หัวใจของหญิงสาวแทบเต้นผิดจังหวะ ดวงตาของเขาราวกับสามารถมองทะลุผ่านร่างเธอไปได้“กู้ ลี่เฉิน” อี้หรานสูดลมหายใจลึก เรียกชื่อเต็มของชายหนุ่มแทนที่จะเรียกว่า ‘คุณกู้’ เหมือนอย่างเคย “ใช่ ฉันไม่อยากให้คุณมาชอบฉัน ฉันแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุข ไม่ต้องมาเล่นเกมอะไรอีก”ลี่เฉินตอบเสียงจริงจัง “ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นแค่เกม ถ้าคุณคิดว่าผมยังไม่จริงจัง งั้นบอกมาสิว่าผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมเชื่อ”หญิงสาวกัดริมฝีปากเบาๆ “ฉันเหนื่อยค่ะ ฉันไม่มีแรงจะไปรักใครได้อีกแล้ว”“งั้นผมจะรักคุณเอง คุณค่อยรักผมในวันที่คุณพร้อมก็ได้ ขอแค่ช่วยเลิกปฏิเสธผมสักที” เขาพูดเธอมองเขาอย่างสับสน “ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันไม่ได้มาจากตระกูลที่เพียบพร้อม แถมยังเคยติดคุกมาสามปี แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่คุณตามหาด้วย”ปลายเสียงของอี้หรานแผ่วลงที่ประโยคสุดท้ายอย่างรู้สึกผิด“ใช่ ทำไมต้องเป็นคุณด้วย?” กู้ ลี่เฉินพึมพำพลางเกลี่ยแก้มใสด้วยปลายนิ้วหญิงสาวตระหนักได้ว่าต้องเบือนหน้าหนี แต่กลับถูกสะกดไว้ด้วยแววตาของชายหนุ่ม ดวงตาสีนิลคมกริบคู่นั้นสะท้อนเงาของเธอและความปรารถนาอันลึกล้ำที่ยากจะเสื่อมคลาย“อย่างที่คุณว่า คุณไม่ได้มาจากครอบ
“ทำไมล่ะคะ? ทำไมถึงรอในห้องทำงานไม่ได้?” หวา ลี่ฟางเอ่ยถาม“เกรงว่าจะไม่เหมาะค่ะ คุณรอด้านนอกจะดีกว่านะคะ” เลขายืนยันหวา ลี่ฟางกัดฟันข่มอารมณ์ก่อนจะยอมไปนั่งรอที่โซฟาด้านนอกเธอรู้สึกว่าวันนี้ท่าทีที่เลขาของกู้ ลี่เฉินปฏิบัติต่อเธอนั้นแตกต่างไปจากเดิม ถึงแม้หล่อนจะยังคงความสุภาพ รวมถึงนำกาแฟมาให้ระหว่างรอ แต่หล่อนไม่ได้พยายามจะเอาอกเอาใจเธอเหมือนอย่างเคย‘หรือว่าเป็นเพราะ…บทสัมภาษณ์ที่ลี่เฉินพูดว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน?’ ในใจของลี่ฟางรู้สึกคับแค้นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้หลังจากบทสัมภาษณ์นั้นถูกปล่อยออกมา เหล่าเพื่อนร่วมชั้นที่มหาวิทยาลัยก็พากันหัวเราะเยาะเธอ คนในวงการยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนมากมายที่เคยประจบเอาใจเธอล้วนเป็นเพราะลี่เฉิน แต่ตอนนี้ มันเหมือนกับว่าเธอถูกผลักให้กลับมายืนอยู่ในที่ของตัวเองแล้วตอนนั้นเอง หวา ลี่ฟางก็เห็นพนักงานท่าทางอาวุโสเดินออกมาจากลิฟต์ เขาตรงมาหาเลขา ก่อนเอ่ยถาม “ประธานกู้ยังไม่กลับมาเหรอครับ?”“ใช่ค่ะ ฉันได้ยินว่าประธานกู้ไปแผนกกฎหมายกับผู้หญิงคนหนึ่ง”“ใช่ เขาไปที่แผนกกฎหมายมา คนพูดกันให้ทั่วทั้งแผนกแล้ว ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะใช่คนในบทสั
“อี้หราน วันนั้นตอนอยู่ที่สถานีตำรวจ ลี่เฉินบอกว่าเขาชอบเธอ แล้วเธอล่ะ? เธอคิดยังไงกับเขา? อี้ จิ่นหลีก็ดูเป็นห่วงเธอมากนะ เธอเลิกกับคุณอี้แล้วแน่เหรอ?” หวา ลี่ฟางซักไซ้หลิง อี้หรานทำเพียงมองกลับไปนิ่ง ๆ โดยไม่ได้ตอบคำถามลี่ฟางตีหน้าเศร้า “อี้หราน เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนฉลาด ฉันเคยรักคนผิดมาก่อน ลี่เฉินเป็นคนเดียวที่ฉันพึ่งพาได้แล้วตอนนี้ แล้วก็… ยิ่งได้รู้จักเขามากขึ้น ฉันก็ชอบเขามากจริง ๆ”ลี่ฟางมีท่าทีเขินอายไปด้วยขณะพูด “เธอเองยังมีอี้ จิ่นหลี แต่ฉันเหลือแค่ลี่เฉินแล้ว เธอจะไม่แย่งเขาไปใช่ไหม?”หลิง อี้หรานยังคงจ้องอยู่อย่างนั้นจนลี่ฟางเริ่มร้อนรน“อี้หราน ทำไมเธอถึงมองฉันแบบนั้น? ฉัน… ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนฉันเคยพูดแย่ ๆ ใส่เธอ แต่ครั้งนี้ฉันพูดจากใจจริง”“เธอกำลังหวังว่าฉันจะไม่ได้ชอบกู้ ลี่เฉิน และไม่ได้คิดอะไรกับเขา เพื่อที่ตัวเองจะได้รู้สึกดีใช่ไหม? เธอคิดจริง ๆ หรือว่าแกล้งทำตัวเป็นคนดีมาขอร้องฉันในวันนี้ แล้วถ้าหากวันหนึ่งฉันชอบเขาขึ้นมา เธอจะได้เอาคำตอบนี้ไปฟาดหน้าฉัน?” อี้หรานเอ่ยถามสีหน้าของหวา ลี่เฟิงฉายชัดว่าอี้หรานพูดตรงกับสิ่งที่เธอคิดทั้งหมดอี้หรานเอ่ยต่อ “น้อ
เกา ฉงหมิงไม่กล้าตั้งคำถาม รีบสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับออกไปตามคำสั่งอี้ จิ่นหลีปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน นับตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นหลิง อี้หราน หัวใจที่ว่างเปล่าของชายหนุ่มก็ถูกเติมเต็มขึ้นทีละน้อยแต่เมื่อภาพของอี้หรานลับหายไปจากสายตา หัวใจของอี้ จิ่นหลี… ก็ว่างเปล่าอีกครั้ง‘เธอยังมีผลต่อความรู้สึกของฉันอยู่ ไม่ว่าจะทำให้ดีใจหรือหงุดหงิดก็ได้ทั้งนั้น!’‘มันเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมที่ฉันจะไม่รักเธอ?’“ฉงหมิง นายคิดว่าฉันยังรักอี้หรานอยู่หรือเปล่า?” อี้ จิ่นหลีเปล่งเสียงทำลายความเงียบภายในรถเกา ฉงหมิงตัวแข็ง เพราะนึกว่ากำลังโดนหลอกถามอยู่!“เอ่อ…นายน้อยอี้ คุณ…” คนถูกถามไม่รู้จะต้องตอบอย่างไร“ตอบตามตรงได้เลย!” อี้ จิ่นหลีเสียงเย็นเหมือนรู้ว่าเลขาของตนคิดอะไรอยู่เกา ฉงหมิงตัดสินใจตอบตามที่คิด “นายน้อยอี้ สายตาของคุณยามมองไปที่คุณหลิง นั่นคือสายตาที่สามีใช้กับภรรยา ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่หัวเสียขนาดนี้ตอนที่ทราบว่านายน้อยกู้หลงรักคุณหลิง”ผู้หญิงมากมายพยายามใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อเข้าหานายน้อยอี้ แต่ทุกวันนี้กลับดูเหมือนว่านายน้อยอี้จะเป็นฝ่ายหาเรื่องไปข้องเกี่ยวกับหลิง อี้หรา
ซูซีถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไป เหลือเพียงหลิง อี้หรานที่ยังยืนนิ่ง‘ซูซียอมรับสารภาพเพราะกู้ ลี่เฉินอย่างนั้นเหรอ?’ทนายกู้มีสีหน้าครุ่นคิดหลิง อี้หรานเดินออกมาจากศาลพร้อมทนายกู้ ก่อนทั้งคู่จะสังเกตเห็นรถมาเซราติคันหนึ่งจอดรออยู่ด้านหน้า เป็นกู้ ลี่เฉินที่เปิดประตูออกจากรถแล้วมองมาที่อี้หรานทนายกู้แตะไหล่หญิงสาวเบา ๆ “ผมฝากขอบคุณคุณกู้ด้วย ถ้าไม่ได้เขา คดีนี้คงไม่จบง่าย ๆ แน่”กล่าวจบก็เดินลงบันไดไปทักทายกู้ ลี่เฉินเล็กน้อยแล้วจึงแยกตัวไปหลิง อี้หรานยืนนิ่งอยู่ที่บันได มองลงไปหาลี่เฉินกู้ ลี่เฉินเอียงศีรษะน้อย ๆ สบตากลับมาคนที่เดินผ่านไปมาบางคนสังเกตเห็นจนแอบมองตามสายตาทั้งคู่อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ก้าวลงบันได ตรงไปหากู้ ลี่เฉิน ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ใช่คนดัง แต่ผู้คนก็ยังจดจำเขาได้จากฉายาเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงเธอไม่อยากให้ใครเห็นเธออยู่กับลี่เฉิน“ยินดีด้วยที่ชนะคดีนะครับ” กู้ ลี่เฉินกล่าวหลิง อี้หรานนิ่งเงียบ ‘เขาแสดงความยินดีโดยไม่ถามสักคำ แน่นอนแล้วว่าเขาคงทำอะไรเพื่อให้ซูซีรับสารภาพจริง ๆ สินะ’“ฉันไม่ได้ทำอะไรมากหรอกค่ะ ทนายกู้ต่างหาก” อี้หรานตอบลี่เฉินยิ้ม “ไม่เห
“ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ แต่ไม่เป็นไร มันนานมากแล้วค่ะ อี้ จิ่นหลีเคยพาฉันไปตรวจมาแล้ว” หลิง อี้หรานกล่าวพลางชักมือกลับ หมอที่เธอเคยพบบอกว่าการรักษานิ้วมือของเธอให้กลับมาเหมือนเดิมไม่สามารถทำได้ เพราะมันผ่านมานานเกินไปแล้วอี้หรานทำได้เพียงแค่กินยาบางตัว เพื่อระงับอาการเจ็บปวดเวลาที่อากาศชื้นหรือหนาวเท่านั้น“คุณมาถึงนี่แล้วก็ให้หมอซูช่วยดูให้สักหน่อยเถอะนะ เขาไม่ได้รับคนไข้ง่าย ๆ นะครับ” ลี่เฉินกล่าวก่อนจะพาตัวหญิงสาวเข้าไปด้านในอี้หรานมองเห็นเพียงแต่คลินิกโล่ง ๆ มีชายแก่สวมเสื้อกาวน์สีขาวเข้ากับสีของหนวดเคราที่ไม่ได้รับการตัดแต่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนกำแพงตรงข้ามเก้าอี้มีโทรทัศน์ขนาด 32 นิ้ว เปิดช่องละครรักน้ำเน่าที่กำลังดังอยู่ในช่วงนี้อี้หรานเคยได้ยินเพื่อนที่ทำงานคุยกันว่ามันคือละครโศกนาฏกรรมขนานแท้ชายแก่ยังคงจ้องมองจออย่างตั้งใจด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับว่าเขากำลังดูสารคดีอะไรสักอย่างอยู่“หมอซู ช่วงนี้ภรรยาคุณคงติดละครเรื่องนี้แน่เลยใช่ไหมครับ?” กู้ ลี่เฉินส่งเสียงคนที่ถูกเรียกว่าหมอซูหันหน้ากลับมาทันที เมื่อสังเกตเห็นลี่เฉิน ชายแก่จึงบ่นออกมา “ช่วยบอกให้บริษัทคุณทำละครน
ดูเหมือนว่าหมอซูคนนี้จะเก่งจริงอย่างที่ลี่เฉินว่า!คำตอบ “ถอดเล็บออกด้วยค่ะ” ฝังลึกลงไปในใจของกู้ ลี่เฉิน ก่อเกิดความเริ่มปั่นป่วนในใจ‘อี้หรานต้องผ่านอะไรมาบ้าง? เธอโดนถอดเล็บ แล้วยังโดนหักนิ้วอีก… ใครกันที่กล้าทำเรื่องพวกนี้?’ เขาโกรธจนแทบฆ่าคนได้!หมอซูใช้มือคลำตามกระดูกนิ้วของหลิง อี้หรานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวลองเอกซเรย์ดูหน่อย ผมอยากรู้ว่าสภาพมันเป็นอย่างไรบ้าง”จากนั้นอี้หรานจึงได้เห็นห้องตรวจแยกออกมา ที่ดูไม่เข้ากับคลินิกเล็ก ๆ เลยแม้แต่น้อยหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนเอกซเรย์ หมอซูตรวจดูฟิล์มอย่างพินิจ ก่อนพูดกับอี้หราน “คุณไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่แรก ตอนนี้มันผ่านช่วงที่จะรักษาได้ไปแล้ว”“ฉันทราบค่ะ” อี้หรานตอบ ผู้เชี่ยวชาญที่จิ่นหลีหามาให้เธอก็พูดไว้แบบนี้หมอซูเอ่ยต่อ “คุณจะรู้สึกปวดนิ้วเวลาที่อากาศหนาวหรือชื้น รวมถึงใช้มือทำสิ่งที่ละเอียดอ่อนได้ยาก แต่ก็ยังพอมีวิธีอยู่”อี้หรานตะลึง “มันยังรักษาได้เหรอคะ?”“ตามแนวทางของโรงพยาบาล อย่างดีที่สุดคือคุณอาจได้รับแค่ยาแก้ปวด แต่ถ้าผมเป็นคนรักษา ผมช่วยเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อท
“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ผมพาคุณมาถึงนี่ ถ้าหมอซูบอกว่ามันรักษาได้ มันก็ต้องรักษาได้จริง ๆ” กู้ ลี่พูดพลางขับรถไปด้วย ก่อนเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ “มือของคุณบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เกือบสี่ปีได้แล้วค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ‘เกือบ 4 ปี…คงเป็นช่วงที่เธอติดอยู่ที่นั่นสินะ’ กู้ ลี่เฉินนึก ก่อนถามต่อ “คุณบาดเจ็บตั้งแต่ตอนเป็นนักโทษเหรอ?”หลิง อี้หรานนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าของเธอตอบคำถามเขาทุกอย่างแล้ว“ใครเหรอ? คนที่ทำแบบนี้กับคุณ?” น้ำเสียงของลี่เฉินเจือความโกรธ ‘ใครหน้าไหนมันทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับเธอ?’เขารู้ว่าเธอเคยมีสถานะเป็นผู้ต้องขังมาก่อน แต่ลี่เฉินไม่คิดเลยว่าอี้หรานต้องเจอกับอะไรบ้างเพิ่งได้รับรู้ตอนนี้เองว่าเธอคงทรมานมากอี้หรานเอ่ยขึ้นเสียงเบา “มันไม่สำคัญหรอกค่ะ”“ใครทำ?” ลี่เฉินถามย้ำ“ฉันบอกคุณไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ฉันจะทำให้คนพวกนั้นทรมานได้ด้วยเหรอ?”“ทำไมจะไม่ได้?” ดวงตาของลี่เฉินฉายแววดุร้าย เขาจะทำให้ทุกคนที่เคยทำร้ายอี้หรานได้ประสบชะตากรรมแบบเดียวกันหลิง อี้หรานมองกู้ ลี่เฉินด้วยความทึ่งรถหยุดลงตามสัญญาณไฟจราจร ลี่เฉินหันมามองคนข้างกายด้วยสายตาจริงจัง