อย่างไรก็ตามเกาจิ้งหรงทำเรื่องนี้ด้วยตัวเองและตระกูลเกาก็ไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าตระกูลเกาเป็นคนทำ พวกเขาคงจะแนบเนียนมากกว่านี้และจับตัวได้ยากมากกว่าหลังจากอ่านคำรับสารภาพของเกาจิ้งหรง ชินเหลียนอีก็พูดกับหลิงอี้หรานด้วยความรู้สึกผิด “อี้หราน เธอเกือบตายเพราะฉัน!”หลิงอี้หรานพูดว่า “ถ้ายังเป็นเพื่อนกันก็อย่าพูดอย่างนั้น ถ้าเราจะขอโทษกัน ฉันกลัวว่าจะเป็นฉันที่มีเรื่องต้องขอโทษมากกว่า!”เหลียนอียอมเลิกเรียนและทิ้งอนาคตดี ๆ ของตัวเองเพื่อคดีของเธอ อีกฝ่ายต้องเจอปัญหามากมายมาตลอดสามปีก็เพราะเธอ เธอไม่มีทางตอบแทนน้ำใจนี้ได้ครบถ้วน!ไป๋ทิงซินเดินเข้ามาและพูดว่า “ผมไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้ดี ผมไม่คิดว่าเกาจิ้งหรงจะกล้าทำอะไรแบบนี้และทำให้พวกคุณทั้งสองคนต้องเจ็บตัวไปด้วย!”เขาส่งคนไปจับตาดูตระกูลเกาเท่านั้น แต่ไม่ได้ส่งใครไปดูว่าเกาจิ้งหรงคิดจะทำอะไรอย่างไรเสีย ในความคิดของเขา เกาจิ้งหรงเป็นเพียงเครื่องเซ่นสำหรับตระกูลเกาอยู่แล้ว เธอคงไม่สามารถสร้างเรื่องวุ่นวายได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรแบบนี้ได้“ผมจะจัดการให้คุณเอง ผมจะไม่ให้เกาจิ้งหรงหลุดรอดจากกระบว
คนที่ผ่านไปผ่านมาบางคนรอบ ๆ ตัวพวกเขามองมาอย่างสงสัยเนื่องจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นถึงอย่างนั้นอี้จิ่นหลีก็ไม่แม้แต่จะชายตาแลและเดินตรงไปยังรถที่รออยู่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นหลิงอี้หรานจากปลายหางตาและรีบวิ่งเข้ามาหาเธอ “คุณหลิง ช่วยฉันด้วย ครั้งก่อนคุณอยากจะช่วยฉันไม่ใช่เหรอคะ? ช่วยขอคุณอี้ให้ปล่อยฉันไปหน่อยค่ะ!”ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ในชั่วพริบตาเดียวก่อนที่หลิงอี้หรานจะรู้ตัวผู้หญิงคนนั้นก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยผ้าพันแผลของอีกฝ่ายเป็นจุดรวมความสนใจของทุกคนหน้าผากของผู้หญิงคนนั้นบวมแดงและมีเลือดซึมออกมา สีหน้าของเธอหวั่นวิตกและอ้อนวอน ราวกับว่าเธอสามารถจับยึดสิ่งใดก็ได้ที่จะช่วยชีวิตของเธอได้จากตรงนี้“วันนั้นฉันไม่น่าเอาสิ่งที่คุณเจอมาหาผลประโยชน์เลย ฉันไม่น่าสร้างเรื่องว่าจะโดนถอดเล็บเพื่อเรียกความสนใจจากคุณอี้ แล้วได้รับการลงโทษแบบนี้เลย! ฉันโดนถอดเล็บแล้ว ฉันรู้ซึ้งแล้วค่ะว่ามันเจ็บแค่ไหน!”ผู้หญิงคนนั้นจับข้อมือของหลิงอี้หรานไว้แน่น โดยไม่สนใจแผลบนนิ้วของตัวเองเลย “คุณหลิง ช่วยสงสารฉันและขอร้องคุณอี้ให้หน่อยเถอะค่ะ ช่วยขอให้เขาปล่อยฉันไปเถอะนะ
ถึงอย่างไรแหวนเพชรหัวใจน้ำแข็งก็เสร็จแล้ว นายน้อยอี้เก็บมันไว้ในเซฟและไม่เคยเอามันออกมาอีกเลยมันเป็นเรื่องต้องห้ามที่ห้ามพูดถึง เหมือนชื่อของหลิงอี้หรานที่กลายเป็นข้อห้ามของนายน้อยอี้ด้วยเช่นกันถึงอย่างนั้นผู้หญิงคนนี้กลับละเมิดเรื่องต้องห้ามพวกนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า!“ไปสืบมาว่าเธอรู้เรื่องหัวใจน้ำแข็งได้ยังไง ใครเป็นคนปล่อยข่าวจะต้องรับผิดชอบ” อี้จิ่นหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ครับ” เกาฉงหมิงตอบผู้หญิงคนนั้นที่กำลังขอร้องหลิงอี้หรานหน้าซีดลง และริมฝีปากของเธอก็สั่นเทาขณะที่พยายามจะพูด แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี“อีกอย่าง เธอพูดถูก ขอร้องเธอไปก็ไม่มีประโยชน์” อี้จิ่นหลีพูดกับบริกรหญิงคนนั้น แต่ดวงตาของเขากำลังจ้องมองไปยังหลิงอี้หรานหลิงอี้หรานรู้สึกได้ถึงพายุลูกใหญ่ที่พัดเข้ามาในอกของเธอได้ในทันทีเขากำลังมองเธอ ถึงอย่างนั้น... ดูเหมือนจะไม่มีที่สำหรับเธอในแววตาของเขา ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อยู่ในดวงตาดอกท้อแสนสวยคู่นั้น และมีเพียงความเงียบงันเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีความสำคัญอะไรสำหรับเขาเลย!“ฉงหมิง ฉันไม่อยากเจอผู้หญิงคนนี้ในเมืองเฉินอีก” อี้จิ่นหลีกล่าวเสียงแผ่วแ
หลิงอี้หรานพยักหน้าในขณะที่ไป๋ทิงซินมองใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยของหลิงอี้หรานด้วยสีหน้าครุ่นคิดในตอนเย็นวันนั้นไป๋ทิงซินพูดกับชินเหลียนอีว่า “คุณคิดว่าจะมีความเป็นไปได้ไหมที่อี้หรานจะท้อง?”ชินเหลียนอีเกือบสำลักน้ำที่กำลังดื่มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ไม่มีทาง!” เธอตอบโดยไม่มีท่าทีลังเล คำยืนยันของเธอทำให้ไป๋ทิงซินสับสนเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะ? อี้จิ่นหลีกับหลิงอี้หรานเพิ่งเลิกกันยังไม่ถึงสามเดือนดีด้วยซ้ำ คุณพูดไม่ได้หรอกนะว่าเธอท้องไม่ท้องน่ะ”ชินเหลียนอีกัดริมฝีปาก เธอจะพูดไม่ได้ได้อย่างไร? ถึงจะเป็นเรื่องส่วนตัวของอี้หราน ความเป็นไปได้ที่อี้หรานจะตั้งท้องจึงเป็นไปได้น้อยมาก เธอได้รับบาดเจ็บในคุกอย่างหนัก และได้รับการรักษาหลังจากคบกับอี้จิ่นหลี แต่พวกเขาก็เลิกกันหลังจากนั้นไม่นาน อี้หรานจึงไม่ได้เข้ารับการรักษานั้นอีกชินเหลียนอีเผชิญหน้ากับสายตาของไป๋ทิงซินและพูดว่า “ให้สรุปก็คือ ไม่มีทางที่ตอนนี้อี้หรานจะท้อง แล้วก็นะทิงซิน... ฉันสัญญากับอี้หรานว่าลูกฉันก็เหมือนลูกเธอด้วย และเธอก็จะเป็นแม่ของลูกเราเหมือนกัน คุณจะไม่ว่าอะไรที่ฉันตัดสินใจแบบนี้ตามลำพังใช่ไหมคะ?”ไป๋ทิงซินมองคน
“จริงเหรอ? คุณเคยเล่นกับตัวนี้ไหม?” ขณะพูดกวอซิ่นหลี่ก็เปิดกระเป๋าและเอาหุ่นของเล่นทรานสฟอร์เมอร์ออกมาให้อี้หรานดูหลิงอี้หรานมองไป และเห็นว่าไม่ใช่แค่สองสามตัว แต่ดูจะเป็นจำนวนเยอะมาก! แค่มองคร่าว ๆ ก็นับได้เป็นโหลแล้วหลิงอี้หรานเจอตัวที่คล้าย ๆ กับที่เธอเคยเล่นซึ่งมีชื่อว่า บัมเบิลบี“ฉันเคยมีตัวนี้” หลิงอี้หรานพูดพลางมองไปยังบัมเบิลบีในมือเธอ ความโหยหาอดีตปรากฏในดวงตาเมล็ดอัลมอนด์ของเธอ“งั้นคุณเอาไปสิ” กวอวินหลี่กล่าว“แต่คุณเอามาให้อาหยันน้อยไม่ใช่เหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“มีให้หยันน้อยอีกหลายตัวเลยครับ ตัวนี้ก็ยังมีอีกตัว คุณเอาไปเถอะ ถือว่าเป็นของที่ระลึก” กวอซิ่นหลี่กล่าว ‘ของที่ระลึก...’ หลิงอี้หรานมองบัมเบิลบีในมือ เธอเคยขอร้องคุณยายสำหรับของเล่นชิ้นนี้นานมาก ตอนนั้นเธอยังไม่รู้เรื่องเงินอะไร และเธอไม่รู้เลยว่าคุณยายใช้เงินที่เก็บไว้มาซื้อของเล่นให้เธอหัวใจของหลิงอี้หรานอ่อนลงเมื่อนึกถึงคุณยาย “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ และรับบัมเบิลบีไปกวอซิ่นหลี่ยิ้มหลังจากเห็นว่าเธอยอมรับมันไป แม้เขาจะรู้ว่าพวกเขาไม่มีวันได้คบกัน แต่เขาก็มีความสุขอยู่ภายในพวกเขา
เหมือนคราวที่แล้วไม่มีผิด หวาลี่ฟางออกไปจากห้องด้วยท่าทีที่แทบจะควันออกหูขณะที่หลิงอี้หรานนั่งลงข้างเตียงด้วยแอปเปิลและมีดปอกผลไม้ เธอเริ่มปอกเปลือกแอปเปิลให้กู้ลี่เฉิน“คุณบังเอิญเจออดีตเพื่อนร่วมงานที่ชั้นล่างเหรอ?” กู้ลี่เฉินถามด้วยท่าทางสบาย ๆ “ค่ะ คุณก็เคยเจอเขามาก่อนนะ กวอซิ่นหลี่ไงคะ คุณเจอเขาตอนที่ฉันมีเรื่องที่สตูดิโอถ่ายทำแล้ว” หลิงอี้หรานพูด เธอตอบกู้ลี่เฉินด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยไม่มีท่าทีป้องกันตัวใด ๆ‘กวอซิ่นหลี่...’ ดวงตาของกู้ลี่เฉินเปล่งประกาย เขายังคงจำได้ว่าตอนนั้นที่เธอหายตัวไป ใบหน้าของกวอซิ่นหลี่มีความกังวล ทั้งความเป็นห่วงและห่วงใยพวกนั้น... เขาเห็นแล้วว่ากวอซิ่นหลี่น่าจะสนใจในตัวเธออยู่“ครับ ตอนนั้นเขาเป็นห่วงคุณ” กู้ลี่เฉินกล่าวเบา ๆ“เขาเป็นคนดีน่ะค่ะ” รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนมุมปากของหลิงอี้หราน เธอนึกถึงที่วันนี้กวอซิ่นหลี่เอาของเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์มาให้อาหยันน้อย เธอไม่คิดเลยว่ากวอซิ่นหลี่จะเก็บของเล่นย้อนยุคพวกนั้นไว้เป็นอย่างดีแม้ว่าจะมีหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาตลอดเวลา แต่ของเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์ย้อนยุคที่กวอซิ่นหลี่มีไม่ใช่แค่มีเงินก็จะซื้อได
แม้ว่าบัมเบิลบีตัวนี้จะไม่ใช่หุ่นตัวที่คุณยายซื้อให้เธอ แต่การได้มองเห็นโมเดลของเล่นชนิดเดียวกันนี้ก็ทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเคยใช้ร่วมกันกับคุณยายขึ้นมาคุณยายเป็นสิ่งที่อ่อนโยนในหัวใจของเธอ!เมื่อมองเห็นรอยยิ้มของหลิงอี้หราน ความรู้สึกแย่ ๆ ในใจของกู้ลี่เฉินก็เข้มข้นขึ้น ‘เธอกับกวอซินหลี่... ไม่ เธอคงไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้อดีตเพื่อนร่วมงานคนนั้นหรอก' ‘แต่ทำไม... เราถึงหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลย? อย่างกับว่าเรากลัวว่าเขาจะได้เป็นคนสำคัญในหัวใจของเธอ!’ ข้างนอกห้อง หวาลี่ฟางแอบมองภาพภายในห้องอย่างลับ ๆ ด้วยสายตาคิดคำนวณที่ปรากฏในแววตาของเธอ ... หลิงอี้หรานออกจากห้องพักผู้ป่วยของกู้ลี่เฉินไปยังห้องพักผู้ป่วยของอาหยันน้อย กวอซิ่นหลียังอยู่ในห้องของอาหยันน้อยและกำลังเล่นกับเขาเจ้าตัวน้อยชอบของเล่นหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์พวกนี้ เขากำลังเล่นอยู่กับหุ่นเหล่านั้น“ว่าแต่ เมื่อไหร่อาหยันน้อยจะได้ออกจากโรงพยาบาลเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถามโจวเชียนหยุนที่อยู่ใกล้ ๆ“มะรืนนี้จ้ะ เราจะออกไปตอนเที่ยงถ้าไม่ติดอะไร” โจวเชียนหยุนกล่าว“งั้นมะรืนนี้ตอนเที่ยงฉันก็จะมารับอาหยันน้อยออกจากโรงพ
ขณะมองตามร่างของเธอจู่ ๆ กวอซิ่นหลี่ก็ปลดเข็มขัดนิรภัยและลงจากรถเพื่อวิ่งตามเธอไป “อี้หราน! ผม... ผมหวังว่าคุณจะมีความสุขนะ!”แก้มของเขาแดงเล็กน้อยขณะที่พูด ดูเหมือนเขาต้องใช้ความกล้าอย่างมาก “ถึง... ถึงผมจะไม่ใช่คนนั้นที่จะทำให้คุณมีความสุข แต่ผมก็ยังหวังว่าคนที่ผมชอบจะมีความสุข”หลิงอี้หรานมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ“ขอบคุณนะคะ คุณ... เป็นคนดีจริง ๆ” เธอพบว่าเขาเป็นคนเรียบง่าย อบอุ่น และใจดีมีเมตตาต่อผู้อื่นเสมอ‘คนดี...’ กวอซิ่นหลี่ถอนหายใจอยู่ในใจ เขาเป็นคนดี แต่ไม่ใช่คนที่เธอรัก“ผม...” เขาชะงัก และใบหน้าของเขาก็แดงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ากำลังลังเลและต่อสู้กับตัวเอง“มีอะไรเหรอคะ? ถ้าอยากพูดอะไร ก็พูดเลยค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว “ขอ... ขอผมกอดคุณได้ไหม? แค่แป๊บเดียว คิดว่ามันเป็นการบอกลาความรู้สึกในอดีตของผมเป็นครั้งสุดท้าย...” เขายิ้มเจื่อนและพูดต่อว่า “ผมพูดแบบนั้น แต่ผมก็คิดว่านี่คงมากไปที่จะขออะไรแบบนี้เพราะคุณไม่ได้ชอบผมเลย อีกทั้งผมยังเป็นคนหุนหันพลันแล่นและสร้างปัญหาให้คุณอยู่บ่อย ๆ ....”ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ หลิงอี้หรานก็เดินเข้ามาหาเขาและเป็นคนเริ่มโอบแขน