“พี่โจว นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมอยู่ ๆ พี่ถึงยอมแพ้เรื่องสิ์ทธิการเลี้ยงดูอาหยันน้อยล่ะ?” หลิงอี้หรานถาม“โอกาสในการชนะมันน้อยมาก และ... อย่างที่เธอเห็น ฉันมีแค่ร้านอาหารแผงลอยเล็ก ๆ หาเงินก็ได้ไม่มาก อาหยันน้อยต้องใช้เงินอีกมากในอนาคต ถ้าเขาอยู่กับฉัน เขาจะไม่ได้เข้าโรงเรียนดี ๆ และไม่มีเงินไปเขาห้องติวหลังเลิกเรียนด้วย ไหนจะเรื่องค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้าอีก? ฉันคงจะทำให้เขาได้รับแต่สิ่งเลวร้ายเท่านั้น!”หลิงอี้หรานรีบกล่าวว่า “ฉันทำให้อาหยันน้อยมีชีวิตที่ดีได้นะคะ! ฉันชอบอาหยันน้อยมาก ฉันคิดว่าเขาเป็นลูกอุปถัมภ์ของฉันเอง!”“ขอบคุณนะ หลิงอี้หราน” โจวเชียนหยุนฝืนยิ้ม “เธอช่วยพี่มามากพอแล้วล่ะ อีกอย่าง... ถ้าอาหยันน้อยไม่มีพ่อ พี่คงรับน้ำใจเธอไว้แล้วล่ะ แต่ในเมื่อเขายังมีพ่อและพ่อของเขาสามารถมอบชีวิตที่ดีให้เขาได้ เขาก็ควรจะได้อยู่กับพ่อ”“แต่พี่โจว พี่อยากทำแบบนั้นเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม ตั้งแต่ที่เธอตั้งท้องมา เธอก็ตระหนักถึงความเกี่ยวพันของแม่และลูกมากขึ้น นอกจากนั้นพี่โจวยังเลี้ยงอาหยันน้อยมาตั้งสี่ปีโจวเชียนหยุนพึมพำ “ฉันต้องทำแบบนี้ถึงแม้จะไม่อยากทำก็ตาม ฉันแค่อยากจะเลือ
อี้จิ่นหลีตอบว่า “โอเค เธอควรเข้านอนได้แล้ว หยุดคิดมากได้แล้วนะ”“เอ่อ... ดูเหมือนฉันจะหิวนิดหน่อยน่ะค่ะ” หลิงอี้หรานโพล่งออกมา“งั้นฉันจะให้คนไปเตรียมอาหารให้” เขาพูดขณะยกเท้าออกจากเตียง“ไม่ค่ะ ดึกแล้ว นั่นเสียมารยาทนะคะที่ไปปลุกใครมาเพื่อแค่ทำอาหารให้ฉัน อีกอย่าง... ฉันแค่อยากกินซุปผลไม้ ฉันเข้าครัวไปทำเองได้ค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว“ฉันทำให้เธอเอง” อี้จิ่นหลีกล่าว“คุณน่ะเหรอคะ?” เธอตะลึงไป“ก็แค่ซุปผลไม้ไม่ใช่เหรอ แป๊บเดียวเอง” เขาตอบท้ายที่สุดหลิงอี้หรานก็ออกจากห้องนอนไปพร้อมกับอี้จิ่นหลี และพวกเขาก็ไปยังห้องครัวด้วยกันทั้งคู่ขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สตูลข้างบาร์ในครัว หลิงอี้หรานก็หุบยิ้มกว้างของตัวเองไม่ลงพลางมองอี้จิ่นหลีหยิบผลไม้ออกมาจากตู้เย็น ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น และทำให้มันกลายเป็นซุปตอนนี้เขาดูเหมือนสามารถเข้าถึงได้มากกว่าเดิม ราวกับว่าช่องว่างระหว่างพวกเขาได้ค่อย ๆ น้อยลง เขาไม่ได้แผ่ความรู้สึกสูงส่งทรงอำนาจเหมือนเมื่อก่อนแล้วหลิงอี้หรานเอามือเท้าคางและมองอี้จิ่นหลีที่กำลังวุ่นวาย เธอชอบสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ในตอนนี้มาก ทั้งเงียบสงบและอบอุ่นในไม่ช้าซุปผลไม้ก
เธอค่อย ๆ ใช้ช้อนตักซุปผลไม้ขึ้นมาขณะพูด “เหมือนกับผลไม้ในซุปนี้ บางผลอาจจะเปรี้ยว บางผลอาจจะหวาน คุณตั้งใจจะเสียใจไปทุกวันเกิดเลยหรือไงคะ? อีกอย่าง คุณจะทุกข์ทนไปทุกวันเกิดของฉันเลยเหรอ?” เธอกล่าวแหย่เล่น“ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าเลิกกับเธอเลย!” อี้จิ่นหลีพึมพำ“งั้นเราก็จำไว้เตือนใจและไม่พูดเรื่องเลิกกันอีก โอเคไหมคะ?” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆเขาตะลึงไป ดวงตาดอกท้อสีเข้มของเขาจ้องมองเธอไม่วางตา หลังจากนั้นสักพักเขาก็กล่าวเสียงแหบว่า “งั้นก็เอาตามนี้ ไม่พูดเรื่องเลิกกันอีก”“ค่ะ ถ้าคุณไม่รู้ว่าอยากได้ของขวัญเป็นอะไร งั้นฉันจะเตรียมมาเอง คุณจะมาบอกว่าไม่ชอบไม่ได้นะ” หลิงอี้หรานกล่าวและก้มหน้ากินซุปตรงหน้าของเธออี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หราน และความรู้สึกเจ็บปวดก็แล่นผ่านแววตาของเขา‘นี่เป็น... เรื่องจริงใช่ไหม? เราจะไม่พูดเรื่องลิกกันอีกแล้วใช่ไหม?‘เธอจะรู้ไหมว่าความกลัวสุดชีวิตของฉันคือวันหนึ่งเธอเลือกที่จะจากฉันไป?‘เธอรู้ไหมว่าฉันหวังว่าเธอจะรักษาสัญญาไว้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม?’ ...หลิงอี้หรานกังวลเรื่องของขวัญของอี้จิ่นหลีเล็กน้อย อย่างไรเขาก็มีทุกอย่างแล้ว นอกจากนี้เธอยั
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ?” สีหน้าแข็งกร้าวของกู้ลี่เฉินราวกับจะแตกออก นั่นเป็นเหตุการณ์กำหนดชะตาชีวิตสำหรับเขา แต่กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนแบบพวกเขางั้นเหรอ?“ลองพูดแบบนั้น... อีกทีสิ!” กู้ลี่เฉินกล่าวด้วยเสียงเย็นชา และมีความโกรธเคืองบางอย่างปรากฏบนใบหน้าสวยงามแต่เฉยเมยนั้นป้าสามตะลึงไป เธอรู้สึกได้เพียงว่าอยู่ดี ๆ กู้ลี่เฉินก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาดูเหมือนดาบที่ออกจากปลอก และพร้อมจะฟาดฟันฆ่าเธอได้ทุกเมื่อ“ฉัน... ฉันแค่พูดว่า... ไม่... ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย เงินที่ลี่ฟางเอาไป... เอาไปจากคุณก็เป็นเพียงเศษเงินสำหรับคุณเท่านั้น!”“ฮะฮะ... ฮ่าฮ่า...” จู่ ๆ กู้ลี่เฉินก็หัวเราะและเหวี่ยงหมัดไปเพื่อต่อยป้าสาม เย่ฉงเว่ย รีบจับกู้ลี่เฉินไว้ทันที“พอเถอะลี่เฉิน ทำไมต้องไปสนใจเรื่องที่คนอย่างเธอพูดด้วย ใช่ไหม?” เย่ฉงเว่ยกล่าว“เธอบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฮะฮ่าฮา... ไม่คิดว่ามันตลกเหรอ? เธอบอกว่าสิ่งที่ทำลายชีวิตของฉัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...” กู้ลี่เฉินหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะของเขาก็สะอึกด้วยแรงสะอื้น“ตอนนี้ ๆ หยุดคิดมากก่อนดีกว่า” เย่ฉงเว่ยกล่าวปลอบใจเขาทันใดนั้นกู้ลี่เฉินก็
ป้าสามตะลึงไป แต่จากนั้นก็พูดว่า “ยังไงเราก็ยังเป็นญาติกันนะ! เธอไม่กลัวว่าคนจะพูดลับหลังเธอที่ไม่ช่วยเราว่ายังไงเหรอ?”“คนทำผิดยังไม่กลัวข่าวซุบซิบเลย ทำไมฉันที่เป็นเหยื่อต้องกลัวด้วยล่ะ? อีกอย่าง ลี่ฟางก็ไม่ได้เห็นฉันเป็นญาติในตอนที่ทำร้ายฉันด้วยซ้ำ” หลิงอี้หรานหัวเราะใบหน้าของป้าสามซีดเผือดในทันที เธอพยายามใช้การกระทำแบบคนแก่สั่งสอนหลิงอี้หราน ด้วยการยกมือขึ้นเพื่อผลักหลิงอี้หราน แต่บอดี้การ์ดจับนิ้วของเธอเอาไว้ในตอนที่เอื้อมไปหาหลิงอี้หรานในทันใดนั้นนิ้วของป้าสามรู้สึกราวกับว่ากำลังจะหักจนเธอร้องออกมา“ป้าสาม ไม่แตะฉันจะดีกว่านะคะ บอดี้การ์ดฉันไม่เงอะงะนะ คุณจะเป็นคนเดียวที่ต้องเจ็บตัวนะ ป้าสาม” หลิงอี้หรานกล่าวอย่างเย็นชาป้าสามโกรธจัด แต่ก็เจ็บนิ้วมากจนทำได้แค่ดึงมือออกและมองหลิงอี้หรานด้วยสายตาเป็นฟทนเป็นไฟ “โอเค โตแล้วสิ? คอยดูเถอะ ฉันจะดูว่าแกจะหยิ่งไปได้สักแค่ไหนกันเชียว!”“ถ้ากล้าทำอะไรเธอ ผมรับประกันได้เลยว่าไม่ใช่แค่หวาลี่ฟาง แต่ทั้งครอบครัวคุณก็เข้าคุกได้เหมือนกัน!” จู่ ๆ กู้ลี่เฉินก็กล่าวออกมาเสียงดังป้าสามตกใจจนหน้าซีดและจากไปเงียบ ๆ ด้วยความเสียหน้ากู้ลี่เฉ
เย่ฉงเว่ยซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ถอนหายใจ ใครจะไปคิดว่าลี่เฉินที่เคยเปลี่ยนแฟนบ่อยจะเป็นแบบนี้เมื่อตกหลุมรัก?เรื่องคงจะง่ายกว่านี้ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกับที่จิ่นหลีหลงใหลและแต่งงานด้วย เพราะแบบนั้นความรู้สึกของลี่เฉินจึงถึงคราวไร้ผลเย่ฉงเว่ยลูบไหล่ของเพื่อนสนิทและปลอบเขาพลางพูดว่า “ในทะเลมีปลาตั้งหลายชนิด บางทีถ้านายตัดใจจากหลิงอี้หรานได้ นายอาจจะเจอ...”“ฉงเว่ย นายเคยตกหลุมรักใครไหม?” จู่ ๆ กู้ลี่เฉินก็โพล่งถามออกมาเย่ฉงเว่ยตะลึงไปในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินกู้ลี่เฉินพูดว่า “ถ้านายเคยรักใคร นายคงจะรู้ ไม่ว่ามีผู้หญิงมากมายแค่ไหนบนโลกนี้ ก็จะมีเพียงคนเดียวที่จะยึดครองความสนใจในหัวใจของนายได้ และจะไม่อยากได้ใครอื่นนอกจากเธอ”‘นายจะไม่หลงใหลหรือตกหลุมรักใครอื่นเช่นกัน' ‘ฉันมีความรู้สึกให้ผู้หญิงคนเดียวมาตลอดเวลาที่ตามหาเธอและไม่สามารถเอาเวลาเหล่านั้นคืนกลับมาได้'‘ฉันจะไปตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง’ และความรักของเขาก็ได้จบไปแล้วเมื่อได้รู้ความจริง! ...อี้จิ่นหลีกลับมาบ้านแล้วในตอนที่หลิงอี้หรานกลับไปยังคฤหาสน์อี้ “ทำไมวันนี้คุณกลับบ้านเร็วล่ะคะ?
“คุณหมายความว่าไป๋ทิงซินปฏิเสธที่จะติดต่อกับคนของคุณเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถามอย่างตื่นตะลึง“ใช่ และเธอน่าจะได้เห็นเขาในข่าวอีกสองสามวันนี้ เขาคงจะกลับเข้าไปควบคุมกำกับตระกูลไป๋ได้อีกครั้ง แต่ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลเกา” อี้จิ่นหลีกล่าวเขาอยากจะรอจนกว่าจะได้รู้ว่าไป๋ทิงซินจะทำอะไรกับทายาทตัวจริงของตระกูลเกาก่อนที่จะบอกกับเธอแต่เห็นได้ชัดว่าไป๋ทิงซินกับตระกูลเกาลงมือกันรวดเร็วกว่าที่เขาคิดไว้แน่นอนว่าเขาก็ต้องขอบคุณความโง่เง่าของภรรยาเอกของตระกูลไป๋ เธอทำหลายต่อหลายอย่างหลังจากที่ไป๋ทิงซินหายตัวไป ทำให้แน่นอนว่ามันจะนำเธอไปสู่จุดตกต่ำได้ในที่สุดหลิงอี้หรานเร่งเร้าเขาด้วยการพูดว่า “คุณยังไม่บอกเลยนะคะว่าไป๋ทิงซินเปลี่ยนไปยังไง การที่ไป๋ทิงซินกลับเข้ามาดูแลควบคุมตระกูลไป๋ได้เป็นเรื่องที่ดี เขาน่าจะต้องทำแบบนั้นแม้ว่าต้องใช้ความช่วยเหลือจากตระกูลเกาก็ตาม เกาจิ้งหรงอาจจะอารมณ์เสียที่เห็นรถของเหลียนอี และทำให้พวกเราเกือบจะประสบอุบัติเหตุ แต่เหลียนอีก็น่าจะเข้าใจ”“ถ้าหากว่าไป๋ทิงซินคบกับผู้หญิงคนอื่นแล้วล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม อย่างไรเสียหากไม่บอกเธอไปในตอนนี้ ตอนที่ไป๋ทิงซินออกมาปรากฏ
หลิงอี้หรานกล่าว “ค่ะ ฉันมีความสุข การแต่งงานของเรามีความสุขยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก บางทีฉันก็กังวลนิดหน่อยเพราะตอนนี้ฉันมีความสุขมากจริง ๆ โดยเฉพาะตอนที่ฉันเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับพี่โจวและเหลียนอี ฉัน...”“ไม่!” เขาขัดเธอขึ้นมาในทันทีและพูดด้วยความมั่นใจมาก “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป!”สายตาแน่วแน่และจดจ่อของเขาจับเธอไว้แน่นราวกับตาข่ายจับปลาเธอเต็มใจที่จะถูกตาข่ายของเขาจับไว้เช่นนี้ “ค่ะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป!” ...ตอนนี้เป็นเวลาเลยตีสามไปแล้ว โจวเชียนหยุนพาสังขารอันเหนื่อยล้าของเธอกลับไปยังบ้านเช่า เธอหยิบยาหลายกระปุกออกมา เติมน้ำใส่แก้ว และกินยาทั้งหมดนั้นมียาอยู่ราว ๆ เจ็ดถึงแปดเม็ด พวกมันเคยเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธออยากจะกิน แต่ตอนนี้พวกมันเป็นแสงแห่งความหวังให้เธออยู่ต่อได้อีกวันตอนที่คุณนายโจวออกมาจากห้องนอน ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวกำลังกินยาอยู่ “แม่ว่าลูกเลิกไปตั้งแผงขายข้าวดีกว่านะ เรายังพอมีเงินอยู่ หรือแม่ไปทำงานเป็นผู้ช่วยแม่บ้านก็ได้ ลูกจะได้มีเวลาอยู่กับอาหยันน้อยมากขึ้นหน่อย”โจวเชียนหยุนกลืนยาสองเม็ดส