“ลี่เฉิน คุณไม่ได้... คิดถึงอี้หรานหรอกเหรอคะ? ที่คุณทะเลาะกับอี้หรานเพราะเรื่องของฉันจะไม่เป็นไรเหรอคะ? อี้หรานอุตส่าห์มาขอเจอคุณเพื่อกวอซินหลี่เลยนะคะ คุณโอเคที่จะไม่เจอเธอจริงเหรอ?” หวาลี่ฟางกล่าวพลางแสร้งรู้สึกผิด“คุณไม่ต้องถามคำถามพวกนั้นแล้วล่ะ คุยกับทนายของคุณได้เลยถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการฟ้องร้อง” กู้ลี่เฉินกล่าวอย่างเย็นชาในทันใดนั้นเองหวาลี่ฟางก็เริ่มร้องไห้และดูเหมือนกำลังเช็ดน้ำตาขณะที่ก้มหน้าลง “ลี่เฉิน ขอบคุณนะคะ ฉันคิดว่าคุณรักอี้หรานและจะแสดงความเป็นห่วงเธอด้วยการแนะนำฉันไม่ให้ฟ้องกวอซินหลี่เสียอีก ฉันคิดว่าคุณจะบอกให้ฉันกล้ำกลืนความเศร้าไว้ แต่... ไม่คิดเลยค่ะ ว่าคุณจะจ้างทนายมาให้ฉันและช่วยฉันเรื่องคดี ขอบคุณนะคะ คุณช่างดีจริง ๆ คุณยังเป็น... เหมือนเมื่อก่อนเลย”เธออยากเรียกเขาว่าเฉินเฉิน แต่ก็ล้มเลิกไปเมื่อคิดถึงคำเตือนครั้งก่อนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เขารำคาญด้วยการเรียกชื่อนั้น อย่างไรเสียตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการทำให้เขาหลีกเลี่ยงการเจอกับหลิงอี้หรานให้ได้มากที่สุด และทำให้เขาเหินห่างไปจากเธอกู้ลี่เฉินจ้องมองหวาลี่ฟาง “ถ้าเรื่องที่คุณพูดเป็นความจริง
มีผู้หญิงตั้งหลายคนในเมืองเฉินที่อยากเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลอี้ด้วยการให้กำเนิดทายาท แต่อย่าว่าแต่ ‘ทายาท’ เลย แค่ ‘แม่’ ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าใกล้นายน้อยอี้ด้วยซ้ำหลิงอี้หรานโชคดีชะมัด!เกาฉงหมิงอดถอนหายใจกับตัวเองไม่ได้ เขาตบบ่าหมอและบอกให้ออกไปจากห้องพร้อมกันกับเขา เพราะเป็นเลขาส่วนตัว เกาฉงหมิงย่อมรู้ว่าตอนนี้เจ้านายของเขาต้องการสงบสติอารมณ์และอยู่กับหลิงอี้หรานตามลำพังมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนในห้องอันเงียบเชียบนี้เท่านั้นอี้จิ่นหลีค่อย ๆ ยกมือของเขาสัมผัสหน้าท้องของหลิงอี้หรานผ่านผ้าห่มสีขาว เขาเคยไปหาหมอสูตินรีเวชเป็นเพื่อนเธอมาก่อนจึงรู้ว่าเธอเคยได้รับบาดเจ็บที่มดลูกมาก่อน แม้ว่าเธออยากจะมีลูกและดูแลร่างกายของตัวเองอย่างดี มันก็ยังเป็นเรื่องยากแม้จะใช้เทคโนโลยีมาช่วยแล้วก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง... การตั้งท้องด้วยวิธีตามธรรมชาติเลยโอกาสเกิดขึ้นมีน้อยมาก!ดังนั้นแม้หลังจากที่พวกเขาแยกย้ายกันไป และในตอนที่เขาเห็นเธออาเจียนในวันนั้น ความคิดที่ว่าเธออาจจะท้องจึงไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลยแต่... เธอก็ท้องแล้ว และเป็นลูกของพวกเขาที่อยู่ในครรภ์ของเธอ!ลูกของพวกเขาจะเป็นผู
หลิงอี้หรานอยากจะหนีออกจากอ้อมแขนของอี้จิ่นหลีโดยอัตโนมัติ แต่เขากลับกอดเธอไว้แน่นขึ้นเล็กน้อย จมูกของเขามีแต่กลิ่นของเธอ เขาสูดดมมันอย่างตะกละตะกลาม และในทันทีที่แขนของเขาโอบกอดเธอไว้ก็ดูเหมือนจะไม่อยากปล่อยเธอไปอีกแล้วเธอมีอิทธิพลต่อเขามานานแค่ไหนแล้ว? ทุกความมีเหตุผลและความยืนกรานของเขาดูเหมือนจะพังลงได้ง่าย ๆ เมื่อเป็นเรื่องของเธอ!เธอเป็นคนเดียวที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ในตอนนี้ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแพ้โดยสิ้นเชิง? เขาถึงขนาดที่... ละทิ้งเกราะกำบังและยอมแพ้เลยเหรอ?เขากอดเธอไว้ขณะที่ฝังใบหน้าลงบนไหล่ของเธอและดูเหมือนจะกอดเธอไว้ตลอดไปหลิงอี้หรานตะลึงไป ‘ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดฉันหรอกเหรอ? เขาเกลียดฉันจนรู้สึกขยะแขยงเลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงกอดฉันล่ะ?’ “ฉัน... เอาเงินสองล้านให้เธอได้นะ” สุดท้ายอี้จิ่นหลีก็เปิดปากพูดจนเสียงแหบของเขาดังออกมา “ฉันหาโรงพยาบาลกับหมอดี ๆ มาดูแลชินเหลียนอีให้ได้ แล้วฉันก็จะเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ชินเหลียนอีให้ทั้งหมดด้วย”ดวงตาของหลิงอี้หรานเบิกกว้าง และเธอก็แทบจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน‘นี่เขา... เขาบอกว่า... จะช่วยเหล
ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์แววใสของเธอสบกับดวงตาคู่สวยตรงหน้าดวงตาคู่นั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความเสน่หาและอ่อนโยนเหมือนตอนที่พวกเขายังคบกันอยู่ มันดูเหมือนค่ำคืนอันหนาวเหน็บเสียมากกว่าเธอคิดว่าสุดท้ายแล้วเธอกับผู้ชายคนนี้จะเป็นเพียงเส้นขอบฟ้าซึ่งขนานกัน ต่างคนต่างกลับไปอยู่ในที่ของตนและไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกต่อไปทว่า ตอนนี้พวกเขากลับต้องมาเกี่ยวข้องกันแบบนี้พวกเขากำลัง... จะมีลูกด้วยกัน ลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา!หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกเธอก็พูดช้า ๆ ว่า “ได้สิ งั้นเราแต่งงานกันเถอะ!” ...รถสีดำจอดลงที่โรงพยาบาลซึ่งชินเหลียนอีเข้ารับการรักษาอยู่ เกาฉงหมิงเปิดประตูหลังด้วยท่าทางนอบน้อมและพูดกับหลิงอี้หรานว่า “คุณหลิง นายน้อยอี้บอกว่าคุณไม่ควรอยู่ที่นี่นานนะครับ เพราะว่าคุณร่างกายอ่อนแอและกำลังตั้งครรภ์อยู่ นอกจากนั้นคุณชินจะได้รับการส่งตัวไปยังอีกโรงพยาบาลเสร็จในวันพรุ่งนี้ด้วยครับ”“เข้าใจแล้วค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าวขณะที่เดินเข้าไปในวอร์ดไอซียูโดยมีเกาฉงหมิงเดินตามหลังที่เป็นอย่างนี้เพราะไม่ว่าอย่างไรหลิงอี้หรานก็กำลังอุ้มท้อ
เธอจะไม่เสียใจที่แต่งงานกับอี้จิ่นหลี เพราะนี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้! ทั้งเพื่อเหลียนอีและเพื่อเด็กในท้อง!ถึงอย่างนั้นเมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้ ก็ราวกับมีเสียงหนึ่งจากก้นบึ้งของหัวใจถามเธอขึ้นมาในทันใดว่า ‘แล้วฉันล่ะ? การแต่งงานกับอี้จิ่นหลีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฉันหรือเปล่า?‘ความรู้สึกที่ฉันมีต่ออี้จิ่นหลีจางหายไปหมดแล้วจริง ๆ เหรอ?‘หรือบางที... ความรู้สึกพวกนั้นยังคงอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจฉันตลอดมา...’นายท่านและคุณนายชินไม่ได้สติรู้ตัวจนกระทั่งหลิงอี้หรานและเกาฉงหมิงจากไป พวกเขามองหน้ากันและเห็นความตกตะลึงในดวงตาของอีกฝ่ายใครจะไปคิดว่าหลิงอี้หรานจะแต่งงานกับอี้จิ่นหลี? เพราะแบบนั้นอี้จิ่นหลีถึงได้เข้ามาช่วยครอบครัวชินไว้ถึงอย่างนั้น นี่ก็กะทันหันไป!อี้จิ่นหลี... เขาเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเฉิน คนที่ทั้งสูงส่งและมีอำนาจในเมืองเฉินกำลังจะแต่งงานกับหลิงอี้หรานงั้นเหรอ?หลังจากนั้นพักใหญ่นายท่านชินก็กระแอมและกล่าวว่า “คราวหน้าอย่าทำแบบนั้นเวลาเจอหลิง... อี้หรานอีกนะ เธอช่วยครอบครัวเราครั้งใหญ่เลย เหลียนอีคงจะตาถึงกว่าพวกเรา เธอ... ถึงได้มีเพื่อนถูกคนแบบนี้!”
แสงอ่อน ๆ ตกกระทบบนตัวเขาทำให้ใบหน้าของเขาดูเย็นชาน้อยลงและอ่อนโยนมากขึ้น‘อ่อนโยน...’ เธอรู้สึกถึงความขมขื่นในหัวใจ ‘เขาจะยังอ่อนโยนกับฉันเหรอ? เขาเลือกแต่งงานกับฉันก็เพื่อลูกเท่านั้น!’“กลับมาแล้วสินะ เธอไปเยี่ยมชินเหลียนอีที่โรงพยาบาลมาเหรอ?” อี้จิ่นหลีวางหนังสือในมือของเขาลงบนโต๊ะกาแฟ “ค่ะ” เธอตอบและชำเลืองมองหนังสือบนโต๊ะกาแฟที่เกือบทำเอาเธอหยุดหายใจชื่อหนังสือเกินความคาดหมายไปมาก ‘การมีอารมณ์ที่ดีตลอดการตั้งครรภ์ของคุณ’ น่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ใช่ไหม? อี้จิ่นหลีอ่านหนังสือแบบนั้นด้วยเหรอ?หลิงอี้หรานแปลกใจเล็กน้อย“ฉันบอกให้คนรับใช้ทำโจ๊กให้เธอแล้ว ไปทานสิ เธอยังไม่ได้ทานอะไรเท่าไหร่เลยหลังจากที่ตื่นมาในโรงพยาบาล” อี้จิ่นหลีพูดแล้วหันไปสั่งให้คนรับใช้ของเขายกโจ๊กมาเสิร์ฟหลิงอี้หรานไม่ได้ปฏิเสธ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หิวเลย แต่เธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว เธอมีลูกน้อยอยู่ในท้อง แม้แต่หมอยังบอกว่าเธอขาดสารอาหารเล็กน้อย ซึ่งไม่ดีต่อการเจริญเติบโตของเด็กในท้องตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจที่มัวแต่ยุ่งวุ่นวายจนแทบจะทานอาหารแบบที่เรียกได้ว่าไม่เป็นมื้อ โชคดีที่... เด็
มันฟังดูเป็นคำถามที่เขากำลังถามตัวเองมากกว่า เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นกังวลขนาดไหนในตอนที่ถามเธอว่าเสียใจไหม เขากังวลมากเสียจนรู้สึกเหมือนหัวใจและลมหายใจจะหยุดลงหลิงอี้หรานตัวสั่นเทา แต่น้ำเสียงของเขายังคงดังอยู่ในหูของเธอ “อี้หราน ตอนนี้เธอเสียใจไม่ได้แล้วนะ ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้มีโอกาสเสียใจอีก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะเป็นภรรยาของฉันเท่านั้น!”เธอสูดลมหายใจเข้าและสบตาของเขาด้วยดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์ของเธอ จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฉันไม่เสียใจหรอก!” อีกอย่างเธอไม่มีเวลามาเสียใจอีกแล้ว ...ห้องนอนของเธอยังเป็นห้องเดียวกับครั้งก่อน ห้องนอนของเขาอยู่ถัดไปจากเธอ และมีประตูเชื่อมกันระหว่างสองห้องให้ไปมาหาสู่กันได้โดยสะดวกหลิงอี้หรานมีความรู้สึกหลายอย่างผสมกันเมื่อมองไปยังห้องที่ดูคุ้นเคยนี้ทุกอย่างในห้องยังเหมือนเดิม แม้แต่เสื้อผ้า ขวดน้ำ และเหยือกแก้วที่เธอไม่ได้เอาไปด้วยก็ยังคงอยู่ที่เดิม“ลองดูว่ามีอะไรที่เธออยากเอาไปไว้ที่ห้องฉันไหม เธอบอกให้คนรับใช้ย้ายให้ได้เลยนะ” อี้จิ่นหลีกล่าว เมื่อเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของหลิงอี้หราน เขาก็ขยับริมฝีปากบางของตัวเอง “เธอคิด
คืนนั้นเธอหลับไปในห้องตัวเอง และหลังจากคืนนี้เธอต้องไปนอนห้องเขาอี้จิ่นหลีนั่งลงข้างเตียงและมองเธอซึ่งหลับอยู่ แสงจันทร์สีเงินคล้ายปรอทตกกระทบบนตัวเขาผ่านหน้าต่างทำให้เขาดูเหมือนรูปปั้น ดูสวยงามแต่ก็ดูเศร้าโศกเล็กน้อยราวกับว่ามีความกังวลหลายล้านสิ่งซุกซ่อนอยู่ในดวงตาของเขาหลังจากนั้นพักใหญ่ขนตาของเขาก็ขยับเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงและริมฝีปากของเขาก็ประทับลงบนมือขวาของเธออย่างจริงใจและเต็มไปด้วยความรัก “อี้หราน รู้ไหมฉันรักเธอมากแค่ไหน?”เขาพึมพำ ไม่ว่าเขาจะหลอกตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางหลอกความรู้สึกของตัวเองได้เลย เขายังคง... รักเธอมากมายเสมอมา ...หลิงอี้หรานคิดว่าตัวเองจะหลับลงยากในคืนแรกที่กลับมาอยู่ที่คฤหาสน์อี้ แต่เธอกลับหลับสนิทตลอดทั้งคืนเมื่อเธอลืมตาขึ้นก็เห็นคนรับใช้หลายคนยืนอยู่ข้างเตียงเธอ โดยแต่ละคนถือของไว้แตกต่างกัน มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอางหลากหลายชนิดหลิงอี้หรานขนลุกซู่ ก่อนหน้านี้เธอยังสะลึมสะลืออยู่ แต่ตอนนี้เธอตื่นเต็มตาเลยทีเดียว“พวกคุณ...”“นายน้อยอี้สั่งให้พวกเรามาช่วยแต่งตัวให้คุณวันนี้ค่ะ คุณผู้หญิง” หนึ่งใ