เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเช้านี้ เธอก็พบว่าตัวเองยังถือสายค้างไว้อยู่และทิงซิน... ไม่วางสายเลยทั้งคืน!จากนั้นเธอก็ทำเสียงขึ้นมา แล้วเขาก็พูดอรุณสวัสดิ์กับเธอทันทีน้ำเสียงของเขาแหบเล็กน้อย เธอสงสัยว่าเขาจะได้หลับสบายไหมหลังจากที่เธอรบกวนเขาทั้งคืน หรือ... เขาจะไม่ได้นอนเลยหรือเปล่า?เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้ก็เป็นเวลาสองสัปดาห์แล้วที่เขาไปจากเมืองเฉิน แต่เธอกลับคิดถึงเขามากเลย!เธออยากเจอเขาสุด ๆ !คนคนหนึ่งจะรู้ขึ้นมาว่าเขาต้องการอะไรหลังจากที่ได้ประสบกับเหตุการณ์ระหว่างความเป็นกับความตายเมื่อชินเหลียนอีเดินออกมาจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินและเดินไปยังประตูทางเข้าหมู่บ้าน และฝีเท้าของเธอก็หยุดลงครู่สั้น ๆรถสีดำหยุดลงไม่ไกล และร่างหนึ่งก็ลงมาหาเธอดวงตาของชินเหลียนอีแดงขึ้นมา และรู้สึกอยากจะร้องไห้ในทันที!“เหลียนอี ผมกลับมาแล้ว” เสียงทุ้มแหบห้าวเล็กน้อยของเขาพูด เขามองเธอด้วยความอ่อนโยน แต่ก็เจือความเป็นห่วงไว้ด้วยชินเหลียนอีร้องออกมาเสียงดังและกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของไป๋ทังซินในทันทีเธอกอดเขาไว้แน่นและฝังใบหน้าลงในอ้อมแขนของเขาขณะที่ร้องไห้เสียงดัง ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังร้องไห้
เธอจ้องมองเขา ใบหน้าของชายหนุ่มเป็นห่วงเธอมาก มีรอยคล้ำจาง ๆ ใต้ตาของเขา แสดงว่าเมื่อคืนเขาคงจะไม่ค่อยได้นอน นอกจากนั้น เขาบอกว่าต้องจัดการกับเรื่องในครอบครัวไป๋ แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว!ชินเหลียนอีประคองใบหน้าของไป๋ทิงซินด้วยสองมือของเธอ “เราแต่งงานกันเถอะ ฉันจะแต่งงานกับคุณทันทีที่คุณจัดการเรื่องในครอบครัวไป๋เสร็จแล้ว!”ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพูดถึงเรื่องการแต่งงานกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เธอก็อยากแต่งงานกับเขามากและอยากผ่านสถานการณ์ความเป็นความตายร่วมกันกับเขามากจริง ๆเธออยากจะใช้เวลาไปกับเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะเพิ่มมาเพียงแค่หนึ่งนาที หรือแม้แต่วินาทีเดียวก็ตาม!บางทีตอนนี้เธอคงจะทะนุถนอมเขามากขึ้นหลังจากที่ประสบกับเรื่องแบบนั้นแม้ตอนนี้พวกเขาจะยืนเจอกันแบบตัวต่อตัวและมองตากอดกันไว้ เธอก็รู้สึกว่าสิ่งนี้คือพรจากสวรรค์!ไป๋ทิงซินมองคนตรงหน้าและโน้มตัวลง แนบหน้าผากของเขาเข้ากับเธอเบา ๆ “เราจะแต่งงานกัน ผมจะแต่งคุณเข้ามาเป็นภรรยาของผมในตระกูลไป๋อย่างยิ่งใหญ่เลยล่ะ!”เธอมอบรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาให้ เธอไม่สนใจว่ามันจะยิ่งใหญ่หรือไม่ เธอสนใจแค่ว่าพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันตลอด
นายท่านและคุณนายชินมองหน้ากัน หลังจากแต่งงานกันมานานหลายปี พวกเขาก็เข้าใจในความคิดของกันและกันได้เป็นอย่างดีนายท่านชินกระแอมไอและสุดท้ายก็เลือกถอยหลังก้าวหนึ่งพลางพูดว่า “ถ้านายแก้ไขเรื่องวุ่นวายในครอบครัวไป๋ได้ งั้นเราก็จะยอมอนุญาตให้พวกเธอแต่งงานกัน”อย่างไรพ่อแม่ย่อมต้องการให้ลูก ๆ ของพวกเขามีความสุขชินเหลียนอีดีใจมาก ‘นี่พ่อแม่ยอมแล้วเหรอ?’ไป๋ทิงซินเองก็โล่งใจ อย่างไรพวกท่านก็เป็นพ่อแม่ของเหลียนอี และเป็นคนที่สำคัญกับเหลียนอีที่สุด เขาจึงหวังว่าพวกท่านจะอนุญาตให้เขาและเหลียนอีได้แต่งงานกัน เขาหันไปมองรอยยิ้มบนใบหน้าของชินเหลียนอี เขาแอบตัดสินใจเงียบ ๆ ว่าจะต้องทำให้เรื่องวุ่นวายในครอบครัวไป๋จบลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้เหลียนอีมีอนาคตที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่า! ... หลิงอี้หรานมาเยี่ยมอาหยันน้อยก่อนเมื่อเธอมาโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมกู้ลี่เฉิน อาหยันน้อยอาการดีขึ้นมากและสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในอีกสองวัน!ช่างบังเอิญที่อาหยันน้อยและกู้ลี่เฉินเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเดียวกันถึงอย่างนั้น อาหยันน้อยก็อยู่ในวอร์ดเด็กธรรมดา ในขณะที่กู้ลี่เฉินอยู่ในวอร์ดวีไอพีอาห
“ฉันมีเพื่อนเข้ารับการรักษาที่นี่ และฉันต้องไปเยี่ยมเขา ตอนนี้ฉันคงต้องไปแล้วค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าว“โอ้ โอเคครับ” กวอซิ่นหลี่ตอบ จากนั้นเขาก็เอนตัวหลบอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพื่อให้หลิงอี้หรานผ่านไปขณะที่หลิงอี้หรานเดินไปยังลิฟต์ตลอดโถงทางเดิน กวอซิ่นหลี่ก็ยังคงมองร่างผอมบางของเธอไม่วางตาเขาไม่รู้ว่าสุดท้ายผู้ชายคนที่หลิงอี้หรานเลือกจะเป็นใคร ไม่ว่าอี้จิ่นหลีหรือกู้ลี่เฉิน เขาไม่กล้าถาม และเขาก็ไม่จำเป็นต้องถามด้วย อย่างไรเขาก็มีความสุขไปกับเธอด้วยอยู่ดี ไม่ว่าเธอจะเลือกใครระหว่างสองคนนี้ก็ตามเขาไม่มีอะไรจะไปเทียบกับสองคนนั้นได้เลย!ถึงอย่างนั้น... หัวใจของเขาก็ยังไม่สามารถปล่อยเธอไปได้สักที แม้จะรู้ว่าเขาและเธอไม่มีความเป็นไปได้ใด ๆ ที่จะคบหากัน แต่เขายังคงปล่อยความรู้สึกนี้ไปไม่ได้ง่าย ๆหลิงอี้หรานไปยังห้องพักฟื้นของกู้ลี่เฉิน คราวนี้เธอไม่ได้เจอแค่หวาลี่ฟางเพียงคนเดียว แต่ยังมีพ่อแม่ของกู้ลี่เฉินด้วย“เธอมาทำอะไรที่นี่?” นายหญิงกู้ทำหน้าบูดบึ้ง และมองหลิงอี้หรานอย่างไม่พอใจในทันที“ฉันมาที่นี่เพื่อ... เยี่ยมคุณกู้ค่ะ” หลิงอี้หรานกล่าวเรียบ ๆ ทั้งยังยกถุงผลไม้ในมือขึ้นมา “ฉันซื
สายตานั้นเป็นเหมือนกับการเตือนไม่ให้เธอพูดอะไรออกมา หรือเขาอาจจะมีเรื่องกับเธอได้เลยหวาลี่ฟางกัดฟันและหน้าเจื่อน“ลี่ฟาง ทำไมคุณไม่กลับบ้านไปล่ะ? ที่นี่มีพยาบาลอยู่แล้ว ผมไม่ต้องการให้คุณมาดูแลอะไรผมอีก” กู้ลี่เฉินกล่าวแต่หวาลี่ฟางไม่ยอม “ยังไงฉันก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ฉันจะอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ” สำหรับเธอแล้วนี่เป็นเวลาที่เธอจะได้แสดงตัว “ไม่ต้อง” กู้ลี่เฉินปฏิเสธอีกครั้ง หวาลี่ฟางรู้สึกเหมือนคำพูดของเขาตบเข้าที่หน้าเธอเสียงดัง แต่เธอไม่สามารถเสียกิริยาได้“งั้น... ฉันกลับก่อนก็ได้ค่ะ” หวาลี่ฟางพูดก่อนจะเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปตอนนี้ในห้องพักฟื้นจึงเหลือเพียงกู้ลี่เฉินและหลิงอี้หรานเพียงสองคน“คุณไม่เห็นต้องพูดกับแม่ของคุณแบบนั้นเลย มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะไม่อยากเจอฉัน ฉันเข้าใจ” หลิงอี้หรานกล่าวดวงตารูปนกฟินิกซ์สีดำขลับมองจ้องมาที่หลิงอี้หราน กู้ลี่เฉินพูด “ถ้าคุณเข้าใจได้ว่าทำไมแม่ผมถึงไม่อยากเจอคุณ งั้นคุณช่วยเข้าใจได้ไหมว่าทำไมผมถึงพูดแบบนั้นไป?”หลิงอี้หรานผงะไป เธอจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? "แต่... คุณกับฉันไม่...”ก่อนที่เธอจะกล่าวจบ เขาก็แทรกขึ้นมา “ถ้าคุณจะปฏ
“คุณคิดถึงจิ่นหลีเหรอ” กู้ลี่เฉินถาม เขาไม่ควรที่จะถาม แต่ทิฐิที่มีทำให้เขาถามออกไปหลิงอี้หรานตกตะลึงและยังคงนิ่งเงียบแต่ความเงียบของเธอทำให้เขารู้ชัดว่าการคาดเดาของเขาถูกต้องแล้ว"ถึงจิ่นหลีจะยังอยู่ในใจคุณ แต่ผมจะรอจนกว่าคุณจะตัดเขาออกไปได้ และตกหลุมรักผม” กู้ลี่เฉินพึมพำ“ไม่ใช่ว่าฉันยังตัดเขาไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับเขาอีกแล้ว” หลิงอี้หรานปฏิเสธ“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ ก็คงดีสิครับ” กู้ลี่เฉินหัวเราะเบา ๆ “บางทีการรอคอยของผมคงจะสั้นลงกว่าเดิมได้ด้วย อี้หราน คุณไม่ได้เกลียดผมใช่ไหม?”หลิงอี้หรานเม้มปาก ‘เกลียด? ฉันจะไปเกลียดเฉินเฉินได้ยังไง?’ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของกู้ลี่เฉินก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากที่ฟังปลายสายไปสักพัก เขาพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “โอเค เข้าใจแล้ว!”เมื่อวางสายกู้ลี่เฉินก็มองหลิงอี้หรานหน้านิ่งและพูดว่า “เราเจอแล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุ”“อะไรนะ?” หลิงอี้หรานประหลาดใจ “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”“แต่ไม่ใช่คนของผมนะที่เจอ เป็นไป๋ทิงซินที่เร็วกว่าผม ส่วนคนบงการโดนตำรวจจับไปแล้วและอยู่ระหว่างซ
อย่างไรก็ตามเกาจิ้งหรงทำเรื่องนี้ด้วยตัวเองและตระกูลเกาก็ไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าตระกูลเกาเป็นคนทำ พวกเขาคงจะแนบเนียนมากกว่านี้และจับตัวได้ยากมากกว่าหลังจากอ่านคำรับสารภาพของเกาจิ้งหรง ชินเหลียนอีก็พูดกับหลิงอี้หรานด้วยความรู้สึกผิด “อี้หราน เธอเกือบตายเพราะฉัน!”หลิงอี้หรานพูดว่า “ถ้ายังเป็นเพื่อนกันก็อย่าพูดอย่างนั้น ถ้าเราจะขอโทษกัน ฉันกลัวว่าจะเป็นฉันที่มีเรื่องต้องขอโทษมากกว่า!”เหลียนอียอมเลิกเรียนและทิ้งอนาคตดี ๆ ของตัวเองเพื่อคดีของเธอ อีกฝ่ายต้องเจอปัญหามากมายมาตลอดสามปีก็เพราะเธอ เธอไม่มีทางตอบแทนน้ำใจนี้ได้ครบถ้วน!ไป๋ทิงซินเดินเข้ามาและพูดว่า “ผมไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้ดี ผมไม่คิดว่าเกาจิ้งหรงจะกล้าทำอะไรแบบนี้และทำให้พวกคุณทั้งสองคนต้องเจ็บตัวไปด้วย!”เขาส่งคนไปจับตาดูตระกูลเกาเท่านั้น แต่ไม่ได้ส่งใครไปดูว่าเกาจิ้งหรงคิดจะทำอะไรอย่างไรเสีย ในความคิดของเขา เกาจิ้งหรงเป็นเพียงเครื่องเซ่นสำหรับตระกูลเกาอยู่แล้ว เธอคงไม่สามารถสร้างเรื่องวุ่นวายได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรแบบนี้ได้“ผมจะจัดการให้คุณเอง ผมจะไม่ให้เกาจิ้งหรงหลุดรอดจากกระบว
คนที่ผ่านไปผ่านมาบางคนรอบ ๆ ตัวพวกเขามองมาอย่างสงสัยเนื่องจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นถึงอย่างนั้นอี้จิ่นหลีก็ไม่แม้แต่จะชายตาแลและเดินตรงไปยังรถที่รออยู่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นหลิงอี้หรานจากปลายหางตาและรีบวิ่งเข้ามาหาเธอ “คุณหลิง ช่วยฉันด้วย ครั้งก่อนคุณอยากจะช่วยฉันไม่ใช่เหรอคะ? ช่วยขอคุณอี้ให้ปล่อยฉันไปหน่อยค่ะ!”ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ในชั่วพริบตาเดียวก่อนที่หลิงอี้หรานจะรู้ตัวผู้หญิงคนนั้นก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยผ้าพันแผลของอีกฝ่ายเป็นจุดรวมความสนใจของทุกคนหน้าผากของผู้หญิงคนนั้นบวมแดงและมีเลือดซึมออกมา สีหน้าของเธอหวั่นวิตกและอ้อนวอน ราวกับว่าเธอสามารถจับยึดสิ่งใดก็ได้ที่จะช่วยชีวิตของเธอได้จากตรงนี้“วันนั้นฉันไม่น่าเอาสิ่งที่คุณเจอมาหาผลประโยชน์เลย ฉันไม่น่าสร้างเรื่องว่าจะโดนถอดเล็บเพื่อเรียกความสนใจจากคุณอี้ แล้วได้รับการลงโทษแบบนี้เลย! ฉันโดนถอดเล็บแล้ว ฉันรู้ซึ้งแล้วค่ะว่ามันเจ็บแค่ไหน!”ผู้หญิงคนนั้นจับข้อมือของหลิงอี้หรานไว้แน่น โดยไม่สนใจแผลบนนิ้วของตัวเองเลย “คุณหลิง ช่วยสงสารฉันและขอร้องคุณอี้ให้หน่อยเถอะค่ะ ช่วยขอให้เขาปล่อยฉันไปเถอะนะ