เกาฉงหมิงหยุดพูดทันที ‘นี่นายน้อยอี้ไม่สนใจหลิงอี้หรานแล้วจริง ๆ เหรอ?’ แต่สิ่งที่อี้จิ่นหลีพูดหลังจากนั้นกลับทำให้เกาฉงหมิงต้องตะลึง“ไปหามาว่าทำไมเธอถึงอยากยืมเงินสองล้าน” อี้จิ่นหลีกล่าว“ครับ” เกาฉงหมิงรีบตอบและออกจากห้องทำงานไปอี้จิ่นหลีกลับมาเหลือคนเดียวในห้องทำงานขนาดใหญ่ของประธานบริษัทอีกครั้ง เขาเดินไปยังหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสและก้มมองไปยังร่างนั้นที่ยืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้าอาคารจากมุมนี้เขาเห็นเพียงจุดจาง ๆ เล็ก ๆ แต่เขาก็ยังบอกได้ว่าคนไหนคือเธอเป็นเรื่องน่าแปลกที่แม้เขาจะบอกตัวเองอยู่ตลอดว่าอย่าไปสนใจให้ค่าผู้หญิงคนนี้ แต่เขาก็ทำไม่ได้เสียทีแค่คิดถึงความซีดเซียว ใบหน้าที่ไร้สีสัน และร่างกายของเธอที่แทบจะไม่มีความมั่นคงใด ๆ แค่นั้นก็ทำให้เขาเป็นห่วงได้แล้ว!‘ฉันเป็นห่วงอะไรเนี่ย? มีเรื่องอะไรที่ฉันต้องห่วงด้วยเหรอ?’ อี้จิ่นหลีบอกกับตัวเองในใจว่าหลิงอี้หรานมาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างเธอกับกู้ลี่เฉิน เขาเลยไม่ให้เธอยืมเงินสองล้านนั่นเพราะอย่างนั้นเขาเลยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดรองลงมาเขายิ้มเยาะใส่ตัวเอง อี้จิ่นหลีกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดรองลงมาไปตั้งแต่เ
เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะสืบรู้เรื่องทั้งหมดภายในครึ่งชั่วโมงใบหน้าของอี้จิ่นหลีชะงักค้างไปเล็กน้อย ‘เมื่อคืนเธอยืนอยู่หน้าบ้านกู้ลี่เฉินทั้งคืนเลยเหรอ?’“นายน้อยอี้ครับ เมื่อคืนคุณหลิงยืนรออยู่ทั้งคืนแล้วตอนนี้เธอก็มายืนรออยู่ที่นี่อีก ผมเกรงว่าเธอน่าจะทนได้อีกไม่นาน เมื่อดูจากเรี่ยวแรงของเธอแล้ว” เกาฉงหมิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปอี้จิ่นหลีหันไปและมองจุดดำ ๆ เล็ก ๆ ตรงหน้าทางเข้าอาคารผ่านหน้าต่างทรงฝรั่งเศสอีกครั้ง “ไปพาเธอขึ้นมา!”“ครับ” เกาฉงหมิงตอบรับอย่างรวดเร็วและรีบเดินออกจากห้องประธานบริษัทไป‘ดูเหมือนนายน้อยอี้จะยังสนใจหลิงอี้หรานอยู่นะ!’ ในตอนที่เกาฉงหมิงมาถึงชั้นล่าง หลิงอี้หรานก็จวนเจียนจะล้มพับลงไปแล้ว เธอแทบจะยืนอยู่ตรงนั้นได้ด้วยพลังใจเฮือกสุดท้าย“คุณหลิง นายน้อยอี้อยากพบคุณ มากับผมเถอะ” เกาฉงหมิงกล่าวพลางมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าเขาที่อยู่ในสถาการณ์ตกที่นั่งลำบาก เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ในใจด้วยความรักที่นายน้อยอี้มีต่อเธอ ตราบใดที่เธอยอมโอนอ่อนให้ นายน้อยอี้ย่อมช่วยเธอแก้ไขปัญหาตอนนี้ให้เธอได้แน่“ค่ะ ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะคะ” หลิงอี้หรานขยับปากแห้งแตกของต
คำพูดของเขาราวกับเป็นดาบแหลมคมที่หั่นเธอออกเป็นชิ้น ๆ! “ค่ะ” เธอกล่าว ไม่แปลกใจที่เขาจะรู้เรื่องนี้“เธอเป็นห่วงเพื่อนเธอจริง ๆ สินะ ถึงขนาดยืนหน้าบ้านกู้ลี่เฉินทั้งคืนได้เพื่อชินเหลียนอี และเธอก็มาหาฉันแล้วรออยู่ตั้งนานสองนาน” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกประชดประชันตัวเธอสั่นเทาและมือที่ตกอยู่ข้างตัวของเธอก็กำแน่นราวกับกำลังมอบความกล้าให้ตัวเองไม่ว่าอี้จิ่นหลีอยากทำให้เธออับอายมากแค่ไหน เธอก็ต้องอดทนยอมรับมัน เธอจะช่วยเหลียนอีได้อย่างไรถ้าทนเรื่องพวกนี้ไม่ได้?เธอกัดริมฝีปากตัวเองและกล่าวว่า “ฉันรู้ค่ะ ว่าฉันคงเป็นคนหน้าไม่อายสำหรับคุณ แต่... ฉันต้องการเงินจริง ๆ เหลียนอีไม่รอดแน่ถ้าไม่มีเงินนั่น ฉันจะทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการตราบใดที่คุณให้ฉันยืมเงิน”‘ใช่ ฉันจะเป็นยังไงก็ช่างตราบใดที่เหลียนอีรอด! เหลียนอีทิ้งอนาคตตัวเองและยื่มมือมาหาฉันในตอนที่ฉันตกต่ำที่สุด ตอนนี้ฉันก็จะยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลียนอีด้วยเหมือนกัน!’อี้จิ่นหลีหัวเราะเบา ๆ และยกริมฝีปากบางของเขาขึ้น “เธอคิดว่าฉันต้องการให้เธอทำอะไรให้ล่ะ? นี่เธอคิดว่าฉันจะพูดอะไรโง่ ๆ อย่างขอให้เธออยู่กับฉันอีก หรือว่าน
‘สองล้านนั่นก็เพื่อช่วยชีวิตของเหลียนอีไว้! แต่ฉันไม่มีทางหาเงินนั่นให้เหลียนอีได้เลย! แล้วเหลียนอีจะเป็นยังไงต่อ? ครอบครัวชินจะขายบ้านทิ้งอย่างนั้นเหรอ? แล้วถ้าขายแล้วก็ยังไม่พออีกล่ะ? ค่าห้องไอซียูต่อวันก็หลายหมื่นแล้ว คนธรรมดา ๆ จะไปหาเงินมาจากไหนในการรักษาระยะยาวได้กัน?’ริมฝีปากของหลิงอี้หรานสั่นสะท้านขณะพยายามจะพูดบางอย่าง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร!ทั้งหมดที่เธอพอจะเจรจาต่อรองกับอี้จิ่นหลีได้ก็มีแค่ตัวเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่มีความสำคัญอะไรต่อเขาแล้ว ความสิ้นหวังของเธอทำให้หัวใจของเขาปวดหนึบอีกครั้ง อี้จิ่นหลีเม้มปากบางของเขาแน่น และรู้สึกรังเกียจที่หัวใจตัวเองยังเจ็บปวดอีกครั้งกับผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ หลังจากนั้นเสียงของหลิงอี้หรานก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คุณให้ฉัน... ยืมสองล้านไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”เขาสะกดกลั้นความเจ็บปวดในหัวใจและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉันยังพูดไม่ชัดอีกเหรอ?”เธอพูดด้วยสีหน้าเหยเก “ก็... ชัดค่ะ... งั้น... ขอโทษที่รบกวน...” เธอพูดด้วยแรงแทบจะทั้งหมดที่มีเธอหันหลังแล้วเดินไปยังประตูห้องทีละก้าว ๆ‘เหลียนอี... แล้วเหลียนอีจะเป็นยังไ
“ลี่เฉิน คุณไม่ได้... คิดถึงอี้หรานหรอกเหรอคะ? ที่คุณทะเลาะกับอี้หรานเพราะเรื่องของฉันจะไม่เป็นไรเหรอคะ? อี้หรานอุตส่าห์มาขอเจอคุณเพื่อกวอซินหลี่เลยนะคะ คุณโอเคที่จะไม่เจอเธอจริงเหรอ?” หวาลี่ฟางกล่าวพลางแสร้งรู้สึกผิด“คุณไม่ต้องถามคำถามพวกนั้นแล้วล่ะ คุยกับทนายของคุณได้เลยถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการฟ้องร้อง” กู้ลี่เฉินกล่าวอย่างเย็นชาในทันใดนั้นเองหวาลี่ฟางก็เริ่มร้องไห้และดูเหมือนกำลังเช็ดน้ำตาขณะที่ก้มหน้าลง “ลี่เฉิน ขอบคุณนะคะ ฉันคิดว่าคุณรักอี้หรานและจะแสดงความเป็นห่วงเธอด้วยการแนะนำฉันไม่ให้ฟ้องกวอซินหลี่เสียอีก ฉันคิดว่าคุณจะบอกให้ฉันกล้ำกลืนความเศร้าไว้ แต่... ไม่คิดเลยค่ะ ว่าคุณจะจ้างทนายมาให้ฉันและช่วยฉันเรื่องคดี ขอบคุณนะคะ คุณช่างดีจริง ๆ คุณยังเป็น... เหมือนเมื่อก่อนเลย”เธออยากเรียกเขาว่าเฉินเฉิน แต่ก็ล้มเลิกไปเมื่อคิดถึงคำเตือนครั้งก่อนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เขารำคาญด้วยการเรียกชื่อนั้น อย่างไรเสียตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการทำให้เขาหลีกเลี่ยงการเจอกับหลิงอี้หรานให้ได้มากที่สุด และทำให้เขาเหินห่างไปจากเธอกู้ลี่เฉินจ้องมองหวาลี่ฟาง “ถ้าเรื่องที่คุณพูดเป็นความจริง
มีผู้หญิงตั้งหลายคนในเมืองเฉินที่อยากเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลอี้ด้วยการให้กำเนิดทายาท แต่อย่าว่าแต่ ‘ทายาท’ เลย แค่ ‘แม่’ ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าใกล้นายน้อยอี้ด้วยซ้ำหลิงอี้หรานโชคดีชะมัด!เกาฉงหมิงอดถอนหายใจกับตัวเองไม่ได้ เขาตบบ่าหมอและบอกให้ออกไปจากห้องพร้อมกันกับเขา เพราะเป็นเลขาส่วนตัว เกาฉงหมิงย่อมรู้ว่าตอนนี้เจ้านายของเขาต้องการสงบสติอารมณ์และอยู่กับหลิงอี้หรานตามลำพังมีเพียงเสียงลมหายใจของคนสองคนในห้องอันเงียบเชียบนี้เท่านั้นอี้จิ่นหลีค่อย ๆ ยกมือของเขาสัมผัสหน้าท้องของหลิงอี้หรานผ่านผ้าห่มสีขาว เขาเคยไปหาหมอสูตินรีเวชเป็นเพื่อนเธอมาก่อนจึงรู้ว่าเธอเคยได้รับบาดเจ็บที่มดลูกมาก่อน แม้ว่าเธออยากจะมีลูกและดูแลร่างกายของตัวเองอย่างดี มันก็ยังเป็นเรื่องยากแม้จะใช้เทคโนโลยีมาช่วยแล้วก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง... การตั้งท้องด้วยวิธีตามธรรมชาติเลยโอกาสเกิดขึ้นมีน้อยมาก!ดังนั้นแม้หลังจากที่พวกเขาแยกย้ายกันไป และในตอนที่เขาเห็นเธออาเจียนในวันนั้น ความคิดที่ว่าเธออาจจะท้องจึงไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลยแต่... เธอก็ท้องแล้ว และเป็นลูกของพวกเขาที่อยู่ในครรภ์ของเธอ!ลูกของพวกเขาจะเป็นผู
หลิงอี้หรานอยากจะหนีออกจากอ้อมแขนของอี้จิ่นหลีโดยอัตโนมัติ แต่เขากลับกอดเธอไว้แน่นขึ้นเล็กน้อย จมูกของเขามีแต่กลิ่นของเธอ เขาสูดดมมันอย่างตะกละตะกลาม และในทันทีที่แขนของเขาโอบกอดเธอไว้ก็ดูเหมือนจะไม่อยากปล่อยเธอไปอีกแล้วเธอมีอิทธิพลต่อเขามานานแค่ไหนแล้ว? ทุกความมีเหตุผลและความยืนกรานของเขาดูเหมือนจะพังลงได้ง่าย ๆ เมื่อเป็นเรื่องของเธอ!เธอเป็นคนเดียวที่กำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ในตอนนี้ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแพ้โดยสิ้นเชิง? เขาถึงขนาดที่... ละทิ้งเกราะกำบังและยอมแพ้เลยเหรอ?เขากอดเธอไว้ขณะที่ฝังใบหน้าลงบนไหล่ของเธอและดูเหมือนจะกอดเธอไว้ตลอดไปหลิงอี้หรานตะลึงไป ‘ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดฉันหรอกเหรอ? เขาเกลียดฉันจนรู้สึกขยะแขยงเลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงกอดฉันล่ะ?’ “ฉัน... เอาเงินสองล้านให้เธอได้นะ” สุดท้ายอี้จิ่นหลีก็เปิดปากพูดจนเสียงแหบของเขาดังออกมา “ฉันหาโรงพยาบาลกับหมอดี ๆ มาดูแลชินเหลียนอีให้ได้ แล้วฉันก็จะเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ชินเหลียนอีให้ทั้งหมดด้วย”ดวงตาของหลิงอี้หรานเบิกกว้าง และเธอก็แทบจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน‘นี่เขา... เขาบอกว่า... จะช่วยเหล
ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์แววใสของเธอสบกับดวงตาคู่สวยตรงหน้าดวงตาคู่นั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความเสน่หาและอ่อนโยนเหมือนตอนที่พวกเขายังคบกันอยู่ มันดูเหมือนค่ำคืนอันหนาวเหน็บเสียมากกว่าเธอคิดว่าสุดท้ายแล้วเธอกับผู้ชายคนนี้จะเป็นเพียงเส้นขอบฟ้าซึ่งขนานกัน ต่างคนต่างกลับไปอยู่ในที่ของตนและไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกต่อไปทว่า ตอนนี้พวกเขากลับต้องมาเกี่ยวข้องกันแบบนี้พวกเขากำลัง... จะมีลูกด้วยกัน ลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา!หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกเธอก็พูดช้า ๆ ว่า “ได้สิ งั้นเราแต่งงานกันเถอะ!” ...รถสีดำจอดลงที่โรงพยาบาลซึ่งชินเหลียนอีเข้ารับการรักษาอยู่ เกาฉงหมิงเปิดประตูหลังด้วยท่าทางนอบน้อมและพูดกับหลิงอี้หรานว่า “คุณหลิง นายน้อยอี้บอกว่าคุณไม่ควรอยู่ที่นี่นานนะครับ เพราะว่าคุณร่างกายอ่อนแอและกำลังตั้งครรภ์อยู่ นอกจากนั้นคุณชินจะได้รับการส่งตัวไปยังอีกโรงพยาบาลเสร็จในวันพรุ่งนี้ด้วยครับ”“เข้าใจแล้วค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าวขณะที่เดินเข้าไปในวอร์ดไอซียูโดยมีเกาฉงหมิงเดินตามหลังที่เป็นอย่างนี้เพราะไม่ว่าอย่างไรหลิงอี้หรานก็กำลังอุ้มท้อ