เกา ฉงหมิงไม่กล้าตั้งคำถาม รีบสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับออกไปตามคำสั่งอี้ จิ่นหลีปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน นับตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นหลิง อี้หราน หัวใจที่ว่างเปล่าของชายหนุ่มก็ถูกเติมเต็มขึ้นทีละน้อยแต่เมื่อภาพของอี้หรานลับหายไปจากสายตา หัวใจของอี้ จิ่นหลี… ก็ว่างเปล่าอีกครั้ง‘เธอยังมีผลต่อความรู้สึกของฉันอยู่ ไม่ว่าจะทำให้ดีใจหรือหงุดหงิดก็ได้ทั้งนั้น!’‘มันเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมที่ฉันจะไม่รักเธอ?’“ฉงหมิง นายคิดว่าฉันยังรักอี้หรานอยู่หรือเปล่า?” อี้ จิ่นหลีเปล่งเสียงทำลายความเงียบภายในรถเกา ฉงหมิงตัวแข็ง เพราะนึกว่ากำลังโดนหลอกถามอยู่!“เอ่อ…นายน้อยอี้ คุณ…” คนถูกถามไม่รู้จะต้องตอบอย่างไร“ตอบตามตรงได้เลย!” อี้ จิ่นหลีเสียงเย็นเหมือนรู้ว่าเลขาของตนคิดอะไรอยู่เกา ฉงหมิงตัดสินใจตอบตามที่คิด “นายน้อยอี้ สายตาของคุณยามมองไปที่คุณหลิง นั่นคือสายตาที่สามีใช้กับภรรยา ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่หัวเสียขนาดนี้ตอนที่ทราบว่านายน้อยกู้หลงรักคุณหลิง”ผู้หญิงมากมายพยายามใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อเข้าหานายน้อยอี้ แต่ทุกวันนี้กลับดูเหมือนว่านายน้อยอี้จะเป็นฝ่ายหาเรื่องไปข้องเกี่ยวกับหลิง อี้หรา
ซูซีถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไป เหลือเพียงหลิง อี้หรานที่ยังยืนนิ่ง‘ซูซียอมรับสารภาพเพราะกู้ ลี่เฉินอย่างนั้นเหรอ?’ทนายกู้มีสีหน้าครุ่นคิดหลิง อี้หรานเดินออกมาจากศาลพร้อมทนายกู้ ก่อนทั้งคู่จะสังเกตเห็นรถมาเซราติคันหนึ่งจอดรออยู่ด้านหน้า เป็นกู้ ลี่เฉินที่เปิดประตูออกจากรถแล้วมองมาที่อี้หรานทนายกู้แตะไหล่หญิงสาวเบา ๆ “ผมฝากขอบคุณคุณกู้ด้วย ถ้าไม่ได้เขา คดีนี้คงไม่จบง่าย ๆ แน่”กล่าวจบก็เดินลงบันไดไปทักทายกู้ ลี่เฉินเล็กน้อยแล้วจึงแยกตัวไปหลิง อี้หรานยืนนิ่งอยู่ที่บันได มองลงไปหาลี่เฉินกู้ ลี่เฉินเอียงศีรษะน้อย ๆ สบตากลับมาคนที่เดินผ่านไปมาบางคนสังเกตเห็นจนแอบมองตามสายตาทั้งคู่อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ก้าวลงบันได ตรงไปหากู้ ลี่เฉิน ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ใช่คนดัง แต่ผู้คนก็ยังจดจำเขาได้จากฉายาเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงเธอไม่อยากให้ใครเห็นเธออยู่กับลี่เฉิน“ยินดีด้วยที่ชนะคดีนะครับ” กู้ ลี่เฉินกล่าวหลิง อี้หรานนิ่งเงียบ ‘เขาแสดงความยินดีโดยไม่ถามสักคำ แน่นอนแล้วว่าเขาคงทำอะไรเพื่อให้ซูซีรับสารภาพจริง ๆ สินะ’“ฉันไม่ได้ทำอะไรมากหรอกค่ะ ทนายกู้ต่างหาก” อี้หรานตอบลี่เฉินยิ้ม “ไม่เห
“ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ แต่ไม่เป็นไร มันนานมากแล้วค่ะ อี้ จิ่นหลีเคยพาฉันไปตรวจมาแล้ว” หลิง อี้หรานกล่าวพลางชักมือกลับ หมอที่เธอเคยพบบอกว่าการรักษานิ้วมือของเธอให้กลับมาเหมือนเดิมไม่สามารถทำได้ เพราะมันผ่านมานานเกินไปแล้วอี้หรานทำได้เพียงแค่กินยาบางตัว เพื่อระงับอาการเจ็บปวดเวลาที่อากาศชื้นหรือหนาวเท่านั้น“คุณมาถึงนี่แล้วก็ให้หมอซูช่วยดูให้สักหน่อยเถอะนะ เขาไม่ได้รับคนไข้ง่าย ๆ นะครับ” ลี่เฉินกล่าวก่อนจะพาตัวหญิงสาวเข้าไปด้านในอี้หรานมองเห็นเพียงแต่คลินิกโล่ง ๆ มีชายแก่สวมเสื้อกาวน์สีขาวเข้ากับสีของหนวดเคราที่ไม่ได้รับการตัดแต่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนกำแพงตรงข้ามเก้าอี้มีโทรทัศน์ขนาด 32 นิ้ว เปิดช่องละครรักน้ำเน่าที่กำลังดังอยู่ในช่วงนี้อี้หรานเคยได้ยินเพื่อนที่ทำงานคุยกันว่ามันคือละครโศกนาฏกรรมขนานแท้ชายแก่ยังคงจ้องมองจออย่างตั้งใจด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับว่าเขากำลังดูสารคดีอะไรสักอย่างอยู่“หมอซู ช่วงนี้ภรรยาคุณคงติดละครเรื่องนี้แน่เลยใช่ไหมครับ?” กู้ ลี่เฉินส่งเสียงคนที่ถูกเรียกว่าหมอซูหันหน้ากลับมาทันที เมื่อสังเกตเห็นลี่เฉิน ชายแก่จึงบ่นออกมา “ช่วยบอกให้บริษัทคุณทำละครน
ดูเหมือนว่าหมอซูคนนี้จะเก่งจริงอย่างที่ลี่เฉินว่า!คำตอบ “ถอดเล็บออกด้วยค่ะ” ฝังลึกลงไปในใจของกู้ ลี่เฉิน ก่อเกิดความเริ่มปั่นป่วนในใจ‘อี้หรานต้องผ่านอะไรมาบ้าง? เธอโดนถอดเล็บ แล้วยังโดนหักนิ้วอีก… ใครกันที่กล้าทำเรื่องพวกนี้?’ เขาโกรธจนแทบฆ่าคนได้!หมอซูใช้มือคลำตามกระดูกนิ้วของหลิง อี้หรานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวลองเอกซเรย์ดูหน่อย ผมอยากรู้ว่าสภาพมันเป็นอย่างไรบ้าง”จากนั้นอี้หรานจึงได้เห็นห้องตรวจแยกออกมา ที่ดูไม่เข้ากับคลินิกเล็ก ๆ เลยแม้แต่น้อยหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนเอกซเรย์ หมอซูตรวจดูฟิล์มอย่างพินิจ ก่อนพูดกับอี้หราน “คุณไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่แรก ตอนนี้มันผ่านช่วงที่จะรักษาได้ไปแล้ว”“ฉันทราบค่ะ” อี้หรานตอบ ผู้เชี่ยวชาญที่จิ่นหลีหามาให้เธอก็พูดไว้แบบนี้หมอซูเอ่ยต่อ “คุณจะรู้สึกปวดนิ้วเวลาที่อากาศหนาวหรือชื้น รวมถึงใช้มือทำสิ่งที่ละเอียดอ่อนได้ยาก แต่ก็ยังพอมีวิธีอยู่”อี้หรานตะลึง “มันยังรักษาได้เหรอคะ?”“ตามแนวทางของโรงพยาบาล อย่างดีที่สุดคือคุณอาจได้รับแค่ยาแก้ปวด แต่ถ้าผมเป็นคนรักษา ผมช่วยเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อท
“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ผมพาคุณมาถึงนี่ ถ้าหมอซูบอกว่ามันรักษาได้ มันก็ต้องรักษาได้จริง ๆ” กู้ ลี่พูดพลางขับรถไปด้วย ก่อนเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ “มือของคุณบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เกือบสี่ปีได้แล้วค่ะ” หลิง อี้หรานตอบ‘เกือบ 4 ปี…คงเป็นช่วงที่เธอติดอยู่ที่นั่นสินะ’ กู้ ลี่เฉินนึก ก่อนถามต่อ “คุณบาดเจ็บตั้งแต่ตอนเป็นนักโทษเหรอ?”หลิง อี้หรานนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าของเธอตอบคำถามเขาทุกอย่างแล้ว“ใครเหรอ? คนที่ทำแบบนี้กับคุณ?” น้ำเสียงของลี่เฉินเจือความโกรธ ‘ใครหน้าไหนมันทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับเธอ?’เขารู้ว่าเธอเคยมีสถานะเป็นผู้ต้องขังมาก่อน แต่ลี่เฉินไม่คิดเลยว่าอี้หรานต้องเจอกับอะไรบ้างเพิ่งได้รับรู้ตอนนี้เองว่าเธอคงทรมานมากอี้หรานเอ่ยขึ้นเสียงเบา “มันไม่สำคัญหรอกค่ะ”“ใครทำ?” ลี่เฉินถามย้ำ“ฉันบอกคุณไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ฉันจะทำให้คนพวกนั้นทรมานได้ด้วยเหรอ?”“ทำไมจะไม่ได้?” ดวงตาของลี่เฉินฉายแววดุร้าย เขาจะทำให้ทุกคนที่เคยทำร้ายอี้หรานได้ประสบชะตากรรมแบบเดียวกันหลิง อี้หรานมองกู้ ลี่เฉินด้วยความทึ่งรถหยุดลงตามสัญญาณไฟจราจร ลี่เฉินหันมามองคนข้างกายด้วยสายตาจริงจัง
ในตอนนั้น อี้หรานไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับลี่เฉิน หรือสัญญาที่เคยให้กันไว้ตั้งแต่ตอนที่เราเป็นเด็กหญิงสาวตัดแพนเค้กออกมาชิ้นหนึ่งแล้วนำใส่ปาก ‘วันนี้ฉันกำลังทานมื้อเย็นกับเฉินเฉิน’เหมือนที่เราเคยสัญญากันไว้ เธอมาที่เมืองเฉิน และเขาจะพาเธอไปกินอาหารอร่อย ๆ!…ตกดึก รถมาเซราติค่อย ๆ ขับมาหยุดอยู่หน้าหมู่บ้าน หลิง อี้หรานก้าวลงจากรถ เพิ่งออกเดินไปได้เพียงสองก้าวก็ได้ยินเสียงของลี่เฉินดังตามหลัง“รอเดี๋ยว!” เขาวิ่งตามมาพร้อมกล่องในมือ ก่อนยื่นมันให้อี้หราน “นี่แพนเค้กจากร้านที่เราเพิ่งไปด้วยกัน ผมเห็นคุณชอบ เลยสั่งใส่กล่องมาให้อีก”หลิง อี้หรานเม้มปากเล็กน้อยก่อนรับมา “ขอบคุณนะคะ” ไม่อาจปฏิเสธแพนเค้กได้ลงราวกับว่า… เธอไม่สามารถปฏิเสธเฉินเฉินในวัยเด็กคนนั้น เพื่อรักษาคำสัญญาของพวกเราลี่เฉินคว้ามือของอี้หรานเอาไว้ตอนที่อีกฝ่ายยื่นมารับเอากล่องแพนเค้ก เขาเลื่อนสายตาลงมามองที่มือของเธอ “คุณคงทรมานมาก”ร่างกายของหญิงสาวสั่นน้อย ๆ “มันผ่านไปแล้วค่ะ”เขาพึมพำ “ถ้าเพียงแต่เราได้เจอกันก่อน บางทีคุณอาจจะไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนั้น”เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเสียใจต่อผู้หญิงสักคน! ลี่เฉินถึ
‘ไม่กี่วันมานี้ คุณหลิงกลับบ้านคนเดียวตลอด มันเลยไม่มีปัญหาอะไร แต่พอนายน้อยกู้มาส่งคุณหลิงวันนี้…แถมยังจับมือ จ้องตากันอีก อย่างกับคู่รัก!’เกา ฉงหมิงได้แต่หวังให้กู้ ลี่เฉินและหลิง อี้หรานแยกกันโดยเร็วที่สุด ‘ถ้าพวกเขายังทำแบบนี้ต่อไป ไม่รู้ว่านายน้อยอี้จะว่ายังไงเลยเนี่ย?!’…หลิง อี้หรานเดินตรงไปที่บ้านเช่าพร้อมกล่องแพนเค้กในมือ เธอหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าและไขเปิดประตู ในตอนที่กำลังจะผลักประตูเพื่อเข้าไปด้านใน มืออีกคู่หนึ่งก็ยื่นมาดันประตูเปิดออกอี้หรานถูกจับให้หมุนตัวกลับไปกะทันหัน ก่อนพบกับอี้ จิ่นหลีที่ยืนอยู่ด้านหลัง“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เธอถามอย่างสับสนเขาสวมเพียงเสื้อสเวตเตอร์ตัวบางสีอ่อนและกางเกงขายาวสีดำ เมื่อนำมาประกอบกับใบหน้าที่หล่อเหลา นั่นทำให้จิ่นหลีดูราวกับเจ้าชาย แต่ใบหน้าของชายหนุ่มกลับดูหม่นหมอง อี้หรานสังเกตเห็นการสะกดกลั้น ข่มอารมณ์ และ…ความเกรี้ยวกราดที่อยู่ในสายตาของอีกฝ่ายสัญชาตญาณเตือนภัยของเธอทำงานทันทีราวกับว่าจิ่นหลีคือตัวอันตราย และเธออาจเจ็บตัวได้หากพลาดแม้สักก้าวหนึ่ง!“มีอะไร? จะไม่เชิญผมเข้าไปหน่อยเหรอ?” จิ่นหลีพูดเสียงเย็น“มันดึกแ
จิ่นหลีดึงมือของอี้หรานไปรองไว้ใต้ก๊อก ก่อนจะนำสบู่มาถูจนทั่ว เขาขัดถูฝ่ามือเล็กจนครบทุกซอกทุกมุมราวกับกำลังพยายามจะลบร่องรอยของกู้ ลี่เฉินออกไปหลิง อี้หรานพยายามชักมือกลับแต่ไม่เป็นผลเธอไม่รู้ว่าอี้ จิ่นหลีล้างมือของเธอไปกี่รอบ แต่การโดนน้ำเย็นนาน ๆ ทำให้มือของเธอเริ่มปวด “อี้ จิ่นหลี พอได้แล้ว คุณต้องการอะไร?”ชายหนุ่มปิดน้ำ คว้าเอาผ้าขนหนูที่แขวนอยู่มาเช็ดมือให้เธออย่างทะนุถนอม “อย่าให้กู้ ลี่เฉินจับมือพี่อีก”จิ่นหลีทนไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นก่อนหน้านั้น ราวกับว่าความริษยามันท่วมท้นไปทั่วร่างเขากลัวว่าอี้หรานจะตกหลุมรักกู้ ลี่เฉิน!“หยุดพูดจาไม่เข้าหูสักทีได้ไหม” จิ่นหลีเอ่ยหลิง อี้หรานนิ่งงันครู่หนึ่งและหัวเราะออกมา “นี่ฉันยังต้องรักคุณอยู่ทั้ง ๆ ที่เราเลิกกันไปแล้วด้วยเหรอ?”ชายหนุ่มชะงัก เงยหน้ามาสบตากับดวงตากลมรีที่ฉายแววสงบนิ่งไร้ความตื่นกลัวอยู่ในดวงตาที่เขารู้จักเป็นอย่างดีคู่นั้น มีเพียงความเยือกเย็นที่ปรากฏให้เห็นยิ่งเธอนิ่งมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้นกลีบปากอิ่มอ้าออกช้า ๆ ตามมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทว่าเยือกเย็นเช่นเดียวกับแววตา “อี้ จิ่นหลี