เย่เหวินหมิงนึกถึงผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าฟกช้ำ และร่างกายซูบผอมของโจวเชียนหยุนตลอดทั้งคืน เขาไม่สามารถสลัดภาพนั้นออกจากหัวได้เลย‘นี่ฉันเป็นอะไรไป? ทำไมช่วงนี้ฉันนึกถึงโจวเชียนหยุนมากขนาดนี้?’ เมื่อเธอส่งอาหยันน้อยมาให้เขาในอีกสามเดือน เขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้อีก! “ประธานเย่ครับ? คุณคิดว่าข้อเสนอนี้เป็นยังไงบ้างครับ? ประธานเย่?” เสียงของลูกน้องเขาดังขึ้นขัดความคิดที่เหม่อลอยของเขา และในที่สุดเขาก็ได้สติ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องประชุมที่กำลังประชุมกับผู้จัดการอาวุโสอยู่“ผมจะไปตรวจดูข้อเสนอและคุยกับพวกคุณทีหลัง วันนี้เลิกประชุมก่อนแล้วกัน” เย่เหวินหมิงกล่าว‘เลิกประชุม?’ผู้บริหารอาวุโสต่างก็มองหน้ากัน ‘เขาไม่ได้บอกว่าข้อเสนอต้องเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ในที่ประชุมวันนี้เหรอ?’ทว่าในเมื่อเจ้านายว่าอย่างนั้นแล้ว คนอื่น ๆ จึงไม่มีอะไรจะพูดอีกพวกเขารวบรวมเอกสารของตัวเองแล้วออกไปสุดท้ายเย่เหวินหมิงก็พูดกับเลขาที่อยู่ใกล้ ๆ ว่า “คุณก็ออกไปด้วยนะ ผมอยากอยู่คนเดียว”“ได้ค่ะ” เลขาตอบเมื่อเย่เหวินหมิงอยู่ตามลำพังในห้องประชุม ร่องรอยความเหนื่อยล้าและการดิ้นรนต่อสู้ก็ปราก
คิ้วสวยของโจวเชียนหยุนย่นเข้าหากัน “คุณต้องการจะทำบ้าอะไรกันแน่? ฉันเขียนข้อตกลงให้คุณแล้วไม่ใช่หรือไง? คุณสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าสามเดือนนี้จะเป็นเวลาของฉันกับอาหยันน้อย?”เย่เหวินหมิงเงียบไป แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการจะทำอะไรกันแน่! เขาร้อนใจตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่บริษัท และเอาแต่นึกถึงภาพเมื่อคืนจนต้องมาที่นี่ด้วยความหุนหันพลันแล่น“เมื่อคืนมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เธอตบหน้าจื่ออินจริงเหรอ?” เย่เหวินหมิงหาข้ออ้างที่ทำให้เขามาที่นี่ได้โดยชอบธรรมทันใดนั้นโจวเชียนหยุนก็ตระหนักได้ในตอนที่ได้ยินแบบนี้ ‘นี่เขามาเรียกร้องหาความยุติธรรมให้คงจื่ออินหรอกเหรอ?’“ค่ะ ฉันตบเอง คุณจะมาเอาคืนฉันแทนคงจื่ออินเหรอ?” เธอถามอย่างเย็นชา“เธอยอมให้สิทธิ์เลี้ยงดูอาหยันน้อยกับฉัน จื่ออินก็เต็มใจจะดูแลลูกเป็นเหมือนลูกของเธอเองและจะดูแลเขาเป็นอย่างดี มีอะไรให้ไม่พอใจอีก? เธอไม่คิดว่าตัวเองทำเกินไปหน่อยเหรอที่ตบจื่ออิน?” เย่เหวินหมิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ทำเกินไปเหรอ? ฉันยังนึกเกลียดอยู่เลยที่ทำได้แค่ตบ! แค่ตบจะพอกับสิ่งที่เธอทำได้ยังไง?” สิ่งที่เธอเกลียดมากที่สุดไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องเข
แม้ว่าชุดเกราะของเธอจะเต็มไปด้วยรอยร้าว แต่เธอก็ยังไม่อยากถูกดูแคลน และโดนชายคนนี้เยาะเย้ย!“โจวเชียนหยุน เธอเป็นอะไรไป?” เสียงของเย่เหวินหมิงดังขึ้นเหนือหัวของเธอ“ฉัน...” เธอพยายามบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่เธอแทบจะกัดลิ้นตัวเองขณะพูดออกมาร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมาจากหน้าผากของเธอ และไหลลงมาอาบข้างแก้ม ใบหน้าของเธอขาวซีดจนไร้สีรวมถึงริมฝีปากของเธอก็ด้วย“ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล!” เย่เหวินหมิงกล่าว เขาเห็นเธอเจ็บแบบนี้มากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว!เขาจับแขนเธอไว้ขณะพูดโดยไม่ได้จับไว้แรงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว และท่าทางการจับก็ระมัดระวังราวกับกลัวเธอเจ็บ“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาล” โจวเชียนหยุนกล่าว“ทำไมถึงไม่อยากไปโรงพยาบาล? ทำไมต้องทำเป็นเข้มแข็งด้วย?” เย่เหวินหมิงถามอย่างขุ่นเคืองโจวเชียนหยุนพูดขึ้นมาอย่างยากลำบากหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ “คุณกลายเป็นคน... เห็นอกเห็นใจคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? การที่ฉันเจ็บปวดเจียนตาย... ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการหรอกเหรอ? หนี้ที่พ่อสร้าง ลูกสาวต้องชดใช้ เป็นคุณไม่ใช่เหรอ... ที่เรียกร้องให้ฉันชดใช้หนี้แทนพ่อ?”ใบหน้าขอ
เย่เหวินหมิงมองกวอซิ่นหลี่ นิ้วของเขาที่จับแขนของโจวเชียนหยุนไว้ในขณะนี้ดูเหมือนจะแข็งทื่อสุด ๆไม่รู้ทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นมือที่สามเขาค่อย ๆ คลายนิ้วออก และโจวเชียนหยุนก็กล่าวกับเย่เหวินหมิงว่า “ฉันกำลังจะล็อกประตูบ้านและไปโรงพยาบาล คุณจะอยู่ที่นี่ต่อเหรอคะ?” เย่เหวินหมิงเดินออกจากประตูด้วยใบหน้าเย็นชา โจวเชียนหยุนหยิบกุญแจออกมาและล็อกประตูทันทีกวอซิ่นหลี่จับโจวเชียนหยุนไว้ขณะที่เย่เหวินหมิงมองตามร่างของคนทั้งสองที่เดินจากไป ตอนนี้เขารู้สึกปวดฟันขึ้นมาอีกครั้ง“ผู้ชายคนนี้มันมีดีอะไร? โจวเชียนหยุนเห็นอะไรในตัวเขา? อีกอย่าง ผู้ชายคนนี้กล้าดียังไงถคงมาอนากได้ผู้หญิงที่ฉันไม่ต้องการแล้ว?”กวอซิ่นหลี่พาโจวเชียนหยุนไปที่รถ รถออกตัวมาได้ครึ่งทางแล้วจู่ ๆ โจวเชียนหยุนก็พูดว่า “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ คุณไม่ต้องพาฉันไปโรงพยาบาลหรอก”“แต่คุณดูไม่ค่อยดีเลย ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูสักหน่อยล่ะครับ?” กวอซิ่นหลี่กล่าว“ไม่จำเป็นจริง ๆ ค่ะ” เธอส่ายหัว “เรื่องก่อนหน้านี้... ขอบคุณนะคะ”“ผู้ชายคนนั้นคงเป็น... พ่อของอาหยันน้อยสินะครับ” กวอซิ่นหลีกล่าว เพราะเห็นว่าเขาคล้ายค
สุดท้ายโจวเชียนหยุนก็ถอนหายใจ เธอมองหลิงอี้หรานและกล่าวว่า “ใช่ ฉันเป็นมะเร็งตับระยะที่สาม ฉันน่าจะมีเวลาเหลืออยู่อีกไม่ถึงครึ่งปี ถึงหมอจะบอกว่าการทำคีโมช่วยต่ออายุไปได้ประมาณสองปี แต่ฉันไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือไปเพื่อทำคีโม ฉันอยากจะใช้ชีวิตหกเดือนนี้ไปเพื่อตัวเอง!”หลิงอี้หรานชะงักไป แม้เธอจะรู้สึกแย่ที่เห็นยาพวกนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าอาการป่วยของโจวเชียนหยุนจะร้ายแรงขนาดนี้!“การ... ผ่าตัดล่ะคะ? หมอบอกว่ายังไงบ้าง?” เธอรีบถาม“ไม่ต่างกันมาก ยกเว้นว่าฉันจะได้รับการปลูกถ่ายตับ แต่เพราะกรุ๊ปเลือดเฉพาะของฉัน เลยหาตับที่เข้ากันไม่ได้ เราเลยแทบไม่มีโอกาส” โจวเชียนหยุนกล่าวคุณนายโจวกล่าวอย่างลังเลเล็กน้อย “ฉันคิดเรื่องนี้แล้ว มันยังพอมีหวัง! ก่อนหน้านี้ลูกบริจาคไขกระดูกให้ใครบางคนไปไม่ใช่เหรอ? หมอบอกว่าเขาแก่กว่าลูกไม่กี่ปีและมีกรุ๊ปเลือดเดียวกัน ทำไมเราไม่ลองหาคนคนนี้ดูล่ะ? บางทีเขาอาจจะ... เต็มใจบริจาคตับให้ก็ได้นะ?”อย่างไรเสียการบริจาคตับไปบางส่วน ตับส่วนที่เหลือก็ยังทำงานได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และจะค่อย ๆ เพิ่มเซลล์ขึ้นจนตับกลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้งในอนาคตโจวเชียนหยุ
เธอสามารถจินตนาการได้ถึงความแน่วแน่ของพี่โจวที่ตัดสินใจจะมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูอาหยันน้อยให้เย่เหวินหมิงพี่โจวคงไม่ตัดสินใจแบบนี้ ถ้าเธอไม่ได้ทรมานจากอาการเจ็บป่วยที่รักษาให้หายยากแบบนี้!ความแปลกใจปรากฏในดวงตาของอี้จิ่นหลี “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”หลิงอี้หรานกล่าวพึมพำ “มะเร็งระยะที่สาม มีแค่การปลูกถ่ายตับที่จะช่วยเธอได้ แต่พี่โจวมีเลือดกรุ๊ปเฉพาะ ทำให้การหาตับที่เหมาะสมยากขึ้นไปอีก”ขณะพูดเธอสูดน้ำมูกและเงยหน้ามองอี้จิ่นหลี “จินคะ ช่วยหาอีกอย่างให้ฉันได้ไหม?”อี้จิ่นหลีมองดวงตาสีแดงของผู้หญิงตรงหน้าเขาที่มีชั้นน้ำตาบาง ๆ อยู่ภายใน “ได้สิ ได้ทุกอย่าง แต่เธอไม่ร้องแล้วนะ ได้ไหม?” น้ำตาของเธอทำให้เขาปวดใจแม้จะรู้ว่าเธอเสียน้ำตาเพราะเป็นห่วงโจวเชียนหยุน แต่... แต่ก็ยังทำให้เขาหึงได้อยู่ดีเขาไม่อยากให้เธอเสียน้ำตาให้ใครหลิงอี้หรานสะอื้นเล็กน้อยและสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดว่า “ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่โจวเคยบริจาคไขกระดูกไป แต่เป็นแบบไม่ระบุชื่อ พี่โจวเองก็ไม่รู้ว่าใครที่เธอบริจาคให้ค่ะ”มีประกายสว่างวาบในดวงตาของอี้จิ่นหลีเมื่อได้ยินอย่างนี้ “เธอสงสัยว่าโจวเชียนหยุนจะบริจาคไขกระดูกให้เย่เหวิน
ดังนั้นหลิงอี้หรานจึงยังคงต้องปลอบอี้จิ่นหลีหลังจากการฉีดยาอยู่เช่นเคย “เอาล่ะ ๆ ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ นะคะ ก็แค่การฉีดยาเอง ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น”ตอนนี้ดวงตาของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย "ไม่เจ็บมากเหรอ? จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง?" เขาเคยถามหมอ และได้คำตอบว่ายิ่งเธอฉีดยาบ่อยเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น“เอาล่ะ ๆ เป็นเด็กดีนะคะ คุณบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่า อย่าอารมณ์เสีย ใช่ไหม? ทำไมตอนนี้คุณถึงดูเหมือนจะร้องไห้แล้วล่ะ? หลังจากนี้เรามีเรียนอีกนะคะ” หลิงอี้หรานกล่าวเธอตบไหล่อี้จิ่นหลีและลูบหัวเขาขณะพูดพยาบาลที่ยังอยู่ในห้องมองภาพนั้นด้วยความตะลึง ‘นี่ใช่... นายน้อยอี้จริงเหรอ? นายน้อยอี้ที่เลื่องชื่อเรื่องความเด็ดขาดและเย็นชาน่ะเหรอ?‘แต่ทำไมเขาถึงดูเหมือน... ลูกหมาขนาดนี้?! เขาดูเหมือนลูกหมาที่อ้อนเจ้าของเพื่อขอกอด ขอหอมเลย'‘และแน่นอนว่า... เจ้าของก็ต้องเป็น...’ พยาบาลคนนั้นเหลือบมองหลิงอี้หรานมีแค่ผู้หญิงคนนี้ที่ทำอะไรแบบนั้นกับนายน้อยอี้ได้ ข่าวที่นายน้อยอี้แต่งงานกับคนไม่มีชื่อเสียงแพร่ไปทั่วในกลุ่มเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล แต่ข้างนอกนั่นยังไม่มีใครรู้ข่าวเรื่องนี้!ตอนแรกเจ้าหน้าที่ทางก
“ไม่สำคัญหรอก ถึงเธอจะอยากรังแกฉันจริง ๆ ก็ตาม” เขาพูดพร้อมกับจ้องมองเธอ “แต่ไม่ว่าจะอยากรังแกฉันแบบไหน ขอแค่ไม่ทิ้งฉันไปก็พอ”ไม่รู้ว่าทำไมคำพูดของเขาถึงทำให้เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างกดดันหัวใจ และเขาก็ยังคงไม่สบายใจกับอะไรบางอย่างแต่... อะไรที่เขาไม่สบายใจกันล่ะ? พวกเขาแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดำเนินไปด้วยดี และเธอก็รู้สึกว่าพวกเขาค่อย ๆ กลับไปดีกันเหมือนเมื่อก่อนที่พวกเขาเคยใช้เวลาด้วยกันเธอจับใบหน้าเขาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่มีทางที่ฉันจะทิ้งคุณไปหรอกนะคะ”เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น ความหม่นหมองในดวงตาของเขาก็เบาบางลง ก่อนที่รอยยิ้มจาง ๆ จะปรากฏบนมุมปากของเขารอยยิ้มนั้นสวยงามมากและจับใจจนเธอเกือบหลงเข้าไปผู้ชมรอบตัวพวกเขาต่างตกตะลึงไป‘พระเจ้า! ผู้หญิงคนนี้ทั้งจับทั้งลูบหน้านายน้อยอี้เลย แถมนายน้อยอี้ยังปล่อยให้เธอ... จับอยู่อย่างนั้น!‘ยิ่งไปกว่านั้น นายน้อยอี้ยังยิ้มอยู่ด้วย! รอยยิ้มแบบนี้หาดูที่อื่นไม่ได้หรอกนะ! เหมือนกับว่านายน้อยอี้จะมีดวงตาไว้สำหรับผู้หญิงคนนั้นคนเดียว! รอยยิ้มของเขาที่นุ่มนวลนั้นทั้งหมดมีไว้เพื่อผู้หญิงคนนี้เท่านั้น!’ผู