“ฉันมีเพื่อนเข้ารับการรักษาที่นี่ และฉันต้องไปเยี่ยมเขา ตอนนี้ฉันคงต้องไปแล้วค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว“โอ้ โอเคครับ” กวอซิ่นหลี่ตอบ จากนั้นเขาก็เอนตัวหลบอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพื่อให้หลิงอี้หรานผ่านไปขณะที่หลิงอี้หรานเดินไปยังลิฟต์ตลอดโถงทางเดิน กวอซิ่นหลี่ก็ยังคงมองร่างผอมบางของเธอไม่วางตาเขาไม่รู้ว่าสุดท้ายผู้ชายคนที่หลิงอี้หรานเลือกจะเป็นใคร ไม่ว่าอี้จิ่นหลีหรือกู้ลี่เฉิน เขาไม่กล้าถาม และเขาก็ไม่จำเป็นต้องถามด้วย อย่างไรเขาก็มีความสุขไปกับเธอด้วยอยู่ดี ไม่ว่าเธอจะเลือกใครระหว่างสองคนนี้ก็ตามเขาไม่มีอะไรจะไปเทียบกับสองคนนั้นได้เลย!ถึงอย่างนั้น... หัวใจของเขาก็ยังไม่สามารถปล่อยเธอไปได้สักที แม้จะรู้ว่าเขาและเธอไม่มีความเป็นไปได้ใด ๆ ที่จะคบหากัน แต่เขายังคงปล่อยความรู้สึกนี้ไปไม่ได้ง่าย ๆหลิงอี้หรานไปยังห้องพักฟื้นของกู้ลี่เฉิน คราวนี้เธอไม่ได้เจอแค่หวาลี่ฟางเพียงคนเดียว แต่ยังมีพ่อแม่ของกู้ลี่เฉินด้วย“เธอมาทำอะไรที่นี่?” นายหญิงกู้ทำหน้าบูดบึ้ง และมองหลิงอี้หรานอย่างไม่พอใจในทันที“ฉันมาที่นี่เพื่อ... เยี่ยมคุณกู้ค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าวเรียบ ๆ ทั้งยังยกถุงผลไม้ในมือขึ้นมา “ฉันซื
สายตานั้นเป็นเหมือนกับการเตือนไม่ให้เธอพูดอะไรออกมา หรือเขาอาจจะมีเรื่องกับเธอได้เลยหวาลี่ฟางกัดฟันและหน้าเจื่อน“ลี่ฟาง ทำไมคุณไม่กลับบ้านไปล่ะ? ที่นี่มีพยาบาลอยู่แล้ว ผมไม่ต้องการให้คุณมาดูแลอะไรผมอีก” กู้ลี่เฉินกล่าวแต่หวาลี่ฟางไม่ยอม “ยังไงฉันก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ฉันจะอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ” สำหรับเธอแล้วนี่เป็นเวลาที่เธอจะได้แสดงตัว “ไม่ต้อง” กู้ลี่เฉินปฏิเสธอีกครั้ง หวาลี่ฟางรู้สึกเหมือนคำพูดของเขาตบเข้าที่หน้าเธอเสียงดัง แต่เธอไม่สามารถเสียกิริยาได้“งั้น... ฉันกลับก่อนก็ได้ค่ะ” หวาลี่ฟางพูดก่อนจะเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปตอนนี้ในห้องพักฟื้นจึงเหลือเพียงกู้ลี่เฉินและหลิงอี้หรานเพียงสองคน“คุณไม่เห็นต้องพูดกับแม่ของคุณแบบนั้นเลย มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะไม่อยากเจอฉัน ฉันเข้าใจ” หลิงอี้หรานกล่าวดวงตารูปนกฟินิกซ์สีดำขลับมองจ้องมาที่หลิงอี้หราน กู้ลี่เฉินพูด “ถ้าคุณเข้าใจได้ว่าทำไมแม่ผมถึงไม่อยากเจอคุณ งั้นคุณช่วยเข้าใจได้ไหมว่าทำไมผมถึงพูดแบบนั้นไป?”หลิงอี้หรานผงะไป เธอจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? "แต่... คุณกับฉันไม่...”ก่อนที่เธอจะกล่าวจบ เขาก็แทรกขึ้นมา “ถ้าคุณจะปฏ
“คุณคิดถึงจิ่นหลีเหรอ” กู้ลี่เฉินถาม เขาไม่ควรที่จะถาม แต่ทิฐิที่มีทำให้เขาถามออกไปหลิงอี้หรานตกตะลึงและยังคงนิ่งเงียบแต่ความเงียบของเธอทำให้เขารู้ชัดว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องแล้ว"ถึงจิ่นหลีจะยังอยู่ในใจคุณ แต่ผมจะรอจนกว่าคุณจะตัดเขาออกไปได้ และตกหลุมรักผม” กู้ลี่เฉินพึมพำ“ไม่ใช่ว่าฉันยังตัดเขาไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับเขาอีกแล้ว” หลิงอี้หรานปฏิเสธ“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ ก็คงดีสิครับ” กู้ลี่เฉินหัวเราะเบา ๆ “บางทีการรอคอยของผมคงจะสั้นลงกว่าเดิมได้ด้วย อี้หราน คุณไม่ได้เกลียดผมใช่ไหม?”หลิงอี้หรานเม้มปาก ‘เกลียด? ฉันจะไปเกลียดเฉินเฉินได้ยังไง?’ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของกู้ลี่เฉินก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากที่ฟังปลายสายไปสักพัก เขาพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “โอเค เข้าใจแล้ว!”เมื่อวางสายกู้ลี่เฉินก็มองหลิงอี้หรานหน้านิ่งและพูดว่า “เราเจอแล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุ”“อะไรนะ?” หลิงอี้หรานประหลาดใจ “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”“แต่ไม่ใช่คนของผมนะที่เจอ เป็นไป๋ทิงซินที่เร็วกว่าผม ส่วนคนบงการโดนตำรวจจับไปแล้วและอยู่ระหว่างซ
อย่างไรก็ตามเกาจิ้งหรงทำเรื่องนี้ด้วยตัวเองและตระกูลเกาก็ไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าตระกูลเกาเป็นคนทำ พวกเขาคงจะแนบเนียนมากกว่านี้และจับตัวได้ยากมากกว่าหลังจากอ่านคำรับสารภาพของเกาจิ้งหรง ชินเหลียนอีก็พูดกับหลิงอี้หรานด้วยความรู้สึกผิด “อี้หราน เธอเกือบตายเพราะฉัน!”หลิงอี้หรานพูดว่า “ถ้ายังเป็นเพื่อนกันก็อย่าพูดอย่างนั้น ถ้าเราจะขอโทษกัน ฉันกลัวว่าจะเป็นฉันที่มีเรื่องต้องขอโทษมากกว่า!”เหลียนอียอมเลิกเรียนและทิ้งอนาคตดี ๆ ของตัวเองเพื่อคดีของเธอ อีกฝ่ายต้องเจอปัญหามากมายมาตลอดสามปีก็เพราะเธอ เธอไม่มีทางตอบแทนน้ำใจนี้ได้ครบถ้วน!ไป๋ทิงซินเดินเข้ามาและพูดว่า “ผมไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้ดี ผมไม่คิดว่าเกาจิ้งหรงจะกล้าทำอะไรแบบนี้และทำให้พวกคุณทั้งสองคนต้องเจ็บตัวไปด้วย!”เขาส่งคนไปจับตาดูตระกูลเกาเท่านั้น แต่ไม่ได้ส่งใครไปดูว่าเกาจิ้งหรงคิดจะทำอะไรอย่างไรเสีย ในความคิดของเขา เกาจิ้งหรงเป็นเพียงเครื่องเซ่นสำหรับตระกูลเกาอยู่แล้ว เธอคงไม่สามารถสร้างเรื่องวุ่นวายได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรแบบนี้ได้“ผมจะจัดการให้คุณเอง ผมจะไม่ให้เกาจิ้งหรงหลุดรอดจากกระบว
คนที่ผ่านไปผ่านมาบางคนรอบ ๆ ตัวพวกเขามองมาอย่างสงสัยเนื่องจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นถึงอย่างนั้นอี้จิ่นหลีก็ไม่แม้แต่จะชายตาแลและเดินตรงไปยังรถที่รออยู่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นหลิงอี้หรานจากปลายหางตาและรีบวิ่งเข้ามาหาเธอ “คุณหลิง ช่วยฉันด้วย ครั้งก่อนคุณอยากจะช่วยฉันไม่ใช่เหรอคะ? ช่วยขอคุณอี้ให้ปล่อยฉันไปหน่อยค่ะ!”ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ในชั่วพริบตาเดียวก่อนที่หลิงอี้หรานจะรู้ตัวผู้หญิงคนนั้นก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยผ้าพันแผลของอีกฝ่ายเป็นจุดรวมความสนใจของทุกคนหน้าผากของผู้หญิงคนนั้นบวมแดงและมีเลือดซึมออกมา สีหน้าของเธอหวั่นวิตกและอ้อนวอน ราวกับว่าเธอสามารถจับยึดสิ่งใดก็ได้ที่จะช่วยชีวิตของเธอได้จากตรงนี้“วันนั้นฉันไม่น่าเอาสิ่งที่คุณเจอมาหาผลประโยชน์เลย ฉันไม่น่าสร้างเรื่องว่าจะโดนถอดเล็บเพื่อเรียกความสนใจจากคุณอี้ แล้วได้รับการลงโทษแบบนี้เลย! ฉันโดนถอดเล็บแล้ว ฉันรู้ซึ้งแล้วค่ะว่ามันเจ็บแค่ไหน!”ผู้หญิงคนนั้นจับข้อมือของหลิงอี้หรานไว้แน่น โดยไม่สนใจแผลบนนิ้วของตัวเองเลย “คุณหลิง ช่วยสงสารฉันและขอร้องคุณอี้ให้หน่อยเถอะค่ะ ช่วยขอให้เขาปล่อยฉันไปเถอะนะ
ถึงอย่างไรแหวนเพชรหัวใจน้ำแข็งก็เสร็จแล้ว นายน้อยอี้เก็บมันไว้ในเซฟและไม่เคยเอามันออกมาอีกเลยมันเป็นเรื่องต้องห้ามที่ห้ามพูดถึง เหมือนชื่อของหลิงอี้หรานที่กลายเป็นข้อห้ามของนายน้อยอี้ด้วยเช่นกันถึงอย่างนั้นผู้หญิงคนนี้กลับละเมิดเรื่องต้องห้ามพวกนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า!“ไปสืบมาว่าเธอรู้เรื่องหัวใจน้ำแข็งได้ยังไง ใครเป็นคนปล่อยข่าวจะต้องรับผิดชอบ” อี้จิ่นหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ครับ” เกาฉงหมิงตอบผู้หญิงคนนั้นที่กำลังขอร้องหลิงอี้หรานหน้าซีดลง และริมฝีปากของเธอก็สั่นเทาขณะที่พยายามจะพูด แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี“อีกอย่าง เธอพูดถูก ขอร้องเธอไปก็ไม่มีประโยชน์” อี้จิ่นหลีพูดกับบริกรหญิงคนนั้น แต่ดวงตาของเขากำลังจ้องมองไปยังหลิงอี้หรานหลิงอี้หรานรู้สึกได้ถึงพายุลูกใหญ่ที่พัดเข้ามาในอกของเธอได้ในทันทีเขากำลังมองเธอ ถึงอย่างนั้น... ดูเหมือนจะไม่มีที่สำหรับเธอในแววตาของเขา ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อยู่ในดวงตาดอกท้อแสนสวยคู่นั้น และมีเพียงความเงียบงันเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีความสำคัญอะไรสำหรับเขาเลย!“ฉงหมิง ฉันไม่อยากเจอผู้หญิงคนนี้ในเมืองเฉินอีก” อี้จิ่นหลีกล่าวเสียงแผ่วแ
หลิงอี้หรานพยักหน้าในขณะที่ไป๋ทิงซินมองใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยของหลิงอี้หรานด้วยสีหน้าครุ่นคิดในตอนเย็นวันนั้นไป๋ทิงซินพูดกับชินเหลียนอีว่า “คุณคิดว่าจะมีความเป็นไปได้ไหมที่อี้หรานจะท้อง?”ชินเหลียนอีเกือบสำลักน้ำที่กำลังดื่มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ไม่มีทาง!” เธอตอบโดยไม่มีท่าทีลังเล คำยืนยันของเธอทำให้ไป๋ทิงซินสับสนเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะ? อี้จิ่นหลีกับหลิงอี้หรานเพิ่งเลิกกันยังไม่ถึงสามเดือนดีด้วยซ้ำ คุณพูดไม่ได้หรอกนะว่าเธอท้องไม่ท้องน่ะ”ชินเหลียนอีกัดริมฝีปาก เธอจะพูดไม่ได้ได้อย่างไร? ถึงจะเป็นเรื่องส่วนตัวของอี้หราน ความเป็นไปได้ที่อี้หรานจะตั้งท้องจึงเป็นไปได้น้อยมาก เธอได้รับบาดเจ็บในคุกอย่างหนัก และได้รับการรักษาหลังจากคบกับอี้จิ่นหลี แต่พวกเขาก็เลิกกันหลังจากนั้นไม่นาน อี้หรานจึงไม่ได้เข้ารับการรักษานั้นอีกชินเหลียนอีเผชิญหน้ากับสายตาของไป๋ทิงซินและพูดว่า “ให้สรุปก็คือ ไม่มีทางที่ตอนนี้อี้หรานจะท้อง แล้วก็นะทิงซิน... ฉันสัญญากับอี้หรานว่าลูกฉันก็เหมือนลูกเธอด้วย และเธอก็จะเป็นแม่ของลูกเราเหมือนกัน คุณจะไม่ว่าอะไรที่ฉันตัดสินใจแบบนี้ตามลำพังใช่ไหมคะ?”ไป๋ทิงซินมองคน
“จริงเหรอ? คุณเคยเล่นกับตัวนี้ไหม?” ขณะพูดกวอซิ่นหลี่ก็เปิดกระเป๋าและเอาหุ่นของเล่นทรานสฟอร์เมอร์ออกมาให้อี้หรานดูหลิงอี้หรานมองไป และเห็นว่าไม่ใช่แค่สองสามตัว แต่ดูจะเป็นจำนวนเยอะมาก! แค่มองคร่าว ๆ ก็นับได้เป็นโหลแล้วหลิงอี้หรานเจอตัวที่คล้าย ๆ กับที่เธอเคยเล่นซึ่งมีชื่อว่า บัมเบิลบี“ฉันเคยมีตัวนี้” หลิงอี้หรานพูดพลางมองไปยังบัมเบิลบีในมือเธอ ความโหยหาอดีตปรากฏในดวงตาเมล็ดอัลมอนด์ของเธอ“งั้นคุณเอาไปสิ” กวอวินหลี่กล่าว“แต่คุณเอามาให้อาหยันน้อยไม่ใช่เหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“มีให้หยันน้อยอีกหลายตัวเลยครับ ตัวนี้ก็ยังมีอีกตัว คุณเอาไปเถอะ ถือว่าเป็นของที่ระลึก” กวอซิ่นหลี่กล่าว ‘ของที่ระลึก...’ หลิงอี้หรานมองบัมเบิลบีในมือ เธอเคยขอร้องคุณยายสำหรับของเล่นชิ้นนี้นานมาก ตอนนั้นเธอยังไม่รู้เรื่องเงินอะไร และเธอไม่รู้เลยว่าคุณยายใช้เงินที่เก็บไว้มาซื้อของเล่นให้เธอหัวใจของหลิงอี้หรานอ่อนลงเมื่อนึกถึงคุณยาย “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ และรับบัมเบิลบีไปกวอซิ่นหลี่ยิ้มหลังจากเห็นว่าเธอยอมรับมันไป แม้เขาจะรู้ว่าพวกเขาไม่มีวันได้คบกัน แต่เขาก็มีความสุขอยู่ภายในพวกเขา