‘สองล้านนั่นก็เพื่อช่วยชีวิตของเหลียนอีไว้! แต่ฉันไม่มีทางหาเงินนั่นให้เหลียนอีได้เลย! แล้วเหลียนอีจะเป็นยังไงต่อ? ครอบครัวชินจะขายบ้านทิ้งอย่างนั้นเหรอ? แล้วถ้าขายแล้วก็ยังไม่พออีกล่ะ? ค่าห้องไอซียูต่อวันก็หลายหมื่นแล้ว คนธรรมดา ๆ จะไปหาเงินมาจากไหนในการรักษาระยะยาวได้กัน?’ริมฝีปากของหลิงอี้หรานสั่นสะท้านขณะพยายามจะพูดบางอย่าง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร!ทั้งหมดที่เธอพอจะเจรจาต่อรองกับอี้จิ่นหลีได้ก็มีแค่ตัวเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่มีความสำคัญอะไรต่อเขาแล้ว ความสิ้นหวังของเธอทำให้หัวใจของเขาปวดหนึบอีกครั้ง อี้จิ่นหลีเม้มปากบางของเขาแน่น และรู้สึกรังเกียจที่หัวใจตัวเองยังเจ็บปวดอีกครั้งกับผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ หลังจากนั้นเสียงของหลิงอี้หรานก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คุณให้ฉัน... ยืมสองล้านไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”เขาสะกดกลั้นความเจ็บปวดในหัวใจและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉันยังพูดไม่ชัดอีกเหรอ?”เธอพูดด้วยสีหน้าเหยเก “ก็... ชัดค่ะ... งั้น... ขอโทษที่รบกวน...” เธอพูดด้วยแรงแทบจะทั้งหมดที่มีเธอหันหลังแล้วเดินไปยังประตูห้องทีละก้าว ๆ‘เหลียนอี... แล้วเหลียนอีจะเป็นยังไ
“ลี่เฉิน คุณไม่ได้... คิดถึงอี้หรานหรอกเหรอคะ? ที่คุณทะเลาะกับอี้หรานเพราะเรื่องของฉันจะไม่เป็นไรเหรอคะ? อี้หรานอุตส่าห์มาขอเจอคุณเพื่อกวอซินหลี่เลยนะคะ คุณโอเคที่จะไม่เจอเธอจริงเหรอ?” หวาลี่ฟางกล่าวพลางแสร้งรู้สึกผิด“คุณไม่ต้องถามคำถามพวกนั้นแล้วล่ะ คุยกับทนายของคุณได้เลยถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการฟ้องร้อง” กู้ลี่เฉินกล่าวอย่างเย็นชาในทันใดนั้นเองหวาลี่ฟางก็เริ่มร้องไห้และดูเหมือนกำลังเช็ดน้ำตาขณะที่ก้มหน้าลง “ลี่เฉิน ขอบคุณนะคะ ฉันคิดว่าคุณรักอี้หรานและจะแสดงความเป็นห่วงเธอด้วยการแนะนำฉันไม่ให้ฟ้องกวอซินหลี่เสียอีก ฉันคิดว่าคุณจะบอกให้ฉันกล้ำกลืนความเศร้าไว้ แต่... ไม่คิดเลยค่ะ ว่าคุณจะจ้างทนายมาให้ฉันและช่วยฉันเรื่องคดี ขอบคุณนะคะ คุณช่างดีจริง ๆ คุณยังเป็น... เหมือนเมื่อก่อนเลย”เธออยากเรียกเขาว่าเฉินเฉิน แต่ก็ล้มเลิกไปเมื่อคิดถึงคำเตือนครั้งก่อนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เขารำคาญด้วยการเรียกชื่อนั้น อย่างไรเสียตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการทำให้เขาหลีกเลี่ยงการเจอกับหลิงอี้หรานให้ได้มากที่สุด และทำให้เขาเหินห่างไปจากเธอกู้ลี่เฉินจ้องมองหวาลี่ฟาง “ถ้าเรื่องที่คุณพูดเป็นความจริง
มีผู้หญิงตั้งหลายคนในเมืองเฉินที่อยากเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลอี้ด้วยการให้กำเนิดทายาท แต่อย่าว่าแต่ ‘ทายาท’ เลย แค่ ‘แม่’ ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าใกล้นายน้อยอี้ด้วยซ้ำหลิงอี้หรานโชคดีชะมัด!เกาฉงหมิงอดถอนหายใจกับตัวเองไม่ได้ เขาตบบ่าหมอและบอกให้ออกไปจากห้องพร้อมกันกับเขา เพราะเป็นเลขาส่วนตัว เกาฉงหมิงย่อมรู้ว่าตอนนี้เจ้านายของเขาต้องการสงบสติอารมณ์และอยู่กับหลิงอี้หรานตามลำพังมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนในห้องอันเงียบเชียบนี้เท่านั้นอี้จิ่นหลีค่อย ๆ ยกมือของเขาสัมผัสหน้าท้องของหลิงอี้หรานผ่านผ้าห่มสีขาว เขาเคยไปหาหมอสูตินรีเวชเป็นเพื่อนเธอมาก่อนจึงรู้ว่าเธอเคยได้รับบาดเจ็บที่มดลูกมาก่อน แม้ว่าเธออยากจะมีลูกและดูแลร่างกายของตัวเองอย่างดี มันก็ยังเป็นเรื่องยากแม้จะใช้เทคโนโลยีมาช่วยแล้วก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง... การตั้งท้องด้วยวิธีตามธรรมชาติเลยโอกาสเกิดขึ้นมีน้อยมาก!ดังนั้นแม้หลังจากที่พวกเขาแยกย้ายกันไป และในตอนที่เขาเห็นเธออาเจียนในวันนั้น ความคิดที่ว่าเธออาจจะท้องจึงไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลยแต่... เธอก็ท้องแล้ว และเป็นลูกของพวกเขาที่อยู่ในครรภ์ของเธอ!ลูกของพวกเขาจะเป็นผู
หลิงอี้หรานอยากจะหนีออกจากอ้อมแขนของอี้จิ่นหลีโดยอัตโนมัติ แต่เขากลับกอดเธอไว้แน่นขึ้นเล็กน้อย จมูกของเขามีแต่กลิ่นของเธอ เขาสูดดมมันอย่างตะกละตะกลาม และในทันทีที่แขนของเขาโอบกอดเธอไว้ก็ดูเหมือนจะไม่อยากปล่อยเธอไปอีกแล้วเธอมีอิทธิพลต่อเขามานานแค่ไหนแล้ว? ทุกความมีเหตุผลและความยืนกรานของเขาดูเหมือนจะพังลงได้ง่าย ๆ เมื่อเป็นเรื่องของเธอ!เธอเป็นคนเดียวที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ในตอนนี้ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแพ้โดยสิ้นเชิง? เขาถึงขนาดที่... ละทิ้งเกราะกำบังและยอมแพ้เลยเหรอ?เขากอดเธอไว้ขณะที่ฝังใบหน้าลงบนไหล่ของเธอและดูเหมือนจะกอดเธอไว้ตลอดไปหลิงอี้หรานตะลึงไป ‘ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดฉันหรอกเหรอ? เขาเกลียดฉันจนรู้สึกขยะแขยงเลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงกอดฉันล่ะ?’ “ฉัน... เอาเงินสองล้านให้เธอได้นะ” สุดท้ายอี้จิ่นหลีก็เปิดปากพูดจนเสียงแหบของเขาดังออกมา “ฉันหาโรงพยาบาลกับหมอดี ๆ มาดูแลชินเหลียนอีให้ได้ แล้วฉันก็จะเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ชินเหลียนอีให้ทั้งหมดด้วย”ดวงตาของหลิงอี้หรานเบิกกว้าง และเธอก็แทบจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน‘นี่เขา... เขาบอกว่า... จะช่วยเหล
ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์แววใสของเธอสบกับดวงตาคู่สวยตรงหน้าดวงตาคู่นั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความเสน่หาและอ่อนโยนเหมือนตอนที่พวกเขายังคบกันอยู่ มันดูเหมือนค่ำคืนอันหนาวเหน็บเสียมากกว่าเธอคิดว่าสุดท้ายแล้วเธอกับผู้ชายคนนี้จะเป็นเพียงเส้นขอบฟ้าซึ่งขนานกัน ต่างคนต่างกลับไปอยู่ในที่ของตนและไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกต่อไปทว่า ตอนนี้พวกเขากลับต้องมาเกี่ยวข้องกันแบบนี้พวกเขากำลัง... จะมีลูกด้วยกัน ลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา!หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกเธอก็พูดช้า ๆ ว่า “ได้สิ งั้นเราแต่งงานกันเถอะ!” ...รถสีดำจอดลงที่โรงพยาบาลซึ่งชินเหลียนอีเข้ารับการรักษาอยู่ เกาฉงหมิงเปิดประตูหลังด้วยท่าทางนอบน้อมและพูดกับหลิงอี้หรานว่า “คุณหลิง นายน้อยอี้บอกว่าคุณไม่ควรอยู่ที่นี่นานนะครับ เพราะว่าคุณร่างกายอ่อนแอและกำลังตั้งครรภ์อยู่ นอกจากนั้นคุณชินจะได้รับการส่งตัวไปยังอีกโรงพยาบาลเสร็จในวันพรุ่งนี้ด้วยครับ”“เข้าใจแล้วค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าวขณะที่เดินเข้าไปในวอร์ดไอซียูโดยมีเกาฉงหมิงเดินตามหลังที่เป็นอย่างนี้เพราะไม่ว่าอย่างไรหลิงอี้หรานก็กำลังอุ้มท้อ
เธอจะไม่เสียใจที่แต่งงานกับอี้จิ่นหลี เพราะนี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้! ทั้งเพื่อเหลียนอีและเพื่อเด็กในท้อง!ถึงอย่างนั้นเมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้ ก็ราวกับมีเสียงหนึ่งจากก้นบึ้งของหัวใจถามเธอขึ้นมาในทันใดว่า ‘แล้วฉันล่ะ? การแต่งงานกับอี้จิ่นหลีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฉันหรือเปล่า?‘ความรู้สึกที่ฉันมีต่ออี้จิ่นหลีจางหายไปหมดแล้วจริง ๆ เหรอ?‘หรือบางที... ความรู้สึกพวกนั้นยังคงอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจฉันตลอดมา...’นายท่านและคุณนายชินไม่ได้สติรู้ตัวจนกระทั่งหลิงอี้หรานและเกาฉงหมิงจากไป พวกเขามองหน้ากันและเห็นความตกตะลึงในดวงตาของอีกฝ่ายใครจะไปคิดว่าหลิงอี้หรานจะแต่งงานกับอี้จิ่นหลี? เพราะแบบนั้นอี้จิ่นหลีถึงได้เข้ามาช่วยครอบครัวชินไว้ถึงอย่างนั้น นี่ก็กะทันหันไป!อี้จิ่นหลี... เขาเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเฉิน คนที่ทั้งสูงส่งและมีอำนาจในเมืองเฉินกำลังจะแต่งงานกับหลิงอี้หรานงั้นเหรอ?หลังจากนั้นพักใหญ่นายท่านชินก็กระแอมและกล่าวว่า “คราวหน้าอย่าทำแบบนั้นเวลาเจอหลิง... อี้หรานอีกนะ เธอช่วยครอบครัวเราครั้งใหญ่เลย เหลียนอีคงจะตาถึงกว่าพวกเรา เธอ... ถึงได้มีเพื่อนถูกคนแบบนี้!”
แสงอ่อน ๆ ตกกระทบบนตัวเขาทำให้ใบหน้าของเขาดูเย็นชาน้อยลงและอ่อนโยนมากขึ้น‘อ่อนโยน...’ เธอรู้สึกถึงความขมขื่นในหัวใจ ‘เขาจะยังอ่อนโยนกับฉันเหรอ? เขาเลือกแต่งงานกับฉันก็เพื่อลูกเท่านั้น!’“กลับมาแล้วสินะ เธอไปเยี่ยมชินเหลียนอีที่โรงพยาบาลมาเหรอ?” อี้จิ่นหลีวางหนังสือในมือของเขาลงบนโต๊ะกาแฟ “ค่ะ” เธอตอบและชำเลืองมองหนังสือบนโต๊ะกาแฟที่เกือบทำเอาเธอหยุดหายใจชื่อหนังสือเกินความคาดหมายไปมาก ‘การมีอารมณ์ที่ดีตลอดการตั้งครรภ์ของคุณ’ น่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ใช่ไหม? อี้จิ่นหลีอ่านหนังสือแบบนั้นด้วยเหรอ?หลิงอี้หรานแปลกใจเล็กน้อย“ฉันบอกให้คนรับใช้ทำโจ๊กให้เธอแล้ว ไปทานสิ เธอยังไม่ได้ทานอะไรเท่าไหร่เลยหลังจากที่ตื่นมาในโรงพยาบาล” อี้จิ่นหลีพูดแล้วหันไปสั่งให้คนรับใช้ของเขายกโจ๊กมาเสิร์ฟหลิงอี้หรานไม่ได้ปฏิเสธ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หิวเลย แต่เธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว เธอมีลูกน้อยอยู่ในท้อง แม้แต่หมอยังบอกว่าเธอขาดสารอาหารเล็กน้อย ซึ่งไม่ดีต่อการเจริญเติบโตของเด็กในท้องตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจที่มัวแต่ยุ่งวุ่นวายจนแทบจะทานอาหารแบบที่เรียกได้ว่าไม่เป็นมื้อ โชคดีที่... เด็
มันฟังดูเป็นคำถามที่เขากำลังถามตัวเองมากกว่า เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นกังวลขนาดไหนในตอนที่ถามเธอว่าเสียใจไหม เขากังวลมากเสียจนรู้สึกเหมือนหัวใจและลมหายใจจะหยุดลงหลิงอี้หรานตัวสั่นเทา แต่น้ำเสียงของเขายังคงดังอยู่ในหูของเธอ “อี้หราน ตอนนี้เธอเสียใจไม่ได้แล้วนะ ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้มีโอกาสเสียใจอีก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะเป็นภรรยาของฉันเท่านั้น!”เธอสูดลมหายใจเข้าและสบตาของเขาด้วยดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์ของเธอ จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฉันไม่เสียใจหรอก!” อีกอย่างเธอไม่มีเวลามาเสียใจอีกแล้ว ...ห้องนอนของเธอยังเป็นห้องเดียวกับครั้งก่อน ห้องนอนของเขาอยู่ถัดไปจากเธอ และมีประตูเชื่อมกันระหว่างสองห้องให้ไปมาหาสู่กันได้โดยสะดวกหลิงอี้หรานมีความรู้สึกหลายอย่างผสมกันเมื่อมองไปยังห้องที่ดูคุ้นเคยนี้ทุกอย่างในห้องยังเหมือนเดิม แม้แต่เสื้อผ้า ขวดน้ำ และเหยือกแก้วที่เธอไม่ได้เอาไปด้วยก็ยังคงอยู่ที่เดิม“ลองดูว่ามีอะไรที่เธออยากเอาไปไว้ที่ห้องฉันไหม เธอบอกให้คนรับใช้ย้ายให้ได้เลยนะ” อี้จิ่นหลีกล่าว เมื่อเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของหลิงอี้หราน เขาก็ขยับริมฝีปากบางของตัวเอง “เธอคิด
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค