เธอจะไม่เสียใจที่แต่งงานกับอี้จิ่นหลี เพราะนี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้! ทั้งเพื่อเหลียนอีและเพื่อเด็กในท้อง!ถึงอย่างนั้นเมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้ ก็ราวกับมีเสียงหนึ่งจากก้นบึ้งของหัวใจถามเธอขึ้นมาในทันใดว่า ‘แล้วฉันล่ะ? การแต่งงานกับอี้จิ่นหลีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฉันหรือเปล่า?‘ความรู้สึกที่ฉันมีต่ออี้จิ่นหลีจางหายไปหมดแล้วจริง ๆ เหรอ?‘หรือบางที... ความรู้สึกพวกนั้นยังคงอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจฉันตลอดมา...’นายท่านและคุณนายชินไม่ได้สติรู้ตัวจนกระทั่งหลิงอี้หรานและเกาฉงหมิงจากไป พวกเขามองหน้ากันและเห็นความตกตะลึงในดวงตาของอีกฝ่ายใครจะไปคิดว่าหลิงอี้หรานจะแต่งงานกับอี้จิ่นหลี? เพราะแบบนั้นอี้จิ่นหลีถึงได้เข้ามาช่วยครอบครัวชินไว้ถึงอย่างนั้น นี่ก็กะทันหันไป!อี้จิ่นหลี... เขาเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเฉิน คนที่ทั้งสูงส่งและมีอำนาจในเมืองเฉินกำลังจะแต่งงานกับหลิงอี้หรานงั้นเหรอ?หลังจากนั้นพักใหญ่นายท่านชินก็กระแอมและกล่าวว่า “คราวหน้าอย่าทำแบบนั้นเวลาเจอหลิง... อี้หรานอีกนะ เธอช่วยครอบครัวเราครั้งใหญ่เลย เหลียนอีคงจะตาถึงกว่าพวกเรา เธอ... ถึงได้มีเพื่อนถูกคนแบบนี้!”
แสงอ่อน ๆ ตกกระทบบนตัวเขาทำให้ใบหน้าของเขาดูเย็นชาน้อยลงและอ่อนโยนมากขึ้น‘อ่อนโยน...’ เธอรู้สึกถึงความขมขื่นในหัวใจ ‘เขาจะยังอ่อนโยนกับฉันเหรอ? เขาเลือกแต่งงานกับฉันก็เพื่อลูกเท่านั้น!’“กลับมาแล้วสินะ เธอไปเยี่ยมชินเหลียนอีที่โรงพยาบาลมาเหรอ?” อี้จิ่นหลีวางหนังสือในมือของเขาลงบนโต๊ะกาแฟ “ค่ะ” เธอตอบและชำเลืองมองหนังสือบนโต๊ะกาแฟที่เกือบทำเอาเธอหยุดหายใจชื่อหนังสือเกินความคาดหมายไปมาก ‘การมีอารมณ์ที่ดีตลอดการตั้งครรภ์ของคุณ’ น่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ใช่ไหม? อี้จิ่นหลีอ่านหนังสือแบบนั้นด้วยเหรอ?หลิงอี้หรานแปลกใจเล็กน้อย“ฉันบอกให้คนรับใช้ทำโจ๊กให้เธอแล้ว ไปทานสิ เธอยังไม่ได้ทานอะไรเท่าไหร่เลยหลังจากที่ตื่นมาในโรงพยาบาล” อี้จิ่นหลีพูดแล้วหันไปสั่งให้คนรับใช้ของเขายกโจ๊กมาเสิร์ฟหลิงอี้หรานไม่ได้ปฏิเสธ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หิวเลย แต่เธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว เธอมีลูกน้อยอยู่ในท้อง แม้แต่หมอยังบอกว่าเธอขาดสารอาหารเล็กน้อย ซึ่งไม่ดีต่อการเจริญเติบโตของเด็กในท้องตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจที่มัวแต่ยุ่งวุ่นวายจนแทบจะทานอาหารแบบที่เรียกได้ว่าไม่เป็นมื้อ โชคดีที่... เด็
มันฟังดูเป็นคำถามที่เขากำลังถามตัวเองมากกว่า เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นกังวลขนาดไหนในตอนที่ถามเธอว่าเสียใจไหม เขากังวลมากเสียจนรู้สึกเหมือนหัวใจและลมหายใจจะหยุดลงหลิงอี้หรานตัวสั่นเทา แต่น้ำเสียงของเขายังคงดังอยู่ในหูของเธอ “อี้หราน ตอนนี้เธอเสียใจไม่ได้แล้วนะ ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้มีโอกาสเสียใจอีก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะเป็นภรรยาของฉันเท่านั้น!”เธอสูดลมหายใจเข้าและสบตาของเขาด้วยดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์ของเธอ จากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฉันไม่เสียใจหรอก!” อีกอย่างเธอไม่มีเวลามาเสียใจอีกแล้ว ...ห้องนอนของเธอยังเป็นห้องเดียวกับครั้งก่อน ห้องนอนของเขาอยู่ถัดไปจากเธอ และมีประตูเชื่อมกันระหว่างสองห้องให้ไปมาหาสู่กันได้โดยสะดวกหลิงอี้หรานมีความรู้สึกหลายอย่างผสมกันเมื่อมองไปยังห้องที่ดูคุ้นเคยนี้ทุกอย่างในห้องยังเหมือนเดิม แม้แต่เสื้อผ้า ขวดน้ำ และเหยือกแก้วที่เธอไม่ได้เอาไปด้วยก็ยังคงอยู่ที่เดิม“ลองดูว่ามีอะไรที่เธออยากเอาไปไว้ที่ห้องฉันไหม เธอบอกให้คนรับใช้ย้ายให้ได้เลยนะ” อี้จิ่นหลีกล่าว เมื่อเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของหลิงอี้หราน เขาก็ขยับริมฝีปากบางของตัวเอง “เธอคิด
คืนนั้นเธอหลับไปในห้องตัวเอง และหลังจากคืนนี้เธอต้องไปนอนห้องเขาอี้จิ่นหลีนั่งลงข้างเตียงและมองเธอซึ่งหลับอยู่ แสงจันทร์สีเงินคล้ายปรอทตกกระทบบนตัวเขาผ่านหน้าต่างทำให้เขาดูเหมือนรูปปั้น ดูสวยงามแต่ก็ดูเศร้าโศกเล็กน้อยราวกับว่ามีความกังวลหลายล้านสิ่งซุกซ่อนอยู่ในดวงตาของเขาหลังจากนั้นพักใหญ่ขนตาของเขาก็ขยับเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงและริมฝีปากของเขาก็ประทับลงบนมือขวาของเธออย่างจริงใจและเต็มไปด้วยความรัก “อี้หราน รู้ไหมฉันรักเธอมากแค่ไหน?”เขาพึมพำ ไม่ว่าเขาจะหลอกตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางหลอกความรู้สึกของตัวเองได้เลย เขายังคง... รักเธอมากมายเสมอมา ...หลิงอี้หรานคิดว่าตัวเองจะหลับลงยากในคืนแรกที่กลับมาอยู่ที่คฤหาสน์อี้ แต่เธอกลับหลับสนิทตลอดทั้งคืนเมื่อเธอลืมตาขึ้นก็เห็นคนรับใช้หลายคนยืนอยู่ข้างเตียงเธอ โดยแต่ละคนถือของไว้แตกต่างกัน มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอางหลากหลายชนิดหลิงอี้หรานขนลุกซู่ ก่อนหน้านี้เธอยังสะลึมสะลืออยู่ แต่ตอนนี้เธอตื่นเต็มตาเลยทีเดียว“พวกคุณ...”“นายน้อยอี้สั่งให้พวกเรามาช่วยแต่งตัวให้คุณวันนี้ค่ะ คุณผู้หญิง” หนึ่งใ
“เธอมองจนทำเอาฉันคิดว่าเธอมีความรู้สึกลึกซึ้งให้ฉัน และเธอก็รักฉันมากแล้วนะ!” อี้จิ่นหลีพูดขณะที่จู่ ๆ เขาก็เงยหน้ามองมาที่เธอด้วยนัยน์ตาดอกท้อสีดำสนิทของเขาหลิงอี้หรานรู้สึกอาย “ฉันแค่...”‘แค่อะไรล่ะ? แค่มองไปเรื่อยอย่างนี้เหรอ? หรือแค่มองเพราะว่านี้เขาดูดีจริง ๆ อย่างนั้นล่ะ?’อันไหนก็ฟังดูไม่ดีทั้งนั้นแหละ!หลิงอี้หรานไม่รู้ว่าตอนนี้ต้องพูดอะไร ดังนั้นเธอจึงทำเพียงมองเขาด้วยดวงตาเมล็ดอัลมอนด์ของเธออี้จิ่นหลีพูดเบา ๆ ว่า “ถ้าเธอไม่รักฉันก็อย่ามองฉันแบบนั้นอีก มันจะทำให้ฉันเข้าใจผิดไป”“ขะ... เข้าใจแล้วค่ะ” เธอรีบพูดและก้มหน้าก้มตากินอาหารในจาน‘เมื่อกี้ฉันมองเขายังไงเหรอ? ทำไมเขาถึงเข้าใจผิดว่าฉันรักเขาไปได้?’‘นี่ฉันยังรักอี้จิ่นหลีอยู่เหรอ? ฉันยังรักผู้ชายที่ฉันเคยรักมากคนนั้นอยู่เหรอ?’ ...อี้จิ่นหลีและหลิงอี้หรานไปยังที่ว่าการอำเภอหลังจากมื้อเช้า เพราะว่าไม่ใช่วันสำคัญอะไร ดังนั้นที่นี่จึงไม่มีคนมากนักหลิงอี้หรานกับอี้จิ่นหลีรอคิวของตัวเองและนั่งรอหลังจากกดคิวแล้ว ตอนนี้มีคิวก่อนหน้าพวกเขาสามคิวที่ไม่รู้ว่าจะจดทะเบียนสมรส... หรือจดทะเบียนหย่ากันก็ไม่รู้การจดทะเบ
หญิงสาว: [ใครล่ะ? เซเลบคนใหม่เหรอ?]นักข่าวสายบันเทิงท่านหนึ่ง : [เซเลบอะไรล่ะ? นั่นมันอี้จิ่นหลี!]หญิงสาว : [อี้จิ่นหลี? อี้จิ่นหลีไหน?]นักข่าวสายบันเทิงท่านหนึ่ง : [เธอคิดว่ามีอี้จิ่นหลีกี่คนในเมืองเฉิน?]หญิงสาวตะลึงไป จากนั้นเธอก็เห็นว่าพวกเขาเรียกคิวที่เก้าออกไป อี้จิ่นหลีจับมือหลิงอี้หรานไว้แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจดทะเบียนสมรสหญิงสาวคนนั้นมองแผ่นหลังของอี้จิ่นหลีด้วยสายตาว่างเปล่า ‘นี่เขาเป็นประธานของอี้กรุ๊ปจริงเหรอ? ผู้ชายคนที่เขาเรียกกันว่านายน้อยอี้น่ะเหรอ?’จากนั้นแจ้งเตือนข้อความเข้าจากวีแชทในมือถือของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้งนักข่าวสายบันเทิงท่านหนึ่ง : [เธอไปเจออี้จิ่นหลีที่ไหน?] หญิงสาว : [ที่ว่าการอำเภอ]นักข่าวสายบันเทิงท่านหนึ่ง : [เขาไปทำอะไรที่ที่ว่าการอำเภอ?]ข้อความนั้นตามมาด้วยอิโมจิทำหน้าสงสัยหญิงสาว : [น่าจะ... มาจดทะเบียนสมรส]หญิงสาวคนนั้นยังคงงง ๆ นายน้อยอี้ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองเฉินปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธอและรอเขาเรียกคิวเพื่อ... จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างนั้รเหรอ?ทำไมเธอรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องจริงเลยล่ะ?นักข่าวสายบัน
‘ยังไงนี่ก็เป็นการจดทะเบียนสมรสของอี้จิ่นหลีนะ! น้อยคนจะได้รู้ว่านายน้อยอี้จดทะเบียนสมรสแล้วที่นี่! ถ้าสื่อข่าวในเมืองเฉินรู้เข้า ทั้งเมืองต้องวุ่นวายแน่‘ถึงอย่างนั้น... ผู้หญิงที่แต่งงานกับอี้จิ่นหลีกลับเป็นแปลกหน้า เธอน่าจะไม่ใช่ทายาทของตระกูลไหนในเมืองเฉินใช่ไหม? ถ้าให้พูดเจาะจงก็คือนิ้วของเธอที่กำลังเซ็นเอกสารนั้นค่อนข้างขยับได้ช้ากว่าคนทั่วไป และข้อนิ้วของเธอก็ดูผิดรูปเล็กน้อย ฉันเห็นหนังด้านบนมือของเธอด้วย‘อย่างน้อย ๆ มือคู่นั้นก็ไม่น่าจะเป็นมือของทายาทตระกูลดังได้’ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารคิดกับตัวเองทันทีที่หลิงอี้หรานเขียนชื่อตัวเองในใบลงทะเบียนเสร็จ ความรู้สึกคลื่นไส้อันคุ้นเคยอยู่ ๆ ก็จู่โจมเธอ หลิงอี้หรานรีบปิดปากของตัวเองไว้ในทันทีและพุ่งไปยังห้องน้ำอี้จิ่นหลีลุกขึ้นทันทีและรีบตามหลิงอี้หรานไป เมื่อเห็นแบบนี้ผู้อำนวยการฝ่ายและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เองก็รีบร้อนตามพวกเขาไปเช่นกันดังนั้นจึงเกิดเป็นภาพอันน่าตกตะลึงภายในที่ว่าการอำเภอผู้หญิงรูปร่างผอมบางคนหนึ่งวิ่งนำไปโดยมีชายหนุ่มหน้าตาดีวิ่งตามไปไม่ห่างแล้วก็มีกลุ่มเจ้าหน้าที่วิ่งตามหลังเขามาอีกทีหลิงอี้หรานพุ่งเข้า
ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสูดลมหายใจยาว สุดท้ายแล้วสายตาแปลก ๆ ก็หันมามองเมื่อพวกเขายืนอยู่ตรงนี้จากนั้นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและเหล่าเจ้าหน้าที่ก็เห็นชายผู้ซึ่งไม่มีใครในเมืองเฉินกล้าทำให้ขุ่นเคืองใจประคองผู้หญิงในอ้อมแขนมานั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนโยน เขากดน้ำจากตู้กดน้ำแล้วส่งให้เธอนี่นายน้อยอี้... กำลังเสิร์ฟน้ำให้คนอื่นเหรอ?พวกคนที่รู้ว่าอี้จิ่นหลีเป็นใครต่างก็อึ้งไปตาม ๆ กัน เป็นเรื่องปกติที่คนอื่นจะเสิร์ฟน้ำให้นายน้อยอี้ แต่ไม่ใช่กลับกันแบบนี้หลิงอี้หรานรับมาและดื่มไปนิดหน่อย อี้จิ่นหลีสอดมือเข้าไปในเสื้อสูทของตัวเองและหยิบเอากล่องเล็ก ๆ ที่มีบ๊วยเค็มอยู่ในนั้นออกมา เขาเอาออกมาหนึ่งชิ้นและส่งให้เธอ “กินนี่สิ ฉันได้ยินมาว่าช่วยหยุดอาการคลื่นไส้ได้เวลาท้อง”หลิงอี้หรานรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้กินบ๊วยเข้าไป “ใครบอกคุณคะ ว่าบ๊วยช่วยเรื่องคลื่นไส้ได้?”“เกาฉงหมิง” อี้จิ่นหลีพูดชื่อออกมา“เกาฉงหมิงแต่งงานแล้วเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถามด้วยความแปลกใจ สิ่งที่เธอรับรู้ก่อนหน้านี้คือเกาฉงหมิงดูเหมือนจะเป็นคนโสด“เปล่า แต่เขาบอกว่าตอนแม่ท้องเขาเธอแพ้ท้องหนักมาก และดีขึ้นหลังจากกินบ๊วยเข้าไป” อี