“บริสุทธิ์เหรอ?” กู้ลี่เฉินกล่าวเย้ยหยันขึ้นมาในทันใด “ตำรวจเจอคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดที่พิสูจน์ทุกอย่างที่ลี่ฟางพูดนะ นอกจากนั้นพยานทั้งห้าคนก็ไม่ได้รู้จักกันด้วย แล้วพวกเขาจะโกหกได้ยังไง! จนถึงตอนนี้คำให้การของทั้งห้าคนยังเป็นที่เชื่อถือได้อยู่!”หลิงอี้หรานพูดขึ้นมาในทันใด “คุณเคยรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมบ้างไหมคะ?”“อะไรนะ?” เขาตกตะลึงไป“คุณรู้สึกไม่ยุติธรรม และหลักฐานทุกชิ้นรวมถึงคำให้การของพยานต่างก็ชี้ที่คุณ แม้ว่าคุณจะบริสุทธิ์ แต่คุณก็ไม่สามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้ คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหมคะ?” เธอระบายยิ้มจาง ๆ “ฉันเคย ดังนั้นฉันเลยเข้าใจความรู้สึกของกวอซิ่นหลี่ตอนนี้ได้ ฉันจะช่วยเขาไม่ว่ายังไงก็ตาม!”ริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากันแน่น และสายตาของเขาก็ดูเหมือนจะมองทะลุเธอ “คุณจะยังช่วยกวอซินหลี่เหรอ แม้ว่าผมจะขอไม่ให้คุณเข้ามายุ่งกับเรื่องของเขางั้นเหรอ?”“เขาเป็นเพื่อนฉัน และฉันเชื่อในตัวเขา” เธอสบตาเขาโดยไม่สะดุ้งหนีบรรยากาศรอบตัวพวกเขาหยุดนิ่งและหดหู่ ...หลังจากศึกษาคดีของกวอซินหลี่สองสามวัน หลิงอี้หรานก็เจอว่าทุกอย่างไม่เป็นผลดีกับกวอซิ่นหลี่เลยจริง ๆ แม้ว่าเธอจะมีข้อสงสั
“ฉันไม่เข้าใจ ใส่ร้ายเขาเหรอ? แล้วฉันจะได้อะไรล่ะ?” หวาลี่ฟางถามนั่นเป็นสิ่งที่หลิงอี้หรานเองก็ยังสงสัย “เธอไม่ต้องการไกล่เกลี่ยด้วยใช่ไหม?”“เธอจะไกล่เกลี่ยกับผู้ชายที่อยากจะข่มขืนเธอไหมล่ะ?” หวาลี่ฟางถาม และเกือบจะแสดงความชื่นชมสีหน้าที่บูดบึ้งของหลิงอี้หรานคราวนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแล้วหลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึก “เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าการทำแบบนี้จะเป็นการตีตราผู้ชายคนนั้นไปตลอดชีวิต? เขาจะไม่มีวันได้เงยหน้าขึ้นมาอีก” “อี้หราน อย่ามาบอกว่าฉันใส่ร้ายกวอซิ่นหลี่นะ เธอเองก็เป็นทนาย เธอน่าจะรู้ว่าต้องแสดงหลักฐานสำหรับทุกอย่าง!” หวาลี่ฟางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ“ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะปล่อยกวอซิ่นหลี่ไป?” หลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกและถาม “บอกมาสิ แล้วฉันจะทำเท่าที่ทำได้”ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจเจตนาของหวาลี่ฟาง แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับเธอ! บางทีอาจเป็นเพราะเธอกวอซินหลี่จึงโดนใส่ร้าย“ถึงฉันจะอยากให้เธอเลิกเป็นทนายตั้งแต่นี้เป็นต้นไปน่ะเหรอ?” หวาลี่ฟางกล่าวเย้ย“ใช่” หลิงอี้หรานตอบเสียงเรียบ ถ้ากวอซิ่นหลี่ต้องเข้าคุกไปอย่างไม่ยุติธรรมเพราะเธอแล้วล่ะ
ตราบเท่าที่เธอตอบว่าใช่ เขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถให้เธอได้รับตอนจบอย่างที่เธอต้องการทว่าเขาก็ต้องผิดหวัง... กับสิ่งที่เธอพูด “ลี่เฉิน คุณช่วยชีวิตฉันไว้ และตราบใดสิ่งที่คุณอยากให้ฉันทำมันไม่ขัดต่อจิตสำนึกของฉัน ฉันก็ทำให้ แต่ฉันตอบตกลงเรื่องนี้ไม่ได้”จู่ ๆ เขาก็กล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า “จะบอกว่าเรื่องนี้ขัดต่อจิตสำนึกของคุณงั้นสิ? อี้หราน ผู้ชายคนนี้สำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยเหรอ?”หลิงอี้หรานเงียบไป กวอซิ่นหลี่ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น แต่เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นเพราะเธอ นอกจากนั้นกวอซิ่นหลี่ยังทำให้เธอนึกถึงตัวเองในตอนนั้นที่ไม่สามารถพูดอะไรให้คนอื่นเชื่อได้ การช่วยเหลือกวอซิ่นหลี่ก็คล้ายกับการช่วยตัวเธอเองความเงียบของเธอทำให้ใบหน้าของกู้ลี่เฉินบูดบึ้งยิ่งขึ้นหวาลี่ฟางรีบเดินเข้าไปหากู้ลี่เฉิน จับแขนเขาไว้อย่างแผ่วเบา และกล่าวว่า “ลี่เฉินอย่าโกรธไปเลยค่ะ อี้หรานหลงเชื่อว่ากวอซิ่นหลี่บริสุทธิ์เพราะเธอใส่ใจเขามาก แต่ความจริงกวอซิ่นหลี่เป็นจอมโกหก ฉันหนีออกมาจากรถได้ก็เพราะโชคดีที่มีคนผ่านมาและเบี่ยงเบนความสนใจของเขา ไม่อย่างนั้น... ฉัน... ฉันคง..”หวาลี่ฟางเริ่มร้องไห้อีกครั้งขณะที่พ
“เธอรู้ดีว่าฉันโกหกหรือเปล่า” หลิงอี้หรานไม่สนใจท่าทางตลก ๆ ของหวาลี่ฟาง สายตาของเธอมองไปยังใบหน้าของกู้ลี่เฉิน “คุณเชื่อเรื่องที่ฉันพูดไหมล่ะ?”ความตกตะลึงในแววตาของกู้ลี่เฉินจางหายไป ขนตาของเขาขยับเล็กน้อย และจากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย “คุณอยากให้ผมเชื่อเหรอว่าคุณคือสาวน้อยที่ช่วยผมไว้ตอนเด็กเหรอ?”“ค่ะ” หลิงอี้หรานตอบ เธอรู้ว่าเป็นเรื่องกะทันหันที่พูดออกมาตอนนี้ แต่... เธออยากจะลองเดิมพันกับความเชื่อใจของเขาอยู่“คุณจำตอนที่เราเจอกันที่หน้าผาในวันครบรอบ 49 วันที่คุณยายของคุณตายได้ไหม? คุณพูดว่าอะไรในตอนที่ผมถามว่าคุณเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?” เสียงของกู้ลี่เฉินแผ่วเบาหลิงอี้หรานรู้สึกขมขื่น เธอแค่อยากให้อี้จิ่นหลีรู้สึกปลอดภัย ดังนั้นแม้เธอจะจดจำได้ แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธความจริงที่ว่า เธอเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้ตอนเด็กเธอกล่าวว่า “ฉันจำได้ ตอนนั้นฉันปฏิเสธ แต่...”“แต่หลังจากนั้น ผมก็ยังคงถามคุณอีกหลายครั้งว่าคุณเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นไหม!” น้ำเสียงของกู้ลี่เฉินเจือไปด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ดวงตานกฟินิกซ์ของเขาเงยขึ้นช้า ๆ และเต็มไปด้วยความเหน็บแนม “แต่คุณบอกผ
น้ำตายังคงไหลลงมาจากดวงตาของหวาลี่ฟางขณะที่เธอพูด เธอไม่ได้บีบน้ำตาไปเสียหมด อย่างไรเสียเธอก็กลัวจริง ๆ ถ้ากู้ลี่เฉินเชื่อคำพูดของหลิงอี้หราน เธอก็จบเห่เลยน่ะสิโชคดีที่กู้ลี่เฉินไม่ได้เชื่อหลิงอี้หรานเลยหลิงอี้หรานมองหน้ากู้ลี่เฉินอยู่ตลอดเวลา “ในสายตาของคุณ ฉันดูเป็นคนที่จะโกหกและเสแสร้งว่าเป็นคนที่ช่วยชีวิตใครเหรอคะ?”น้ำเสียงของเธอลดความขุ่นเคืองลงกว่าก่อนหน้านี้ ราวกับว่าเธอกำลังถามคำถามจริงจัง แต่ก็เป็นคำถามง่าย ๆ และจู่ ๆ หัวใจของเขาก็เต้นแรงอย่างเริ่มตื่นตระหนกนี่เขาตื่นตระหนกกับอะไร?ราวกับว่าช่องว่างระหว่างเขาและเธอที่เขาพยายามดึงให้มันแคบลงกลับดูเหมือนยิ่งกว้างขึ้น กว้างขึ้นไปมาก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะกวอซิ่นหลี่ ผู้ชายที่เขาไม่เคยสนใจเลยในความรู้สึกของเขา ผู้ชายคนนั้นก็แค่คนหน้าตาทั่วไปและเป็นคนธรรมดา!“กวอซิ่นหลี่สำคัญกับคุณจริง ๆ เหรอ?” เขาถามโดยไม่ตอบ“ฉันไม่อยากให้เขาถูกใส่ร้ายอย่างไม่มีเหตุผล” หลิงอี้หรานกล่าว“ถ้ามันไม่มีเหตุผลเราก็จะได้รู้กันศาลนั่นแหละ ในเมื่อคุณคิดว่าเขาถูกใส่ร้าย ทำไมไม่รอฟังล่ะว่า ผู้พิพากษาท่านจะว่ายังไง?” กู้ลี่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา“ง
“คุณจำสิ่งที่คุณพูดครั้งสุดท้ายก่อนเราจะจากกันที่โรงพยาบาลตอนเด็กได้ไหม?” เขาโพล่งถามขึ้นมา“คะ?” หวาลี่ฟางกะพริบตาและกล่าวว่า “แน่สิคะ ฉันจำได้ ฉันให้สร้อยข้อมือคุณไม่ใช่เหรอคะ? ฉันยังบอกคุณด้วยว่าให้เราใช้มันเป็นสัญลักษณ์ระหว่างกัน ฉันบอกคุณว่าให้คุณเอาสร้อยข้อมือมาด้วยตอนที่มาเจอฉัน เพื่อที่ว่าถึงคุณจะมาหาฉันช้าไป เราก็จะยังมีสร้อยข้อมือที่เอาไว้บอกได้ แม้ว่าหน้าตาเราจะเปลี่ยนไป แต่เราก็จะยังสามารถจำกันและกันได้ไงคะ”หวาลี่ฟางจงใจกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉันจำมาจากละครในทีวีที่นักแสดงนำชายหญิงเขาจำกันได้ด้วยจี้หยกครึ่งซีก ฉันเลยทำตามไงคะ”เมื่อได้ยินอย่างนั้น กู้ลี่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแห้ง ‘ฉันกำลังคิดอะไรอยู่? นี่ฉันหวังว่าสิ่งที่หลิงอี้หรานพูดเป็นจริงงั้นเหรอ? นี่ฉันหวังให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็กสาวคนนั้นที่ช่วยฉันไว้ตอนเด็กงั้นเหรอ? นี่ฉันหวังวว่าคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดหลายปีเป็นอี้หรานเหรอ?‘แต่คนนั้นคือลี่ฟาง! แม้ว่าลี่ฟางจะไม่ใช่แบบที่ฉันคิด ไร้ประโยชน์ และพยายามจะหาประโยชน์จากฉันที่สุด แต่เธอก็เป็นคนที่เคยช่วยชีวิตฉันเอาไว้!’ลี่ฟางไม่สามารถอธิบายได้ว่ามีบา
นี่หวาลี่ฟางพยายามใช้กวอซิ่นหลี่มาทำให้เธอกับกู้ลี่เฉินแตกคอกันเหรอ?แล้วเธอจะโน้มน้าวให้กู้ลี่เฉินเลิกมองกวอซินหลี่เป็นศัตรูได้อย่างไร?บางที่เธอควรลองอีกทีและหาโอกาสคุยกับลี่เฉินตัวต่อตัวเพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมด...หลังจากคิดเรื่องนี้ไปสักพัก โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะ หลิงอี้หรานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเสียงของโจวเชียนหยุนก็ดังขึ้นมา “อี้หราน เรื่องอากวอเป็นอย่างไรบ้าง? ช่วงนี้อาหยันน้อยเอาแต่ถามถึงลุงกวอ”“ยากเลยค่ะ ฉันจะลองพยายามหาทางและจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าเขาบริสุทธิ์” หลิงอี้หรานพูด แม้ว่าโอกาสจะน้อยมาก แต่เธอก็ต้องลองพยายามดู“ถ้ามีอะไรที่ฉันพอทำได้ ก็บอกนะ” โจวเชียนหยุนกล่าว“ค่ะ” หลิงอี้หราน หลังจากวางสาย เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเดินเข้ามาในตึกสำนักงานของอี้กรุ๊ปโดยที่ไม่รู้ตัว!เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอมาที่นี่หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในตอนที่เธอเป็นพนักงานส่งอาหารให้ร้านเล็ก ๆ ของพี่โจว มีช่วงหนึ่งที่อี้จิ่นหลีชอบสั่งชุดข้าวกล่องให้เธอไปส่งให้เขาตอนเที่ยงหลิงอี้หรานไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเดินเข้ามาในนี้โดยไม่รู้ตัว เกิดอะไรขึ้นกับเธอล่ะเนี่ย?เธออยากจะหันหลังก
ดังนั้นนี่จึงเกิดเป็นภาพอันแปลกประหลาดตรงหน้าทางเข้าของบริษัทอี้กรุ๊ป หลิงอี้หรานกำลังอาเจียนใส่ถังขยะโดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ห่างออกมาไม่ไกล อี้จิ่นหลีก็ยืนนิ่งอยู่กับที่และมองมายังหลิงอี้หรานโดยไม่ได้มีสีหน้าสุขใจหรือโกรธเคืองใด ๆ ส่วนเกาฉงหมิง คนขับรถ เหล่าผู้บริหารระดับสูง และบอดี้การ์ดจำนวนหลายคนก็มายืนกระจัดกระจายล้อมรอบอี้จิ่นหลีอยู่เมื่อหลิงอี้หรานอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน และพบว่า... เธอกำลังโดนมองอยู่!นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอถูกคนเยอะขนาดนี้มองตอนกำลังอาเจียนขนาดอี้จิ่นหลีเองก็ยังมองเธอเลย!วันนี้เขาดูเคร่งขรึมและไม่ค่อยเป็นมิตรในชุดสูทสีดำเข้าชุดกับเสื้อไหมพรมคอเต่าหลิงอี้หรานเลิ่กลั่กและอยากจะหนีไป แต่เธอต้องไปยังทางที่เขายืนอยู่เพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ดังนั้นหลิงอี้หรานจึงทำได้เพียงก้มหน้าอย่างเก้ ๆ กัง ๆ และหยิบทิชชู่ในกระเป๋าออกมาเช็ดมุมปากของตัวเอง เธอรีบเดินเพื่อออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดอี้จิ่นหลีไม่ได้ขยับและยังคงยืนอยู่ที่เดิม ยิ่งเธอเดินเข้าไปใกล้เขา หลิงอี้หรานก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังโดนจับตามองหนักข
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค