หลิงอี้หรานรีบโทรหาชินเหลียนอี แต่เสียงปลายสายกลับดังเป็นสัญญาณว่าสายไม่ว่างหลิงอี้หรานยังคงกดโทรต่อซ้ำ ๆ แต่ไม่มีสายไหนที่ต่อติดเลยความไม่สบายใจระลอกใหญ่ถาโถมเข้าสู่หัวใจของเธอในทันที‘เหลียนอี... จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอไม่ได้นะ!’หลิงอี้หรานรีบค้นหาข่าวเกี่ยวกับไป๋ทิงซินว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน แต่ข่าวล่าสุดที่เธอเห็นกลับเป็นข่าวซุบซิบที่เธออ่านไปก่อนหน้านี้คือ เขาหายตัวไปไป๋ทิงซินเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่คนดัง แม้เขาจะเป็นผู้นำของตระกูลไป๋ แต่ความสนใจที่คนอื่นมีต่อเขากลับอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น ดังนั้นข่าวพวกนี้จึงไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่‘เกิดอะไรขึ้นกับเหลียนอีกันแน่? ทำไมเหลียนอีไม่รับโทรศัพท์ล่ะ?’ หลิงอี้หรานพยายามส่งข้อความไปด้วยเช่นกัน ทั้ง WeChat... และอื่น ๆ เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ติดต่อกับอีกฝ่ายได้ แต่ก็ไม่มีการตอบกลับจากช่องทางใดเลยหลิงอี้หรานลังเลเล็กน้อยและสุดท้ายก็โทรหาพ่อแม่ของเหลียนอี เธอบันทึกเบอร์ของพวกท่านไว้ในโทรศัพท์ แต่ไม่เคยโทรไปสักครั้ง เพราะพ่อแม่ของเหลียนอีกไม่ชอบหน้าเธอหลังจากที่เธอเกิดอุบัติเหตุและโดนจับขังคุกถึงอย่างนั้นพ่อแม่ของเหลียนอีก็มีเหตุผลที
เมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาลและพูดชื่อของชินเหลียนอีกับเคาน์เตอร์พยาบาล ความบังเอิญในทีแรกกลายเป็นความจริงในที่สุดชินเหลียนอีได้รับบาดเจ็บหนักและเพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉิน เธอยังต้องอยู่ดูอาการต่อในห้องไอซียู และจะได้ย้ายไปอยู่ห้องพักฟื้นทั่วไปก็ต่อเมื่อพ้นช่วงภาวะวิกฤติไปได้แล้วเท่านั้นทุกอย่างตรงหน้าหลิงอี้หรานราวกับกลายเป็นสีเทา เมื่อเธอมาถึงห้องไอซียู เธอก็เห็นนายท่านและคุณนายชินยืนอยู่ริมกำแพงกระจกใส พวกเขากำลังร้องไห้ขณะที่มองเข้าไปข้างในหลังจากไม่ได้เจอพ่อแม่ของเหลียนอีมากว่าสี่ปี หลิงอี้หรานไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับพวกท่านในสถานที่แบบนี้‘เหลียนอี... ตอนนี้เหลียนอี...’ขาของหลิงอี้หรานสั่น เธอกลัวเกินกว่าจะเข้าไปดูสภาพของเหลียนอีที่อยู่หลังกำแพงกระจก เธอกลัวว่าเธอจะรับกับสิ่งที่เห็นไม่ไหว!ทีละก้าว... ทีละก้าว...ระยะทางอันสั้นกลับดูยิ่งไกลออกไป สุดท้ายเมื่อเธอเดินไปถึงกำแพงกระจกและมองเข้าไป หลิงอี้หรานก็เห็นชินเหลียนอีกำลังนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลทันใดนั้นหลิงอี้หรานก็ร้องไห้ออกมาทันที! ‘เหลียนอีเหรอ? นั่นคือเหลียนอีเหรอ?’ คนที่อนู่บนเตียงโรงพยาบาลใส่ท่อช่วยหายใจและมีผ้าพ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นายท่านชินก็กล่าวกับหลิงอี้หรานว่า “เหลียนอีบาดเจ็บหนัก อย่างที่เธอเห็น ตอนนี้ครอบครัวเราวุ่นวายมาก แล้วเราก็อารมณ์ไม่ดีด้วย หวังว่าเธอจะไม่โผล่หน้ามาให้พวกเราเห็นอีกนะ ถึงเราจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหลียนอีในครั้งนี้จะไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ แต่พอเราเห็นเธอก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าเหลียนอีเคยเสียสละให้เธอไปมากแค่ไหน เราก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเธอ”“หนู... หนูเข้าใจค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว เธอไม่เคยโทษนายท่านและคุณนายชินเลย พ่อแม่ทุกคนคงไม่อยากเห็นลูกของพวกเขาทิ้งอนาคตของตัวเองเพื่อเพื่อนคนหนึ่งในทันใดนั้นเองที่พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาและเอาบิลค่าใช้จ่ายมอบให้นายท่านและคุณนายชิน “เราหักเงินจากก่อนหน้านี้ออกไปแล้ว แต่ยังมีค้างอยู่บางส่วนค่ะ เพราะอย่างนั้นรีบไปจ่ายให้เร็วที่สุดด้วยนะคะ คุณชินเหลียนอียังมีการผ่าตัดที่ต้องเข้าผ่าตัดอีกสองครั้ง และยังมีค่ารักษาในห้องไอซียูกับค่าใช้จ่ายเฝ้าติดตามอาการด้วย ญาติคงต้องเตรียมเงินไว้... มากกว่าล้านดอลลาร์ค่ะ”สิ่งนั้นทำให้นายท่านชินและคุณนายชินสติหลุดไปเลยทีเดียว มากกว่าล้านเหรอ? ครอบครัวฐานะธรรมดา ๆ แบบพวกเขาจะไปเอาเงินมากขนาดนั้นมาจ
หนึ่งถึงสองล้านดอลลาร์ไม่ระคายอะไรกู้ลี่เฉินหรอก แต่สำหรับเหลียนอี มันคือเงินที่ต้องใช้เพื่อรักษาชีวิตเธอ!หลิงอี้หรานหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหากู้ลี่เฉิน แต่ไม่มีใครรับสาย เธอกัดฟันและเดินทางไปที่ห้องพักฟื้นของกู้ลี่เฉินในโรงพยาบาลซิตี้เฟิร์ส แต่กลับไม่มีใครอยู่ และเธอได้รู้จากพยาบาลว่ากู้ลี่เฉินออกจากโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อบ่ายนี้เอง!‘ที่ไหนได้อีก? ฉันจะไปหากู้ลี่เฉินได้ที่ไหน?’หลิงอี้หรานใช้ความคิด ‘คฤหาสน์กู้ หรือไม่ก็... คฤหาสน์ส่วนตัวของกู้ลี่เฉิน?’เธอจำได้ว่ากู้ลี่เฉินเคยบอกไว้ว่า ปกติเขาจะอยู่ที่คฤหาสน์ส่วนตัว และที่อยู่ของมันก็คือ... หลิงอี้หรานจำได้ว่าในข่าวซุบซิบคนดังเคยพูดถึงที่อยู่ของเขาเอาไว้อย่างไรกู้ลี่เฉินก็เป็นเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง หลายคนจึงรู้ว่าคฤหาสน์ส่วนตัวของเขาอยู่ที่ไหน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครก็ได้จะเข้าไป เพราะที่นั่นมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดในโลกและมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนหลิงอี้หรานขึ้นแท็กซี่และบอกจุดหมายเป็นที่อยู่คฤหาสน์ของกู้ลี่เฉินเมื่อได้ยินอย่างนั้นคนขับรถก็แนะขึ้นทันทีว่า “ไม่ได้จะไปหาโอกาสที่บ้านเจ้าชายหรอกใช่ไหม? เอ เ
ในตอนนั้นเองที่จู่ ๆ ก็มีรถเข้ามาจอดและหวาลี่ฟางก็ลงมาจากรถ มีความแปลกใจปรากฏในดวงตาของเธอเมื่อเห็นหลิงอี้หราน เธอเดินมาแล้วพูดว่า “อี้หราน ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”หลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดกับหวาลี่ฟาง “ฉันอยากเจอลี่เฉิน เพื่อนฉันได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเข้าห้องไอซียู ฉันจะมาขอให้กู้ลี่เฉินช่วย ถ้า... เป็นไปได้ เธอช่วยพาฉันเข้าไปเจอลี่เฉินหน่อยได้ไหม?”เธอรู้ว่าหวาลี่ฟางไม่มีทางตอบตกลงเพราะเรื่องระหองระแหงกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่เพื่อเหลียนอี หลิงอี้หรานก็ทำได้แค่ลองพยายามดูเป็นไปตามที่เธอคาดไว้ หวาลี่ฟางทำหน้าลำบากใจและพูดว่า “ช่วยไม่ได้หรอก อย่างที่เธอรู้ วันนี้เธอกับลี่เฉินจากกันไม่ดีเท่าไหร่ ลี่เฉินยังโกรธอยู่เลย ถ้าฉันพาเธอเข้าไป เขาไม่โกรธฉันไปด้วยหรือไง? ขอโทษนะ แต่ฉันคงช่วยไม่ได้จริง ๆ”พูดจบหวาลี่ฟางก็หันตัวกลับไปยังรถ ประตูเหล็กค่อย ๆ เปิดออก และรถคันนั้นก็แล่นเข้าไป ขณะนั่งในรถหวาลี่ฟางมองผ่านกระจกหน้าต่างไปยังหลิงอี้หรานที่ยืนอยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าเจ็บปวด เธอจึงอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มอย่างพอใจเธอไม่ยอมให้อี้หรานเจอลี่เฉินง่าย ๆ หรอก เธอยังรอให้ความเข้าใจระหว่าง
โทรศัพท์ของกู้ลี่เฉินดังขึ้นซ้ำ ๆ ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ กู้ลี่เฉินก้มลงมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าสับสน แต่ก็ไม่ได้กดรับเป็นสายที่มาจากอี้หราน แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องใช้น้ำเสียงแบบไหนในการเผชิญหน้ากับเธอ‘ทำไมเธอถึงอยากโทรหาฉันนัก? เพื่อกวอซิ่นหลี่เหรอ? นี่เธอพยายามจะขอร้องแทนกวอซิ่นหลี่อย่างนั้นเหรอ?’ในตอนนั้นเองที่หวาลี่ฟางซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา เธอทำหน้าสับสนและพูดว่า “ลี่เฉิน ไม่รับโทรศัพท์เหรอคะ? อี้หรานโทรมา แต่เธอน่าจะโทรมาเรื่องกวอซิ่นหลี่มั้งคะ เมื่อกี้ฉันเจอเธอที่หน้าประตูคฤหาสน์ เธอเอาแต่พูดว่าอยากจะเจอและคุยกับคุณ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะสู้เพื่อกวอซิ่นหลี่ขนาดนี้!”หวาลี่ฟางจงใจอ้างว่าเหตุผลที่หลิงอี้หรานมายืนอยู่ข้างนอกเพราะกวอซินหลี่เป็นไปตามที่คิดสีหน้ายุ่งยากใจบนหน้าของกู้ลี่เฉินจางหายไปขณะเดียวกันเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเครื่องหวาลี่ฟางพอใจมากเมื่อเห็นแบบนี้ แต่เธอก็ยังคงกล่าวว่า “ลี่เฉิน แน่ใจเหรอคะว่าจะไม่ออกไปเจออี้หราน? ฉันคิดว่าอี้หรานน่าจะยังรออยู่ข้างนอกนะ...”กู้ลี่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา “พอเถอะ หยุดพูดเรื่องนี
‘ใช่ ฉันจะลืมได้ยังไง? อี้หรานทำแบบนี้ทั้งหมดก็เพื่อกวอซิ่นหลี่ ความซีดเซียว ความเศร้าหมอง และความยืนกรานของเธอทั้งหมดก็เพื่อกวอซิ่นหลี่!’“ออกรถ!” กู้ลี่เฉินกล่าวเสียงเบาเพื่อสั่งคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างหน้าก่อนที่เขาจะเอนตัวพิงกับที่นั่งและหลับตาลงช้า ๆเมื่อได้ยินแบบนี้ คนขับรถก็กดปุ่มลดกระจกลงและพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างนอกว่า “พาเธอออกไป นายน้อยกู้ไม่อยากเจอผู้หญิงคนนี้”หลิงอี้หรานดูตกใจและตะโกนขึ้นทันทีว่า “ลี่เฉิน ฉันต้องเจอคุณ ฉันอยากให้คุณช่วย...”ถึงอย่างนั้นกระจกรถก็ค่อย ๆ เลื่อนขึ้นปิด และตัดเสียงของเธอออกไปนาทีต่อมาเจ้าหนาที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ลากเธอออกไป!ขณะที่รถค่อย ๆ ขับผ่านหน้าเธอไป หลิงอี้หรานออกแรงทั้งหมดของเธอเพื่อผลักเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออกและไล่ตามรถไป แต่ไม่ว่าเธอจะวิ่งเท่าไหร่ เธอก็ตามไม่ทัน ระยะทางระหว่างเธอและรถคันนั้นยิ่งห่างจากกันมากขึ้นเรื่อย ๆหวาลี่ฟางซึ่งอยู่ในรถแอบรู้สึกพึงพอใจที่เห็นหลิงอี้หรานวิ่งตามรถอย่างทำอะไรไม่ถูกเป็นหลิงอี้หรานเองที่ทิ้งตัวตนในฐานะคนช่วยชีวิตลี่เฉินไป แล้วจะผิดตรงไหนถ้าตอนนี้เธอจะเอามันม
เป็นไปตามคาดเมื่อรถหยุดลงอี้จิ่นหลีก็ลงมาจากรถ เมื่อเขาเห็นหลิงอี้หราน เขาก็หยุดเดินและมองมายังเธอ“ฉัน... ฉันมีเรื่องต้องขอร้องคุณ” เธอพูดเสียงแหบแห้ง เธอไม่ได้จิบน้ำสักหยดมาตั้งแต่คืนก่อน และตอนนี้ปากเธอก็แห้งผากอย่างรุนแรง“เธอมาที่นี่เพื่อมาหาฉันเหรอ?” น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังแผ่ว และมีความถากถางเจืออยู่ในนั้น “ความจำเธอแย่ขนาดนั้นเชียว หรือเธอไม่ใส่ใจคำพูดของฉันเลย? วันนี้เธอจงใจมาอยู่ตรงหน้าฉัน ทั้งที่เมื่อวานฉันบอกแล้วว่าอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”หลิงอี้หรานรุดไปข้างหน้าและจับแขนของอี้จิ่นหลีไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง “ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากเจอเจอฉันอีก แต่... ฉันขอร้องคุณ ให้ฉันยืมสองล้านได้ไหม? ฉันจ่ายคืนคุณแน่ ฉันจ่ายคืนคุณพร้อมด้วยดอกเบี้ยเลย ฉันต้องการเงินก้อนนี้จริง ๆ !”“สองล้านเหรอ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เรียกว่า ‘คำขอร้อง’ ของเธอทำให้เขาแปลกใจ และความดูถูกในดวงตาของเขาก็ชัดเจนยิ่งขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? กู้ลี่เฉินไม่ให้เงินเธอยืมหรือไง เธอเลยต้องแจ้นมาขอฉันถึงที่นี่?”ใบหน้าของหลิงอี้หรานเปลี่ยนเป็นสีซีดในทันที เธอซีดเซียวอยู่เดิมแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนใบหน้าเธอจะไร้สีไ