เย่ฉงเว่ยซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ถอนหายใจ ใครจะไปคิดว่าลี่เฉินที่เคยเปลี่ยนแฟนบ่อยจะเป็นแบบนี้เมื่อตกหลุมรัก?เรื่องคงจะง่ายกว่านี้ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกับที่จิ่นหลีหลงใหลและแต่งงานด้วย เพราะแบบนั้นความรู้สึกของลี่เฉินจึงถึงคราวไร้ผลเย่ฉงเว่ยลูบไหล่ของเพื่อนสนิทและปลอบเขาพลางพูดว่า “ในทะเลมีปลาตั้งหลายชนิด บางทีถ้านายตัดใจจากหลิงอี้หรานได้ นายอาจจะเจอ...”“ฉงเว่ย นายเคยตกหลุมรักใครไหม?” จู่ ๆ กู้ลี่เฉินก็โพล่งถามออกมาเย่ฉงเว่ยตะลึงไปในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินกู้ลี่เฉินพูดว่า “ถ้านายเคยรักใคร นายคงจะรู้ ไม่ว่ามีผู้หญิงมากมายแค่ไหนบนโลกนี้ ก็จะมีเพียงคนเดียวที่จะยึดครองความสนใจในหัวใจของนายได้ และจะไม่อยากได้ใครอื่นนอกจากเธอ”‘นายจะไม่หลงใหลหรือตกหลุมรักใครอื่นเช่นกัน' ‘ฉันมีความรู้สึกให้ผู้หญิงคนเดียวมาตลอดเวลาที่ตามหาเธอและไม่สามารถเอาเวลาเหล่านั้นคืนกลับมาได้'‘ฉันจะไปตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง’ และความรักของเขาก็ได้จบไปแล้วเมื่อได้รู้ความจริง! ...อี้จิ่นหลีกลับมาบ้านแล้วในตอนที่หลิงอี้หรานกลับไปยังคฤหาสน์อี้ “ทำไมวันนี้คุณกลับบ้านเร็วล่ะคะ?
“คุณหมายความว่าไป๋ทิงซินปฏิเสธที่จะติดต่อกับคนของคุณเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถามอย่างตื่นตะลึง“ใช่ และเธอน่าจะได้เห็นเขาในข่าวอีกสองสามวันนี้ เขาคงจะกลับเข้าไปควบคุมกำกับตระกูลไป๋ได้อีกครั้ง แต่ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลเกา” อี้จิ่นหลีกล่าวเขาอยากจะรอจนกว่าจะได้รู้ว่าไป๋ทิงซินจะทำอะไรกับทายาทตัวจริงของตระกูลเกาก่อนที่จะบอกกับเธอแต่เห็นได้ชัดว่าไป๋ทิงซินกับตระกูลเกาลงมือกันรวดเร็วกว่าที่เขาคิดไว้แน่นอนว่าเขาก็ต้องขอบคุณความโง่เง่าของภรรยาเอกของตระกูลไป๋ เธอทำหลายต่อหลายอย่างหลังจากที่ไป๋ทิงซินหายตัวไป ทำให้แน่นอนว่ามันจะนำเธอไปสู่จุดตกต่ำได้ในที่สุดหลิงอี้หรานเร่งเร้าเขาด้วยการพูดว่า “คุณยังไม่บอกเลยนะคะว่าไป๋ทิงซินเปลี่ยนไปยังไง การที่ไป๋ทิงซินกลับเข้ามาดูแลควบคุมตระกูลไป๋ได้เป็นเรื่องที่ดี เขาน่าจะต้องทำแบบนั้นแม้ว่าต้องใช้ความช่วยเหลือจากตระกูลเกาก็ตาม เกาจิ้งหรงอาจจะอารมณ์เสียที่เห็นรถของเหลียนอี และทำให้พวกเราเกือบจะประสบอุบัติเหตุ แต่เหลียนอีก็น่าจะเข้าใจ”“ถ้าหากว่าไป๋ทิงซินคบกับผู้หญิงคนอื่นแล้วล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม อย่างไรเสียหากไม่บอกเธอไปในตอนนี้ ตอนที่ไป๋ทิงซินออกมาปรากฏ
หลิงอี้หรานกล่าว “ค่ะ ฉันมีความสุข การแต่งงานของเรามีความสุขยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก บางทีฉันก็กังวลนิดหน่อยเพราะตอนนี้ฉันมีความสุขมากจริง ๆ โดยเฉพาะตอนที่ฉันเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับพี่โจวและเหลียนอี ฉัน...”“ไม่!” เขาขัดเธอขึ้นมาในทันทีและพูดด้วยความมั่นใจมาก “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป!”สายตาแน่วแน่และจดจ่อของเขาจับเธอไว้แน่นราวกับตาข่ายจับปลาเธอเต็มใจที่จะถูกตาข่ายของเขาจับไว้เช่นนี้ “ค่ะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป!” ...ตอนนี้เป็นเวลาเลยตีสามไปแล้ว โจวเชียนหยุนพาสังขารอันเหนื่อยล้าของเธอกลับไปยังบ้านเช่า เธอหยิบยาหลายกระปุกออกมา เติมน้ำใส่แก้ว และกินยาทั้งหมดนั้นมียาอยู่ราว ๆ เจ็ดถึงแปดเม็ด พวกมันเคยเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธออยากจะกิน แต่ตอนนี้พวกมันเป็นแสงแห่งความหวังให้เธออยู่ต่อได้อีกวันตอนที่คุณนายโจวออกมาจากห้องนอน ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวกำลังกินยาอยู่ “แม่ว่าลูกเลิกไปตั้งแผงขายข้าวดีกว่านะ เรายังพอมีเงินอยู่ หรือแม่ไปทำงานเป็นผู้ช่วยแม่บ้านก็ได้ ลูกจะได้มีเวลาอยู่กับอาหยันน้อยมากขึ้นหน่อย”โจวเชียนหยุนกลืนยาสองเม็ดส
เมื่อโจวเชียนหยุนพูดจบ คุณนายโจวก็ร้องไห้จนแทบขาดใจขณะที่กอดลูกสาวของเธอไว้โจวเชียนหยุนลูบหลังของแม่เธออย่างอ่อนโยนและกล่าวปลอบเธอเสียงเบา “แม่ ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้อง...”คนที่เธอห่วงที่สุดไม่ใช่ลูกชายของเธอ แต่เป็นแม่ของเธอ แม่ของเธอได้อุทิศหลายอย่างให้เธอ แต่เธอในฐานะลูกสาวกลับไม่สามารถตอบแทนแม่ที่สูงอายุของเธอได้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตด้วยซ้ำ! ...โจวเชียนหยุนไปยังตลาดที่อยู่แถวบ้านเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับตั้งร้านแผงลอย และเธอก็บังเอิญเจอกวอซิ่นหลี่ระหว่างเดินทางกลับกวอซิ่นหลี่ดีใจที่ได้พบโจวเชียนหยุน “พอดีเลย ผมกำลังกลัวว่าไปถึงบ้านแล้วไม่มีใครอยู่”“มาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” โจวเชียนหยุนถาม“บังเอิญผมมีเรื่องให้ต้องจัดการใกล้ ๆ นี้ ผมเลยแวะเอาของเล่นมาให้ ผมมีของเล่นเมื่อตอนเด็ก ๆ ที่ยังสภาพดีอยู่ อาหยันน้อยดูจะสนใจตอนที่ผมบอกว่ามี ผมเลยอยากจะเอาให้เขา ถ้าเก่าไปก็ทิ้งได้นะครับ เพราะยังไงมันก็เป็นของมีค่าเล็กน้อยเท่านั้นเอง” กวอซิ่นหลี่กล่าว“ขอบคุณค่ะ” โจวเชียนหยุนกล่าวขอบคุณเขา“จะถือของพวกนี้ขึ้นไปข้างบนเหรอครับ? ให้ผมช่วยนะ!” เมื่อเห็นวัตถุดิบบนรถมอเตอร์ไซค์ กวอซิ่นหลี่ก็พ
“ขอบคุณนะคะ” โจวเชียนหยุนกล่าวเมื่อกวอซิ่นหลี่หันหลังไป ดวงตาของโจวเชียนหยุนก็ยังคงมองแผ่นหลังของเขาราวกับถอนหายใจกับอะไรบางอย่าง หรือกำลังนึกไปถึงบางสิ่งจนกระทั่งกวอซิ่นหลี่ขึ้นรถและขับออกไปจากหมู่บ้านโจวเชียนหยุนจึงหันหลังกลับ เธอเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างสำหรับตั้งร้านของเธอ แต่เดินไปได้เพียงสองสามก้าวเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดูรีบร้อนตรงปรี่มาหาเธอ ต่อจากนั้นใครบางคนจับแขนของเธอไว้และเธอก็หันไปตามแรงดึง“นั่นเป็นผู้ชายที่เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยเหรอ?” เสียงของเย่เหวินหมิงที่เข้าหูของโจวเชียนหยุนมีความประชดประชันอยู่ในนั้นจากนั้นใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาของเขาก็สะดุดตาเธอความรู้สึกประหลาดใจปรากฏผ่านดวงตาของโจวเชียนหยุนในตอนที่เธอเห็นชุดแต่งกายอันไร้ที่ติของเย่เหวินเหมิง “คุณมาทำอะไรที่นี่?”“สำคัญด้วยเหรอ? ฉันไม่ควรมาที่นี่งั้นสิ?” เย่เหวินหมิงถามอย่างเย็นชา คิ้วเรียวยาวของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย และใบหน้าของเขาก็มีความไม่พอใจ ความคิดที่ว่าเธอมองตากับชายคนหนึ่งที่หน้าตาธรรมดา ๆ ด้วยรอยยิ้มทำเอาเขาตื่นตระหนก‘เธอไม่เคยยิ้มแบบนั้นต่อหน้าฉันเลย แต่เธอกลับยิ้มให้กับผู้ชายห
เธอไม่พูดอะไร ไม่ว่าคำพูดของเขาตอนนี้จะรุนแรงแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายเธอได้อีกแล้ว เวลาที่เหลือของเธอจะมีไว้เพื่อแม่และอาหยันน้อยเท่านั้น“โอเค ฉันจะเอาข้อตกลงมาให้คุณเดี๋ยวนี้แหละ” เธอพูดและชำเลืองมองแขนตัวเองซึ่งยังถูกเขาจับกุมไว้ “คุณเย่ ช่วยปล่อยฉันได้ไหมคะ?” เย่เหวินหมิงคลายมือของเขาด้วยใบหน้าเย็นชาโจวเชียนหยุนเดินนำไปในขณะที่เย่เหวินหมิงมองไปยังแผ่นหลังของเธอ ในทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความอ้างว้างในฝ่ามือของเขา... มันน่ากลัวเห็นได้ชัดว่าเธอยินยอมทำตามคำขอของเขา แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบายใจขนาดนี้?โจวเชียนหยุนและเย่เหวินหมิงมาถึงบ้านเช่าของเธอไม่มีใครอยู่ที่บ้านคุณนายโจวเองก็ออกไปข้างนอกเช่นกัน โจวเชียนหยุนเข้าไปในห้อง หยิบกระดาษและปากกาออกมาก่อนจะถามเย่เหวินหมิง “คุณอยากให้ฉันเขียนอะไร?”เขามองเธอและพูดว่า “เขียนว่าเธอจะยอมแพ้เรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูและเธอจะส่งอาหยันน้อยให้ฉันในสามเดือน นับจากนั้น เธอจะไม่โผล่หน้าออกมาให้เขาเห็น หรือติดต่อกับเขาส่วนตัวอีก อย่าพยายามเล่นแง่อะไร ถ้าเธอพยายามลอง ฉันจะทำให้เธอลำบากกว่าที่เจอในคุกแน่”“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เล่นแง่อะไรหรอ
โจวเชียนหยุนพยายามจะสลัดมือออกจากการเกาะกุมของเขา แต่นิ้วของเขาไม่ต่างอะไรจากลูกกรงเหล็ก ยิ่งเธอพยายามก็ยิ่งเจ็บตัว“บอกมาสิ เธอเองไม่ใช่เหรอที่เอาเศษแก้วแทงท้องตัวเอง? แล้วก็บอกว่าไม่อยากมีลูกอีก?” เย่เหวินหมิงถามเสียงเข้มโจวเชียนหยุนหยุดดิ้นและเงยหน้ามองชายตรงหน้า ไม่ว่าเธอจะเคยรักเขาแค่ไหน แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้หมดเกลี้ยงไปแล้ว“ถ้าเขาเป็นคนที่ฉันชอบ แล้วไงถ้าฉันเต็มใจจะมีลูกกับเขา? เย่เหวินหมิง ฉันจะไม่ยอมมีลูกอีกคนกับคุณตราบเท่าที่ฉันยังมีชีวิตอยู่!” เธอตอบกลับ เสียงนิ่ง ๆ ของเธอดูเหมือนจะไม่ได้มีอารมณ์ร่วมใดเจือปนในทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา “จริงเหรอ? ผู้ชายที่เธอชอบ? ผู้ชายคนก่อนหน้านี้น่ะเหรอ? อย่าลืมล่ะว่าเธอเคยบอกว่าชอบฉัน เธอแก้ผ้าและปีนขึ้นเตียงฉันด้วยซ้ำ” “เป็นความผิดพลาดของฉันเอง” เธอกล่าวอย่างเย็นชา‘ความผิดพลาด...’ คำนั้นดูเหมือนจะปั่นป่วนเขา เขาก้มหน้าลงจูบเธออย่างรุนแรงในทันที ราวกับว่าเขาอยากจะพิสูจน์บางอย่างด้วยการทำให้เธอเงียบลงโจวเชียนหยุนพยายามต่อต้านในทันทีที่เธอรู้สึกตัว แต่ดูเหมือนเธอจะพ่ายแพ้ในการต่อต้านและตอบรับจูบของเขาไปชั่วขณะหนึ่ง
ในตอนนี้จู่ ๆ ความรู้สึกตื่นตระหนกก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจของเขา ...“เหวินหมิง ทำไมอยู่ ๆ คุณถึงถอนฟ้องล่ะคะ? คุณไม่ต้องการสิทธิ์เลี้ยงดูลูกแล้วเหรอ?” คงจื่ออินเดินทางมาที่เมืองเฉินโดยเฉพาะและถามคำถามนั้นในทันทีที่เจอหน้าเย่เหวินหมิงเธอร้อนใจมาตลอดตั้งแต่ที่เขามาเมืองเฉิน ราวกับรู้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นแม้ตอนนี้โจวเชียนหยุนจะตกต่ำถึงขีดสุด แต่เธอก็ยังมีลูกกับเย่เหวินหมิง สายสัมพันธ์ของพวกเขา อย่างไรแล้วก็ตัดไม่ขาด!เธอไม่มีวันสบายใจได้ตราบเท่าที่ยังไม่ได้เป็นคุณนายตัวจริงของบ้านตระกูลเย่!“ผมทำข้อตกลงกับเธอไปแล้ว เธอจะส่งอาหยันน้อยให้ผมในอีกสามเดินและจะไม่โผล่หน้ามาให้อาหยันน้อยเห็นหลังจากนั้นอีก” เย่เหวินหมิงกล่าวเสียงเบาคงจื่ออินประหลาดใจและถามว่า “เธอ... ไม่ได้คิดจะทำอะไรใช่ไหมคะ? ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงได้ยอมแพ้สิทธิ์การเลี้ยงดูได้ง่าย ๆ ขนาดนี้?”‘คิดจะทำอะไร...’ ภาพของโจวเชียนหยุนและผู้ชายที่ดูซื่อสัตย์คนนั้นมองกันอย่างอบอุ่นผุดขึ้นในหัวของเขา และเขาก็รู้สึกอึดอัดในอกทันที “พอแล้ว เธอจะไปคิดทำอะไรได้? เธอเป็นใครจะมาสู้กับผม?” มีความโกรธซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเย่เหวินหมิงคงจื่