“ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจค่ะ” ชินเหลียนอีกล่าวพลางหยิบของเล่นที่เธอซื้อมาเพื่อมอบความสุขให้เจ้าตัวเล็กโดยเฉพาะออกมา“ขอบคุณฮะ น้าชิน” เจ้าตัวเล็กกล่าวและดูเหมือนจะชอบของเล่นนั้นในตอนนั้นเองที่จู่ ๆ โทรศัพท์ของชินเหลียนอีก็ดังขึ้น เธอกดรับ และมันเป็นสายมาจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล “สวัสดีครับ คุณเป็นเจ้าของรถทะเบียน XXX หรือเปล่า? สัญญาณเตือนรถของคุณที่จอดอยู่ในลานจอดรถของโรงพยาบาลซิตี้เฟิร์สดังไม่หยุดเลย ช่วยมาจัดการทีครับ”“โอ้ ได้ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!” ชินเหลียนอีกล่าว เธอพูดกับหลิงอี้หรานว่า “อี้หราน ฉันลงไปข้างล่างแป๊บนะ ดูเหมือนสัญญาณเตือนของรถฉันจะมีปัญหา”“โอเค” หลิงอี้หรานตอบ เมื่อชินเหลียนอีออกไปจากห้อง ก็มีพยาบาลเข้ามาและขอให้โจวเชียนหยุนไปพบหมอ ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงหลิงอี้หรานที่อยู่ข้างเตียงหลังจากโจวเชียนหยุนเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย อาหยันน้อยก็ก้มหน้าและเลิกเล่นกับของเล่นใหม่ในมือ“ทำไมเลิกเล่นแล้วล่ะ?” หลิงอี้หรานถาม“คุณน้าฮะ ผม... เป็นเด็กไม่ดีเหรอครับ?” อาหยันน้อยถามซื่อ ๆ“อะไรทำให้คิดอย่างนั้นล่ะ?” หลิงอี้หรานถามด้วยความสงสัย“ผมมีเรื่
เมื่อโจวเชียนหยุนกลับมายังห้องพักผู้ป่วย ทั้งสองคนคุยกับเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจากไปเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ชินเหลียนอีก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยอารมณ์ว่า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเด็กแบบอาหยันน้อยจะไปมีเรื่องชกต่อยกับใครเขาด้วย” สุดท้ายแล้วในความเห็นของชินเหลียนอี เจ้าตัวเล็กเป็นเด็กขี้อายและเงียบ ๆ บางครั้งแค่การหยอกเล่นเขาก็หน้าแดงและเขินอายแล้ว”“แม้แต่กระต่ายก็กัดนะถ้าโดนแหย่น่ะ อีกอย่างอาหยันน้อยก็สู้เพื่อแม่ของเขา แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กฉลาด แต่เขาก็ไม่กลัวที่จะสู้” หลิวอี้หรานกล่าวเพราะเธอรู้ว่าเด็กน้อยเป็นคนขยันขันแข็ง เขาหูหนวกมาตั้งแต่ยังเด็ก และนั่นทำให้เขาทนทานและอดทนได้มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน นอกจากนั้นเขายังสามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่วหลังจากที่สวมเครื่องช่วยฟัง ทั้งยังพูดเก่งกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกันด้วย นอกจากฉลาดแล้ว เขาก็เป็นเด็กขยันอีกด้วยทุกอย่างดูดีเมื่อคนแบบนั้นสงบเสงี่ยม แต่เมื่อพวกเขาระเบิดขึ้นมา พวกเขาก็ดุร้ายเลยทีเดียว!หลิงอี้หรานรู้ว่าเด็กที่ชกต่อยกับอาหยันน้อยเองก็คงสภาพไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก“นั่นสินะ” ชินเหลียนอีพึมพำทั้งสองคนไปถึงทางเข้า
ยกตัวอย่างเช่น เซเลบชื่อดังที่เป็นที่รู้จักกันดี ครั้งหนึ่งเคยขอให้กู้ลี่เฉินจูบเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของเธอ แค่ที่แก้มก็ยอมแต่กู้ลี่เฉินไม่ตกลง เขาพูดเบา ๆ เพียงว่า “คุณไม่ใช่คนที่ผมต้องการ”อีกหนึ่งตัวอย่างคือ กู้ลี่เฉินเป็นคนที่เก่งเรื่องการวาดภาพ นอกจากนั้นยังพูดได้ว่า เขามีสตูดิโอที่เต็มไปด้วยรูปวาดของเขา แต่เขาไม่เคยเปิดเผยให้สาธารณชนได้เห็นเลยนอกจากนั้น กู้ลี่เฉินไม่เคยให้ใครเรียกเขาว่า ‘เฉินเฉิน’ เลย ชื่อเล่นนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งต้องห้ามของเขา มีเซเลบหญิงคนหนึ่งพยายามปีนขึ้นไปด้วยการเรียกเขาอย่างรักใคร่ว่า ‘เฉินเฉิน’ หลังจากนั้นเธอก็โดนขึ้นบัญชีดำจนกระทั่งออกจากวงการบันเทิงไป!หลิงอี้หรานฟังเรื่องซุบซิบที่ชินเหลียนอีเล่าให้ฟังจนเผลอแป๊บเดียวพวกเธอก็มาถึงหน้าประตูทางเข้าหมู่บ้านโดยไม่รู้ตัว ชินเหลียนอีหมุนพวงมาลัยและเหยียบเบรกเพื่อค่อย ๆ หยุดรถ แต่น่าแปลกที่เบรกดูเหมือนจะไม่ทำงาน และรถก็ไม่มีทีม่าว่าจะหยุดเลยใบหน้าของชินเหลียนอีเปลี่ยนเป็นสีขาวซีนและตัวแข็งทื่อไปในทันทีหลิงอี้หรานซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งผู้โดยสารรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติกับเพื่อนของเธอจึงรีบถามว่า
ทั้งสองรีบปลดเข็มขัดนิรภัยขณะที่พูดคุยกัน ตอนนี้รถเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 70 ไมล์ต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่องพวกเขาควรจะต้องหาโอกาสเพื่อกระโดดออกจากรถ แต่จู่ ๆ ก็มีรถขนทรายขับเข้ามาจากถนนด้านข้าง คนขับรถขนทรายเองก็เห็นรถของชินเหลียนอีแล้วและเริ่มลดความเร็ว แต่เขาไม่ได้หยุด อย่างไรเสีย ตามกฎการจราจรแล้ว ชินเหลียนอีต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายหยุดแต่ชินเหลียนอีไม่สามารถหยุดรถของเธอได้ถ้าพวกเธอชนกับรถบรรทุกทรายก็จะร่วงลงมา และแม้พวกเธอจะเอาตัวรอดออกจากการชนได้ แต่ก็คงไม่สามารถเอาตัวรอดจากทราบพวกนั้นได้!ตอนนี้ชินเหลียนอีหมุนพวงมาลัยอย่างสิ้นหวัง และพยายามประคองรถให้หนีออกจากรถขนทราย แต่รถบรรทุกที่ขนทรายมาเต็มคันรถและคนขับไม่ได้หยุดรถลงเลย แม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับรถของชินเหลียนอี แต่ตอนนี้ก็สายเกินกว่าจะเหยียบเบรคแล้วเมื่อเห็นว่ารถสองคันกำลังจะชนกัน ชินเหลียนอีก็ร้องออกมาด้วยความหมดหวัง “อี้หราน กระโดด! เร็วเข้า!”ในตอนนั้นเองที่อยู่ดี ๆ ก็มีรถอีกคันขับเข้ามาหาพวกเขาจากนั้นก็เกิดเสียงชนกันดังก้องและเสียงเบรกที่เสียดหู ด้านหน้าของรถ
ข้างหน้าของรถเสียหายจากแรงกระแทก และประตูก็เป็นรอยแตกจนแยกออก ดูเหมือนว่ามันจะถูกเปิดออกจากข้างในได้อย่างยากลำบากร่างหนึ่งโซซัดโซเซออกมาจากรถดวงตาของหลิงอี้หรานเบิกกว้าง และเธอก็จ้องมองร่างนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาคือ... กู้ลี่เฉิน เป็นกู้ลี่เฉินจริง ๆ !แม้ว่าเธอจะไม่กล้าเชื่อสิ่งนั้น แต่สิ่งที่เห็นในตอนนี้ก็กำลังบอกว่านี่เป็นเรื่องจริงเธอมองดูเขาที่เดินเข้ามาหาเธอ ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยเลือด สภาพของเขาดูไม่จืดเลยเขาเป็นถึงเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง ปกติเขาเป็นคนที่แต่งตัวดูดีและสะอาดสะอ้านต่อหน้าผู้คนอยู่เสมอ เขาเคยอยู่ในสภาพนี้ด้วยเหรอ?เลือดสีแดงหยดลงบนเสื้อแจ็คเก็ตสีครีมขาวของเขา ทำให้ภาพที่เห็นชวนให้ดูน่าตกใจเขาเดินเข้ามาใกล้ประตูรถของเธอทีละก้าว ๆ ก่อนจะเปิดมันออก และก้มลงมาอย่างยากลำบาก ใบหน้าเปื้อนเลือดของเขาเคร่งเครียด “คุณเป็นอะไรไหม? บาดเจ็บหรือเปล่า?”น้ำเสียงของเขาแหบพร่า และมือทั้งสองข้างของเขาที่ยื่นมาหาเธอก็เต็มไปด้วยเลือดจมูกของหลิงอี้หรานรู้สึกระคายเคือง ชายคนนั้นถามเธอว่า เธอบาดเจ็บไหม ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองกำลังเจ็บและมีเลือดออกมากอย่างเห็นได้ชัด!“คุณจง
นายท่านและนายหญิงกู้มองไปยังประตูห้องผ่าตัดที่ปิดสนิทด้วยความวิตกกังวล ขณะที่เขาฟังผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลอธิบายอาการบาดเจ็บของกู้ลี่เฉินและความยากลำบากในการผ่าตัดนายท่านและนายหญิงกู้รู้สึกเบาใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้รู้ว่าลูกชายของพวกเขาไม่ได้บาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ชีวิต จากนั้นสายตาของพวกเขาก็มองไปยังหลิงอี้หรานและชินเหลียนอีหากพูดให้เจาะจงก็คือพวกเขามองมาที่หลิงอี้หราน“เธอคงเป็นหลิงอี้หรานสินะ!” นายหญิงกู้เดินเข้ามาหาหลิงอี้หรานและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่สนใจว่าเรื่องระหว่างเธอและลี่เฉินจะเป็นยังไง แต่ฉันไม่อยากเห็นลี่เฉินถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดเพราะเธอแบบนี้อีก!”ชินเหลียนอีอยากจะช่วยปกป้องเพื่อนรัก แต่หลิงอี้หรานก็ห้ามเอาไว้และส่ายหัวให้เงียบ ๆ เพื่อบอกว่าเธอไม่ต้องทำแบบนั้นกู้ลี่เฉินช่วยชีวิตเธอไว้และต้องถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดเพราะเหตุนั้น คุณนายกู้ยั้งตัวเองเอาไว้ด้วยการพูดถึงสิ่งที่เธอทำเท่านั้น แม้ว่านายหญิงกู้จะด่าเธออย่างรุนแรง เธอก็ควรจะยอมรับไว้!“พอเถอะ เราค่อยคุยกันหลังจากการผ่าตัดของลี่เฉินก็แล้วกัน” นายท่านกู้กล่าวด้วยท่าทีจริงจังนายหญิงกู้หยุดพูดสองชั่วโมง
เธอขนลุกเมื่อนึกถึงอุบัติเหตุของเธอกับห่าวเหมยยวี่ เธอยังจำได้ถึงความรู้สึกกลัวเหล่านั้นทว่าอุบัติเหตุรถชนในครั้งนี้... ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัว แต่เป็น... ความขมขื่นอันหนักอึ้ง“ผมแค่ช่วยคนที่ผมรัก ทำไมคุณต้องขอบคุณผมด้วยล่ะ?” กู้ลี่เฉินกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ซึ่งมีความอ่อนโยนซึ่งหาชมได้อยากปรากฏอยู่หวาลี่ฟางมองรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาด้วยความหึงหวง รอยยิ้มของลี่เฉินที่มีให้หลิงอี้หราน!“ลี่เฉิน คุณพูดเรื่องช่วยอะไรเหรอคะ? เมื่อวานไม่ใช่ว่าคุณประสบอุบัติเหตุหรอกเหรอ?” หวาลี่ฟางถามด้วยความสับสนแทนที่จะได้รับคำตอบกู้ลี่เฉินกล่าวว่า “ลี่ฟาง ผมอยากกินนมถั่วเหลือง ทำไมคุณไม่ลงไปซื้อให้ผมหน่อยล่ะ?”หวาลี่ฟางสัมผัสได้ว่ากู้ลี่เฉินจงใจกีดกันเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถหาเหตุผลปฏิเสธมาเพื่อปฏิเสธการลงไปซื้อนมถั่วเหลืองให้เขาได้ ดังนั้นเธอจึงตอบได้เพียงว่า “ได้ค่ะ ฉันจะไปซื้อให้”ถึงอย่างนั้นระหว่างทางที่ออกจากห้องพักฟื้นไป ปลายหางตาเธอก็เหลือบไปเห็นทั้งสองคนที่อยู่ห้อง แล้วความริษยาก็เพิ่มขึ้นในดวงตาของเธอ‘อี้หรานเป็นความน่ารำคาญจริง ๆ เหมือนที่หลิงลั่วอินบอกไว้ไม่มีผิด ฉันคงไม่มีวัน
“อี้หราน ผมเลือกช่วยคุณเอง คุณไม่ต้องรู้สึกหนักใจหรอก” กู้ลี่เฉินกล่าว ดวงตารูปนกฟินิกซ์เหล่านั้นดูเหมือนจะมองทุกอย่างออกอย่างทะลุปรุโปร่งหลิงอี้หรานรู้สึกได้ถึงความแสบร้อนที่เผาไหม้ในลำคออย่างต่อเนื่องกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมาชินเหลียนอีก็มายังโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมกู้ลี่เฉินเช่นกัน เธอยังได้บอกพวกเขาด้วยว่าตำรวจตรวจสอบรถแล้ว และพบว่ารถถูกดัดแปลงจริง ๆทำให้เบรกจะยังไม่พังในทันที แต่จะพังหลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก เมื่อวานนี้พวกเธอคงได้ประสบอุบัติเหตุหนักจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ลี่เฉินพุ่งเข้ามาชนพวกเธอไว้ก่อน“ดูเหมือนว่าช่วงนี้สัญญาณกันขโมยของรถฉันจะชอบดังขึ้นมาแบบปุบปับด้วย บางทีเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวกัน” ชินเหลียนอีกล่าวหลิงอี้หรานจึงพูดว่า “น่าจะเป็นไปได้ แล้วตำรวจบอกอะไรอีกไหม?”“เขาบอกว่าจะสืบสวนต่อให้ บางทีเขาน่าจะโทรหาเธอไปสอบปากคำด้วยน่ะ” ชินเหลียนอีกล่าวหลิงอี้หรานพยักหน้า และหวังว่าตำรวจจะจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในเร็ววัน“ผมจะให้คนไปตามสืบเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่ายังไงผมก็จะหาตัวคนร้ายมาให้ได้!” กู้ลี่เฉินกล่าวด้วยดวงตาที่ปรากฏแรงแค้นเขาจะไม่ยอมปล่อยใครก็ตามที่พ