สีหน้าเย่ฉงเว่ยเครียดขึ้นมาในทันที นั่นเป็นเรื่องจริง ถ้าเขาไม่บอกตอนนี้ ในไม่ช้าวันหนึ่งลี่เฉินก็คงรู้เองอยู่ดีอย่างไรเสียเรื่องแบบนั้นก็ซ่อนไว้ไม่ได้อยู่แล้ว!“แต่นายต้องทำใจดี ๆ ไว้นะ อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” เย่ฉงเว่ยกล่าวกู้ลี่เฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ราวกับว่าเรื่องที่เย่ฉงเว่ยกำลังจะบอกเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากได้ยิน!เมื่อเย่ฉงเว่ยส่งโทรศัพท์มือถือให้กู้ลี่เฉิน รูม่านตาของดวงตารูปนกฟินิกซ์ก็หดตัวลงในทันทีที่เห็นรูปในโทรศัพท์ เขาจับมือถือไว้และมองภาพบนหน้าจอ เลือดในกายของเขาราวกับโดนแช่แข็ง แม้แต่ลมหายใจก็หยุดลงมีชายหญิง... อยู่ในรูป ทั้งคู่แต่งกายด้วยชุดสีขาวเข้าคู่กันเหมือนคู่รัก พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับรอคิว รูปนั้นเป็นภาพถ่ายหน้าจอมือถือซึ่งมีแคปชั่นว่า : [ลองเดาดูซิว่าใครมาแต่งงานที่ที่ว่าการอำเภอวันนี้? ใครทายถูกมีรางวัลให้!]เมื่อเพื่อนของเย้ฉงเว่ยส่งภาพนั้นมา เขาก็ถามว่า : [มีคนส่งรูปนี้มาให้ฉัน คนนี้จิ่นหลีไม่ใช่เหรอ? เขาแต่งงานแล้วเหรอ? ไม่จริงน่า!]‘นั่นอี้จิ่นหลีเหรอ...’ ถ้าถามกู้ลี่เฉิน เขาก็จะ
‘ไม่ใช่กวอซินหลี่เหรอที่อี้หรานสนใจ? ทำไมเธอถึงแต่งงานกับจิ่นหลี? เพื่อเด็กในท้องงั้นเหรอ?‘ไม่ได้การ ฉันต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้!’ทันทีที่วางสายกู้ลี่เฉินก็ลุกพรวดขึ้นและหยิบกุญแจรถก่อนจะตรงไปทางประตูทางออก“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน! นายจะไปไหนเนี่ย?” เย่ฉงเว่ยถามขณะที่รีบมาขวางเขาไว้“ฉันจะไปหาอี้หราน จะได้รู้สักทีว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ฉันอยากรู้ว่ามันมีเรื่องอะไรมากกว่านี้อีกไหม!” กู้ลี่เฉินกล่าวด้วยความร้อนรนบนใบหน้าภาพของเธอที่หยุดรถเขาในเช้าวันนั้นยังคงวนซ้ำอยู่ในหัวเขา เมื่อเขาเลือกที่จะหลับตาลงเพราะความหึงและเมินเฉยต่อเธอ สีหน้าเดียวที่เขาเห็นก็มีเพียงความสิ้นหวัง‘ฉันพลาดอะไรไปงั้นเหรอ?’ หัวใจของเขาฉีกขาดเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น“นายยังไม่หายดีเลยนะ! ทำไมนาย... ไม่ให้ฉันขับรถให้ล่ะ? ฉันจะไปกับนายเอง” เย่ฉงเว่ยกล่าว อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนเอารูปให้ลี่เฉินดู เพราะอย่างนั้นเขาเองก็มีส่วนผิดเช่นกันนอกจากนั้นเขายังรู้จักลี่เฉินและจิ่นหลีมาหลายปี เขากลัวว่าทั้งสองคนจะตีกันเรื่องหลิงอี้หรานอีกเย่ฉงเว่ยไม่เคยลืมเลยว่าจิ่นหลีถึงกับบีบคอลี่เฉินเพราะเรื่องหลิงอี้หรานกู้ลี่เฉินไม่ได
‘ในที่สุดเธอก็เป็น... ของฉัน เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน!’แม้ว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องใบสมรสอะไรนั่นเลย แต่มันก็ช่วยผูกมัดเธอไว้กับเขาได้แม้ว่าเธอจะอยู่กับเขาเพียงเพื่อชินเหลียนอีและเด็กในท้อง แต่ก็ไม่เป็นไรตราบใดที่เธอยังอยู่ข้างกายเขาและไม่ไปไหน!“อี้หราน ถ้าเธออยากไปจากฉันอีก ฉันจะไม่ ‘อ่อนโยน’ เหมือนครั้งล่าสุดแล้วนะ ฉันจะไม่ลังเลที่จะหักปีกเธอไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม ถึงเธอจะเกลียดฉัน หรือคุกเข่าให้ ฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไป” เขาพึมพำเสียงเบาจนมีแค่เขาที่ได้ยินเขามองเธอด้วยความรู้สึกหลงใหลอันไม่มีที่สิ้นสุดในดวงตาของเขา‘ไม่เคยคิดเลยว่าจะหลงใหลผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้‘แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำร้ายฉันให้เจ็บปวดสุด ๆ แต่ฉันก็ไม่สามารถทนทำร้ายเธอได้ และอยากให้เธออยู่เคียงข้างฉันมากที่สุด‘ฉันรักเธอมากขนาดไหนกันนะ? เหมือนกับที่พ่อฉันรักแม่ฉันไหม?‘แต่ฉันไม่ใช่พ่อ และจะไม่ยอมเป็นเหมือนเขา...’ในทันใดนั้นเองที่รถซึ่งขับมาโดยสวัสดิภาพจู่ ๆ ก็เปลี่ยนทิศทางไป และคนขับก็เหยียบเบรกกะทันหันหลิงอี้หรานตื่นขึ้นมางง ๆ เพราะรถที่หยุดลงกะทันหัน เธอได้ยินเสียงของอี้จิ่นหลีถามว่า “เกิด
‘เธอใส่ชุดเดียวกันกับในรูปถ่าย และอี้จิ่นหลี...’ กู้ลี่เฉินมองผ่านหลิงอี้หรานไปและเห็นอี้จิ่นหลีซึ่งนั่งอยู่ในรถประตูยังไม่ปิดลง ดังนั้นเขาจึงสามารถมองเห็นชุดสูทสีชาวของอี้จิ่นหลีที่เหมือนกับในรูปหลิงอี้หรานเดินเข้ามาหาหลิงอี้หรานทีละก้าว ทีละก้าวจนเธอหยุดยืนห่างจากเขาไปเพียงสองก้าวเท่านั้น“คุณขวางรถไว้เพื่อเจอฉันเหรอ?” เธอถาม“วันนี้คุณ... กับอี้จิ่นหลีจดทะเบียนสมรสกันแล้วเหรอ?” กู้ลี่เฉินถามเสียงแหบแห้ง“ค่ะ” หลิงอี้หรานตอบ“ทำไมล่ะ?” คำพูดเหล่านั้นราวกับพยายามเล็ดลอดออกมาจากหันของเขา“ฉันกำลังตั้งท้องลูกของอี้จิ่นหลี” เมื่อเปรียบเทียบกับกู้ลี่เฉินที่กำลังร้อนใจแล้ว หลิงอี้หรานดูสงบกว่ามากใบหน้าของกู้ลี่เฉินเปลี่ยนเป็นซีดเซียว และดวงตาของเขาก็มองไปยังท้องของเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ ‘เธอท้องจริงเหรอ?’ เขาคิดว่าจิ่นหลีพูดแบบนั้นก็เพื่อทำให้เขาขุ่นเคือง แต่ไม่คิดเลยว่าความจริงตอนนี้จะกระแทกเขาเข้าอย่างจังผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจตอนนี้แต่งงานกับผู้ชายคนอื่น และเธอก็กำลังตั้งท้องลูกของชายคนนั้น“ถ้าเขาเอาเด็กมาข่มขู่คุณ ผม...”ทว่าก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เธอก็พูดแทรกขึ้นว่า
เพราะอย่างนั้นเขาจึงห้ามไม่ให้หวาลี่ฟางเรียกเขาว่าเฉินเฉินอีก ชื่อนั้นปิดผนึกอยู่ในความทรงจำของเขาราวกับเป็นสิ่งต้องห้าม แต่หลิงอี้หรานเรียกเขาว่าเฉินเฉินอีกครั้ง เธอ...อยู่ ๆ เขาก็จำขึ้นมาได้ว่าครั้งล่าสุดที่พวกเขาเจอกันในโรงพยาบาล เธอเรียกเขาว่าเฉินเฉินและบอกว่าเธอคือเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เจอกับเขาเมื่อตอนเด็ก! ตอนนั้นเขาคิดเพียงว่าเธอพูดเพื่อช่วยกวอซินหลี่ก็เท่านั้น! ‘เป็นไปได้ไหมว่า... เป็นไปได้ไหม...’ในตอนนั้นเองที่เขาไม่กล้าคิดอะไรเรื่องนี้อีกเสียงของหลิงอี้หรานยังคงพูดต่อไปว่า “คุณช่วยชีวิตฉันไว้มากกว่าครั้งหนึ่ง และฉันก็รู้สึกขอบคุณมาก ฉันเข้าใจความรู้สึกที่คุณมีให้ฉัน แต่ฉันตอบรับมันไม่ได้ ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณไม่เคยเป็นความรัก หยุดรักฉันเถอะค่ะ และไม่ต้องมาเสียเวลามอบความรู้สึกให้ฉันอีกต่อไปแล้ว เรื่องที่คุณช่วยฉัน ฉันจะต้องตอบแทนคุณแน่เมื่อมีโอกาส”“สิ่งที่ผมต้องการจากคุณไม่ใช่การตอบแทน!” กู้ลี่เฉินกล่าว เขามองเธออย่างพินิจพิจารณา และพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “บอกผมหน่อยว่าคุณเป็น... เด็กผู้หญิงที่ผมตามหาจริงเหรอ?”“ฉันเป็นใครมันสำคัญด้วยเหรอคะ?” หลิงอี้หรานพูดด้
อี้จิ่นหลีแค่นเสียงอย่างเย็นชาและกำลังจะต่อยหน้ากู้ลี่เฉิน แต่ทันใดนั้นหลิงอี้หรานก็จับมือของอี้จิ่นหลีไว้“ทำไม? ทนไม่ได้หรือไง?” อี้จิ่นหลีพูดขณะที่เลิกคิ้ว ดวงตาดอกท้อของเขาเย็นเยียบ “เขาช่วยฉันกับลูกไว้นะคะ!” หลิงอี้หรานกล่าวดวงตาของอี้จิ่นหลีเป็นประกายก่อนจะปล่อยมือของอีกฝ่ายไป หลิงอี้หรานพูดอย่างจริงจังกับกู้ลี่เฉิน “ถ้าฉันตอบว่าใช่ คุณจะไม่เชื่อฉันเหมือนคราวที่แล้ว หรือจะเชื่อฉันล่ะคะ?”กู้ลี่เฉินรู้สึกตัวสั่นในทันที “งั้น คุณคือเธอจริง ๆ เหรอ?”“ครั้งหนึ่งเด็กหญิงเจอกับเด็กชายคนหนึ่งซึ่งหลบหนีมาหลังจากโดนลักพาตัว เด็กหญิงอยากพาเด็กชายคนนั้นไปยังที่ปลอดภัย พวกเขาจึงอยู่ในป่าเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนทั้งยังฝ่าฟันอันตรายมากมายไปด้วยกัน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ออกมาจากป่าพร้อมกันโดยไม่ได้ทิ้งอีกฝ่ายไว้ข้างหลัง”หลิงอี้หรานไม่ได้ตอบเขาตรง ๆ แต่เลือกที่จะพูดราวว่ากำลังเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งอยู่กู้ลี่เฉินฟังเรื่องพร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาวแม้แต่เสียงข้างในเขายังพูดว่า ‘หยุดนะ... หยุดเถอะ...’ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยืนอยู่ที่เดิม รับฟังทุกคำพูดของเธอเข้ามาในหูและหัวใจของเขา“เด็กขายคนนั
แม้เธอจะอยากหลบเลี่ยงการทำร้ายเขามากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นแบบนี้อยู่ดี!“ขอโทษเหรอ...” กู้ลี่เฉินกล่าวเย้ย “ทั้งหมดที่ผมพยายามมาตลอดหลายปีได้แค่คำว่าขอโทษเหรอ! เฮอะ ๆ ... เฮอะ ๆ ...”เขาหัวเราะ แต่มีน้ำตาร่วงหล่นออกมาจากดวงตาของเขา หลิงอี้หรานมองน้ำตาของกู้ลี่เฉินด้วยความว่างเปล่า จนกระทั่งดวงตาของเธอถูกปิดบังด้วยมือคู่หนึ่ง “หยุดดูได้แล้ว สิ่งที่ต้องพูดเธอก็ได้พูดไปแล้ว กลับขึ้นรถเถอะ”นี่เป็น... เสียงของอี้จิ่นหลี!หลิงอี้หรานซึ่งโดนปิดตาไว้เดินตามอี้จิ่นหลีกลับขึ้นรถไปรถสีดำค่อย ๆ เคลื่อนตัวจากไปจากนั้นเย่ฉงเว่ยก็กลับมาได้สติอีกครั้งเขาประหลาดใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องที่อี้จิ่นหลีแต่งงานกับหลิงอี้หรานเท่านั้น แต่เขายังประหลาดใจกับเรื่องที่หลิงอี้หรานกลายเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ลี่เฉินตามหามาตลอดฟังดูบ้าบอ แต่ก็เป็นเรื่องจริงเมื่อเห็นสภาพกู้ลี่เฉินในตอนนี้ เย่ฉงเว่ยก็ถอนหายใจอยู่ในใจ ตั้งแต่โตมาด้วยกันน้อยมากที่เขาจะเห็นลี่เฉินร้องไห้ แต่ตอนนี้หลิงอี้หรานทำให้ลี่เฉินร้องไห้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงที่ว่าผู้หญิงสวยมีอันตรายถึงชีวิต“ลี่เฉิ
ครั้งหนึ่งหลิงอี้หรานรู้สึกว่าพ่อตาของเธอไม่ควรทิ้งลูกที่ยังเล็กไว้ตามลำพัง เขาเลือกที่จะตายเพราะไม่สามารถทนกับการสูญเสียคนรักไปได้แต่ว่า... เขาต้องรักลูกของเขาสุดหัวใจแน่ ไม่อย่างนั้น จินคงไม่คิดถึงพ่อของเขามาขนาดนี้แม้จะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม“หนูจะพยายามอย่างหนักเพื่อเป็นภรรยาและแม่ที่ดี หนูจะดูแลชีวิตคู่ให้ดี” เธอพูดอย่างจริงจังและคิดเช่นนั้นจริง ๆ ในเมื่อเธอเลือกเดินทางนี้แล้ว เธอก็อยากทำให้มันเป็นทางเลือกที่ดี แม้ว่าสิ่งที่ผูกเธอไว้กับอี้จิ่นหลีจะเป็นพวกเด็ก ๆ แต่เธอก็ยังหวังว่าอย่างน้อยลูก ๆ ของพวกเขาจะอยู่ในครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียว ไม่มีความขัดแย้งและความขุ่นข้องหมองใจกันเมื่อพูดจบ เธอก็หันไปพบว่าอี้จิ่นหลีกำลังมองเธออยู่ ดวงตาสีน้ำหมึกของเขาราวกับปกคลุมไปด้วยสีเหลืองเรืองรอง“ทั้งหมดที่พูด... เป็นเรื่องจริงนะ” เธอพูดและรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยกับสายตาของเขา“สาบานได้ไหม?” เขาพูดช้า ๆ น้ำเสียงเย็นชาของเขาฟังดูจริงจังอย่างบอกไม่ถูกในห้องไว้ทุกข์ให้บรรพชนนี้“สาบาน?” เธอตะลึงไป“ใช่ สาบาน สาบานต่อหน้าป้ายจารึกของพ่อฉันว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันไปอีก และจะอยู่ข้าง ๆ ฉันจนกว่าเ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค