เขาคือ... เฉินเฉินนะแม้เธอไม่ได้คิดว่าตัวเองจะตกหลุมรักใครได้อีก แต่เธอจะเมินเฉยกับความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร?ขณะที่หลิงอี้หรานกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หลิงอี้หรานมองชื่อคนที่โทรมา และเห็นว่าเป็นชื่อของกู้ลี่เฉินเธอกดปุ่มรับสายแล้วเสียงของกู้ลี่เฉินที่ชัดเจนแต่ยังแฝงไปด้วยความสง่างามดังผ่านโทรศัพท์ออกมา “ขอโทษที่โทรมาดึกนะครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไม่นอนค่ะ มีอะไรเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“ผมแค่... อยู่ดี ๆ ก็อยากได้ยินเสียงคุณขึ้นมา” เขากล่าวเธอตะลึงไปและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นเขาลังเลและกล่าวว่า “อี้หราน ถ้า... ถ้าคุณชอบของเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์ ผมสามารถซื้อรุ่นเก่า ๆ ให้คุณได้หมดเลยนะ”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ ที่จริงแล้วฉัน... เอ่อ ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยชอบมันค่ะ แต่ตอนนี้ฉันโตเกินไปแล้วล่ะค่ะ” เธอรีบกล่าวตอบทันที“จริงเหรอครับ?” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงเขาชอบอะไร” เพราะเสมอมามีแค่สาว ๆ เท่านั้นที่จะมาคอยเอาใจเขาตราบใดที่เขามอบเงินหรือโอกาสทางวงการบันเทิงให้ผู้หญิงพวกนั้น พวเธอก็จะดูดีใจและคอยประจบประแจงเอาอกเอาใจเขา
"ผมไปให้ครับ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว มันจะยุ่งยากนะครับ ถ้าต้องไปตามเขามาอีก เพราะเขามาแล้วคุณไม่ได้อยู่แถวนี้” เพราะว่าหมอไม่ได้อยู่ในห้องตลอดเวลา บางทีพวกเขาก็ออกไปตรวจคนไข้ในวอร์ด หรือออกไปอยู่ห้องตรวจผู้ป่วยนอก พวกเขาไม่ได้ว่างตลอดเวลา โจวเชียนหยุนคิดเรื่องนั้นและตอบตกลง เธอจึงกล่าวกับกวอซิ่นหลี่ว่า “ขอโทษที่รบกวนนะคะ” “ไม่เป็นไรเลยครับ ผมมาที่นี่ก็เพื่อช่วยทำธุระพวกนี้อยู่แล้ว!” กวอซิ่นหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หมุนตัวออกจากห้องพักผู้ป่วยไปโจวเชียนหยุนมองกวอซิ่นหลี่ที่เดินออกไปและช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาว่า “เขาเป็นคนดีนะ”“ค่ะ เขาเป็นคนดี” หลิงอี้หรานกล่าว“แต่โลกนี้ไม่ได้ใจดีกับคนดี ๆ ตลอดเลย ฉันหวังว่าเรื่องดี ๆ จะเกิดขึ้นกับเขาบ้างนะ” โจวเชียนหยุนกล่าวพึมพำ ตอนที่เธออายุน้อยกว่านี้ เธอไม่ได้สนใจผู้ชายท่าทีซื่อตรงไม่มีพิษมีภัยแบบอากวอเลย ในตอนนั้นผู้ชายที่เธอชื่นชมเป็นคนแบบเย่เหวินหมิงถึงอย่างนั้นหลังจากผ่านประสสบการณ์ต่าง ๆ มามากมาย เธอก็พบว่าการได้ตกหลุมรักผู้ชายซื่อ ๆ น่าจะเป็นพรอันประเสริฐคนคนนั้นคงไม่ต้องกังวลเรื่องการหักหลัง การนอกใจ หรือเรื่องการแ
เพราะอย่างนั้นหลิงอี้หรานจึงกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยและกระซิบเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้โจวเชียนหยุนฟังหลังจากได้ข้อมูลมาแล้วว่ากวอซิ่นหลี่ถูกพาตัวไปสถานีตำรวจไหน เธอกล่าวว่า “พี่โจวคะ ขอโทษด้วยค่ะ ฉันควรอยู่ช่วยพาอาหยันน้อยออกจากโรงพยาบาล แต่ตอนนี้ฉันคงต้องไปสถานีตำรวจเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับกวอซิ่นหลี่แล้วล่ะค่ะ” “ไปเถอะ แม่กับฉันจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลกันเองได้” โจวเชียนหยุนกล่าวด้วยความกังวล เธอเองก็ไม่เชื่อว่ากวอซิ่นหลี่จะทำอะไรแบบนี้เหมือนกันอาหยันน้อยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังคงถามว่า ‘ควบคุมตัว’ แปลว่าอะไร และโจวเชียนหยุนก็ได้แต่เฉไฉไปด้วยการพูดเรื่องอื่นแทนกวอซิ่นหลี่ยังคงโดนสอบปากคำในตอนที่หลิงอี้หรานไปถึงสถานีตำรวจ เธอได้รู้จากตำรวจว่ามีพยานและกล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ เพราะพวกเขาเจอภาพกล้องวงจรปิดและจากคำให้การของพยานกับเหยื่อ กวอซิ่นหลี่จึงโดนควบคุมตัวด้วยข้อหาพยายามข่มขืน“ฉันอยากพบกวอซิ่นหลี่ค่ะ” หลิงอี้หรานพูด ไม่ว่ายังไงเธอก็อยากเจอกวอซิ่นหลี่เพื่อหาว่าเกิดอะไรขึ้น“เขากำลังโดนสอบปากคำอยู่ ถ้าหลักฐานมากพอเขาก็จะโดนควบคุมตัวตามกฎหมาย ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อ
หลิงอี้หรานเบื่อกับการที่ต้องดูการแสดงของหวาลี่ฟางเต็มทน สิ่งที่อีกฝ่ายพูดเพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอรู้ว่าญาติของเธอเป็นคนใส่ร้ายกวอซิ่นหลี่แต่... ทำไมญาติของเธอต้องใส่ร้ายกวอซิ่นหลี่แบบบนี้ด้วย? นี่ไม่ปกติเลยสักนิด!ในตอนนั้นเองที่ตำรวจนายหนึ่งก็พูดกับหลิงอี้หรานว่า “คุณคงเป็นทนายของกวอซินหลี่ ตอนนี้คุณเข้าไปคุยกับกวอซินหลี่ได้ แต่แค่ครึ่งชั่วโมงนะ”“ค่ะ” หลิงอี้หรานรีบตอบ แต่ขณะที่เธอกำลังจะเดินไป ก็มีมือหนึ่งกุมข้อมือของเธอไว้จากด้านหลัง “คุณเป็นทนายของกวอซินหลี่เหรอ?”หลิงอี้หรานรีบหันกลับไปมองทันที และเห็นใบหน้าของกู้ลี่เฉิน ความแปลกใจปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว เธอไม่คาดคิดว่ากู้ลี่เฉิน... จะออกมาจากโรงพยาบาลและมาสถานีตำรวจด้วย“คุณออกมาจากโรงพยาบาลทำไมคะ? หมอให้คุณมาที่นี่ได้แล้วเหรอ?” เธอถาม เมื่อวานนี้เขาถอดผ้าพันแผลที่หัวและตัวแล้ว แต่เขาก็ควรอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกอย่างน้อยสักสองสามวัน“คุณจะเป็นคนไกล่เกลี่ยให้กวอซิ่นหลี่เหรอ?” เขาถามแทนที่จะตอบเธอ“เขาเป็นเพื่อนฉันค่ะ และฉันก็เชื่อว่าเขาบริสุทธิ์” หลิงอี้หรานกล่าวหวาลี่ฟางซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ขัดขึ้นทันทีว่า “นี่เธอจะบอกว่าฉัน
หลิงอี้หรานเข้าไปในห้องสอบปากคำ การสอบปากคำของตำรวจเสร็จสิ้นลงแล้ว สีหน้าของกวอซิ่นหลี่ดูย่ำแย่มากและดูเหมือนเขาจะทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นหลิงอี้หรานเข้ามา เขาก็รีบลนลานพูดว่า “อี้หราน ผม... ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น และผมไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องทำกับผมแบบนี้ด้วย!”กวอซิ่นหลี่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก อย่างไรเรื่องเร่งด่วนแบบนี้ก็ทำเอาเขารับมือไม่ไหวอยู่เหมือนกัน“ใจเย็น ๆ แล้วบอกฉันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องตกใจนะ! ตอนนี้ฉันเป็นทนายให้คุณ และฉันก็จะช่วยคดีของคุณเอง คุณค่อยเปลี่ยนทนายทีหลังได้ถ้าคุณมีคนที่เหมาะกว่า” หลิงอี้หรานกล่าวเพื่อให้เขามั่นใจเป็นอย่างแรกสุดท้ายกวอซินหลี่ก็สงบลง “ขอบคุณนะ อี้หราน!”หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หลิงอี้หรานก็ได้รับข้อมูลจากกวอซิ่นหลี่ว่า ตอนที่เขาไปช่วยรับผลการตรวจ หวาลี่ฟางก็ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ เขา เธอบอกว่าข้อเท้าแพลงเลยขอให้เขาช่วยพยุงเธอไปที่รถซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถเพราะเห็นว่าหวาลี่ฟางถือของมาเยอะมากและดูน่าสงสาร กวอซิ่นหลี่จึงช่วยเธอถือของไปที่ลานจอดรถจากนั้นหวาลี่ฟางก็ขอให้กวอซินหลี่ช่วยเอาของไปวางไว้ที่เบาะหลังแล้วยั
“บริสุทธิ์เหรอ?” กู้ลี่เฉินกล่าวเย้ยหยันขึ้นมาในทันใด “ตำรวจเจอคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดที่พิสูจน์ทุกอย่างที่ลี่ฟางพูดนะ นอกจากนั้นพยานทั้งห้าคนก็ไม่ได้รู้จักกันด้วย แล้วพวกเขาจะโกหกได้ยังไง! จนถึงตอนนี้คำให้การของทั้งห้าคนยังเป็นที่เชื่อถือได้อยู่!”หลิงอี้หรานพูดขึ้นมาในทันใด “คุณเคยรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมบ้างไหมคะ?”“อะไรนะ?” เขาตกตะลึงไป“คุณรู้สึกไม่ยุติธรรม และหลักฐานทุกชิ้นรวมถึงคำให้การของพยานต่างก็ชี้ที่คุณ แม้ว่าคุณจะบริสุทธิ์ แต่คุณก็ไม่สามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้ คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหมคะ?” เธอระบายยิ้มจาง ๆ “ฉันเคย ดังนั้นฉันเลยเข้าใจความรู้สึกของกวอซิ่นหลี่ตอนนี้ได้ ฉันจะช่วยเขาไม่ว่ายังไงก็ตาม!”ริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากันแน่น และสายตาของเขาก็ดูเหมือนจะมองทะลุเธอ “คุณจะยังช่วยกวอซินหลี่เหรอ แม้ว่าผมจะขอไม่ให้คุณเข้ามายุ่งกับเรื่องของเขางั้นเหรอ?”“เขาเป็นเพื่อนฉัน และฉันเชื่อในตัวเขา” เธอสบตาเขาโดยไม่สะดุ้งหนีบรรยากาศรอบตัวพวกเขาหยุดนิ่งและหดหู่ ...หลังจากศึกษาคดีของกวอซินหลี่สองสามวัน หลิงอี้หรานก็เจอว่าทุกอย่างไม่เป็นผลดีกับกวอซิ่นหลี่เลยจริง ๆ แม้ว่าเธอจะมีข้อสงสั
“ฉันไม่เข้าใจ ใส่ร้ายเขาเหรอ? แล้วฉันจะได้อะไรล่ะ?” หวาลี่ฟางถามนั่นเป็นสิ่งที่หลิงอี้หรานเองก็ยังสงสัย “เธอไม่ต้องการไกล่เกลี่ยด้วยใช่ไหม?”“เธอจะไกล่เกลี่ยกับผู้ชายที่อยากจะข่มขืนเธอไหมล่ะ?” หวาลี่ฟางถาม และเกือบจะแสดงความชื่นชมสีหน้าที่บูดบึ้งของหลิงอี้หรานคราวนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแล้วหลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึก “เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าการทำแบบนี้จะเป็นการตีตราผู้ชายคนนั้นไปตลอดชีวิต? เขาจะไม่มีวันได้เงยหน้าขึ้นมาอีก” “อี้หราน อย่ามาบอกว่าฉันใส่ร้ายกวอซิ่นหลี่นะ เธอเองก็เป็นทนาย เธอน่าจะรู้ว่าต้องแสดงหลักฐานสำหรับทุกอย่าง!” หวาลี่ฟางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ“ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะปล่อยกวอซิ่นหลี่ไป?” หลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกและถาม “บอกมาสิ แล้วฉันจะทำเท่าที่ทำได้”ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจเจตนาของหวาลี่ฟาง แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับเธอ! บางทีอาจเป็นเพราะเธอกวอซินหลี่จึงโดนใส่ร้าย“ถึงฉันจะอยากให้เธอเลิกเป็นทนายตั้งแต่นี้เป็นต้นไปน่ะเหรอ?” หวาลี่ฟางกล่าวเย้ย“ใช่” หลิงอี้หรานตอบเสียงเรียบ ถ้ากวอซิ่นหลี่ต้องเข้าคุกไปอย่างไม่ยุติธรรมเพราะเธอแล้วล่ะ
ตราบเท่าที่เธอตอบว่าใช่ เขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถให้เธอได้รับตอนจบอย่างที่เธอต้องการทว่าเขาก็ต้องผิดหวัง... กับสิ่งที่เธอพูด “ลี่เฉิน คุณช่วยชีวิตฉันไว้ และตราบใดสิ่งที่คุณอยากให้ฉันทำมันไม่ขัดต่อจิตสำนึกของฉัน ฉันก็ทำให้ แต่ฉันตอบตกลงเรื่องนี้ไม่ได้”จู่ ๆ เขาก็กล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า “จะบอกว่าเรื่องนี้ขัดต่อจิตสำนึกของคุณงั้นสิ? อี้หราน ผู้ชายคนนี้สำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยเหรอ?”หลิงอี้หรานเงียบไป กวอซิ่นหลี่ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น แต่เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นเพราะเธอ นอกจากนั้นกวอซิ่นหลี่ยังทำให้เธอนึกถึงตัวเองในตอนนั้นที่ไม่สามารถพูดอะไรให้คนอื่นเชื่อได้ การช่วยเหลือกวอซิ่นหลี่ก็คล้ายกับการช่วยตัวเธอเองความเงียบของเธอทำให้ใบหน้าของกู้ลี่เฉินบูดบึ้งยิ่งขึ้นหวาลี่ฟางรีบเดินเข้าไปหากู้ลี่เฉิน จับแขนเขาไว้อย่างแผ่วเบา และกล่าวว่า “ลี่เฉินอย่าโกรธไปเลยค่ะ อี้หรานหลงเชื่อว่ากวอซิ่นหลี่บริสุทธิ์เพราะเธอใส่ใจเขามาก แต่ความจริงกวอซิ่นหลี่เป็นจอมโกหก ฉันหนีออกมาจากรถได้ก็เพราะโชคดีที่มีคนผ่านมาและเบี่ยงเบนความสนใจของเขา ไม่อย่างนั้น... ฉัน... ฉันคง..”หวาลี่ฟางเริ่มร้องไห้อีกครั้งขณะที่พ