หลิงอี้หรานเบื่อกับการที่ต้องดูการแสดงของหวาลี่ฟางเต็มทน สิ่งที่อีกฝ่ายพูดเพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอรู้ว่าญาติของเธอเป็นคนใส่ร้ายกวอซิ่นหลี่แต่... ทำไมญาติของเธอต้องใส่ร้ายกวอซิ่นหลี่แบบบนี้ด้วย? นี่ไม่ปกติเลยสักนิด!ในตอนนั้นเองที่ตำรวจนายหนึ่งก็พูดกับหลิงอี้หรานว่า “คุณคงเป็นทนายของกวอซินหลี่ ตอนนี้คุณเข้าไปคุยกับกวอซินหลี่ได้ แต่แค่ครึ่งชั่วโมงนะ”“ค่ะ” หลิงอี้หรานรีบตอบ แต่ขณะที่เธอกำลังจะเดินไป ก็มีมือหนึ่งกุมข้อมือของเธอไว้จากด้านหลัง “คุณเป็นทนายของกวอซินหลี่เหรอ?”หลิงอี้หรานรีบหันกลับไปมองทันที และเห็นใบหน้าของกู้ลี่เฉิน ความแปลกใจปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว เธอไม่คาดคิดว่ากู้ลี่เฉิน... จะออกมาจากโรงพยาบาลและมาสถานีตำรวจด้วย“คุณออกมาจากโรงพยาบาลทำไมคะ? หมอให้คุณมาที่นี่ได้แล้วเหรอ?” เธอถาม เมื่อวานนี้เขาถอดผ้าพันแผลที่หัวและตัวแล้ว แต่เขาก็ควรอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกอย่างน้อยสักสองสามวัน“คุณจะเป็นคนไกล่เกลี่ยให้กวอซิ่นหลี่เหรอ?” เขาถามแทนที่จะตอบเธอ“เขาเป็นเพื่อนฉันค่ะ และฉันก็เชื่อว่าเขาบริสุทธิ์” หลิงอี้หรานกล่าวหวาลี่ฟางซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ขัดขึ้นทันทีว่า “นี่เธอจะบอกว่าฉัน
หลิงอี้หรานเข้าไปในห้องสอบปากคำ การสอบปากคำของตำรวจเสร็จสิ้นลงแล้ว สีหน้าของกวอซิ่นหลี่ดูย่ำแย่มากและดูเหมือนเขาจะทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นหลิงอี้หรานเข้ามา เขาก็รีบลนลานพูดว่า “อี้หราน ผม... ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น และผมไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องทำกับผมแบบนี้ด้วย!”กวอซิ่นหลี่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก อย่างไรเรื่องเร่งด่วนแบบนี้ก็ทำเอาเขารับมือไม่ไหวอยู่เหมือนกัน“ใจเย็น ๆ แล้วบอกฉันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องตกใจนะ! ตอนนี้ฉันเป็นทนายให้คุณ และฉันก็จะช่วยคดีของคุณเอง คุณค่อยเปลี่ยนทนายทีหลังได้ถ้าคุณมีคนที่เหมาะกว่า” หลิงอี้หรานกล่าวเพื่อให้เขามั่นใจเป็นอย่างแรกสุดท้ายกวอซินหลี่ก็สงบลง “ขอบคุณนะ อี้หราน!”หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หลิงอี้หรานก็ได้รับข้อมูลจากกวอซิ่นหลี่ว่า ตอนที่เขาไปช่วยรับผลการตรวจ หวาลี่ฟางก็ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ เขา เธอบอกว่าข้อเท้าแพลงเลยขอให้เขาช่วยพยุงเธอไปที่รถซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถเพราะเห็นว่าหวาลี่ฟางถือของมาเยอะมากและดูน่าสงสาร กวอซิ่นหลี่จึงช่วยเธอถือของไปที่ลานจอดรถจากนั้นหวาลี่ฟางก็ขอให้กวอซินหลี่ช่วยเอาของไปวางไว้ที่เบาะหลังแล้วยั
“บริสุทธิ์เหรอ?” กู้ลี่เฉินกล่าวเย้ยหยันขึ้นมาในทันใด “ตำรวจเจอคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดที่พิสูจน์ทุกอย่างที่ลี่ฟางพูดนะ นอกจากนั้นพยานทั้งห้าคนก็ไม่ได้รู้จักกันด้วย แล้วพวกเขาจะโกหกได้ยังไง! จนถึงตอนนี้คำให้การของทั้งห้าคนยังเป็นที่เชื่อถือได้อยู่!”หลิงอี้หรานพูดขึ้นมาในทันใด “คุณเคยรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมบ้างไหมคะ?”“อะไรนะ?” เขาตกตะลึงไป“คุณรู้สึกไม่ยุติธรรม และหลักฐานทุกชิ้นรวมถึงคำให้การของพยานต่างก็ชี้ที่คุณ แม้ว่าคุณจะบริสุทธิ์ แต่คุณก็ไม่สามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้ คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหมคะ?” เธอระบายยิ้มจาง ๆ “ฉันเคย ดังนั้นฉันเลยเข้าใจความรู้สึกของกวอซิ่นหลี่ตอนนี้ได้ ฉันจะช่วยเขาไม่ว่ายังไงก็ตาม!”ริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากันแน่น และสายตาของเขาก็ดูเหมือนจะมองทะลุเธอ “คุณจะยังช่วยกวอซินหลี่เหรอ แม้ว่าผมจะขอไม่ให้คุณเข้ามายุ่งกับเรื่องของเขางั้นเหรอ?”“เขาเป็นเพื่อนฉัน และฉันเชื่อในตัวเขา” เธอสบตาเขาโดยไม่สะดุ้งหนีบรรยากาศรอบตัวพวกเขาหยุดนิ่งและหดหู่ ...หลังจากศึกษาคดีของกวอซินหลี่สองสามวัน หลิงอี้หรานก็เจอว่าทุกอย่างไม่เป็นผลดีกับกวอซิ่นหลี่เลยจริง ๆ แม้ว่าเธอจะมีข้อสงสั
“ฉันไม่เข้าใจ ใส่ร้ายเขาเหรอ? แล้วฉันจะได้อะไรล่ะ?” หวาลี่ฟางถามนั่นเป็นสิ่งที่หลิงอี้หรานเองก็ยังสงสัย “เธอไม่ต้องการไกล่เกลี่ยด้วยใช่ไหม?”“เธอจะไกล่เกลี่ยกับผู้ชายที่อยากจะข่มขืนเธอไหมล่ะ?” หวาลี่ฟางถาม และเกือบจะแสดงความชื่นชมสีหน้าที่บูดบึ้งของหลิงอี้หรานคราวนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแล้วหลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึก “เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าการทำแบบนี้จะเป็นการตีตราผู้ชายคนนั้นไปตลอดชีวิต? เขาจะไม่มีวันได้เงยหน้าขึ้นมาอีก” “อี้หราน อย่ามาบอกว่าฉันใส่ร้ายกวอซิ่นหลี่นะ เธอเองก็เป็นทนาย เธอน่าจะรู้ว่าต้องแสดงหลักฐานสำหรับทุกอย่าง!” หวาลี่ฟางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ“ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะปล่อยกวอซิ่นหลี่ไป?” หลิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกและถาม “บอกมาสิ แล้วฉันจะทำเท่าที่ทำได้”ถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจเจตนาของหวาลี่ฟาง แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับเธอ! บางทีอาจเป็นเพราะเธอกวอซินหลี่จึงโดนใส่ร้าย“ถึงฉันจะอยากให้เธอเลิกเป็นทนายตั้งแต่นี้เป็นต้นไปน่ะเหรอ?” หวาลี่ฟางกล่าวเย้ย“ใช่” หลิงอี้หรานตอบเสียงเรียบ ถ้ากวอซิ่นหลี่ต้องเข้าคุกไปอย่างไม่ยุติธรรมเพราะเธอแล้วล่ะ
ตราบเท่าที่เธอตอบว่าใช่ เขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถให้เธอได้รับตอนจบอย่างที่เธอต้องการทว่าเขาก็ต้องผิดหวัง... กับสิ่งที่เธอพูด “ลี่เฉิน คุณช่วยชีวิตฉันไว้ และตราบใดสิ่งที่คุณอยากให้ฉันทำมันไม่ขัดต่อจิตสำนึกของฉัน ฉันก็ทำให้ แต่ฉันตอบตกลงเรื่องนี้ไม่ได้”จู่ ๆ เขาก็กล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า “จะบอกว่าเรื่องนี้ขัดต่อจิตสำนึกของคุณงั้นสิ? อี้หราน ผู้ชายคนนี้สำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยเหรอ?”หลิงอี้หรานเงียบไป กวอซิ่นหลี่ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น แต่เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นเพราะเธอ นอกจากนั้นกวอซิ่นหลี่ยังทำให้เธอนึกถึงตัวเองในตอนนั้นที่ไม่สามารถพูดอะไรให้คนอื่นเชื่อได้ การช่วยเหลือกวอซิ่นหลี่ก็คล้ายกับการช่วยตัวเธอเองความเงียบของเธอทำให้ใบหน้าของกู้ลี่เฉินบูดบึ้งยิ่งขึ้นหวาลี่ฟางรีบเดินเข้าไปหากู้ลี่เฉิน จับแขนเขาไว้อย่างแผ่วเบา และกล่าวว่า “ลี่เฉินอย่าโกรธไปเลยค่ะ อี้หรานหลงเชื่อว่ากวอซิ่นหลี่บริสุทธิ์เพราะเธอใส่ใจเขามาก แต่ความจริงกวอซิ่นหลี่เป็นจอมโกหก ฉันหนีออกมาจากรถได้ก็เพราะโชคดีที่มีคนผ่านมาและเบี่ยงเบนความสนใจของเขา ไม่อย่างนั้น... ฉัน... ฉันคง..”หวาลี่ฟางเริ่มร้องไห้อีกครั้งขณะที่พ
“เธอรู้ดีว่าฉันโกหกหรือเปล่า” หลิงอี้หรานไม่สนใจท่าทางตลก ๆ ของหวาลี่ฟาง สายตาของเธอมองไปยังใบหน้าของกู้ลี่เฉิน “คุณเชื่อเรื่องที่ฉันพูดไหมล่ะ?”ความตกตะลึงในแววตาของกู้ลี่เฉินจางหายไป ขนตาของเขาขยับเล็กน้อย และจากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย “คุณอยากให้ผมเชื่อเหรอว่าคุณคือสาวน้อยที่ช่วยผมไว้ตอนเด็กเหรอ?”“ค่ะ” หลิงอี้หรานตอบ เธอรู้ว่าเป็นเรื่องกะทันหันที่พูดออกมาตอนนี้ แต่... เธออยากจะลองเดิมพันกับความเชื่อใจของเขาอยู่“คุณจำตอนที่เราเจอกันที่หน้าผาในวันครบรอบ 49 วันที่คุณยายของคุณตายได้ไหม? คุณพูดว่าอะไรในตอนที่ผมถามว่าคุณเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?” เสียงของกู้ลี่เฉินแผ่วเบาหลิงอี้หรานรู้สึกขมขื่น เธอแค่อยากให้อี้จิ่นหลีรู้สึกปลอดภัย ดังนั้นแม้เธอจะจดจำได้ แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธความจริงที่ว่า เธอเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้ตอนเด็กเธอกล่าวว่า “ฉันจำได้ ตอนนั้นฉันปฏิเสธ แต่...”“แต่หลังจากนั้น ผมก็ยังคงถามคุณอีกหลายครั้งว่าคุณเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นไหม!” น้ำเสียงของกู้ลี่เฉินเจือไปด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ดวงตานกฟินิกซ์ของเขาเงยขึ้นช้า ๆ และเต็มไปด้วยความเหน็บแนม “แต่คุณบอกผ
น้ำตายังคงไหลลงมาจากดวงตาของหวาลี่ฟางขณะที่เธอพูด เธอไม่ได้บีบน้ำตาไปเสียหมด อย่างไรเสียเธอก็กลัวจริง ๆ ถ้ากู้ลี่เฉินเชื่อคำพูดของหลิงอี้หราน เธอก็จบเห่เลยน่ะสิโชคดีที่กู้ลี่เฉินไม่ได้เชื่อหลิงอี้หรานเลยหลิงอี้หรานมองหน้ากู้ลี่เฉินอยู่ตลอดเวลา “ในสายตาของคุณ ฉันดูเป็นคนที่จะโกหกและเสแสร้งว่าเป็นคนที่ช่วยชีวิตใครเหรอคะ?”น้ำเสียงของเธอลดความขุ่นเคืองลงกว่าก่อนหน้านี้ ราวกับว่าเธอกำลังถามคำถามจริงจัง แต่ก็เป็นคำถามง่าย ๆ และจู่ ๆ หัวใจของเขาก็เต้นแรงอย่างเริ่มตื่นตระหนกนี่เขาตื่นตระหนกกับอะไร?ราวกับว่าช่องว่างระหว่างเขาและเธอที่เขาพยายามดึงให้มันแคบลงกลับดูเหมือนยิ่งกว้างขึ้น กว้างขึ้นไปมาก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะกวอซิ่นหลี่ ผู้ชายที่เขาไม่เคยสนใจเลยในความรู้สึกของเขา ผู้ชายคนนั้นก็แค่คนหน้าตาทั่วไปและเป็นคนธรรมดา!“กวอซิ่นหลี่สำคัญกับคุณจริง ๆ เหรอ?” เขาถามโดยไม่ตอบ“ฉันไม่อยากให้เขาถูกใส่ร้ายอย่างไม่มีเหตุผล” หลิงอี้หรานกล่าว“ถ้ามันไม่มีเหตุผลเราก็จะได้รู้กันศาลนั่นแหละ ในเมื่อคุณคิดว่าเขาถูกใส่ร้าย ทำไมไม่รอฟังล่ะว่า ผู้พิพากษาท่านจะว่ายังไง?” กู้ลี่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา“ง
“คุณจำสิ่งที่คุณพูดครั้งสุดท้ายก่อนเราจะจากกันที่โรงพยาบาลตอนเด็กได้ไหม?” เขาโพล่งถามขึ้นมา“คะ?” หวาลี่ฟางกะพริบตาและกล่าวว่า “แน่สิคะ ฉันจำได้ ฉันให้สร้อยข้อมือคุณไม่ใช่เหรอคะ? ฉันยังบอกคุณด้วยว่าให้เราใช้มันเป็นสัญลักษณ์ระหว่างกัน ฉันบอกคุณว่าให้คุณเอาสร้อยข้อมือมาด้วยตอนที่มาเจอฉัน เพื่อที่ว่าถึงคุณจะมาหาฉันช้าไป เราก็จะยังมีสร้อยข้อมือที่เอาไว้บอกได้ แม้ว่าหน้าตาเราจะเปลี่ยนไป แต่เราก็จะยังสามารถจำกันและกันได้ไงคะ”หวาลี่ฟางจงใจกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉันจำมาจากละครในทีวีที่นักแสดงนำชายหญิงเขาจำกันได้ด้วยจี้หยกครึ่งซีก ฉันเลยทำตามไงคะ”เมื่อได้ยินอย่างนั้น กู้ลี่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแห้ง ‘ฉันกำลังคิดอะไรอยู่? นี่ฉันหวังว่าสิ่งที่หลิงอี้หรานพูดเป็นจริงงั้นเหรอ? นี่ฉันหวังให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็กสาวคนนั้นที่ช่วยฉันไว้ตอนเด็กงั้นเหรอ? นี่ฉันหวังวว่าคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดหลายปีเป็นอี้หรานเหรอ?‘แต่คนนั้นคือลี่ฟาง! แม้ว่าลี่ฟางจะไม่ใช่แบบที่ฉันคิด ไร้ประโยชน์ และพยายามจะหาประโยชน์จากฉันที่สุด แต่เธอก็เป็นคนที่เคยช่วยชีวิตฉันเอาไว้!’ลี่ฟางไม่สามารถอธิบายได้ว่ามีบา