"ฉันต้องการหาโอกาสที่เหมาะสมกว่านี้เป็นโอกาสที่เธอจะยอมรับได้มากกว่านี้”“แต่นี่... อาจเป็นวิธีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเธอในการได้รู้ความจริง”"ฉันประมาท ไม่ได้สังเกตว่าเธอยืนอยู่ข้างหลังฉัน แต่... ตอนนี้ฉันคิดถึงเรื่องนี้ในบทสนทนาของฉันกับฉงเว่ย ฉันไม่คิดว่าฉันพูดถึงตัวตนของฉัน แต่ หลิง อี้หราน ก็เรียกชื่อฉัน”"ซึ่งหมายความว่า... หลิง อี้หราน รู้เรื่องตัวตนของฉันแล้วก่อนจะมาเจอฉัน ใครบอกเธอ?"อี้ จิ่นหลี ลืมตาขึ้นทันใดและสั่งเกา ฉงหมิง "ตรวจสอบโทรศัพท์ของหลิง อี้หราน เพื่อดูว่าเธอคุยกับใครเมื่อเร็ว ๆ นี้!"“ครับผม” เกา ฉงหมิง ตอบกลับอย่างรวดเร็วเกา ฉงหมิง สามารถค้นพบได้ในช่วงเวลาหนึ่ง “นายน้อยอี้ครับ สายล่าสุดที่คุณหลิงโทรมาในวันนี้คือเวลา 18:35 น. เจ้าของหมายเลขคือ ชิน เหลียนอี"“ชิน เหลียนอี... ” อี้ จิ่นหลี หรี่ตา “ฉันจำผู้หญิงคนนี้ได้ เธอเป็นเพื่อนที่ดีของหลิง อี้หราน"“ไปหาว่า ชิน เหลียวอี เจอใครในวันนี้!"เกา ฉงหมิง รับทราบเมื่อถึงเวลานั้นรถก็มาถึงทางเข้าโรงพยาบาลที่คุณท่านอี้อาศัยอยู่อี้ จิ่นหลี และเกา ฉงหมิง ลงจากรถ เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าวอร์ดผู้ป่วย อี้ จิ่นหลี เ
“แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น ตราบเท่าที่ผมต้องการ ผมสามารถทำให้เธอเปรียบได้กับผู้หญิงที่น่าจดจำในเมือง!" อี้ จิ่นหลี โต้กลับ"อย่าลืมว่าพ่อของแกเสียชีวิตอย่างไร!” คุณท่านอี้ถ่มน้ำลายผ่านฟันลงพื้นการจ้องมองของอี้ จิ่นหลี มืดลง “ผมยังไม่ลืม แม้ว่าผมจะอยากอยู่กับเธออย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะให้ชีวิตผมกับเธอ ผมไม่ใช่พ่อของผม ผมจะไม่ตายหรืออยู่เพื่อผู้หญิงนับประสาอะไรกับการถูกผู้หญิงควบคุม! "“ฉันต่างหากคือคนที่ควบคุมได้เสมอ!"คุณท่านอี้ไม่พอใจอย่างเยือกเย็น “วันนี้แกมาหาฉันเพื่อพูดอย่างนั้นเหรอ?”“เปล่าครับ" อี้ จิ่นหลี ตอบ “ผมต้องการให้คุณปู่อยู่ห่างจากเธอ!"คุณท่านอี้หรี่ตาลง แต่ยังคงทำหน้าตรงขณะที่เขาถามอย่างโกรธ ๆ ว่า "แกหมายความว่ายังไง? แกกำลังขู่ปู่ของแกอย่างนั้นเหรอ? เป็นไปได้ไหมที่ชายชราคนนี้จะไม่สำคัญเท่าผู้หญิง?""คุณปู่ ผมแค่บอกคุณปู่ มันไม่ใช่การขู่เลย" อี้ จิ่นหลี พูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “ผมบอกให้คุณปู่อยู่ห่าง ๆ เธอ ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอจะเป็นยังไง คุณปู่ก็ต้องอยู่ห่างจากเธอ แน่นอนผมไม่รู้ว่าผมจะตอบสนองยังไงถ้าคุณปู่แตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้ว ทำไมปู่ไม
ราวกับว่าเธอได้ยินเสียงของเขาและเธอก็ขมวดคิ้วทันที หน้าผากของเธอมีเหงื่อเย็นแตกออกมาและในทันทีเธอเริ่มส่ายหัวไปมาทางซ้ายและขวาราวกับหลีกเลี่ยงบางสิ่งบางอย่างอี้ จิ่นหลี ขมวดคิ้วและในขณะที่เขาต้องการเรียกหาหมอ หลิง อี้หราน ที่ยังคงหลับลอยู่ก็ลืมตาขึ้นทันทีขณะที่เธอนั่งตัวตรงตะโกนว่า "ไม่... "“พี่สาวเป็นอะไรรึเปล่า?” อี้ จิ่นหลี ถามในช่วงเวลาต่อมา หลิง อี้หราน กอดเอวของอี้ จิ่นหลี ไว้แน่นราวกับว่าเธอกำลังจะจมน้ำ "จิน ดีจัง... ที่เป็นนาย... เป็นนาย... ฉันฝันร้าย ฉันฝันว่าฉันติดคุกและคนพวกนั้นจะไม่ปล่อยฉันไป ฉันขอร้องพวกเขา แม้… แม้ว่าฉันจะคุกเข่าข้อร้องพวกเขา แต่พวกเขายังคงตีฉัน... "“แม้ในความฝัน ฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ตอนนี้ฉันตื่นแล้ว ฉันยังรู้สึกได้ว่าเจ็บหน้าท้อง"ทันใดนั้นเธอก็หยุดกลางประโยคและร่างกายของเธอก็แข็งตัวเธอเพิ่งนึกได้ว่านี่คือ อี้ จิ่นหลี ไม่ใช่ "จิน"! "คนที่ฉันกอดตอนนี้คือ อี้ จิ่นหลี และความเจ็บปวดที่ฉันต้องทนอยู่ในคุกก็เป็นเพราะเขา... "หลิง อี้หราน ปล่อยแขนของเธออย่างแข็งกร้าวและร่างกายของเธอก็ขยับไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัวและในช่วงเวลาต่อมาแขนของเ
”ม่ายยยย... " เธอกรีดร้อง เธอต่อสู้กับเขาอย่างยากลำบาก แต่ไม่ว่าเธอจะดิ้นมากแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์กับเขา ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อและผิวหนังภายใต้ชุดผู้ป่วยที่เปิดอยู่ก็สัมผัสกับอากาศเย็นทำให้ขนลุก "ปล่อยฉัน! ปล่อยฉัน!"เธอรู้สึกตื่นตระหนกและหงุดหงิดแต่ท่าทางของเขาก็ถูกแต่งขึ้น นิ้วยาวของเขากดลงบนข้อมือของเธอพร้อมกับยิ้มเขาพูดว่า "พี่สาว พี่ร้องให้ดังกว่านี้หน่อยมีบอดี้การ์ดพยาบาลและหมอประจำการอยู่ที่นั่นพวกเขาอาจจะได้ยินเสียงกรีดร้องของพี่ แต่... "เขาหยุดและศึกษาเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อน “ผมรับรองได้ว่าจะไม่มีใครเข้ามาช่วยพี่”ร่างกายของหลิง อี้หราน แข็งตัว “ฉันรู้ว่าเขาพูดความจริงแม้ว่าฉันจะกรีดร้องจนเจ็บคอ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาในวอร์ดนี้”“เพราะผู้ชายคนนี้... คือ อี้ จิ่นหลี!"เธอนิ่งเงียบในขณะที่เขาโน้มตัวไปข้างหน้า ริมฝีปากของเขากดเข้ากับกรามคอของเธอและในที่สุดเขาก็หยุดที่ไหปลาร้าสวยของเธอแล้วพรมจูบเล็ก ๆ“อยู่เคียงข้างผม พี่ไม่ได้พูดเหรอว่าบนโลกนี้ ผมดูแลพี่และพี่ก็ดูแลผมเหมือนกัน? ผมให้โอกาสพี่ทำตอนนี้ แต่ทำไมพี่ไม่ต้องการล่ะ?" เขาพึมพำหลิง อี้หราน รู้สึกราวกับว่าหัวใจขอ
“เซียว จื่อฉี รู้ว่าฉันอยู่กับหลิง อี้หราน แต่เซียว จื่ออี้ เป็นคนที่เปิดเผยตัวตนของฉันในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด”“ตระกูลเซียวแน่นอนว่า... " เขาสั่งเกา ฉงหมิง "นำตัวเซียว จื่ออี้ ไปโรงพยาบาล"“ครับ" เกา ฉงหมิง กล่าว และเขายังคงพูดในประเด็นอื่น "ผมสืบหาคนแพร่กระจายข่าวที่แอบเข้าไปในโรงพยาบาลครั้งก่อน ข่าวของนายน้อยอี้พาคุณหลิงเข้าโรงพยาบาลได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกโดยพยาบาลลงบน WeChat สเตตัสของเธอและจากนั้นก็อัปโหลดไปยังอินเทอร์เน็ตแม้ว่าเนื้อหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องถูกลบไปแล้ว แต่เราก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามีคนดูไปแล้วกี่คนครับ”“ตรงจดูความรับผิดทางกฎหมายของพยาบาลคนนั้นและเสริมความปลอดภัยรอบ ๆ โรงพยาบาล ผมไม่ต้องการให้ใครสักคนเข้ามาในวอร์ด" อี้ จิ่นหลี สั่งอย่างเย็นชา"รับทราบครับ ไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นอีก" เกา ฉงหมิงกล่าว อย่างมั่นใจ ในขณะเดียวกันที่บ้านตระกูลเซียวนับตั้งแต่ที่เซียว จื่ออี้ โพล่งความลับต่อหน้าชิน เหลียนอี โดยไม่ได้ตั้งใจเธอก็ตกอยู่ในภาวะวิตกกังวลอย่างมาก “ถ้าฉันรู้มาก่อนหน้านี้ฉันจะไม่รบกวนชิน เหลียนอี ตอนนี้ฉันเป็นคนที่กลัวซะเอง”“ถ้าเกิดว่า ชิน เหลียนอี คิดอะไ
ในอดีต เซียว จื่ออี้ จะดีอกดีใจที่ได้พบหน้ากับอี้ จิ่นหลี ในระยะใกล้ ๆ เช่นนี้ แต่ตอนนี้เธอแทบรอไม่ไหวที่จะออกไปจากตรงนั้น"มาแล้วสินะ" อี้ จิ่นหลี กล่าวอย่างเงียบ ๆเซียว จื่ออี้ ทำหน้าตาน่าสงสารและตอบอย่างระมัดระวัง “คุณอี้ เรียกหาฉันด้วยเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?"การแสดงออกของหลิง อี้หราน ยังคงสับสน เธอไม่รู้ว่าทำไม อี้ จิ่นหลี ถึงทำให้ เซียว จื่ออี้ มาที่นี่อี้ จิ่นหลี ยิ้มจาง ๆ และอธิบายกับหลิง อี้หราน ว่า “พี่สาว พี่ยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม? ในคืนที่สองของวันปีใหม่ ชิน เหลียนอี เพื่อนของคุณได้พบกับคุณเซียว เธอได้ทำสิ่งที่แย่มากสำหรับเพื่อนของพี่”หลิง อี้หราน ตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ในไม่ช้าเธอก็หาเหตุผลได้ วันนั้นขณะที่พวกเขาเถียงกันในห้างสรรพสินค้า ชิน เหลียนอี ได้พูดแทนเธอ เซียว จื่ออี้ รู้ว่า ชิน เหลียนอี เป็นเพื่อนของเธอ ดังนั้นถ้าเธอได้พบกับชิน เหลียนอี เธอก็น่าจะระบายความโกรธของเธอใส่เหลียนอีเมื่อ เซียว จื่ออี้ ได้ยิน อี้ จิ่นหลี เรียก หลิง อี้หราน ว่า "พี่สาว" ลูกตาของเธอก็แทบจะโผล่ออกมา“ไม่มีทาง! ในเมืองเฉิน อี้ จิ่นหลี เรียกผู้หญิงคนนั้นว่าอะไรนะ?"แต่ความจ
เซียว จื่ออี้ พยายามที่จะละเลง หลิง อี้หราน ด้วยสุดกำลังของเธออี้ จิ่นหลี ลูบนิ้วมือของหลิง อี้หรานอย่างไม่เป็นทางการและพูดแผ่วเบา "มีอะไรผิดปกติกับการเช็ดรองเท้าสำหรับคนกวาดถนนอย่างนั้นเหรอ? ถึงจะเป็นลูกสาวของนายกเทศมนตรี แต่เธอก็ยังต้องทำ!"เซียว จื่ออี้ พูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถเทียบได้กับลูกสาวของนายกเทศมนตรี“คุณเซียว กรุณารีบทำเถอะครับ นายน้อยอี้ไม่ได้มีความอดทนมากนัก" เกา ฉงหมิง กำชับว่า "ถ้านายน้อยอั้หมดความอดทน คุณจะไม่ได้แค่เช็ดรองเท้าแน่นอน"เซียว จื่ออี้ กัดริมฝีปากของเธออย่างไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเธอจะไม่เต็มใจแค่ไหนเธอก็ทำได้แค่เดินไปหาหลิง อี้หราน ทีละก้าวเท่านั้น จากนั้นเธอก็ก้มลงและเริ่มเช็ดรองเท้าที่สะอาดอยู่แล้วแล้วด้วยทิชชู่หลิง อี้หราน มองไปที่เซียว จื่ออี้ ด้วยความงุนงง เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ แต่เหลียนอีต้องผ่านสิ่งนี้มาด้วยอย่างนั้นเหรอ?ตอนนั้นเธอจะรู้สึกอย่างไร?หลิง อี้หราน รู้สึกเสียใจกับเพื่อนที่ดีของเธอ ในขณะเดียวกันเธอก็ดูเหมือนจะเข้าใจอย่างคลุมเครือว่าเหตุใด อี้ จิ่นหลี จึงเรียกเซียว จื่ออี้ มาแล้วจึงทำให้เธอแสดงบทบาทในฉ
อย่างไรก็ตาม อี้ จิ่นหลี ไม่แม้แต่จะมองไปที่เซียว จื่ออี้ เขาแค่พูดกับหลิง อี้หราน ว่า "พี่สาว พี่คิดว่าอย่างไร? มันเพียงพอแล้วหรือไม่?"ในตอนนี้ไม่ว่าเธอจะไม่พอใจ หลิง อี้หราน มากแค่ไหน เซียว จื่ออี้ ก็ทำได้เพียงขอความเมตตาจากเธอ“หลิง อี้หราน ฉัน... ฉันรู้ว่าฉันผิด ฉันไม่ควรปฏิบัติต่อเพื่อนของคุณแบบนั้น ฉัน... ฉันขอโทษเพื่อนของคุณ ได้โปรดช่วยฉันด้วย"หลิง อี้หราน มองไปที่เซียว จื่ออี้ ซึ่งกำลังร้องไห้อย่างขมขื่นในขณะนี้ เธอรู้ดีว่าเธอขอความเมตตาเพราะ อี้ จิ่นหลี ไม่ใช่เพราะเธอเมื่อเห็นสถานะที่ เซียว จื่ออี้ อยู่ เธอก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจใด ๆ สำหรับเธอเลย เมื่อเธอคิดถึงวิธีที่ ชิน เหลียนอี ถูกปฏิบัติเช่นนี้ เธอก็เกลียดเธอมากขึ้นและเธอก็โทษตัวเองเช่นกันเธอค่อนข้างจะยอมรับความอัปยศอดสูตัวเองแทนที่จะทำให้เหลียนอีต้องทนทุกข์ทรมานชิน เหลียนอี ได้เสียสละเพื่อเธอมากแล้ว นับตั้งแต่ที่หลิง อี้หราน ได้รับการปล่อยตัวจากคุก เธอก็ไม่สามารถทำอะไรให้เหลียนอีได้ แม้ว่าเหลียนอีจะต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้เพราะเธอก็ตาม“ถ้าอย่างนั้น ฉันอยากให้เธอขอโทษ ชิน เหลียนอี ต่อหน้าทุกคนที่เห็นฉากในวัน
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค