงดังจนทำให้เขาต้องอยู่ที่เดิม“เธออยากพูดอะไร? รีบพูดมาสิ!” เขาสะบัดมือออกจากนิ้วข
ใบหน้าของโจวเชียนหยุนแสดงออกถึงความประหลาดใจ ‘เขา... ต้องการให้ฉันขอโทษคงจื่ออินเหรอ? ยังมีอะไรที่ตลกไปกว่าการขอให้คนที่โดนใส่ร้ายไปขอโทษคนที่ใส่ร้ายอีกไหม?’เธอไม่ใช่คนที่ติดค้างคำขอโทษสี่ปีนั้น เป็นเย่เหวินหมิงและคงจื่ออินต่างหาก “เย่เหวินหมิง การใช้เวลาวันหนึ่งกับลูกชายของคุณแลกเปลี่ยนกับเรื่องแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?” เธอพึมพำ ความประหลาดใจจางหายไปจากใบหน้าของเธอจู่ ๆ ตอนนี้เขาก็รู้สึกอับอายขึ้นมา!“เป็นเรื่องของฉันที่จะตั้งเงื่อนไขอะไรขึ้นมาก็ได้!” เย่เหวินหมิงกล่าวอย่างเย็นชาเธอสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดอย่างสงบว่า “ได้ ฉันจะทำ” ...คงจื่ออินกำลังรอให้เย่เหวินหมิงกลับมาอยู่ในห้องเพรซิเดนเชียลสวีทอย่างกระวนกระวายแต่เธอคาดไม่ถึงงว่าจะได้เห็นเย่เหวินหมิงและโจวเชียนหยุนขึ้นมาด้วยกัน“เหวินหมิง ทำไมคุณถึงพาเธอเข้า...” คงจื่ออินถามอย่างสับสน เย่เหวินหมิงไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่โจวเชียนหยุนเดินเข้าไปหาคงจื่ออิน เธอโค้งตัวและพูดขณะก้มหน้าว่า “คุณคง สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตล้วนเป็นความผิดของฉัน ฉันไม่ควรผลักคุณตกบันไดจนเสียลูกไป ฉันสมควรแล้วที่เข้าคุก ยกโทษให้ฉันด้วยค่ะ คุณคง”ดวงตาขอ
แม้ว่าศาลจะตัดสินจำคุกเธอสามปีครึ่ง แต่เธอก็ยังคงยืนกรานว่าตัวเองบริสุทธิ์ ในความคิดของเธอ อย่างน้อยเธอก็ยังคงมีศักดิ์ศรีแต่สิ่งที่เธอพอจะมีเหลืออยู่ในวันนี้กลับถูกเย่เหวินหมิงเหยียบย่ำจนเป็นเศษผง‘แต่ฉันก็คิดว่าไม่เป็นไร แบบนั้นแล้วก็จะไม่มีอะไรเหลือระหว่างเย่เหวินหมิงกับฉันอีก!’คงจื่ออินซึ่งรออยู่ในห้องสวีทดูเหมือนจะได้สติขึ้นมา เธอรีบเข้าไปหาเย่เหวินหมิงและกล่าวว่า “เหวินหมิง ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ ไม่ว่าเธอจะขอโทษหรือไม่ ฉันแค่อยากให้คุณโอเค!”เย่เหวินหมิงถูหว่างคิ้วตนเอง “คุณควรได้รับการขอโทษ!”“แต่การขอโทษจะไปมีประโยชน์อะไรคะ ถ้าไม่ใช่ความตั้งใจของเธอ?” คงจื่ออินเอนตัวแอบอิงแขนของเย่เหวินหมิงขณะพูด “เหวินหมิงคะ บางทีที่โจวเชียนหยุนเข้าหาคุณอีกครั้งอาจเพราะเรากำลังจะแต่งงานกัน บางทีเธอจงใจทำแบบนี้เพื่อให้คุณสนใจเธอ เพราะว่าเธอไม่ยอม ฉันไม่อยากให้คุณเกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิงคนนี้จริง ๆ”“ทำไมผมต้องสนใจเธอด้วย? ไม่ต้องห่วง งานแต่งของเราจะจัดตามกำหนดการแน่ มีแค่คุณเท่านั้นที่จะได้เป็นนายหญิงตระกูลเย่! ไม่มีทางเป็นคนอื่น” เย่เหวินหมิงกล่าวคงจื่ออินยิ้มอย่างพอใจ และเงยหน้าเพื่อจูบป
“วันหยุดสุดสัปดาห์หน้าเหรอ?” โจวเชียนหยุนลังเล“ทำไมเหรอคะ? พี่ยุ่งเหรอ?” หลิงอี้หรานถาม“เย่เหวินหมิงอาจจะพาอาหยันน้อยไปสวนสนุกในสุดสัปดาห์หน้าน่ะสิ” โจวเชียนหยุนกล่าว อย่างน้อยเย่เหวินหมิงก็สัญญากับเธอไว้แล้วใบหน้าของเจ้าตัวเล็กสดใสขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “แม่ฮะ คุณพ่อจะไปสวนสนุกกับเราจริงเหรอฮะ?”“จริงสิจ๊ะ” โจวเชียนหยุนลูบหัวเล็ก ๆ ของลูกชายเธออย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นสีหน้ามีความสุขของเด็กน้อย เธอก็รู้สึกราวกับว่า มันคุ้มค่าแล้วที่ศักดิ์ศรีของเธอโดนเย่เหวินหมิงเหยียบย่ำไปก่อนหน้านี้ถึงอย่างนั้นหลิงอี้หรานก็สังเกตเห็นคำว่า ‘เรา’ จึงกระซิบถามโจวเชียนหยุนในตอนที่เธอกำลังเดินกลับออกไป “พี่จะไปสวนสนุกกับอาหยันน้อยและเย่เหวินหมิงด้วยเหรอคะ?”“ใช่แล้วล่ะ” เธอพยักหน้า “อาหยันน้อยเคยพูดที่โรงเรียนว่า ความฝันของเขาคือการไปเที่ยวสวนสนุกกับแม่และพ่อ ฉันอยากช่วยให้เขาได้ทำตามฝันน่ะ”“แต่ร่างกายของพี่…”“ก็แค่สวนสนุกเอง ฉันแค่ไปเป็นเพื่อน อาหยันน้อยก็ไปเล่น เพราะอย่างนั้นไม่เป็นไรหรอก” เธอกล่าว หลิงอี้หรานที่อีกไม่นานก็จะเป็นแม่คนจึงค่อนข้างเข้าใจความคิดของโจวเชียนหยุนในตอนนี้
แม้ว่าเธอจะเห็นใบหน้าของเขาอยู่ทุกวัน แต่เธอก็ยังคงทึ่งกับรูปลักษณ์ของเขาอยู่ดีแต่น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันนี้เมื่อเห็นเซเลปหน้าตาดี แม้ว่าแฟนคลับจะบอกว่าใบหน้าของพวกเขาราวกับงานชิ้นเอกที่พระเจ้าปั้น แต่เธอก็แค่ชื่นชมหน้าตาพวกเขาเท่านั้น เธอแปลกใจไปครู่หนึ่ง แต่นั่นก็คือทั้งหมดหลังจากที่มองพวกเขาไปนาน ๆแต่กับจินแล้ว ดูเหมือนเธอจะไม่เคยพอกับการมองหน้าเขาเลย“อรุณสวัสดิ์ สุขสันต์วันเกิดนะคะ!” เธอกล่าวเขายิ้ม “อรุณสวัสดิ์”“วันนี้คุณไม่ต้องเข้าออฟฟิศใช่ไหมคะ?” เธอถามขณะที่มองดูเขาหยิบเสื้อออกมาจากตู้และสวมมันทุกครั้งที่ดูเขาสวมเสื้อผ้า เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังดูหนังเรื่องหนึ่งอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยาที่มองเห็นกันหมดทุกอย่าง แต่เธอก็อดหน้าแดงไม่ได้เมื่อเห็น ‘ภาพ’ แบบนั้น ถึงอย่างนั้นเธอก็หยุดมองไม่ได้เลย เขารู้สึกสนุกกับการที่เธอมองเขาแบบนี้“จิน คุณว่าลูกจะหน้าเหมือนคุณไหมคะ?” เธออดไม่ได้ที่จะถามขึ้น เขาสวมเสื้อเชิ้ตและกลัดกระดุมพลางพูดว่า “ทำไม? อยากให้หน้าเหมือนฉันเหรอ?”“ค่ะ” เธอพยักหน้า “จะดีมากเลยถ้าพวกเขาหน้าตาเหมือนคุณ ฉันสงสัยนะคะว่า ลูกชายขอ
นี่เป็นงานฉลองวันเกิดที่มีแค่พวกเขาสองคน หลิงอี้หรานเลือกชุดเดรสที่สีเดียวกันกับชุดที่อี้จิ่นหลีใส่ในวันนี้ จากนั้นพวกเขาก็ลงมารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน เธอตั้งใจว่าจะทำอาหารเที่ยงด้วยตัวเอง แต่เขากลับรีบปฏิเสธคำขอนั้นด้วยเหตุผลว่าเธอท้องเขาพูดให้น่าฟังว่า เขากลัวว่าจะทำให้เธอเหนื่อยและใช้เรื่องสุขภาพของลูก ๆ มากดดัน หลิงอี้หรานคิดว่าทักษะการทำอาหารของเธอจะมีผลดีก็ต่อเมื่อเธอคลอดเด็ก ๆ ออกมาแล้วเท่านั้นถึงอย่างนั้นเธอก็ตั้งใจเลือกเมนูด้วยตนเอง ซึ่งทั้งหมดก็เป็นเมนูโปรดของเขา อีกทั้งเธอยังเลือกเค้กวันเกิดเองด้วย เธอวาดแบบคร่าว ๆ ไว้ และใช้เวลาคุยกับช่างอบขนมอยู่นานจนเป็นที่พอใจ เมื่อเธอเอาเค้กให้อี้จิ่นหลีดู ความประหลาดใจบนใบหน้าของเขาดูเหมือนจะเป็นการตอบรับที่ดีที่สุดที่เธอได้รับ“เธอ...” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หราน ความประหลาดใจยังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้าของเขา“ชอบไหมคะ?” เธอถาม เขายิ้มและขยับปากบางพูดอย่างอ่อนโยน “ฉันชอบมันนะ”เค้กถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับสวนเล็ก ๆ ที่มีบ้านหลังน้อยอยู่ในนั้นกลางสวนนั้นมีคนแก่ผมขาวสองคนยืนจับมือกัน และมีคนสามคนในชุดเดียวกันรวมถึงคนตัวเล
ขณะเป่าเทียนริมฝีปากบางก็ขยับเล็กน้อย “ฉันขอ...”เขากำลังจะพูดต่อ แต่ในทันใดนั้นเองเธอก็ยกมือขึ้นมาแตะปากเขาไว้ “อย่าพูดออกมาสิคะ ถ้าพูดเสียงดังมันจะไม่เป็นจริงนะ”เขาเก็บมือของเธอลงอย่างอ่อนโยน “แต่เธอบอกว่าจะทำคำขอของฉันให้เป็นจริงถ้าทำได้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าฉันไม่พูด แล้วเธอจะทำให้ฝันฉันเป็นจริงได้ยังไงล่ะ?”“พวกนั้นเป็นคำขอ ฉันสามารถทำคำขอให้คุณสามข้อ แต่ขอพรวันเกิดมันควร... เป็นสิ่งที่มีแต่พระเจ้าที่ช่วยคุณได้ เช่น ขอให้บริษัทเติบโต หรือขอให้อายุยืน” เธอกล่าวแต่เขากลับพูดว่า “ทั้งคำขอและพรวันเกิดทั้งหมดก็เกี่ยวกับเธอทั้งนั้นแหละ”ขณะพูดเขาก็ก้มหน้าลงมอง และแงะนิ้วของเธอออกมาเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่า ‘หนึ่ง’ ขณะที่จับมือเธอไว้ “คำขอแรกคือ ขอให้เธออยู่ฉลองวันเกิดกับฉันไปทุกปีจนกว่าฉันจะหมดลมหายใจ”เธอตะลึงไปจากนั้นเขาก็อ้านิ้วกลางของเธอออกเป็นสัญลักษณ์แทนเลข ‘2’ “คำขอที่สองของฉันคือ เธอจะไม่ทิ้งฉันไป”เขาเงียบไปหลังจากนั้น และมองมือของเธออยู่อย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดคำขอที่สามออกมา“คำขอที่สามล่ะคะ?” หลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“ฉันจะไม่บอกคำขอที่สามในตอนนี้ ฉันจะบอกเธอตอนที่
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค