ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสูดลมหายใจยาว สุดท้ายแล้วสายตาแปลก ๆ ก็หันมามองเมื่อพวกเขายืนอยู่ตรงนี้จากนั้นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและเหล่าเจ้าหน้าที่ก็เห็นชายผู้ซึ่งไม่มีใครในเมืองเฉินกล้าทำให้ขุ่นเคืองใจประคองผู้หญิงในอ้อมแขนมานั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนโยน เขากดน้ำจากตู้กดน้ำแล้วส่งให้เธอนี่นายน้อยอี้... กำลังเสิร์ฟน้ำให้คนอื่นเหรอ?พวกคนที่รู้ว่าอี้จิ่นหลีเป็นใครต่างก็อึ้งไปตาม ๆ กัน เป็นเรื่องปกติที่คนอื่นจะเสิร์ฟน้ำให้นายน้อยอี้ แต่ไม่ใช่กลับกันแบบนี้หลิงอี้หรานรับมาและดื่มไปนิดหน่อย อี้จิ่นหลีสอดมือเข้าไปในเสื้อสูทของตัวเองและหยิบเอากล่องเล็ก ๆ ที่มีบ๊วยเค็มอยู่ในนั้นออกมา เขาเอาออกมาหนึ่งชิ้นและส่งให้เธอ “กินนี่สิ ฉันได้ยินมาว่าช่วยหยุดอาการคลื่นไส้ได้เวลาท้อง”หลิงอี้หรานรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้กินบ๊วยเข้าไป “ใครบอกคุณคะ ว่าบ๊วยช่วยเรื่องคลื่นไส้ได้?”“เกาฉงหมิง” อี้จิ่นหลีพูดชื่อออกมา“เกาฉงหมิงแต่งงานแล้วเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถามด้วยความแปลกใจ สิ่งที่เธอรับรู้ก่อนหน้านี้คือเกาฉงหมิงดูเหมือนจะเป็นคนโสด“เปล่า แต่เขาบอกว่าตอนแม่ท้องเขาเธอแพ้ท้องหนักมาก และดีขึ้นหลังจากกินบ๊วยเข้าไป” อี
ตอนนั้นเธอชอบลูบคิ้วและดวงตาของเขาด้วยปลายนิ้วมือพลางพูดว่า “รู้หรือเปล่าว่าคุณดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูดมากตอนยิ้ม? พอคุณยิ้มแบบนี้คนมองเหมือนโดยดูดวิญญาณไปเลยนะ”เขายิ้มกว้างทรงเสน่ห์ขึ้นอีก “แล้วเธอโดนฉันดูดวิญญาณไปด้วยหรือเปล่า?” ขณะพูดดวงตาดอกท้อของเขาก็มองเธอไม่วางตาเธอหน้าแดงขึ้นมาในทันทีและรู้สึกว่าเธอได้ขุดหลุมฝังตัวเองเขาจับมือเธอไว้และจูบมันอย่างแผ่วเบา “รู้อะไรไหม? ฉันยิ้มแบบนี้ก็เพื่อโชว์ด้านที่น่าจะดึงดูดใจเธอที่สุดออกมา แบบนั้นเธอจะได้หลงเสน่ห์ฉันและรักฉันมากขึ้น อี้หราน ฉันยิ้มแบบนี้ให้เธอคนเดียว และจะไม่มีทางยิ้มแบบนี้ให้คนอื่น”ตอนนั้นเธอทั้งรู้สึกอ่อนหวานและอบอุ่นมาก แต่ตอนนี้... หลังจากหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ดูเหมือนว่ามีอ่าวลึกระหว่างทั้งสอง เธอไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่ในอนาคต...“ทำไม? เธอคิดว่ามันออกมาไม่ดีเหรอ?” เสียงของอี้จิ่นหลีดังขึ้น“อ่า เปล่าหรอก ออกมาดีเลยล่ะค่ะ” หลิงอี้หรานรีบพูดตอบ“งั้นเอารูปพวกนี้เลยแล้วกัน” เขาพูดขณะที่ดึงรูปพวกนั้นออกจากมือเธอและส่งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ใกล้ ๆสายตาของหลิงอี้หรานมองไปยังโถงสาบานตนซึ่งอยู่ถัดไป
เธอยังพูดไม่จบประโยคดีในตอนที่เขาขัดขึ้นมาว่า “อย่าคิดว่าจะได้หย่าเลย! ตลอดชีวิตนี้ไม่มีวัน! เธอต้องเป็นภรรยาของฉันคนเดียว และสามีของเธอก็ต้องมีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น!”เธอตะลึงไป และเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องกล่าวคำสาบานบนเวที หลิงอี้หรานก็ยังงง ๆ อยู่เล็กน้อยจนกระทั่งเธอเริ่มท่องคำสาบานตนจึงค่อย ๆ กลับมามีสติรู้ตัวอีกครั้งทีละนิด ไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนเธอจะรู้สึกว่าเสียงของอี้จิ่นหลีไม่ได้ฟังดูเย็นชาเหมือนเมื่อกี้แล้วราวกับว่า... มีความรู้สึกเจือปนอยู่ในนั้น!“จากวันนี้ไป เราจะสมัครใจแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน แบ่งปันความรับผิดชอบและชีวิตสมรสซึ่งกันและกัน...” หลิงอี้หรานท่องไปทีละคำ‘นับจากนี้ไปฉันต้องติดอยู่กับผู้ชายคนนี้‘ในที่สุดฉันก็มีครอบครัวของตัวเอง ฉันจะมีลูกของตัวเอง ไม่ว่าในอนาคตจะต้องพบเจอกับความยากลำบากแค่ไหน ฉันก็จะผ่านมันไปได้พร้อมกับเขาใช่ไหม?‘เราจะรักกันตลอดไปไหม?‘ตลอดไป... ช่างเป็นคำที่ดูสวยงามอะไรขนาดนี้ แต่ต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อให้ได้มันมา‘ไม่ว่ายังไงฉันคิดว่า ฉันจะพยายาม... พยายามทำให้ชีวิตการแต่งงานนี้เป็นไปได้ด้วยดีและรักษาครอบครัวนี้ไว้ ฉันจะพยายามไม
เธอกล่าวเยาะเย้ย “จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง? ถ้าอี้จิ่นหลีแต่งงาน เมืองเฉินก็คงใกล้แตกแล้วล่ะ”“ไม่อย่างนั้นทำไมบัญชีผู้ใช้ของเธอถึงโดนระงับล่ะ? อีกอย่าง... พวกเจ้าหน้าที่ที่นี่ล้อมหน้าล้อมหลังตอนที่เขาจดทะเบียนสมรสด้วยนะ!”นักข่าวสาวเพื่อนเธอเงียบปากไปทันที หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่สุดท้ายเธอก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ถ้าเป็นอี้จิ่นหลีจริง... นี่ต้องเป็นข่าวหน้าหนึ่งของเมืองเฉินแล้วสิ”ถึงอย่างนั้น เว้นแต่อี้จิ่นหลีจะประกาศข่าวแบบนั้นเองก็ไม่มีสำนักข่าวไหนกล้าออกข่าวเรื่องนั้น!แล้วผู้หญิงคนนั้นที่แต่งงานกับอี้จิ่นหลีเป็นใครมาจากไหนกัน?นักข่าวสายบันเทิงคนนั้นครุ่นคิดด้วยความสงสัยอบู่นานในขณะที่มองไปยังรูปในมือถือของเธอซึ่งทำให้บัญชีผู้ใช้ใน Weibo ของเธอถูกจำกัดการใช้งาน …ผู้หญิงที่นักข่าวคนนั้นสงสัยตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในรถขณะที่มองวิวทิวทัศน์ซึ่งลดหลั่นกันไปตามแนวภูเขาสองข้างทางขณะที่ถามขึ้นว่า “เรากำลังไปไหนกันเหรอคะ?”อี้จิ่นหลีกล่าวว่า “ไปโรงพยาบาล ฉันเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว พอเราไปถึงเธอกับลูกก็จะได้รับการตรวจเรื่องที่จำเป็นให้ครบ ตอนที่เธอหมดสติไปคราวที่แล้วหมอตรวจให้แค่คร่า
เกาฉงหมิงกล่าวปกป้องตัวเองเล็กน้อยและหาทางออกให้อี้จิ่นหลีออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดใจนี้อี้จิ่นหลีถูหน้าผากของตนเอง ใช่ เมื่อวานเขายุ่งมากเสียจนไม่มีเวลาตรวจดูอีเมล เขาคิดว่าในเมื่อวันนี้ก็มาตรวจอยู่แล้วอ่านหรือไม่อ่านผลวินิจฉัยอย่างไรก็คงไม่ต่างกัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะกำลังอุ้มท้องแฝดสามอยู่ดวงตาที่กำลังตกตะลึงของอี้จิ่นหลีมองไปยังท้องของหลิงอี้หราน ‘มีเด็กสามคน... อยู่ในท้องฟีบ ๆ นั่นเหรอ?’‘เรากำลังจะ... มีลูกสามคนไม่ใช่คนเดียวเหรอ?’หลิงอี้หรานเองก็มองท้องของตัวเองด้วยความตะลึงไปเช่นกัน เธอไม่อยากจะเชื่อ... เลยสักนิด!‘แฝดสาม?’แค่เด็กคนเดียวเธอก็รู้สึกว่าเป็นของขวัญล้ำค่าจากพระเจ้าแล้วตอนนี้ พระเจ้ากำลังมอบของขวัญล้ำค่าให้เธอถึงสามคนเลยเหรอ?น้ำตาของเธอเอ่อคลอเมื่อนึกถึงความจริงอันคาดไม่ถึงนี้“เธอร้องไห้ทำไม?” อี้จิ่นหลีขมวดคิ้วขณะมองน้ำตาในดวงตาของอี้หราน“ฉัน... ฉันแค่ดีใจมาก... ฉันกำลังจะมีลูกสามคนใช่ไหมคะ?” เธอร้องไห้“เราจะมีลูกสามคน” เขาย้ำความถูกต้องขณะที่รับทิชชู่มาจากเกาฉงหมิงแล้วเช็ดน้ำตาบนหน้าให้เธออย่างแผ่วเบา “เอาล่ะ หยุดร้องดีกว่า ร้องไห้มากไปก็ไม่ดีกับลูก
“มันจะเป็นอันตรายต่อแม่หรือเปล่า?” มีความตึงเครียดปรากฏในน้ำเสียงของอี้จิ่นหลี“ไม่น่าจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่โอกาสเสียเลือด ติดเชื้อในมดลูก อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย หรืออาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ก็ยังสามารถเกิดได้ในการผ่าตัดลดการตั้งครรภ์... และด้วยสุขภาพร่างกายของคุณนายอี้ในตอนนี้ หากเกิดการแท้งไปมีโอกาสน้อยมากที่ในอนาคตจะตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง” หมอให้คำแนะนำทุกความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นใบหน้าของอี้จิ่นหลีจริงจัง การมีลูกสามคนในท้องหมายถึงความเสี่ยงที่สูงอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาเลือกไม่ได้ถึงอย่างนั้นสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่ตัวเลือกที่ยากเลย เพราะเขาเป็นห่วงเธอมากกว่าเด็กทั้งสาม!เขารู้ว่ามันยากแค่ไหนสำหรับเธอที่จะตั้งท้องในตอนที่เขาตกหลุมรักเธอ และดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีวันมีลูกด้วยกันได้ ตอนนั้นเขาไม่สนใจ แต่ตอนนี้เขาเสียใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าเขาห่วงสิ่งไหนมากที่สุด“งั้นก็ทำหัตถการลดการตั้งครรภ์อะไรนั่นเถอะ” อี้จิ่นหลีกล่าวหลิงอี้หรานรีบค้านทันที “ไม่นะคะ! ฉันไม่อยากทำ!”อี้จิ่นหลีขมวดคิ้วและมองหลิงอี้หราน “รู้ไหมว่าถ้าเธอไม่ทำมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”“ฉันรู้ค่ะ!” เธ
เย่ฉงเว่ยพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง “ไม่ นายไม่บอกฉันเลยว่าได้รับบาดเจ็บจนฉันต้องรู้จากคนอื่น ทำไมล่ะ? นายกลัวฉันจะไปขวางโอกาสที่นายจะได้ใกล้ชิดกับเธอเหรอ? คราวนี้นายคงจะไม่ได้พยายามเอาชนะใจเธอด้วยการช่วยชีวิตเธอใช่ไหม?”กู้ลี่เฉินลดสายตาลงเล็กน้อย และนึกถึงภาพร่างบางของเธอที่พุ่งเข้ามาหยุดรถตอนที่เขาออกจากคฤหาสน์เมื่อเช้าวันนั้น‘เธอหน้าซูบซีดและซีดเซียว แต่เธอก็ยังพยายามฝืนตัวเองเพื่อมาหาฉัน! ถึงอย่างนั้นที่เธอมาหาฉันก็เพื่อกวอซินหลี่เท่านั้น!‘ฉันตายเพื่อเธอได้ แต่เธอดูเหมือนจะเต็มใจเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อกวอซินหลี่‘เพียงแค่คำพูดของเขา เธอก็สามารถเชื่อใจกวอซินหลี่ได้โดยไม่มีหลักฐาน กวอซินหลี่มีดีอะไรเธอถึงเชื่อใจขนาดนั้น?’เป็นอีกครั้งที่กู้ลี่เฉินรู้สึกไม่พอใจและอิจฉาเขาจะทำให้เธอรู้ว่ากวอซินหลี่อะไรนั่นสมควรได้รับโทษและเธอไม่ควรจะเชื่อใจเขาอีกต่อไป!“ทำไม? ดูหน้านายสิ... อย่าบอกนะว่าหลิงอี้หรานไม่ตกหลุมรักนายเลย? เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะยังรักจิ่นหลีอยู่ ?” เย่ฉงเว่ยกล่าวใบหน้าของกู้ลี่เฉินบึ้งตึงในทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้นเย่ฉงเว่ยรู้ว่าเขาพูดผิดไปแล้วจึงรีบหัวเราะแห้งกลบเกลื่อน
สีหน้าเย่ฉงเว่ยเครียดขึ้นมาในทันที นั่นเป็นเรื่องจริง ถ้าเขาไม่บอกตอนนี้ ในไม่ช้าวันหนึ่งลี่เฉินก็คงรู้เองอยู่ดีอย่างไรเสียเรื่องแบบนั้นก็ซ่อนไว้ไม่ได้อยู่แล้ว!“แต่นายต้องทำใจดี ๆ ไว้นะ อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” เย่ฉงเว่ยกล่าวกู้ลี่เฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ราวกับว่าเรื่องที่เย่ฉงเว่ยกำลังจะบอกเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากได้ยิน!เมื่อเย่ฉงเว่ยส่งโทรศัพท์มือถือให้กู้ลี่เฉิน รูม่านตาของดวงตารูปนกฟินิกซ์ก็หดตัวลงในทันทีที่เห็นรูปในโทรศัพท์ เขาจับมือถือไว้และมองภาพบนหน้าจอ เลือดในกายของเขาราวกับโดนแช่แข็ง แม้แต่ลมหายใจก็หยุดลงมีชายหญิง... อยู่ในรูป ทั้งคู่แต่งกายด้วยชุดสีขาวเข้าคู่กันเหมือนคู่รัก พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับรอคิว รูปนั้นเป็นภาพถ่ายหน้าจอมือถือซึ่งมีแคปชั่นว่า : [ลองเดาดูซิว่าใครมาแต่งงานที่ที่ว่าการอำเภอวันนี้? ใครทายถูกมีรางวัลให้!]เมื่อเพื่อนของเย้ฉงเว่ยส่งภาพนั้นมา เขาก็ถามว่า : [มีคนส่งรูปนี้มาให้ฉัน คนนี้จิ่นหลีไม่ใช่เหรอ? เขาแต่งงานแล้วเหรอ? ไม่จริงน่า!]‘นั่นอี้จิ่นหลีเหรอ...’ ถ้าถามกู้ลี่เฉิน เขาก็จะ