หากอี้ จิ่นหลี ช่วยหลิง อี้หราน แก้แค้นตระกูลเซียวจริง ๆ ตระกูลเซียวก็จะสูญเสียอย่างมากจนถึงจุดที่พวกเขาจะไม่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจในเมืองเฉินอีกต่อไป"นาย… นายน้อยอี้ ผม... " เซียว จื่อฉี ต้องการที่จะปกป้องตัวเองอย่างไรก็ตาม หลิง อี้หราน ขัดจังหวะเขาและพูดกับอี้ จิ่นหลี ว่า "ไม่จำเป็น เขากลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันไปแล้ว เมื่อเราเลิกกันในตอนนั้นฉันควรจะขอบคุณด้วยซ้ำ ฉันได้เห็นความสัมพันธ์อย่างชัดเจนเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์”ใบหน้าของเซียว จื่อฉี เปลี่ยนเป็นซีดและเขารู้สึกพ่ายแพ้ เมื่อหลิง อี้หราน พูดคำเหล่านี้เธอไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ“แบบนั้นก็ดี" อี้ จิ่นหลี ยืนขึ้นและเดินไปหาเซียว จื่อฉี เขาตบบ่าจื่อฉีแล้วพูดว่า "คุณควรขอบคุณเธอที่ไม่ต้องการแก้แค้นคุณ ไม่อย่างนั้นในปีหน้าเราจะไม่เห็นธุรกิจของตระกูลเซียวในเมืองนี้อีกเลย"เซียว จื่อฉี รู้สึกกลัวและเหงื่อออกไปทั่ว เขาทำได้เพียงขอบคุณ หลิง อี้หราน ก่อนที่เขาจะช่วยเซียว จื่ออี้ ออกจากห้องจนกระทั่งพี่น้องทั้งสองออกจากโรงพยาบาลพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ“พี่ชาย ทำไมพี่คิดว่า อี้ จิ่นหลี ถึงสนใจหลิง อี้หราน?” เซียว จื่ออ
”ฉันปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหม?" เธอถามตาของเขากระพริบเล็กน้อยและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปทีละนิด จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นและมองลงไปที่เธอ "เปล่า พี่ปฏิเสธได้ ผมให้สิทธิ์ปฏิเสธได้ แต่... "หลังจากหยุดเขามองเธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ "พี่แน่ใจหรอว่าจะปฏิเสธ?"หลิง อี้หราน รู้สึกว่าอากาศรอบตัวเธอดูเหมือนจะถูกแช่แข็งในขณะนี้ ถ้าเธอเห็นด้วยเธออาจได้รับหลายสิ่งหลายอย่างหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเธอเองถ้าเป็นคนอื่นที่พูดคำเหล่านี้กับเธอบางทีเธออาจจะเห็นด้วยแต่ อี้ จิ่นหลี... เธอมีความกลัวต่อผู้ชายคนนี้ เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่เคยพยายามจัดการกับเธอเลยจริง ๆ อย่างไรก็ตามเพียงแค่ประโยคเดียวจากเขา ทำให้เธอทุกข์ทรมานมากในคุกในช่วงสามปีที่ถูกจำคุกและแม้กระทั่งการพิจารณาของศาล ไม่มีใครกล้ารับคดีของเธอหลังจากที่ได้ยินว่าเป็นคู่หมั้นของอี้ จิ่นหลี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์แม้แต่หลักฐานเท็จและพยานที่กล่าวหาเธออย่างเป็นเอกฉันท์ว่าดื่มเหล้า ทำให้เธอตั้งคำถามว่าเขาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้หรือเปล่าผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนฝันร้ายของเธอที่กดเธอลงไปอย่างแรงจนแทบหายใจไม่ออก นับตั
”ตราบใดที่คุณอี้ตกลงคุณหลิงก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทุกเมื่อที่ต้องการครับ" หมอกล่าวหลิง อี้หราน รู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ ขนาดจะออกจากโรงพยาบาลยังต้องให้อี้ จิ่นหลี ยินยอมเหรอ?"เข้าใจแล้วค่ะ" เธอตอบหลังจากหมอและพยาบาลออกไปแล้ว เธอก็เดินเข้าไปในห้องน้ำและมองดูตัวเองในกระจก สิ่งที่สะท้อนในกระจกคือใบหน้าที่บอบบางซึ่งมีคิ้วรูปพระจันทร์เสี้ยวและดวงตาสีอัลมอนด์ จมูกที่ได้รูปและริมฝีปากสีชมพู ภายใต้แสงไฟดูเหมือนจะมีแสงระยิบระยับบนใบหน้าของเธอใบหน้าแบบนี้จะถือว่าค่อนข้างดูดีในฝูงชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม คนรอบข้างเช่น อี้ จิ่นหลี ไม่เคยขาดความงามและดูเหมือนเธอจะไม่สามารถเปรียบเทียบได้อี้ จิ่นหลี ชอบอะไรเกี่ยวกับเธอ? หลิง อี้หราน ยิ้มอย่างขมขื่น เป็นเพียงเพราะเขาพบว่า เธอเข้าใจผิด ว่าเขาเป็นคนจรจัดในตอนแรกเลยทำให้น่าขบขันอย่างนั้นเหรอ? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยังคงติดตามคำพูดของน้องชายและพี่สาวคนนี้ต่อไป?เธอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเบา ๆ ความทรงจำของเขาที่จูบเธอแวบเข้ามาในใจเธอยังจำได้ว่า เหลียนอี เคยพูดว่า "อี้หราน เธอรู้ไหมว่าริมฝีปากของเธอสวยมาก?""ริมฝีปากสวย?" เธอไม
"ครับ” เกา ฉงหมิง ตอบกลับอย่างรวดเร็ว เขาติดตาม อี้ จิ่นหลี ขณะที่พวกเขาออกจาก อี้ เรสซิเด้นท์ ไปโรงพยาบาลเมื่อ อี้ จิ่นหลี เดินเข้าไปในวอร์ดเขาเห็นหลิง อี้หราน นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางที่ตรงและเหมาะสมใช่ 'เหมาะสม' คือความประทับใจแรกของอี้ จิ่นหลี หลังของเธอตรงและวางมือไว้บนเข่า มันเป็นท่านั่งของตำรา“พี่ต้องการออกจากโรงพยาบาลใช่ไหม?” อี้ จิ่นหลี ถาม"อืม" เธอฮัมตอบพร้อมกับจ้องมองไปที่ผ้าพันคอรอบคอของเขาโดยไม่รู้ตัว นั่นคือผ้าพันคอที่เธอถักให้เขาเป็นการส่วนตัว ตอนนั้นเธอกลัวว่าเขาจะหนาวและหวังว่าในฤดูหนาวเขาจะอุ่นขึ้นอีกนิดอย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงเธอไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้เลย เขาไม่มีผ้าพันคอหรือวิธีที่จะทำให้ตัวเองอบอุ่น ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการผ้าพันคอของเธอเลย“ผมให้โอกาสพี่อีกครั้งในการเลือกของพี่ คิดให้ดีก่อนตอบ พี่อยากปฏิเสธที่จะอยู่กับผมจริง ๆ เหรอ?” เขาถามที่ผ่านมาเขาไม่เคยให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง อย่างไรก็ตาม เธอ... ดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้นเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาและมีความกดดันที่หายใจไม่ออกในแววตาของเธอ แม้แต่อากาศรอบตัวก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความกดอากาศต่ำในตอนนี
ร่างกายของหลิง อี้หรานแข็งตัว “ใช่สิ ต่อให้ฉันจะตะโกนอยู่ตอนนี้ใครจะเข้ามาช่วยฉันได้ล่ะ?“ช่วยฉันเท่ากับต่อต้าน อี้ จิ่นหลี ใครจะโง่ขนาดนั้นล่ะ?”เมื่อเธอหลุดจากภวังค์ริมฝีปากของเขากำลังจูบเธอและเขาก็งัดฟันขึ้นชิมความหวานทั้งหมดของเธอ“ไม่! ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้!”อยู่ดี ๆ เธอก็กัดเขาอย่างไม่รู้ตัวในช่วงเวลาต่อมาปากของหลิง อี้หราน เต็มไปด้วยเลือดและเธอก็ผงะ "นั่น... เลือดของอี้ จิ่นหลี ฉันรู้ว่าฉันแค่กัดลิ้นของเขา"ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงจูบเธออย่างแน่วแน่และบังคับให้เธอกลืนเลือดของเขา!เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร เมื่อจูบจบลงริมฝีปากของเธอรู้สึกชาและรสเลือดในปากของเธอแรงมาก“รสชาติดีไหมล่ะ?” เขาถามอย่างเงียบ ๆ มุมริมฝีปากของเขายกขึ้นและหยดเลือดค่อย ๆ ไหลลงมาจากด้านหนึ่งของปากของเขารอยยิ้มจาง ๆ ของเขาเสริมด้วยเลือดสีแดงเข้มทำให้ดูสดใสเป็นพิเศษเธออ้าปากจะพูด แต่รสชาติของเลือดกลับเข้มข้นขึ้นและน้ำลายผสมกับเลือดก็ไหลลงมาจากมุมริมฝีปากของเธอเขายกนิ้วขึ้นและเช็ดรอยแดงที่มุมริมฝีปากของเธอเบา ๆ "ตามความเป็นจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงคนหนึ่งดื่มเลือดของผม พี่สาว พี่ได้พิสูจ
ร่างกายของเธอสั่นอย่างต่อเนื่องขณะที่เธออาเจียน โดยเฉพาะเมื่อเธอรู้สึกราวกับว่าเธอจะอาเจียนจนถึงจุดที่พังทลายและไม่สามารถพ่นน้ำดีออกมาได้อีก เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นเพื่อมองออกไปนอกห้องน้ำภาพเงาร่างสูงของชายคนนั้นยืนอยู่นอกห้องน้ำใบหน้าหล่อเหลาของเขาปกคลุมไปด้วยชั้นแห่งความเศร้าโศกดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองเธออย่างเย็นชา “พี่รังเกียจผมเหรอ?”ใบหน้าของเธอซีดและเธอขดตัวราวกับว่าเธอพยายามเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขาเป็นพันไมล์อี้ จิ่นหลี เม้มริมฝีปากแน่น "ฉันเคยต้องการผู้หญิงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ฉัน อี้ จิ่นหลี ผู้หญิงแบบไหนกันที่ฉันไม่สามารถครอบครองได้ในเมืองนี้?”"และเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแม้ว่าเธอจะน่าสนใจเล็กน้อย... ฉันจะไม่ลดตัวลงไปไล่ตามผู้หญิงที่รังเกียจฉัน"“เอาล่ะ หลิง อี้หราน เนื่องจากพี่รังเกียจมากนัก ผมจะปล่อยให้พี่ไป" อี้ จิ่นหลี พูดอย่างเย็นชา ดวงตาที่สวยงามและน่ารักของเขาเย็นชาด้วยน้ำค้างแข็ง "อย่างไรก็ตาม ตามที่กล่าวไว้ถ้าพี่เสียใจในอนาคต ผมจะไม่ต้องการพี่อีกแล้ว ผม อี้ จิ่นหลี ไม่เคยให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง"เมื่อเขาพูดเสร็จเขาก็ออกไปออกจากวอร์ดหลิง อี้หราน
หลิง อี้หราน กลับมาที่ห้องเช่าด้วยความลำบาก "เป็นเวลาไม่กี่วันแล้วที่ฉันจากไปในวันส่งท้ายปีเก่าและกลับมา แต่รู้สึกเหมือนฉันได้รับประสบการณ์มาตลอดชีวิตในช่วงเวลานั้น"เธอศึกษาห้องเช่าที่คับแคบและรู้สึกราวกับว่ามีอากาศเย็น ๆ หลิง อี้หราน อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเว้าวอน “จากนี้ไปฉันจะอยู่ที่นี่คนเดียวอีกครั้ง”“จะไม่มีใครมากับฉันและคุยกับฉันในตอนกลางคืนนอกจากนี้จะไม่มีใครยิ้มเมื่อพวกเขาเรียกฉันว่า 'พี่สาว'!"เธอคว้าชุดเสื้อผ้าที่สดใหม่และล้างความอับอายของเธอออกไปก่อนที่จะเริ่มจัดระเบียบบ้าน"ถึงแม้อี้ จิ่นหลี จะอยู่ที่นี่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็มีร่องรอยของเขามากมายในบ้าน ช้อนส้อม, ผ้าขนหนู, และแปรงสีฟันที่เขาใช้ รวมทั้งเสื้อผ้าและรองเท้าที่เขาสวม... "เธอเคลียร์ทุกอย่างและวางทั้งหมดลงในกล่องกระดาษแข็ง“ทำไมไม่ทิ้งมันไปล่ะ?” เธอถามตัวเอง "การรักษาสิ่งเหล่านี้จะใช้พื้นที่ แต่ฉันอยากจะเก็บมันไว้มันอาจจะฟังดูตลก แต่จริง ๆ แล้วฉันคิดถึงวันเวลาที่ใช้ร่วมกับจิน”"จินนั่นเป็นภาพลวงตาชัด ๆ เขาเป็นตัวปลอมที่สร้างขึ้นโดยอี้ จิ่นหลี แต่... ความรู้สึกของฉันที่มีต่อจินเป็นเรื่องจริง!”“ฉันมีค
พวกเขายังคง งงงวยกับหลักฐานทางวัตถุและคำให้การที่เป็นเอกฉันท์ของพยานจนถึงทุกวันนี้“คนเหล่านั้นกล้าปฏิบัติต่อเธอแบบนั้นได้อย่างไร! พวกเขาเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นจากเบื้องสูงทางศีลธรรมโดยไม่รู้อะไรเลย” ชิน เหลียนอี กล่าวอย่างขุ่นเคืองหลิง อี้หราน ตอบอย่างใจเย็น "มันไม่มีความหมายสำหรับฉันหรอก”ชิน เหลียนอี นึกถึงความเจ็บปวดทั้งหมดในร่างกายของเพื่อนของเธอและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจได้ “ตอนที่ฉันต้อนรับอี้หรานครั้งแรกหลังจากที่เธอออกจากคุก ฉันสังเกตเห็นบาดแผลทั้งหมดบนตัวเธอมีทั้งใหม่และเก่า แม้ว่าอี้หรานจะไม่เคยบอกฉันเกี่ยวกับสิ่งที่เธอต้องทนอยู่ในคุก แต่ฉันก็เดาได้”“ฉันกลัวว่าอี้หรานจะได้พบเจอกับความยากลำบากในคุกทุกประเภท”“จินคืออี้ จิ่นหลี จริง ๆ เหรอ?" ชิน เหลียนอี ถามเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา“ใช่" หลิง อี้หราน พยักหน้า“แต่... ถ้าเขาเป็นอี้ จิ่นหลี ทำไมเขาถึงแสร้งเป็นคนจรจัดและอยู่กับเธอในห้องเช่านานขนาดนี้ล่ะ?” เธอถาม “ฉันไม่สามารถเข้าใจประเด็นนี้ได้เลย อี้ จิ่นหลี มีความสนใจแปลก ๆ บ้างหรือเปล่านะ?”“มันไม่มีอะไรนอกจากเกมสำหรับเขาเลย” หลิง อี้หราน ตอบอย่างขมขื่น “ตอนที่ฉันได้ย
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค