หัวใจของหญิงสาวแทบเต้นผิดจังหวะ ดวงตาของเขาราวกับสามารถมองทะลุผ่านร่างเธอไปได้“กู้ ลี่เฉิน” อี้หรานสูดลมหายใจลึก เรียกชื่อเต็มของชายหนุ่มแทนที่จะเรียกว่า ‘คุณกู้’ เหมือนอย่างเคย “ใช่ ฉันไม่อยากให้คุณมาชอบฉัน ฉันแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุข ไม่ต้องมาเล่นเกมอะไรอีก”ลี่เฉินตอบเสียงจริงจัง “ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นแค่เกม ถ้าคุณคิดว่าผมยังไม่จริงจัง งั้นบอกมาสิว่าผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมเชื่อ”หญิงสาวกัดริมฝีปากเบาๆ “ฉันเหนื่อยค่ะ ฉันไม่มีแรงจะไปรักใครได้อีกแล้ว”“งั้นผมจะรักคุณเอง คุณค่อยรักผมในวันที่คุณพร้อมก็ได้ ขอแค่ช่วยเลิกปฏิเสธผมสักที” เขาพูดเธอมองเขาอย่างสับสน “ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันไม่ได้มาจากตระกูลที่เพียบพร้อม แถมยังเคยติดคุกมาสามปี แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่คุณตามหาด้วย”ปลายเสียงของอี้หรานแผ่วลงที่ประโยคสุดท้ายอย่างรู้สึกผิด“ใช่ ทำไมต้องเป็นคุณด้วย?” กู้ ลี่เฉินพึมพำพลางเกลี่ยแก้มใสด้วยปลายนิ้วหญิงสาวตระหนักได้ว่าต้องเบือนหน้าหนี แต่กลับถูกสะกดไว้ด้วยแววตาของชายหนุ่ม ดวงตาสีนิลคมกริบคู่นั้นสะท้อนเงาของเธอและความปรารถนาอันลึกล้ำที่ยากจะเสื่อมคลาย“อย่างที่คุณว่า คุณไม่ได้มาจากครอบ
“ทำไมล่ะคะ? ทำไมถึงรอในห้องทำงานไม่ได้?” หวา ลี่ฟางเอ่ยถาม“เกรงว่าจะไม่เหมาะค่ะ คุณรอด้านนอกจะดีกว่านะคะ” เลขายืนยันหวา ลี่ฟางกัดฟันข่มอารมณ์ก่อนจะยอมไปนั่งรอที่โซฟาด้านนอกเธอรู้สึกว่าวันนี้ท่าทีที่เลขาของกู้ ลี่เฉินปฏิบัติต่อเธอนั้นแตกต่างไปจากเดิม ถึงแม้หล่อนจะยังคงความสุภาพ รวมถึงนำกาแฟมาให้ระหว่างรอ แต่หล่อนไม่ได้พยายามจะเอาอกเอาใจเธอเหมือนอย่างเคย‘หรือว่าเป็นเพราะ…บทสัมภาษณ์ที่ลี่เฉินพูดว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน?’ ในใจของลี่ฟางรู้สึกคับแค้นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้หลังจากบทสัมภาษณ์นั้นถูกปล่อยออกมา เหล่าเพื่อนร่วมชั้นที่มหาวิทยาลัยก็พากันหัวเราะเยาะเธอ คนในวงการยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนมากมายที่เคยประจบเอาใจเธอล้วนเป็นเพราะลี่เฉิน แต่ตอนนี้ มันเหมือนกับว่าเธอถูกผลักให้กลับมายืนอยู่ในที่ของตัวเองแล้วตอนนั้นเอง หวา ลี่ฟางก็เห็นพนักงานท่าทางอาวุโสเดินออกมาจากลิฟต์ เขาตรงมาหาเลขา ก่อนเอ่ยถาม “ประธานกู้ยังไม่กลับมาเหรอครับ?”“ใช่ค่ะ ฉันได้ยินว่าประธานกู้ไปแผนกกฎหมายกับผู้หญิงคนหนึ่ง”“ใช่ เขาไปที่แผนกกฎหมายมา คนพูดกันให้ทั่วทั้งแผนกแล้ว ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะใช่คนในบทสั
“อี้หราน วันนั้นตอนอยู่ที่สถานีตำรวจ ลี่เฉินบอกว่าเขาชอบเธอ แล้วเธอล่ะ? เธอคิดยังไงกับเขา? อี้ จิ่นหลีก็ดูเป็นห่วงเธอมากนะ เธอเลิกกับคุณอี้แล้วแน่เหรอ?” หวา ลี่ฟางซักไซ้หลิง อี้หรานทำเพียงมองกลับไปนิ่ง ๆ โดยไม่ได้ตอบคำถามลี่ฟางตีหน้าเศร้า “อี้หราน เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนฉลาด ฉันเคยรักคนผิดมาก่อน ลี่เฉินเป็นคนเดียวที่ฉันพึ่งพาได้แล้วตอนนี้ แล้วก็… ยิ่งได้รู้จักเขามากขึ้น ฉันก็ชอบเขามากจริง ๆ”ลี่ฟางมีท่าทีเขินอายไปด้วยขณะพูด “เธอเองยังมีอี้ จิ่นหลี แต่ฉันเหลือแค่ลี่เฉินแล้ว เธอจะไม่แย่งเขาไปใช่ไหม?”หลิง อี้หรานยังคงจ้องอยู่อย่างนั้นจนลี่ฟางเริ่มร้อนรน“อี้หราน ทำไมเธอถึงมองฉันแบบนั้น? ฉัน… ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนฉันเคยพูดแย่ ๆ ใส่เธอ แต่ครั้งนี้ฉันพูดจากใจจริง”“เธอกำลังหวังว่าฉันจะไม่ได้ชอบกู้ ลี่เฉิน และไม่ได้คิดอะไรกับเขา เพื่อที่ตัวเองจะได้รู้สึกดีใช่ไหม? เธอคิดจริง ๆ หรือว่าแกล้งทำตัวเป็นคนดีมาขอร้องฉันในวันนี้ แล้วถ้าหากวันหนึ่งฉันชอบเขาขึ้นมา เธอจะได้เอาคำตอบนี้ไปฟาดหน้าฉัน?” อี้หรานเอ่ยถามสีหน้าของหวา ลี่เฟิงฉายชัดว่าอี้หรานพูดตรงกับสิ่งที่เธอคิดทั้งหมดอี้หรานเอ่ยต่อ “น้อ
เกา ฉงหมิงไม่กล้าตั้งคำถาม รีบสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับออกไปตามคำสั่งอี้ จิ่นหลีปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน นับตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นหลิง อี้หราน หัวใจที่ว่างเปล่าของชายหนุ่มก็ถูกเติมเต็มขึ้นทีละน้อยแต่เมื่อภาพของอี้หรานลับหายไปจากสายตา หัวใจของอี้ จิ่นหลี… ก็ว่างเปล่าอีกครั้ง‘เธอยังมีผลต่อความรู้สึกของฉันอยู่ ไม่ว่าจะทำให้ดีใจหรือหงุดหงิดก็ได้ทั้งนั้น!’‘มันเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมที่ฉันจะไม่รักเธอ?’“ฉงหมิง นายคิดว่าฉันยังรักอี้หรานอยู่หรือเปล่า?” อี้ จิ่นหลีเปล่งเสียงทำลายความเงียบภายในรถเกา ฉงหมิงตัวแข็ง เพราะนึกว่ากำลังโดนหลอกถามอยู่!“เอ่อ…นายน้อยอี้ คุณ…” คนถูกถามไม่รู้จะต้องตอบอย่างไร“ตอบตามตรงได้เลย!” อี้ จิ่นหลีเสียงเย็นเหมือนรู้ว่าเลขาของตนคิดอะไรอยู่เกา ฉงหมิงตัดสินใจตอบตามที่คิด “นายน้อยอี้ สายตาของคุณยามมองไปที่คุณหลิง นั่นคือสายตาที่สามีใช้กับภรรยา ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่หัวเสียขนาดนี้ตอนที่ทราบว่านายน้อยกู้หลงรักคุณหลิง”ผู้หญิงมากมายพยายามใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อเข้าหานายน้อยอี้ แต่ทุกวันนี้กลับดูเหมือนว่านายน้อยอี้จะเป็นฝ่ายหาเรื่องไปข้องเกี่ยวกับหลิง อี้หรา
ซูซีถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไป เหลือเพียงหลิง อี้หรานที่ยังยืนนิ่ง‘ซูซียอมรับสารภาพเพราะกู้ ลี่เฉินอย่างนั้นเหรอ?’ทนายกู้มีสีหน้าครุ่นคิดหลิง อี้หรานเดินออกมาจากศาลพร้อมทนายกู้ ก่อนทั้งคู่จะสังเกตเห็นรถมาเซราติคันหนึ่งจอดรออยู่ด้านหน้า เป็นกู้ ลี่เฉินที่เปิดประตูออกจากรถแล้วมองมาที่อี้หรานทนายกู้แตะไหล่หญิงสาวเบา ๆ “ผมฝากขอบคุณคุณกู้ด้วย ถ้าไม่ได้เขา คดีนี้คงไม่จบง่าย ๆ แน่”กล่าวจบก็เดินลงบันไดไปทักทายกู้ ลี่เฉินเล็กน้อยแล้วจึงแยกตัวไปหลิง อี้หรานยืนนิ่งอยู่ที่บันได มองลงไปหาลี่เฉินกู้ ลี่เฉินเอียงศีรษะน้อย ๆ สบตากลับมาคนที่เดินผ่านไปมาบางคนสังเกตเห็นจนแอบมองตามสายตาทั้งคู่อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ก้าวลงบันได ตรงไปหากู้ ลี่เฉิน ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ใช่คนดัง แต่ผู้คนก็ยังจดจำเขาได้จากฉายาเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงเธอไม่อยากให้ใครเห็นเธออยู่กับลี่เฉิน“ยินดีด้วยที่ชนะคดีนะครับ” กู้ ลี่เฉินกล่าวหลิง อี้หรานนิ่งเงียบ ‘เขาแสดงความยินดีโดยไม่ถามสักคำ แน่นอนแล้วว่าเขาคงทำอะไรเพื่อให้ซูซีรับสารภาพจริง ๆ สินะ’“ฉันไม่ได้ทำอะไรมากหรอกค่ะ ทนายกู้ต่างหาก” อี้หรานตอบลี่เฉินยิ้ม “ไม่เห
“ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ แต่ไม่เป็นไร มันนานมากแล้วค่ะ อี้ จิ่นหลีเคยพาฉันไปตรวจมาแล้ว” หลิง อี้หรานกล่าวพลางชักมือกลับ หมอที่เธอเคยพบบอกว่าการรักษานิ้วมือของเธอให้กลับมาเหมือนเดิมไม่สามารถทำได้ เพราะมันผ่านมานานเกินไปแล้วอี้หรานทำได้เพียงแค่กินยาบางตัว เพื่อระงับอาการเจ็บปวดเวลาที่อากาศชื้นหรือหนาวเท่านั้น“คุณมาถึงนี่แล้วก็ให้หมอซูช่วยดูให้สักหน่อยเถอะนะ เขาไม่ได้รับคนไข้ง่าย ๆ นะครับ” ลี่เฉินกล่าวก่อนจะพาตัวหญิงสาวเข้าไปด้านในอี้หรานมองเห็นเพียงแต่คลินิกโล่ง ๆ มีชายแก่สวมเสื้อกาวน์สีขาวเข้ากับสีของหนวดเคราที่ไม่ได้รับการตัดแต่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนกำแพงตรงข้ามเก้าอี้มีโทรทัศน์ขนาด 32 นิ้ว เปิดช่องละครรักน้ำเน่าที่กำลังดังอยู่ในช่วงนี้อี้หรานเคยได้ยินเพื่อนที่ทำงานคุยกันว่ามันคือละครโศกนาฏกรรมขนานแท้ชายแก่ยังคงจ้องมองจออย่างตั้งใจด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับว่าเขากำลังดูสารคดีอะไรสักอย่างอยู่“หมอซู ช่วงนี้ภรรยาคุณคงติดละครเรื่องนี้แน่เลยใช่ไหมครับ?” กู้ ลี่เฉินส่งเสียงคนที่ถูกเรียกว่าหมอซูหันหน้ากลับมาทันที เมื่อสังเกตเห็นลี่เฉิน ชายแก่จึงบ่นออกมา “ช่วยบอกให้บริษัทคุณทำละครน
ดูเหมือนว่าหมอซูคนนี้จะเก่งจริงอย่างที่ลี่เฉินว่า!คำตอบ “ถอดเล็บออกด้วยค่ะ” ฝังลึกลงไปในใจของกู้ ลี่เฉิน ก่อเกิดความเริ่มปั่นป่วนในใจ‘อี้หรานต้องผ่านอะไรมาบ้าง? เธอโดนถอดเล็บ แล้วยังโดนหักนิ้วอีก… ใครกันที่กล้าทำเรื่องพวกนี้?’ เขาโกรธจนแทบฆ่าคนได้!หมอซูใช้มือคลำตามกระดูกนิ้วของหลิง อี้หรานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวลองเอกซเรย์ดูหน่อย ผมอยากรู้ว่าสภาพมันเป็นอย่างไรบ้าง”จากนั้นอี้หรานจึงได้เห็นห้องตรวจแยกออกมา ที่ดูไม่เข้ากับคลินิกเล็ก ๆ เลยแม้แต่น้อยหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนเอกซเรย์ หมอซูตรวจดูฟิล์มอย่างพินิจ ก่อนพูดกับอี้หราน “คุณไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่แรก ตอนนี้มันผ่านช่วงที่จะรักษาได้ไปแล้ว”“ฉันทราบค่ะ” อี้หรานตอบ ผู้เชี่ยวชาญที่จิ่นหลีหามาให้เธอก็พูดไว้แบบนี้หมอซูเอ่ยต่อ “คุณจะรู้สึกปวดนิ้วเวลาที่อากาศหนาวหรือชื้น รวมถึงใช้มือทำสิ่งที่ละเอียดอ่อนได้ยาก แต่ก็ยังพอมีวิธีอยู่”อี้หรานตะลึง “มันยังรักษาได้เหรอคะ?”“ตามแนวทางของโรงพยาบาล อย่างดีที่สุดคือคุณอาจได้รับแค่ยาแก้ปวด แต่ถ้าผมเป็นคนรักษา ผมช่วยเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อท
“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ผมพาคุณมาถึงนี่ ถ้าหมอซูบอกว่ามันรักษาได้ มันก็ต้องรักษาได้จริง ๆ” กู้ ลี่พูดพลางขับรถไปด้วย ก่อนเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ “มือของคุณบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เกือบสี่ปีได้แล้วค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ‘เกือบ 4 ปี…คงเป็นช่วงที่เธอติดอยู่ที่นั่นสินะ’ กู้ ลี่เฉินนึก ก่อนถามต่อ “คุณบาดเจ็บตั้งแต่ตอนเป็นนักโทษเหรอ?”หลิง อี้หรานนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าของเธอตอบคำถามเขาทุกอย่างแล้ว“ใครเหรอ? คนที่ทำแบบนี้กับคุณ?” น้ำเสียงของลี่เฉินเจือความโกรธ ‘ใครหน้าไหนมันทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับเธอ?’เขารู้ว่าเธอเคยมีสถานะเป็นผู้ต้องขังมาก่อน แต่ลี่เฉินไม่คิดเลยว่าอี้หรานต้องเจอกับอะไรบ้างเพิ่งได้รับรู้ตอนนี้เองว่าเธอคงทรมานมากอี้หรานเอ่ยขึ้นเสียงเบา “มันไม่สำคัญหรอกค่ะ”“ใครทำ?” ลี่เฉินถามย้ำ“ฉันบอกคุณไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ฉันจะทำให้คนพวกนั้นทรมานได้ด้วยเหรอ?”“ทำไมจะไม่ได้?” ดวงตาของลี่เฉินฉายแววดุร้าย เขาจะทำให้ทุกคนที่เคยทำร้ายอี้หรานได้ประสบชะตากรรมแบบเดียวกันหลิง อี้หรานมองกู้ ลี่เฉินด้วยความทึ่งรถหยุดลงตามสัญญาณไฟจราจร ลี่เฉินหันมามองคนข้างกายด้วยสายตาจริงจัง
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค