ทำอย่างไรดี? เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ ดังนั้นเธอจึงสงบสติอารมณ์แล้วไปตรวจอัลตร้าซาวด์ เธอคิดกับตัวเองว่า อาจจะมีอะไรผิดปกติก็ได้? ผลลัพธ์แสดงออกมาว่าเธอตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้ว "ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ เป็นฝาแฝด" ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก เธอตั้งครรภ์จริง ๆ มิหนำซ้ำเธอยังตั้งครรภ์ฝาแฝดอีกด้วยหรือนี่? "คุณหมอคะ คุณตรวจผิดหรือเปล่าคะ?" น้ำเสียงของเธอแหบแห้ง "ตรวจไม่ผิดหรอกค่ะ คุณตั้งครรภ์ฝาแฝดจริง ๆ เรื่องแบบนี้จะตรวจผิดได้อย่างไรคะ? คุณดูสิคะ มีถุงตั้งครรภ์อยู่สองใบ" แพทย์ผู้ตรวจรักษาเลื่อนเมาส์ให้เธอดู ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นศีรษะเข้ามาดูก็เห็นถุงตั้งครรภ์อยู่สองใบจริง ๆ เธอมีอารมณ์ความรู้สึกสับสน "แต่ฉันเห็นคุณสีหน้าไม่ดีเอามาก ๆ เลย ในเมื่อคุณตั้งครรภ์ก็ต้องพักผ่อนให้มาก ๆ นะคะ" แพทย์คนนั้นบอก ซ่งอวิ้นอวิ้นผงกศีรษะ "ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องตรวจพร้อมผลตรวจในมือ เมื่อเฉินเวินเหยียนเข้าไปในห้องอัลตราซาวด์ ก็ทราบจากแพทย์ผู้ตรวจรักษาว่าอีกฝ่ายตั้งครรภ์ฝาแฝด เธอโกรธเสียจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพราะอยากจะฆ่าซ่งอวิ้นอ
ซ่งอวิ้นอวิ้นนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเวินเหยียนกับเจียงเย่าจิ่ง ตอนนี้เพราะสิ่งที่เฉินเวินเหยียนกระทำกับเธอ เธอจึงมีสีหน้าไม่เป็นมิตรให้เจียงเย่าจิ่งเช่นกัน "ฉันอยากจะทำอะไรก็ทำ คุณจะมาสนใจทำไมกัน?" เมื่อสักครู่นี้เธอตื่นตระหนกเกินไป เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ก็อยากจะทำแท้ง แต่พอมีใครสักคนคิดจะทำร้ายเด็ก เธอก็ขาดสติขึ้นมาทันที เธอกลัวที่จะต้องเสียพวกเขาไป เกรงว่าพวกเขาจะเป็นอันตราย เฉินเวินเหยียนรู้ว่าเธอกับเจียงเย่าจิ่งเป็นสามีภรรยากัน อีกฝ่ายคงจะคิดว่าเด็กเป็นลูกของเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นจึงพยายามที่จะทำร้ายลูกของเธอ? เธอร้อนใจมากเสียจนลืมตัวไปว่าเสิ่นจือเชียนอยู่ตรงหน้าจึงได้แสดงท่าทางเสียมารยาทออกไป เมื่อสบสายตาอำมหิตของเจียงเย่าจิ่งเข้า เสิ่นจือเชียนก็รีบอธิบายขึ้นมาทันทีว่า "ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น" จากนั้นเขาก็ไล่ซ่งอวิ้นอวิ้นลงจากรถ เขารีบออกรถ เพราะเกรงว่าเจียงเย่าจิ่งอาจจะระบายโทสะใส่เขาได้ ซ่งอวิ้นอวิ้นเม้มริมฝีปากสีชมพูแน่นแล้วมองเจียงเย่าจิ่งด้วยสายตาไม่เป็นมิตร! เจียงเย่าจิ่งขมวดคิ้ว เขายังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะ เธออยากจะให้เขาเป็นฝ่ายลงไ
ซ่งอวิ้นอวิ้นเงยหน้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "ไม่" "ระหว่างเราไม่เคยมีความรัก เพียงเพราะเกิดเรื่องบางอย่างเลยทำให้ฉันต้องดูแลเฉินเวินเหยียนก็เท่านั้น" นับเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เจียงเย่าจิ่งต้องมาอธิบายเหตุผลให้ใครสักคนฟัง นับตั้งแต่เขารู้ว่าเฉินเวินเหยียนมีแฟน ความรู้สึกดี ๆ และความเสน่หาทั้งหมดที่เจียงเย่าจิ่งมีต่อผู้หญิงคนนั้น ก็สลายไปจนสิ้นในคืนนั้นแล้ว! ที่เหลือก็แค่ยอมให้เพราะเฉินเวินเหยียนช่วยเขาไว้ในคืนนั้น! ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความรู้สึกเลยสักนิด! ราวกับว่าซ่งอวิ้นอวิ้นได้ล่วงรู้ความลับบางอย่างเข้า ที่แท้น้ำใจที่เจียงเย่าจิ่งมีต่อเฉินเวินเหยียนกลับไม่ใช่ความรักใคร่หรือชอบพอเลย เมื่อเธอคิดหาวิธีดี ๆ ขึ้นมาได้ก็หัวเราะออกมา เจียงเย่าจิ่งขมวดคิ้ว "คุณขำอะไร?" "เปล่าหรอก" น้ำเสียงที่ซ่งอวิ้นอวิ้นใช้พูดกับเจียงเย่าจิ่งนอบน้อมผิดปกติ เจียงเย่าจิ่งรู้สึกแปลกใจโดยสิ้นเชิง! เขามองเธอด้วยสีหน้าชอบกล เธอกินยาผิดมาหรือไง? แต่ความกระตือรือร้นของเธอก็คงอยู่ไปจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เธอเข้ามาในคฤหาสน์แล้วลงมือทำอาหารเป็นครั้งแรก ทั้งยังถามป้าหวู่เรื่องรสชา
เมื่อซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกตัวก็รีบปรับสีหน้า จากนั้นก็ยิ้มพลางกล่าวว่า "ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย" ตอนนี้เป็นเวลางาน แถมเฉินเวินเหยียนก็มาแล้วด้วย เมื่อเห็นซ่งอวิ้นอวิ้นกำลังจะเปิดประตูรถ เจียงเย่าจิ่งก็กุมมือเธอเอาไว้แล้วพูดว่า "ในเมื่อพวกเราจะแสดงทั้งที ก็ต้องแสดงให้ถึงที่สุดไปเลยสิ" ซ่งอวิ้นอวิ้นมีสีหน้าสับสน เธอกะพริบดวงตากระจ่างใส ระหว่างที่พูด เจียงเย่าจิ่งก็โน้มตัวเข้ามาหา เธอจึงกระถดถอยตามสัญชาตญาณ ส่วนเจียงเย่าจิ่งกลับโอบรอบเอวเธอแล้วดึงรั้งให้เธอเข้ามาสู่อ้อมแขน จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางกล่าวว่า "เราเป็นสามีภรรยากัน ก็ต้องทำท่าให้เหมือนสามีภรรยากันสิ" เมื่อซ่งอวิ้นอวิ้นสบสายตาคลุมเครือ เธอก็กลืนน้ำลายอึกหนึ่งพร้อมแก้มร้อนผะผ่าว เจียงเย่าจิ่งหลุบเปลือกตาที่มีขนตาดกหนาลง ดวงตาสว่างเจิดจ้าราวกับดวงดาวที่กะพริบอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี "จูบฉันสิ" ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกลังเลใจ "..." ฮั่วซุน "..." …… บรรยากาศชะงักงันไปชั่วขณะ! เจียงเย่าจิ่งเอ่ยเตือนว่า "เฉินเวินเหยียนอยู่ที่นี่ เธอไม่อยากให้เขาหึงหรือไง?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเม้มปากพลางใจเต้นแรง จากนั้นเธอก็คล้องลำคอของ
ซ่งอวิ้นอวิ้นออกแรงมากเสียจนฝ่ามือชาหนึบ อีกทั้งดวงตายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธจัด "เธอเองก็เป็นหมอ น่าจะรู้ดีว่าการตั้งครรภ์ในระยะนี้ หากเจาะถุงน้ำคร่ำอาจจะทำให้แท้งบุตรได้ทุกเมื่อ ฉันตบเธอแล้วจะทำไม? นั่นยังเบาไปด้วยซ้ำ!” ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กล่ะก็ เธอไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไปแน่! เฉินเวินเหยียนไม่เคยประสบความพ่ายแพ้เช่นนั้นมาก่อน จะทนรับความขายหน้าได้อย่างไรกันเล่า! อีกฝ่ายดวงตาแดงก่ำ "ซ่งอวิ้นอวิ้น!" ขณะที่อีกฝ่ายยกมือขึ้นหมายจะลงไม้ลงมือ ก็ถูกใครสักคนคว้ามือเอาไว้! เมื่อหันไปก็เห็นเสิ่นจือเชียน อีกฝ่ายก็เอ่ยถามเสียงตะกุกตะกักว่า "คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" เสิ่นจือเชียนเหวี่ยงเธอไปข้าง ๆ "ถ้าฉันไม่อยู่แถวนี้ล่ะก็ เธออยากจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?" เฉินเวินเหยียนชี้นิ้วใส่ซ่งอวิ้นอวิ้น "เธอเป็นคนตบฉันก่อนนะ คุณไม่เห็นหน้าฉันหรือไง?" เสิ่นจือเชียนมองดู แต่กลับพูดว่า "เธอไปทำร้ายลูกในท้องของซ่งอวิ้นอวิ้นก่อนไม่ใช่หรือไงล่ะ?" เฉินเวินเหยียนไม่พูดอะไรอีก! เธอหันหลังเดินจากไปด้วยความเคียดแค้น โดยไม่ลืมที่จะเหลียวหลังกลับมามองซ่งอวิ้นอวิ้น "อย่าได้ใจนักเลย!" เมื่อเฉินเว
"ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ" ตอนนี้เฉินเวินเหยียนมั่นใจมาก! เธอจึงมีความมั่นใจที่จะพูดออกมา เจียงเย่าจิ่งมองเธอด้วยสายตาเมินเฉยพลางถามว่า "เงินขาดมืออีกหรือไง? คราวนี้อยากได้เงินเท่าไหร่ล่ะ?" "ฉันไม่ได้มาขอเงิน ฉันท้องลูกของคุณ" เธอหนิบผลอัลตร้าซาวด์ออกมายื่นให้เขา นี่เป็นผลอัลตร้าซาวด์ของซ่งอวิ้นอวิ้น ตอนที่เธอเจาะถุงน้ำคร่ำของซ่งอวิ้นอวิ้นก็ได้ทำเอาไว้แล้ว แต่บนนั้นกลับเป็นชื่อของเธอ เธอไม่ได้เจาะถุงน้ำคร่ำของซ่งอวิ้นอวิ้นเพื่อตรวจดูว่าเด็กเป็นลูกของเจียงเย่าจิ่งหริอเปล่า แต่เพื่อเอามาให้เจียงเย่าจิ่งดูต่างหากล่ะ! เจียงเย่าจิ่งไม่ตอบ แต่กลับทอดสายตามอง เขากวาดสายตาผ่าน ๆ ก็เห็นว่าช่วงเวลาตรงกัน แต่เขาก็ไม่เชื่อง่าย ๆ เพียงเพราะหลักฐานแค่นี้หรอก! "ฉันรู้ว่าคุณคงจะไม่เชื่อ" เฉินเวินเหยียนเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว เธอจึงมอบเซลล์ที่ได้จากการเจาะถุงน้ำคร่ำ เธอเก็บรักษาพวกมันเอาไว้ในกล่องเก็บความเย็นเป็นอย่างดี "ฉันเจาะถุงน้ำคร่ำมาแล้ว คุณเอาเซลล์ตัวอ่อนไปตรวจได้เลย" เจียงเย่าจิ่งหน้าเปลี่ยนสีในท้ายที่สุด ไม่มีวี่แววที่จะดีใจเลยสักนิด แต่กลับมองเฉินเวินเหยียนด้วยความสง
บรรยากาศในรถทั้งคันบีบคั้นกดดันมากทีเดียว! เมื่อเจียงเย่าจิ่งกลับมาถึงบ้าน เขาก็ขึ้นไปชั้นบนแล้วถามอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนักว่า "เธอหลับหรือยัง?" ป้าหวู่เอ่ยเสียงเบาว่า "คุณผู้หญิงยังไม่กลับมาเลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งชะงักไป เขายกมือขึ้นดูนาฬิกา เกือบสามทุ่มก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว ถ้าเธอยังไม่กลับมายังจะไปที่ไหนได้อีกเล่า? ผู้หญิงคนนี้ช่างอยู่ไม่สุขเลยจริง ๆ! นอกจากจะทำให้คนหงุดหงิดแล้ว ก็ยังทำให้คนโกรธอีกต่างหาก! ทันใดนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไปด้วยความโมโห! …… หลังเลิกงาน ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ถูกรถแท็กซี่พาไปที่อื่น เมื่อเธอมาถึง เธอก็เลยรู้ว่ากู้ฮว๋ายเป็นคนจัดแจงให้คนขับรถแท็กซี่คนนั้นเอง เธอถูกกู้ฮว๋ายลักพาตัว! สถานที่ก็คือบ้านพักส่วนตัวของกู้ฮว๋าย เขามัดซ่งอวิ้นอวิ้นแล้วเหวี่ยงลงบนเตียง เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงพลางถือแก้วไวน์แดงเอาไว้ในมือ ระหว่างที่ชื่นชมซ่งอวิ้นอวิ้นก็แกว่งไวน์แดงในแก้วไปด้วย "คราวนี้ฉันจะดูซิว่าเธอจะหนีไปได้ยังไง" เขาหัวเราะ ซ่งอวิ้นอวิ้นจ้องเขาตาเขม็ง "คุณลักพาตัวคน เป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ!" กู้ฮว๋ายหัวเราะด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ "ฉันรู้ เธอลืมเอ่ย
คราวนี้ถึงทีของกู้ฮว๋าย ถ้าหากเธอยังขัดขืนต่อไป กู้ฮว๋ายก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่จะให้ความร่วมมือ แต่ยังจะเล่นอะไรสนุก ๆ อีกต่างหาก ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลย "จริงเหรอ?" กู้ฮว๋ายสงสัย "คุณมัดฉันเอาไว้แบบนี้ ฉันยังจะเล่นอะไรได้อีกล่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยายามทำสีหน้าให้ผ่อนคลายและร่าเริงอย่างสุดความสามารถ กู้ฮว๋ายมองหน้าเธออยู่หลายอึดใจ บางทีอาจจะเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงยกกระเป๋าของเธอขึ้นมา เขาเจอยาอยู่ในนั้นจริง ๆ ด้วย กู้ฮว๋ายหยิบมาไว้ในมือแล้วอ่านฉลากที่บอกว่าไวอากร้า ซ่งอวิ้นอวิ้นยิ้มพลางกล่าวว่า "ฉันไม่ได้โกหกคุณใช่ไหมล่ะ?" "ทำไมเธอต้องพกของพรรค์นั้นเอาไว้กับตัวด้วยล่ะ?" กู้ฮว๋ายขมวดคิ้วแน่น ซ่งอวิ้นอวิ้นทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ประกอบกับท่าทางที่ราวกับสาวงามพิสุทธิ์ หรือว่าเธอก็มีด้านที่เป็นนางมารด้วย? ! "คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงดิบดีอะไรนักหนาหรือไง? ฉันมักจะเล่นเกมแมวไล่จับหนูกับคุณอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ รีบกินเข้าไปเถอะค่ะ เราจะได้มีเวลามาสนุกกัน!?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยกยิ้มมุมปาก เธอเป็นคนหน้าตาสวย ก็ตอนที่ยิ้มก็
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื