อี้จิ่นหลีเป็นคนแรกที่รู้ตัวและพูดราวกับว่าเข้าใจบางอย่าง “เกิดอะไรขึ้น? คุณมาที่นี่เพื่อรับคู่หมั้นเหรอ ประธานเย่?”“คุณล่ะ นายน้อยอี้? มารับใครที่นี่ด้วยเหรอ?” เย่เหวินหมิงถามกลับแทนที่จะตอบคำถาม“ฉันมาที่นี่เพื่อรับภรรยาและเพื่อนของเธอ” อี้จิ่นหลียิ้มจาง ๆ เย่เหวินหมิงขมวดคิ้ว เมื่อกี้คงจื่ออินไม่ได้พูดอะไรมาก เธอแค่บอกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นและอยู่ที่สถานีตำรวจ ทั้งเธอยังสะอื้นเล็กน้อย เพราะอย่างนั้นเขาเลยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มและรีบมุ่งหน้ามาถึงอย่างนั้นเมื่อได้ยินสิ่งที่อี้จิ่นหลีกล่าว เย่เหวินหมิงก็รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง ใบหน้าของโจวเชียนหยุนปรากฏขึ้นในความคิดของเขา‘โจวเชียนหยุน... อยู่ที่สถานีตำรวจด้วยเหรอ?’ในตอนที่เย่เหวินหมิงกำลังจะเดินเข้าไปข้างใน จู่ ๆ อี้จิ่นหลีก็กล่าวขึ้นมาว่า “ได้ยินมาว่าโจวเชียนหยุนมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูให้คุณแล้วเหรอประธานเย่ คุณสงสัยไหมว่าทำไม?”‘ทำไม...’ เย่เหวินหมิงคิดถึงเรื่องที่โจวเชียนหยุนพูดเรื่องเริ่มต้นชีวิตใหม่ และได้แต่งงานมีลูกกับผู้ชายคนอื่น เขาพบว่าฟันของตัวเองขบกันแน่น “ไม่คิดเลยนะว่านายน้อยอี้จะชอบเรื่องซุบซิบกับเขาด้วย”
ปกติแล้วเธอมักจะไม่ทำตัวเด่น แต่ครั้งนี้เธอต้องออกหน้าเพื่อพี่โจว ไม่อย่างนั้นคงจื่ออินก็จะยิ่งรังแกพี่โจวมากไปกว่านี้แน่!ดวงตาของคงจื่ออินเปล่งประกายเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงดื้อรั้นด้วยการพูดว่า “ได้สิ ฉันเองก็อยากรู้ความจริงเหมือนกัน!”หลิงอี้หรานเมินคงจื่ออิน และมองไปที่โจวเชียนหยุน “พี่โจว ลุกไหวไหมคะ?”“ไหวจ้ะ” โจวเชียนหยุนฝืนยิ้มและซวนเซลุกขึ้นเดินหลิงอี้หรานกำลังจะเข้าไปช่วยพยุงโจวเชียนหยุน แต่อี้จิ่นหลีกล่าวว่า “ฉันทำเอง” พูดจบเขาก็จับแขนของโจวเชียนหยุน แล้วพวกเขาทั้งสามก็พากันออกไปที่ทางออกของสถานีตำรวจดวงตาของเย่เหวินหมิงหรี่ลงเล็กน้อย เขารู้ว่าอี้จิ่นหลีและโจวเชียนหยุนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เป็นเพราะหลิงอี้หรานชายหนุ่มจึงเต็มใจจะช่วยเหลือโจวเชียนหยุนถึงอย่างนั้นเย่เหวินหมิงก็ยังคงพบว่าภาพนั้นบาดตาเขาเป็นพิเศษโจวเชียนหยุนไม่ได้ชายตามองเย่เหวินหมิงแม้แต่นิดเดียวในตอนที่เธอเดินผ่านเขา เธอไม่สนใจเขาเลยสักนิดริมฝีปากของเย่เหวินหมิงเม้มเข้าหากันจนเกือบเป็นเส้นตรง เขามองร่างของโจวเชียนหยุนที่กำลังเดินจากไปคงจื่ออินหัวเสียขึ้นมาขณะมองเย่เหวินหมิง เขาเอาแต่จ้องแผ่นหลังข
‘โจวเชียนหยุน พอฉันได้เป็นนายหญิงบ้านตระกูลเย่แล้ว ฉันจะไม่ปล่อยเธอและลูกนอกคอกของเธอไปแน่! ฉันจะเลี้ยงเด็กนั่นให้เป็นคนหัวทึบไร้ประโยชน์ และไม่มีที่ว่างให้เธอได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไร! ...หลิงอี้หรานและอี้จิ่นหลีไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนโจวเชียนหยุนเพื่อตรวจเช็กบาดแผลตามตัว โชคดีที่โจวเชียนหยุนมีรอยแผลแค่ผิวหนังภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหรือกระดูกของเธอหลังจากไปส่งโจวเชียนหยุนที่บ้าน หลิงอี้หรานก็ยังคงหงุดหงิดกับการกระทำอันน่ารังเกียจของคงจื่ออิน“คุณว่า พี่โจวจะเชื่อใจว่าเย่เหวินหมิงจะดูแลอาหยันน้อยได้จริงไหมคะ? พอเย่เหวินหมิงกับคงจื่ออินแต่งงานกันแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็จะกลายเป็นแม่เลี้ยงของอาหยันน้อยนะ!” หลิงอี้หรานกล่าวอี้จิ่นหลีกล่าวว่า “เธอก็คงมีเหตุผลของเธอ เอาเถอะ ๆ ใจเย็นก่อนนะ ผู้หญิงท้องโกรธมันไม่ดีกับลูกนะ”หลิงอี้หรานตอบว่า “ฉันแค่รู้สึกว่าไมยุติธรรมกับพี่โจวเลย เย่เหวินหมิงไม่เห็นเหรอว่าคงจื่ออินเสแสร้งแค่ไหน?”“บางทีเขาอาจจะเห็นนะ แต่ปล่อยผ่าน เท่าที่ฉันรู้ เย่เหวินหมิงคบกับคงจื่ออินเพราะเขาเคยเป็นโรคที่ต้องการปลูกถ่ายไขกระดูกในตอนที่ตระกูลเย่กำล
เย่เหวินหมิงนึกถึงผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าฟกช้ำ และร่างกายซูบผอมของโจวเชียนหยุนตลอดทั้งคืน เขาไม่สามารถสลัดภาพนั้นออกจากหัวได้เลย‘นี่ฉันเป็นอะไรไป? ทำไมช่วงนี้ฉันนึกถึงโจวเชียนหยุนมากขนาดนี้?’ เมื่อเธอส่งอาหยันน้อยมาให้เขาในอีกสามเดือน เขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้อีก! “ประธานเย่ครับ? คุณคิดว่าข้อเสนอนี้เป็นยังไงบ้างครับ? ประธานเย่?” เสียงของลูกน้องเขาดังขึ้นขัดความคิดที่เหม่อลอยของเขา และในที่สุดเขาก็ได้สติ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องประชุมที่กำลังประชุมกับผู้จัดการอาวุโสอยู่“ผมจะไปตรวจดูข้อเสนอและคุยกับพวกคุณทีหลัง วันนี้เลิกประชุมก่อนแล้วกัน” เย่เหวินหมิงกล่าว‘เลิกประชุม?’ผู้บริหารอาวุโสต่างก็มองหน้ากัน ‘เขาไม่ได้บอกว่าข้อเสนอต้องเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ในที่ประชุมวันนี้เหรอ?’ทว่าในเมื่อเจ้านายว่าอย่างนั้นแล้ว คนอื่น ๆ จึงไม่มีอะไรจะพูดอีกพวกเขารวบรวมเอกสารของตัวเองแล้วออกไปสุดท้ายเย่เหวินหมิงก็พูดกับเลขาที่อยู่ใกล้ ๆ ว่า “คุณก็ออกไปด้วยนะ ผมอยากอยู่คนเดียว”“ได้ค่ะ” เลขาตอบเมื่อเย่เหวินหมิงอยู่ตามลำพังในห้องประชุม ร่องรอยความเหนื่อยล้าและการดิ้นรนต่อสู้ก็ปราก
คิ้วสวยของโจวเชียนหยุนย่นเข้าหากัน “คุณต้องการจะทำบ้าอะไรกันแน่? ฉันเขียนข้อตกลงให้คุณแล้วไม่ใช่หรือไง? คุณสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าสามเดือนนี้จะเป็นเวลาของฉันกับอาหยันน้อย?”เย่เหวินหมิงเงียบไป แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการจะทำอะไรกันแน่! เขาร้อนใจตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่บริษัท และเอาแต่นึกถึงภาพเมื่อคืนจนต้องมาที่นี่ด้วยความหุนหันพลันแล่น“เมื่อคืนมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เธอตบหน้าจื่ออินจริงเหรอ?” เย่เหวินหมิงหาข้ออ้างที่ทำให้เขามาที่นี่ได้โดยชอบธรรมทันใดนั้นโจวเชียนหยุนก็ตระหนักได้ในตอนที่ได้ยินแบบนี้ ‘นี่เขามาเรียกร้องหาความยุติธรรมให้คงจื่ออินหรอกเหรอ?’“ค่ะ ฉันตบเอง คุณจะมาเอาคืนฉันแทนคงจื่ออินเหรอ?” เธอถามอย่างเย็นชา“เธอยอมให้สิทธิ์เลี้ยงดูอาหยันน้อยกับฉัน จื่ออินก็เต็มใจจะดูแลลูกเป็นเหมือนลูกของเธอเองและจะดูแลเขาเป็นอย่างดี มีอะไรให้ไม่พอใจอีก? เธอไม่คิดว่าตัวเองทำเกินไปหน่อยเหรอที่ตบจื่ออิน?” เย่เหวินหมิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ทำเกินไปเหรอ? ฉันยังนึกเกลียดอยู่เลยที่ทำได้แค่ตบ! แค่ตบจะพอกับสิ่งที่เธอทำได้ยังไง?” สิ่งที่เธอเกลียดมากที่สุดไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องเข
แม้ว่าชุดเกราะของเธอจะเต็มไปด้วยรอยร้าว แต่เธอก็ยังไม่อยากถูกดูแคลน และโดนชายคนนี้เยาะเย้ย!“โจวเชียนหยุน เธอเป็นอะไรไป?” เสียงของเย่เหวินหมิงดังขึ้นเหนือหัวของเธอ“ฉัน...” เธอพยายามบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่เธอแทบจะกัดลิ้นตัวเองขณะพูดออกมาร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมาจากหน้าผากของเธอ และไหลลงมาอาบข้างแก้ม ใบหน้าของเธอขาวซีดจนไร้สีรวมถึงริมฝีปากของเธอก็ด้วย“ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล!” เย่เหวินหมิงกล่าว เขาเห็นเธอเจ็บแบบนี้มากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว!เขาจับแขนเธอไว้ขณะพูดโดยไม่ได้จับไว้แรงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว และท่าทางการจับก็ระมัดระวังราวกับกลัวเธอเจ็บ“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาล” โจวเชียนหยุนกล่าว“ทำไมถึงไม่อยากไปโรงพยาบาล? ทำไมต้องทำเป็นเข้มแข็งด้วย?” เย่เหวินหมิงถามอย่างขุ่นเคืองโจวเชียนหยุนพูดขึ้นมาอย่างยากลำบากหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ “คุณกลายเป็นคน... เห็นอกเห็นใจคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? การที่ฉันเจ็บปวดเจียนตาย... ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการหรอกเหรอ? หนี้ที่พ่อสร้าง ลูกสาวต้องชดใช้ เป็นคุณไม่ใช่เหรอ... ที่เรียกร้องให้ฉันชดใช้หนี้แทนพ่อ?”ใบหน้าขอ
เย่เหวินหมิงมองกวอซิ่นหลี่ นิ้วของเขาที่จับแขนของโจวเชียนหยุนไว้ในขณะนี้ดูเหมือนจะแข็งทื่อสุด ๆไม่รู้ทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นมือที่สามเขาค่อย ๆ คลายนิ้วออก และโจวเชียนหยุนก็กล่าวกับเย่เหวินหมิงว่า “ฉันกำลังจะล็อกประตูบ้านและไปโรงพยาบาล คุณจะอยู่ที่นี่ต่อเหรอคะ?” เย่เหวินหมิงเดินออกจากประตูด้วยใบหน้าเย็นชา โจวเชียนหยุนหยิบกุญแจออกมาและล็อกประตูทันทีกวอซิ่นหลี่จับโจวเชียนหยุนไว้ขณะที่เย่เหวินหมิงมองตามร่างของคนทั้งสองที่เดินจากไป ตอนนี้เขารู้สึกปวดฟันขึ้นมาอีกครั้ง“ผู้ชายคนนี้มันมีดีอะไร? โจวเชียนหยุนเห็นอะไรในตัวเขา? อีกอย่าง ผู้ชายคนนี้กล้าดียังไงถคงมาอนากได้ผู้หญิงที่ฉันไม่ต้องการแล้ว?”กวอซิ่นหลี่พาโจวเชียนหยุนไปที่รถ รถออกตัวมาได้ครึ่งทางแล้วจู่ ๆ โจวเชียนหยุนก็พูดว่า “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ คุณไม่ต้องพาฉันไปโรงพยาบาลหรอก”“แต่คุณดูไม่ค่อยดีเลย ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูสักหน่อยล่ะครับ?” กวอซิ่นหลี่กล่าว“ไม่จำเป็นจริง ๆ ค่ะ” เธอส่ายหัว “เรื่องก่อนหน้านี้... ขอบคุณนะคะ”“ผู้ชายคนนั้นคงเป็น... พ่อของอาหยันน้อยสินะครับ” กวอซิ่นหลีกล่าว เพราะเห็นว่าเขาคล้ายค
สุดท้ายโจวเชียนหยุนก็ถอนหายใจ เธอมองหลิงอี้หรานและกล่าวว่า “ใช่ ฉันเป็นมะเร็งตับระยะที่สาม ฉันน่าจะมีเวลาเหลืออยู่อีกไม่ถึงครึ่งปี ถึงหมอจะบอกว่าการทำคีโมช่วยต่ออายุไปได้ประมาณสองปี แต่ฉันไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือไปเพื่อทำคีโม ฉันอยากจะใช้ชีวิตหกเดือนนี้ไปเพื่อตัวเอง!”หลิงอี้หรานชะงักไป แม้เธอจะรู้สึกแย่ที่เห็นยาพวกนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าอาการป่วยของโจวเชียนหยุนจะร้ายแรงขนาดนี้!“การ... ผ่าตัดล่ะคะ? หมอบอกว่ายังไงบ้าง?” เธอรีบถาม“ไม่ต่างกันมาก ยกเว้นว่าฉันจะได้รับการปลูกถ่ายตับ แต่เพราะกรุ๊ปเลือดเฉพาะของฉัน เลยหาตับที่เข้ากันไม่ได้ เราเลยแทบไม่มีโอกาส” โจวเชียนหยุนกล่าวคุณนายโจวกล่าวอย่างลังเลเล็กน้อย “ฉันคิดเรื่องนี้แล้ว มันยังพอมีหวัง! ก่อนหน้านี้ลูกบริจาคไขกระดูกให้ใครบางคนไปไม่ใช่เหรอ? หมอบอกว่าเขาแก่กว่าลูกไม่กี่ปีและมีกรุ๊ปเลือดเดียวกัน ทำไมเราไม่ลองหาคนคนนี้ดูล่ะ? บางทีเขาอาจจะ... เต็มใจบริจาคตับให้ก็ได้นะ?”อย่างไรเสียการบริจาคตับไปบางส่วน ตับส่วนที่เหลือก็ยังทำงานได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และจะค่อย ๆ เพิ่มเซลล์ขึ้นจนตับกลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้งในอนาคตโจวเชียนหยุ