เมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาลและพูดชื่อของชินเหลียนอีกับเคาน์เตอร์พยาบาล ความบังเอิญในทีแรกกลายเป็นความจริงในที่สุดชินเหลียนอีได้รับบาดเจ็บหนักและเพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉิน เธอยังต้องอยู่ดูอาการต่อในห้องไอซียู และจะได้ย้ายไปอยู่ห้องพักฟื้นทั่วไปก็ต่อเมื่อพ้นช่วงภาวะวิกฤติไปได้แล้วเท่านั้นทุกอย่างตรงหน้าหลิงอี้หรานราวกับกลายเป็นสีเทา เมื่อเธอมาถึงห้องไอซียู เธอก็เห็นนายท่านและคุณนายชินยืนอยู่ริมกำแพงกระจกใส พวกเขากำลังร้องไห้ขณะที่มองเข้าไปข้างในหลังจากไม่ได้เจอพ่อแม่ของเหลียนอีมากว่าสี่ปี หลิงอี้หรานไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับพวกท่านในสถานที่แบบนี้‘เหลียนอี... ตอนนี้เหลียนอี...’ขาของหลิงอี้หรานสั่น เธอกลัวเกินกว่าจะเข้าไปดูสภาพของเหลียนอีที่อยู่หลังกำแพงกระจก เธอกลัวว่าเธอจะรับกับสิ่งที่เห็นไม่ไหว!ทีละก้าว... ทีละก้าว...ระยะทางอันสั้นกลับดูยิ่งไกลออกไป สุดท้ายเมื่อเธอเดินไปถึงกำแพงกระจกและมองเข้าไป หลิงอี้หรานก็เห็นชินเหลียนอีกำลังนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลทันใดนั้นหลิงอี้หรานก็ร้องไห้ออกมาทันที! ‘เหลียนอีเหรอ? นั่นคือเหลียนอีเหรอ?’ คนที่อนู่บนเตียงโรงพยาบาลใส่ท่อช่วยหายใจและมีผ้าพ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นายท่านชินก็กล่าวกับหลิงอี้หรานว่า “เหลียนอีบาดเจ็บหนัก อย่างที่เธอเห็น ตอนนี้ครอบครัวเราวุ่นวายมาก แล้วเราก็อารมณ์ไม่ดีด้วย หวังว่าเธอจะไม่โผล่หน้ามาให้พวกเราเห็นอีกนะ ถึงเราจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหลียนอีในครั้งนี้จะไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ แต่พอเราเห็นเธอก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าเหลียนอีเคยเสียสละให้เธอไปมากแค่ไหน เราก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเธอ”“หนู... หนูเข้าใจค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว เธอไม่เคยโทษนายท่านและคุณนายชินเลย พ่อแม่ทุกคนคงไม่อยากเห็นลูกของพวกเขาทิ้งอนาคตของตัวเองเพื่อเพื่อนคนหนึ่งในทันใดนั้นเองที่พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาและเอาบิลค่าใช้จ่ายมอบให้นายท่านและคุณนายชิน “เราหักเงินจากก่อนหน้านี้ออกไปแล้ว แต่ยังมีค้างอยู่บางส่วนค่ะ เพราะอย่างนั้นรีบไปจ่ายให้เร็วที่สุดด้วยนะคะ คุณชินเหลียนอียังมีการผ่าตัดที่ต้องเข้าผ่าตัดอีกสองครั้ง และยังมีค่ารักษาในห้องไอซียูกับค่าใช้จ่ายเฝ้าติดตามอาการด้วย ญาติคงต้องเตรียมเงินไว้... มากกว่าล้านดอลลาร์ค่ะ”สิ่งนั้นทำให้นายท่านชินและคุณนายชินสติหลุดไปเลยทีเดียว มากกว่าล้านเหรอ? ครอบครัวฐานะธรรมดา ๆ แบบพวกเขาจะไปเอาเงินมากขนาดนั้นมาจ
หนึ่งถึงสองล้านดอลลาร์ไม่ระคายอะไรกู้ลี่เฉินหรอก แต่สำหรับเหลียนอี มันคือเงินที่ต้องใช้เพื่อรักษาชีวิตเธอ!หลิงอี้หรานหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหากู้ลี่เฉิน แต่ไม่มีใครรับสาย เธอกัดฟันและเดินทางไปที่ห้องพักฟื้นของกู้ลี่เฉินในโรงพยาบาลซิตี้เฟิร์ส แต่กลับไม่มีใครอยู่ และเธอได้รู้จากพยาบาลว่ากู้ลี่เฉินออกจากโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อบ่ายนี้เอง!‘ที่ไหนได้อีก? ฉันจะไปหากู้ลี่เฉินได้ที่ไหน?’หลิงอี้หรานใช้ความคิด ‘คฤหาสน์กู้ หรือไม่ก็... คฤหาสน์ส่วนตัวของกู้ลี่เฉิน?’เธอจำได้ว่ากู้ลี่เฉินเคยบอกไว้ว่า ปกติเขาจะอยู่ที่คฤหาสน์ส่วนตัว และที่อยู่ของมันก็คือ... หลิงอี้หรานจำได้ว่าในข่าวซุบซิบคนดังเคยพูดถึงที่อยู่ของเขาเอาไว้อย่างไรกู้ลี่เฉินก็เป็นเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง หลายคนจึงรู้ว่าคฤหาสน์ส่วนตัวของเขาอยู่ที่ไหน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครก็ได้จะเข้าไป เพราะที่นั่นมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดในโลกและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนหลิงอี้หรานขึ้นแท็กซี่และบอกจุดหมายเป็นที่อยู่คฤหาสน์ของกู้ลี่เฉินเมื่อได้ยินอย่างนั้นคนขับรถก็แนะขึ้นทันทีว่า “ไม่ได้จะไปหาโอกาสที่บ้านเจ้าชายหรอกใช่ไหม? เอ เ
ในตอนนั้นเองที่จู่ ๆ ก็มีรถเข้ามาจอดและหวาลี่ฟางก็ลงมาจากรถ มีความแปลกใจปรากฏในดวงตาของเธอเมื่อเห็นหลิงอี้หราน เธอเดินมาแล้วพูดว่า “อี้หราน ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”หลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดกับหวาลี่ฟาง “ฉันอยากเจอลี่เฉิน เพื่อนฉันได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเข้าห้องไอซียู ฉันจะมาขอให้กู้ลี่เฉินช่วย ถ้า... เป็นไปได้ เธอช่วยพาฉันเข้าไปเจอลี่เฉินหน่อยได้ไหม?”เธอรู้ว่าหวาลี่ฟางไม่มีทางตอบตกลงเพราะเรื่องระหองระแหงกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่เพื่อเหลียนอี หลิงอี้หรานก็ทำได้แค่ลองพยายามดูเป็นไปตามที่เธอคาดไว้ หวาลี่ฟางทำหน้าลำบากใจและพูดว่า “ช่วยไม่ได้หรอก อย่างที่เธอรู้ วันนี้เธอกับลี่เฉินจากกันไม่ดีเท่าไหร่ ลี่เฉินยังโกรธอยู่เลย ถ้าฉันพาเธอเข้าไป เขาไม่โกรธฉันไปด้วยหรือไง? ขอโทษนะ แต่ฉันคงช่วยไม่ได้จริง ๆ”พูดจบหวาลี่ฟางก็หันตัวกลับไปยังรถ ประตูเหล็กค่อย ๆ เปิดออก และรถคันนั้นก็แล่นเข้าไป ขณะนั่งในรถหวาลี่ฟางมองผ่านกระจกหน้าต่างไปยังหลิงอี้หรานที่ยืนอยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าเจ็บปวด เธอจึงอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มอย่างพอใจเธอไม่ยอมให้อี้หรานเจอลี่เฉินง่าย ๆ หรอก เธอยังรอให้ความเข้าใจระหว่าง
โทรศัพท์ของกู้ลี่เฉินดังขึ้นซ้ำ ๆ ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ กู้ลี่เฉินก้มลงมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าสับสน แต่ก็ไม่ได้กดรับเป็นสายที่มาจากอี้หราน แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องใช้น้ำเสียงแบบไหนในการเผชิญหน้ากับเธอ‘ทำไมเธอถึงอยากโทรหาฉันนัก? เพื่อกวอซิ่นหลี่เหรอ? นี่เธอพยายามจะขอร้องแทนกวอซิ่นหลี่อย่างนั้นเหรอ?’ในตอนนั้นเองที่หวาลี่ฟางซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา เธอทำหน้าสับสนและพูดว่า “ลี่เฉิน ไม่รับโทรศัพท์เหรอคะ? อี้หรานโทรมา แต่เธอน่าจะโทรมาเรื่องกวอซิ่นหลี่มั้งคะ เมื่อกี้ฉันเจอเธอที่หน้าประตูคฤหาสน์ เธอเอาแต่พูดว่าอยากจะเจอและคุยกับคุณ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะสู้เพื่อกวอซิ่นหลี่ขนาดนี้!”หวาลี่ฟางจงใจอ้างว่าเหตุผลที่หลิงอี้หรานมายืนอยู่ข้างนอกเพราะกวอซินหลี่เป็นไปตามที่คิดสีหน้ายุ่งยากใจบนหน้าของกู้ลี่เฉินจางหายไปขณะเดียวกันเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเครื่องหวาลี่ฟางพอใจมากเมื่อเห็นแบบนี้ แต่เธอก็ยังคงกล่าวว่า “ลี่เฉิน แน่ใจเหรอคะว่าจะไม่ออกไปเจออี้หราน? ฉันคิดว่าอี้หรานน่าจะยังรออยู่ข้างนอกนะ...”กู้ลี่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา “พอเถอะ หยุดพูดเรื่องนี
‘ใช่ ฉันจะลืมได้ยังไง? อี้หรานทำแบบนี้ทั้งหมดก็เพื่อกวอซิ่นหลี่ ความซีดเซียว ความเศร้าหมอง และความยืนกรานของเธอทั้งหมดก็เพื่อกวอซิ่นหลี่!’“ออกรถ!” กู้ลี่เฉินกล่าวเสียงเบาเพื่อสั่งคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างหน้าก่อนที่เขาจะเอนตัวพิงกับที่นั่งและหลับตาลงช้า ๆเมื่อได้ยินแบบนี้ คนขับรถก็กดปุ่มลดกระจกลงและพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างนอกว่า “พาเธอออกไป นายน้อยกู้ไม่อยากเจอผู้หญิงคนนี้”หลิงอี้หรานดูตกใจและตะโกนขึ้นทันทีว่า “ลี่เฉิน ฉันต้องเจอคุณ ฉันอยากให้คุณช่วย...”ถึงอย่างนั้นกระจกรถก็ค่อย ๆ เลื่อนขึ้นปิด และตัดเสียงของเธอออกไปนาทีต่อมาเจ้าหนาที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ลากเธอออกไป!ขณะที่รถค่อย ๆ ขับผ่านหน้าเธอไป หลิงอี้หรานออกแรงทั้งหมดของเธอเพื่อผลักเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออกและไล่ตามรถไป แต่ไม่ว่าเธอจะวิ่งเท่าไหร่ เธอก็ตามไม่ทัน ระยะทางระหว่างเธอและรถคันนั้นยิ่งห่างจากกันมากขึ้นเรื่อย ๆหวาลี่ฟางซึ่งอยู่ในรถแอบรู้สึกพึงพอใจที่เห็นหลิงอี้หรานวิ่งตามรถอย่างทำอะไรไม่ถูกเป็นหลิงอี้หรานเองที่ทิ้งตัวตนในฐานะคนช่วยชีวิตลี่เฉินไป แล้วจะผิดตรงไหนถ้าตอนนี้เธอจะเอามันม
เป็นไปตามคาดเมื่อรถหยุดลงอี้จิ่นหลีก็ลงมาจากรถ เมื่อเขาเห็นหลิงอี้หราน เขาก็หยุดเดินและมองมายังเธอ“ฉัน... ฉันมีเรื่องต้องขอร้องคุณ” เธอพูดเสียงแหบแห้ง เธอไม่ได้จิบน้ำสักหยดมาตั้งแต่คืนก่อน และตอนนี้ปากเธอก็แห้งผากอย่างรุนแรง“เธอมาที่นี่เพื่อมาหาฉันเหรอ?” น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังแผ่ว และมีความถากถางเจืออยู่ในนั้น “ความจำเธอแย่ขนาดนั้นเชียว หรือเธอไม่ใส่ใจคำพูดของฉันเลย? วันนี้เธอจงใจมาอยู่ตรงหน้าฉัน ทั้งที่เมื่อวานฉันบอกแล้วว่าอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”หลิงอี้หรานรุดไปข้างหน้าและจับแขนของอี้จิ่นหลีไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง “ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากเจอเจอฉันอีก แต่... ฉันขอร้องคุณ ให้ฉันยืมสองล้านได้ไหม? ฉันจ่ายคืนคุณแน่ ฉันจ่ายคืนคุณพร้อมด้วยดอกเบี้ยเลย ฉันต้องการเงินก้อนนี้จริง ๆ !”“สองล้านเหรอ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เรียกว่า ‘คำขอร้อง’ ของเธอทำให้เขาแปลกใจ และความดูถูกในดวงตาของเขาก็ชัดเจนยิ่งขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? กู้ลี่เฉินไม่ให้เงินเธอยืมหรือไง เธอเลยต้องแจ้นมาขอฉันถึงที่นี่?”ใบหน้าของหลิงอี้หรานเปลี่ยนเป็นสีซีดในทันที เธอซีดเซียวอยู่เดิมแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนใบหน้าเธอจะไร้สีไ
เกาฉงหมิงหยุดพูดทันที ‘นี่นายน้อยอี้ไม่สนใจหลิงอี้หรานแล้วจริง ๆ เหรอ?’ แต่สิ่งที่อี้จิ่นหลีพูดหลังจากนั้นกลับทำให้เกาฉงหมิงต้องตะลึง“ไปหามาว่าทำไมเธอถึงอยากยืมเงินสองล้าน” อี้จิ่นหลีกล่าว“ครับ” เกาฉงหมิงรีบตอบและออกจากห้องทำงานไปอี้จิ่นหลีกลับมาเหลือคนเดียวในห้องทำงานขนาดใหญ่ของประธานบริษัทอีกครั้ง เขาเดินไปยังหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสและก้มมองไปยังร่างนั้นที่ยืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้าอาคารจากมุมนี้เขาเห็นเพียงจุดจาง ๆ เล็ก ๆ แต่เขาก็ยังบอกได้ว่าคนไหนคือเธอเป็นเรื่องน่าแปลกที่แม้เขาจะบอกตัวเองอยู่ตลอดว่าอย่าไปสนใจให้ค่าผู้หญิงคนนี้ แต่เขาก็ทำไม่ได้เสียทีแค่คิดถึงความซีดเซียว ใบหน้าที่ไร้สีสัน และร่างกายของเธอที่แทบจะไม่มีความมั่นคงใด ๆ แค่นั้นก็ทำให้เขาเป็นห่วงได้แล้ว!‘ฉันเป็นห่วงอะไรเนี่ย? มีเรื่องอะไรที่ฉันต้องห่วงด้วยเหรอ?’ อี้จิ่นหลีบอกกับตัวเองในใจว่าหลิงอี้หรานมาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างเธอกับกู้ลี่เฉิน เขาเลยไม่ให้เธอยืมเงินสองล้านนั่นเพราะอย่างนั้นเขาเลยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดรองลงมาเขายิ้มเยาะใส่ตัวเอง อี้จิ่นหลีกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดรองลงมาไปตั้งแต่เ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค