“คุณคิดถึงจิ่นหลีเหรอ” กู้ลี่เฉินถาม เขาไม่ควรที่จะถาม แต่ทิฐิที่มีทำให้เขาถามออกไปหลิงอี้หรานตกตะลึงและยังคงนิ่งเงียบแต่ความเงียบของเธอทำให้เขารู้ชัดว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องแล้ว"ถึงจิ่นหลีจะยังอยู่ในใจคุณ แต่ผมจะรอจนกว่าคุณจะตัดเขาออกไปได้ และตกหลุมรักผม” กู้ลี่เฉินพึมพำ“ไม่ใช่ว่าฉันยังตัดเขาไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับเขาอีกแล้ว” หลิงอี้หรานปฏิเสธ“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ ก็คงดีสิครับ” กู้ลี่เฉินหัวเราะเบา ๆ “บางทีการรอคอยของผมคงจะสั้นลงกว่าเดิมได้ด้วย อี้หราน คุณไม่ได้เกลียดผมใช่ไหม?”หลิงอี้หรานเม้มปาก ‘เกลียด? ฉันจะไปเกลียดเฉินเฉินได้ยังไง?’ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของกู้ลี่เฉินก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากที่ฟังปลายสายไปสักพัก เขาพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “โอเค เข้าใจแล้ว!”เมื่อวางสายกู้ลี่เฉินก็มองหลิงอี้หรานหน้านิ่งและพูดว่า “เราเจอแล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุ”“อะไรนะ?” หลิงอี้หรานประหลาดใจ “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”“แต่ไม่ใช่คนของผมนะที่เจอ เป็นไป๋ทิงซินที่เร็วกว่าผม ส่วนคนบงการโดนตำรวจจับไปแล้วและอยู่ระหว่างซ
อย่างไรก็ตามเกาจิ้งหรงทำเรื่องนี้ด้วยตัวเองและตระกูลเกาก็ไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าตระกูลเกาเป็นคนทำ พวกเขาคงจะแนบเนียนมากกว่านี้และจับตัวได้ยากมากกว่าหลังจากอ่านคำรับสารภาพของเกาจิ้งหรง ชินเหลียนอีก็พูดกับหลิงอี้หรานด้วยความรู้สึกผิด “อี้หราน เธอเกือบตายเพราะฉัน!”หลิงอี้หรานพูดว่า “ถ้ายังเป็นเพื่อนกันก็อย่าพูดอย่างนั้น ถ้าเราจะขอโทษกัน ฉันกลัวว่าจะเป็นฉันที่มีเรื่องต้องขอโทษมากกว่า!”เหลียนอียอมเลิกเรียนและทิ้งอนาคตดี ๆ ของตัวเองเพื่อคดีของเธอ อีกฝ่ายต้องเจอปัญหามากมายมาตลอดสามปีก็เพราะเธอ เธอไม่มีทางตอบแทนน้ำใจนี้ได้ครบถ้วน!ไป๋ทิงซินเดินเข้ามาและพูดว่า “ผมไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้ดี ผมไม่คิดว่าเกาจิ้งหรงจะกล้าทำอะไรแบบนี้และทำให้พวกคุณทั้งสองคนต้องเจ็บตัวไปด้วย!”เขาส่งคนไปจับตาดูตระกูลเกาเท่านั้น แต่ไม่ได้ส่งใครไปดูว่าเกาจิ้งหรงคิดจะทำอะไรอย่างไรเสีย ในความคิดของเขา เกาจิ้งหรงเป็นเพียงเครื่องเซ่นสำหรับตระกูลเกาอยู่แล้ว เธอคงไม่สามารถสร้างเรื่องวุ่นวายได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรแบบนี้ได้“ผมจะจัดการให้คุณเอง ผมจะไม่ให้เกาจิ้งหรงหลุดรอดจากกระบว
คนที่ผ่านไปผ่านมาบางคนรอบ ๆ ตัวพวกเขามองมาอย่างสงสัยเนื่องจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นถึงอย่างนั้นอี้จิ่นหลีก็ไม่แม้แต่จะชายตาแลและเดินตรงไปยังรถที่รออยู่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นหลิงอี้หรานจากปลายหางตาและรีบวิ่งเข้ามาหาเธอ “คุณหลิง ช่วยฉันด้วย ครั้งก่อนคุณอยากจะช่วยฉันไม่ใช่เหรอคะ? ช่วยขอคุณอี้ให้ปล่อยฉันไปหน่อยค่ะ!”ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ในชั่วพริบตาเดียวก่อนที่หลิงอี้หรานจะรู้ตัวผู้หญิงคนนั้นก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยผ้าพันแผลของอีกฝ่ายเป็นจุดรวมความสนใจของทุกคนหน้าผากของผู้หญิงคนนั้นบวมแดงและมีเลือดซึมออกมา สีหน้าของเธอหวั่นวิตกและอ้อนวอน ราวกับว่าเธอสามารถจับยึดสิ่งใดก็ได้ที่จะช่วยชีวิตของเธอได้จากตรงนี้“วันนั้นฉันไม่น่าเอาสิ่งที่คุณเจอมาหาผลประโยชน์เลย ฉันไม่น่าสร้างเรื่องว่าจะโดนถอดเล็บเพื่อเรียกความสนใจจากคุณอี้ แล้วได้รับการลงโทษแบบนี้เลย! ฉันโดนถอดเล็บแล้ว ฉันรู้ซึ้งแล้วค่ะว่ามันเจ็บแค่ไหน!”ผู้หญิงคนนั้นจับข้อมือของหลิงอี้หรานไว้แน่น โดยไม่สนใจแผลบนนิ้วของตัวเองเลย “คุณหลิง ช่วยสงสารฉันและขอร้องคุณอี้ให้หน่อยเถอะค่ะ ช่วยขอให้เขาปล่อยฉันไปเถอะนะ
ถึงอย่างไรแหวนเพชรหัวใจน้ำแข็งก็เสร็จแล้ว นายน้อยอี้เก็บมันไว้ในเซฟและไม่เคยเอามันออกมาอีกเลยมันเป็นเรื่องต้องห้ามที่ห้ามพูดถึง เหมือนชื่อของหลิงอี้หรานที่กลายเป็นข้อห้ามของนายน้อยอี้ด้วยเช่นกันถึงอย่างนั้นผู้หญิงคนนี้กลับละเมิดเรื่องต้องห้ามพวกนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า!“ไปสืบมาว่าเธอรู้เรื่องหัวใจน้ำแข็งได้ยังไง ใครเป็นคนปล่อยข่าวจะต้องรับผิดชอบ” อี้จิ่นหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ครับ” เกาฉงหมิงตอบผู้หญิงคนนั้นที่กำลังขอร้องหลิงอี้หรานหน้าซีดลง และริมฝีปากของเธอก็สั่นเทาขณะที่พยายามจะพูด แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี“อีกอย่าง เธอพูดถูก ขอร้องเธอไปก็ไม่มีประโยชน์” อี้จิ่นหลีพูดกับบริกรหญิงคนนั้น แต่ดวงตาของเขากำลังจ้องมองไปยังหลิงอี้หรานหลิงอี้หรานรู้สึกได้ถึงพายุลูกใหญ่ที่พัดเข้ามาในอกของเธอได้ในทันทีเขากำลังมองเธอ ถึงอย่างนั้น... ดูเหมือนจะไม่มีที่สำหรับเธอในแววตาของเขา ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อยู่ในดวงตาดอกท้อแสนสวยคู่นั้น และมีเพียงความเงียบงันเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีความสำคัญอะไรสำหรับเขาเลย!“ฉงหมิง ฉันไม่อยากเจอผู้หญิงคนนี้ในเมืองเฉินอีก” อี้จิ่นหลีกล่าวเสียงแผ่วแ
หลิงอี้หรานพยักหน้าในขณะที่ไป๋ทิงซินมองใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยของหลิงอี้หรานด้วยสีหน้าครุ่นคิดในตอนเย็นวันนั้นไป๋ทิงซินพูดกับชินเหลียนอีว่า “คุณคิดว่าจะมีความเป็นไปได้ไหมที่อี้หรานจะท้อง?”ชินเหลียนอีเกือบสำลักน้ำที่กำลังดื่มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ไม่มีทาง!” เธอตอบโดยไม่มีท่าทีลังเล คำยืนยันของเธอทำให้ไป๋ทิงซินสับสนเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะ? อี้จิ่นหลีกับหลิงอี้หรานเพิ่งเลิกกันยังไม่ถึงสามเดือนดีด้วยซ้ำ คุณพูดไม่ได้หรอกนะว่าเธอท้องไม่ท้องน่ะ”ชินเหลียนอีกัดริมฝีปาก เธอจะพูดไม่ได้ได้อย่างไร? ถึงจะเป็นเรื่องส่วนตัวของอี้หราน ความเป็นไปได้ที่อี้หรานจะตั้งท้องจึงเป็นไปได้น้อยมาก เธอได้รับบาดเจ็บในคุกอย่างหนัก และได้รับการรักษาหลังจากคบกับอี้จิ่นหลี แต่พวกเขาก็เลิกกันหลังจากนั้นไม่นาน อี้หรานจึงไม่ได้เข้ารับการรักษานั้นอีกชินเหลียนอีเผชิญหน้ากับสายตาของไป๋ทิงซินและพูดว่า “ให้สรุปก็คือ ไม่มีทางที่ตอนนี้อี้หรานจะท้อง แล้วก็นะทิงซิน... ฉันสัญญากับอี้หรานว่าลูกฉันก็เหมือนลูกเธอด้วย และเธอก็จะเป็นแม่ของลูกเราเหมือนกัน คุณจะไม่ว่าอะไรที่ฉันตัดสินใจแบบนี้ตามลำพังใช่ไหมคะ?”ไป๋ทิงซินมองคน
“จริงเหรอ? คุณเคยเล่นกับตัวนี้ไหม?” ขณะพูดกวอซิ่นหลี่ก็เปิดกระเป๋าและเอาหุ่นของเล่นทรานสฟอร์เมอร์ออกมาให้อี้หรานดูหลิงอี้หรานมองไป และเห็นว่าไม่ใช่แค่สองสามตัว แต่ดูจะเป็นจำนวนเยอะมาก! แค่มองคร่าว ๆ ก็นับได้เป็นโหลแล้วหลิงอี้หรานเจอตัวที่คล้าย ๆ กับที่เธอเคยเล่นซึ่งมีชื่อว่า บัมเบิลบี“ฉันเคยมีตัวนี้” หลิงอี้หรานพูดพลางมองไปยังบัมเบิลบีในมือเธอ ความโหยหาอดีตปรากฏในดวงตาเมล็ดอัลมอนด์ของเธอ“งั้นคุณเอาไปสิ” กวอวินหลี่กล่าว“แต่คุณเอามาให้อาหยันน้อยไม่ใช่เหรอคะ?” หลิงอี้หรานถาม“มีให้หยันน้อยอีกหลายตัวเลยครับ ตัวนี้ก็ยังมีอีกตัว คุณเอาไปเถอะ ถือว่าเป็นของที่ระลึก” กวอซิ่นหลี่กล่าว ‘ของที่ระลึก...’ หลิงอี้หรานมองบัมเบิลบีในมือ เธอเคยขอร้องคุณยายสำหรับของเล่นชิ้นนี้นานมาก ตอนนั้นเธอยังไม่รู้เรื่องเงินอะไร และเธอไม่รู้เลยว่าคุณยายใช้เงินที่เก็บไว้มาซื้อของเล่นให้เธอหัวใจของหลิงอี้หรานอ่อนลงเมื่อนึกถึงคุณยาย “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ และรับบัมเบิลบีไปกวอซิ่นหลี่ยิ้มหลังจากเห็นว่าเธอยอมรับมันไป แม้เขาจะรู้ว่าพวกเขาไม่มีวันได้คบกัน แต่เขาก็มีความสุขอยู่ภายในพวกเขา
เหมือนคราวที่แล้วไม่มีผิด หวาลี่ฟางออกไปจากห้องด้วยท่าทีที่แทบจะควันออกหูขณะที่หลิงอี้หรานนั่งลงข้างเตียงด้วยแอปเปิลและมีดปอกผลไม้ เธอเริ่มปอกเปลือกแอปเปิลให้กู้ลี่เฉิน“คุณบังเอิญเจออดีตเพื่อนร่วมงานที่ชั้นล่างเหรอ?” กู้ลี่เฉินถามด้วยท่าทางสบาย ๆ “ค่ะ คุณก็เคยเจอเขามาก่อนนะ กวอซิ่นหลี่ไงคะ คุณเจอเขาตอนที่ฉันมีเรื่องที่สตูดิโอถ่ายทำแล้ว” หลิงอี้หรานพูด เธอตอบกู้ลี่เฉินด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยไม่มีท่าทีป้องกันตัวใด ๆ‘กวอซิ่นหลี่...’ ดวงตาของกู้ลี่เฉินเปล่งประกาย เขายังคงจำได้ว่าตอนนั้นที่เธอหายตัวไป ใบหน้าของกวอซิ่นหลี่มีความกังวล ทั้งความเป็นห่วงและห่วงใยพวกนั้น... เขาเห็นแล้วว่ากวอซิ่นหลี่น่าจะสนใจในตัวเธออยู่“ครับ ตอนนั้นเขาเป็นห่วงคุณ” กู้ลี่เฉินกล่าวเบา ๆ“เขาเป็นคนดีน่ะค่ะ” รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนมุมปากของหลิงอี้หราน เธอนึกถึงที่วันนี้กวอซิ่นหลี่เอาของเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์มาให้อาหยันน้อย เธอไม่คิดเลยว่ากวอซิ่นหลี่จะเก็บของเล่นย้อนยุคพวกนั้นไว้เป็นอย่างดีแม้ว่าจะมีหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาตลอดเวลา แต่ของเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์ย้อนยุคที่กวอซิ่นหลี่มีไม่ใช่แค่มีเงินก็จะซื้อได
แม้ว่าบัมเบิลบีตัวนี้จะไม่ใช่หุ่นตัวที่คุณยายซื้อให้เธอ แต่การได้มองเห็นโมเดลของเล่นชนิดเดียวกันนี้ก็ทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเคยใช้ร่วมกันกับคุณยายขึ้นมาคุณยายเป็นสิ่งที่อ่อนโยนในหัวใจของเธอ!เมื่อมองเห็นรอยยิ้มของหลิงอี้หราน ความรู้สึกแย่ ๆ ในใจของกู้ลี่เฉินก็เข้มข้นขึ้น ‘เธอกับกวอซินหลี่... ไม่ เธอคงไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้อดีตเพื่อนร่วมงานคนนั้นหรอก' ‘แต่ทำไม... เราถึงหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลย? อย่างกับว่าเรากลัวว่าเขาจะได้เป็นคนสำคัญในหัวใจของเธอ!’ ข้างนอกห้อง หวาลี่ฟางแอบมองภาพภายในห้องอย่างลับ ๆ ด้วยสายตาคิดคำนวณที่ปรากฏในแววตาของเธอ ... หลิงอี้หรานออกจากห้องพักผู้ป่วยของกู้ลี่เฉินไปยังห้องพักผู้ป่วยของอาหยันน้อย กวอซิ่นหลียังอยู่ในห้องของอาหยันน้อยและกำลังเล่นกับเขาเจ้าตัวน้อยชอบของเล่นหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์พวกนี้ เขากำลังเล่นอยู่กับหุ่นเหล่านั้น“ว่าแต่ เมื่อไหร่อาหยันน้อยจะได้ออกจากโรงพยาบาลเหรอคะ?” หลิงอี้หรานถามโจวเชียนหยุนที่อยู่ใกล้ ๆ“มะรืนนี้จ้ะ เราจะออกไปตอนเที่ยงถ้าไม่ติดอะไร” โจวเชียนหยุนกล่าว“งั้นมะรืนนี้ตอนเที่ยงฉันก็จะมารับอาหยันน้อยออกจากโรงพ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค