หลิงอี้หรานพยักหน้าในขณะที่ไป๋ทิงซินมองใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยของหลิงอี้หรานด้วยสีหน้าครุ่นคิดในตอนเย็นวันนั้นไป๋ทิงซินพูดกับชินเหลียนอีว่า “คุณคิดว่าจะมีความเป็นไปได้ไหมที่อี้หรานจะท้อง?”ชินเหลียนอีเกือบสำลักน้ำที่กำลังดื่มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ไม่มีทาง!” เธอตอบโดยไม่มีท่าทีลังเล คำยืนยันของเธอทำให้ไป๋ทิงซินสับสนเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะ? อี้จิ่นหลีกับหลิงอี้หรานเพิ่งเลิกกันยังไม่ถึงสามเดือนดีด้วยซ้ำ คุณพูดไม่ได้หรอกนะว่าเธอท้องไม่ท้องน่ะ”ชินเหลียนอีกัดริมฝีปาก เธอจะพูดไม่ได้ได้อย่างไร? ถึงจะเป็นเรื่องส่วนตัวของอี้หราน ความเป็นไปได้ที่อี้หรานจะตั้งท้องจึงเป็นไปได้น้อยมาก เธอได้รับบาดเจ็บในคุกอย่างหนัก และได้รับการรักษาหลังจากคบกับอี้จิ่นหลี แต่พวกเขาก็เลิกกันหลังจากนั้นไม่นาน อี้หรานจึงไม่ได้เข้ารับการรักษานั้นอีกชินเหลียนอีเผชิญหน้ากับสายตาของไป๋ทิงซินและพูดว่า “ให้สรุปก็คือ ไม่มีทางที่ตอนนี้อี้หรานจะท้อง แล้วก็นะทิงซิน... ฉันสัญญากับอี้หรานว่าลูกฉันก็เหมือนลูกเธอด้วย และเธอก็จะเป็นแม่ของลูกเราเหมือนกัน คุณจะไม่ว่าอะไรที่ฉันตัดสินใจแบบนี้ตามลำพังใช่ไหมคะ?”ไป๋ทิงซินมองคน
“จริงเหรอ? คุณเคยเล่นกับตัวนี้ไหม?” ขณะพูดกวอซิ่นหลี่ก็เปิดกระเป๋าและเอาหุ่นของเล่นทรานสฟอร์เมอร์ออกมาให้อี้หรานดูหลิงอี้หรานมองไป และเห็นว่าไม่ใช่แค่สองสามตัว แต่ดูจะเป็นจำนวนเยอะมาก! แค่มองคร่าว ๆ ก็นับได้เป็นโหลแล้วหลิงอี้หรานเจอตัวที่คล้าย ๆ กับที่เธอเคยเล่นซึ่งมีชื่อว่า บัมเบิลบี“ฉันเคยมีตัวนี้” หลิงอี้หรานพูดพลางมองไปยังบัมเบิลบีในมือเธอ ความโหยหาอดีตปรากฏในดวงตาเมล็ดอัลมอนด์ของเธอ“งั้นคุณเอาไปสิ” กวอวินหลี่กล่าว“แต่คุณเอามาให้อาหยันน้อยไม่ใช่เหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“มีให้หยันน้อยอีกหลายตัวเลยครับ ตัวนี้ก็ยังมีอีกตัว คุณเอาไปเถอะ ถือว่าเป็นของที่ระลึก” กวอซิ่นหลี่กล่าว ‘ของที่ระลึก...’ หลิงอี้หรานมองบัมเบิลบีในมือ เธอเคยขอร้องคุณยายสำหรับของเล่นชิ้นนี้นานมาก ตอนนั้นเธอยังไม่รู้เรื่องเงินอะไร และเธอไม่รู้เลยว่าคุณยายใช้เงินที่เก็บไว้มาซื้อของเล่นให้เธอหัวใจของหลิงอี้หรานอ่อนลงเมื่อนึกถึงคุณยาย “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ และรับบัมเบิลบีไปกวอซิ่นหลี่ยิ้มหลังจากเห็นว่าเธอยอมรับมันไป แม้เขาจะรู้ว่าพวกเขาไม่มีวันได้คบกัน แต่เขาก็มีความสุขอยู่ภายในพวกเขา
เหมือนคราวที่แล้วไม่มีผิด หวาลี่ฟางออกไปจากห้องด้วยท่าทีที่แทบจะควันออกหูขณะที่หลิงอี้หรานนั่งลงข้างเตียงด้วยแอปเปิลและมีดปอกผลไม้ เธอเริ่มปอกเปลือกแอปเปิลให้กู้ลี่เฉิน“คุณบังเอิญเจออดีตเพื่อนร่วมงานที่ชั้นล่างเหรอ?” กู้ลี่เฉินถามด้วยท่าทางสบาย ๆ “ค่ะ คุณก็เคยเจอเขามาก่อนนะ กวอซิ่นหลี่ไงคะ คุณเจอเขาตอนที่ฉันมีเรื่องที่สตูดิโอถ่ายทำแล้ว” หลิงอี้หรานพูด เธอตอบกู้ลี่เฉินด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยไม่มีท่าทีป้องกันตัวใด ๆ‘กวอซิ่นหลี่...’ ดวงตาของกู้ลี่เฉินเปล่งประกาย เขายังคงจำได้ว่าตอนนั้นที่เธอหายตัวไป ใบหน้าของกวอซิ่นหลี่มีความกังวล ทั้งความเป็นห่วงและห่วงใยพวกนั้น... เขาเห็นแล้วว่ากวอซิ่นหลี่น่าจะสนใจในตัวเธออยู่“ครับ ตอนนั้นเขาเป็นห่วงคุณ” กู้ลี่เฉินกล่าวเบา ๆ“เขาเป็นคนดีน่ะค่ะ” รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนมุมปากของหลิงอี้หราน เธอนึกถึงที่วันนี้กวอซิ่นหลี่เอาของเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์มาให้อาหยันน้อย เธอไม่คิดเลยว่ากวอซิ่นหลี่จะเก็บของเล่นย้อนยุคพวกนั้นไว้เป็นอย่างดีแม้ว่าจะมีหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาตลอดเวลา แต่ของเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์ย้อนยุคที่กวอซิ่นหลี่มีไม่ใช่แค่มีเงินก็จะซื้อได
แม้ว่าบัมเบิลบีตัวนี้จะไม่ใช่หุ่นตัวที่คุณยายซื้อให้เธอ แต่การได้มองเห็นโมเดลของเล่นชนิดเดียวกันนี้ก็ทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเคยใช้ร่วมกันกับคุณยายขึ้นมาคุณยายเป็นสิ่งที่อ่อนโยนในหัวใจของเธอ!เมื่อมองเห็นรอยยิ้มของหลิงอี้หราน ความรู้สึกแย่ ๆ ในใจของกู้ลี่เฉินก็เข้มข้นขึ้น ‘เธอกับกวอซินหลี่... ไม่ เธอคงไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้อดีตเพื่อนร่วมงานคนนั้นหรอก' ‘แต่ทำไม... เราถึงหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลย? อย่างกับว่าเรากลัวว่าเขาจะได้เป็นคนสำคัญในหัวใจของเธอ!’ ข้างนอกห้อง หวาลี่ฟางแอบมองภาพภายในห้องอย่างลับ ๆ ด้วยสายตาคิดคำนวณที่ปรากฏในแววตาของเธอ ... หลิงอี้หรานออกจากห้องพักผู้ป่วยของกู้ลี่เฉินไปยังห้องพักผู้ป่วยของอาหยันน้อย กวอซิ่นหลียังอยู่ในห้องของอาหยันน้อยและกำลังเล่นกับเขาเจ้าตัวน้อยชอบของเล่นหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์พวกนี้ เขากำลังเล่นอยู่กับหุ่นเหล่านั้น“ว่าแต่ เมื่อไหร่อาหยันน้อยจะได้ออกจากโรงพยาบาลเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถามโจวเชียนหยุนที่อยู่ใกล้ ๆ“มะรืนนี้จ้ะ เราจะออกไปตอนเที่ยงถ้าไม่ติดอะไร” โจวเชียนหยุนกล่าว“งั้นมะรืนนี้ตอนเที่ยงฉันก็จะมารับอาหยันน้อยออกจากโรงพ
ขณะมองตามร่างของเธอจู่ ๆ กวอซิ่นหลี่ก็ปลดเข็มขัดนิรภัยและลงจากรถเพื่อวิ่งตามเธอไป “อี้หราน! ผม... ผมหวังว่าคุณจะมีความสุขนะ!”แก้มของเขาแดงเล็กน้อยขณะที่พูด ดูเหมือนเขาต้องใช้ความกล้าอย่างมาก “ถึง... ถึงผมจะไม่ใช่คนนั้นที่จะทำให้คุณมีความสุข แต่ผมก็ยังหวังว่าคนที่ผมชอบจะมีความสุข”หลิงอี้หรานมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ“ขอบคุณนะคะ คุณ... เป็นคนดีจริง ๆ” เธอพบว่าเขาเป็นคนเรียบง่าย อบอุ่น และใจดีมีเมตตาต่อผู้อื่นเสมอ‘คนดี...’ กวอซิ่นหลี่ถอนหายใจอยู่ในใจ เขาเป็นคนดี แต่ไม่ใช่คนที่เธอรัก“ผม...” เขาชะงัก และใบหน้าของเขาก็แดงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ากำลังลังเลและต่อสู้กับตัวเอง“มีอะไรเหรอคะ? ถ้าอยากพูดอะไร ก็พูดเลยค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว “ขอ... ขอผมกอดคุณได้ไหม? แค่แป๊บเดียว คิดว่ามันเป็นการบอกลาความรู้สึกในอดีตของผมเป็นครั้งสุดท้าย...” เขายิ้มเจื่อนและพูดต่อว่า “ผมพูดแบบนั้น แต่ผมก็คิดว่านี่คงมากไปที่จะขออะไรแบบนี้เพราะคุณไม่ได้ชอบผมเลย อีกทั้งผมยังเป็นคนหุนหันพลันแล่นและสร้างปัญหาให้คุณอยู่บ่อย ๆ ....”ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ หลิงอี้หรานก็เดินเข้ามาหาเขาและเป็นคนเริ่มโอบแขน
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหันไปหาเธอ “มีคนส่งมาเหรอ? คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าใครส่งมา?”เมื่อได้ยินอย่างนั้นหวาลี่ฟางก็ตัวสั่นเล็กน้อย ราวกับว่าดวงตารูปนกฟินิกซ์คู่นั้นมองทะลุได้ทุกอย่าง“ไม่รู้เลยค่ะ ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา แต่ถ้าฉันรู้ ฉันคงไปหาเขาแล้วถามแล้วล่ะค่ะว่าส่งมาทำไม!” หวาลี่ฟางมีสีหน้าเศร้าสร้อยและกล่าวว่า “ลี่เฉิน... คุณคิดว่าฉันเป็นคนทำเรื่องพวกนี้หรือเปล่าคะ? ฉันรู้ว่าคุณชอบอี้หรานและมองฉันเป็นแค่คนที่เคยช่วยชีวิตของคุณเอาไว้ตอนเด็กเท่านั้น เพราะอย่างนั้นฉันจะพยายามทำแบบนั้นไปทำไม? ถ้าคุณได้คบกับอี้หรานจะดีกว่าคนอื่นที่ฉันไม่รู้จัก แบบนี้ฉันก็จะยังมีที่ของตัวเองถึงคุณจะแต่งงานกับอี้หราน คุณก็ไม่ต้องตัดขาดกับฉันหรืออะไรแบบนั้นด้วย!”หวาลี่ฟางกล่าวอย่างน่าสงสารราวกับว่าเธอคิดเช่นนั้นจริง ๆกู้ลี่เฉินจ้องมองหวาลี่ฟางขณะที่เม้มริมฝีปากบางเข้าหากัน จากนั้นเขาก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรออก “หาคนให้ผมหน่อย ชื่อกวอซิ่นหลี่! เขาน่าจะเคยทำงานที่ศูนย์สุขาภิบาล ผมจะส่งรูปเขาให้คุณดูทีหลัง”หวาลี่ฟางหลุบตาลงและเผลอถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัวในตอนที่เธอได้ยินคำพูดของกู้ลี่เฉิน มีแววแห่ง
เขาคือ... เฉินเฉินนะแม้เธอไม่ได้คิดว่าตัวเองจะตกหลุมรักใครได้อีก แต่เธอจะเมินเฉยกับความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร?ขณะที่หลิงอี้หรานกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หลิงอี้หรานมองชื่อคนที่โทรมา และเห็นว่าเป็นชื่อของกู้ลี่เฉินเธอกดปุ่มรับสายแล้วเสียงของกู้ลี่เฉินที่ชัดเจนแต่ยังแฝงไปด้วยความสง่างามดังผ่านโทรศัพท์ออกมา “ขอโทษที่โทรมาดึกนะครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไม่นอนค่ะ มีอะไรเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“ผมแค่... อยู่ดี ๆ ก็อยากได้ยินเสียงคุณขึ้นมา” เขากล่าวเธอตะลึงไปและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นเขาลังเลและกล่าวว่า “อี้หราน ถ้า... ถ้าคุณชอบของเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์ ผมสามารถซื้อรุ่นเก่า ๆ ให้คุณได้หมดเลยนะ”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ ที่จริงแล้วฉัน... เอ่อ ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยชอบมันค่ะ แต่ตอนนี้ฉันโตเกินไปแล้วล่ะค่ะ” เธอรีบกล่าวตอบทันที“จริงเหรอครับ?” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงเขาชอบอะไร” เพราะเสมอมามีแค่สาว ๆ เท่านั้นที่จะมาคอยเอาใจเขาตราบใดที่เขามอบเงินหรือโอกาสทางวงการบันเทิงให้ผู้หญิงพวกนั้น พวเธอก็จะดูดีใจและคอยประจบประแจงเอาอกเอาใจเขา
"ผมไปให้ครับ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว มันจะยุ่งยากนะครับ ถ้าต้องไปตามเขามาอีก เพราะเขามาแล้วคุณไม่ได้อยู่แถวนี้” เพราะว่าหมอไม่ได้อยู่ในห้องตลอดเวลา บางทีพวกเขาก็ออกไปตรวจคนไข้ในวอร์ด หรือออกไปอยู่ห้องตรวจผู้ป่วยนอก พวกเขาไม่ได้ว่างตลอดเวลา โจวเชียนหยุนคิดเรื่องนั้นและตอบตกลง เธอจึงกล่าวกับกวอซิ่นหลี่ว่า “ขอโทษที่รบกวนนะคะ” “ไม่เป็นไรเลยครับ ผมมาที่นี่ก็เพื่อช่วยทำธุระพวกนี้อยู่แล้ว!” กวอซิ่นหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หมุนตัวออกจากห้องพักผู้ป่วยไปโจวเชียนหยุนมองกวอซิ่นหลี่ที่เดินออกไปและช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาว่า “เขาเป็นคนดีนะ”“ค่ะ เขาเป็นคนดี” หลิงอี้หรานกล่าว“แต่โลกนี้ไม่ได้ใจดีกับคนดี ๆ ตลอดเลย ฉันหวังว่าเรื่องดี ๆ จะเกิดขึ้นกับเขาบ้างนะ” โจวเชียนหยุนกล่าวพึมพำ ตอนที่เธออายุน้อยกว่านี้ เธอไม่ได้สนใจผู้ชายท่าทีซื่อตรงไม่มีพิษมีภัยแบบอากวอเลย ในตอนนั้นผู้ชายที่เธอชื่นชมเป็นคนแบบเย่เหวินหมิงถึงอย่างนั้นหลังจากผ่านประสสบการณ์ต่าง ๆ มามากมาย เธอก็พบว่าการได้ตกหลุมรักผู้ชายซื่อ ๆ น่าจะเป็นพรอันประเสริฐคนคนนั้นคงไม่ต้องกังวลเรื่องการหักหลัง การนอกใจ หรือเรื่องการแ