ในฐานที่เป็นหมอ เธอย่อมรู้ว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการแท้งบุตร สีหน้าของเธอซีดเผือด เจียงเย่าจิ่งสังเกตได้ว่าเธอมีบางอย่างผิดปกติแล้วถามว่า "เธอได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยายามทำตัวให้ดูมีชีวิตชีวาสุดกำลังแล้วส่ายหน้า "เปล่าหรอก" เมื่อเธอเดินออกมาจากห้อง เธอก็รักษาสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่จนเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา ถ้าเธอรักษาลูกเอาไว้ไม่ได้ เธอจะไม่มีทางปล่อยเฉินเวินเหยียนไปเด็ดขาด! ตอนที่เดินผ่านห้องรับแขก ซ่งอวิ้นอวิ้นก็เห็นบอดี้การ์ดหมดสติไปแล้ว ซ่งอวิ้นอวิ้นเคยเห็นคนพวกนี้มาก่อน พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนของกู้ฮว๋าย เธอเดินผ่านโดยไม่แยแสจนออกจากบ้านแล้วขึ้นรถ ทันทีที่เธอปิดประตูรถก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนอันน่าเวทนาดังมาจากบ้าน เป็นเสียงของกู้ฮว๋ายนั่นเอง เสียงที่ดังขึ้นแต่ละครั้งฟังดูชวนสังเวชยิ่งกว่าครั้งล่าสุดเสียอีก เธอไม่รู้ว่าเจียงเย่าจิ่งใช้วิธีอะไรกันแน่! ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่มีเวลาที่จะไปนึกถึงเรื่องนั้น เธอเอนตัวในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเพื่อให้ตัวเองได้พักผ่อนและไม่กล้าเคลื่อนไหวให้มากนัก! เสียงแผดร้องของกู้ฮว๋ายยังคงดังอยู่เป็นชั่วโมง กว่าเจียงเย่าจิ่งจะออกมา
"หานซิน เธอมันโง่จริง ๆ รู้ตัวบ้างไหม? เธอไม่เข้าใจความคิดของสามีตัวเองเสียด้วยซ้ำไป ช่างน่าสมเพชเสียจริง" ไป๋ซิ่วฮุ่ยกอดอกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอวดดีว่า "สามีของของเธอคิดจะให้ลูกสาวของเธอแต่งงานกับตระกูลเจียงเพื่อจะได้เกี่ยวดองกับพวกเขามาตั้งแต่แรกแล้ว เพื่อที่จะควบคุมลูกสาวของเธอ เขาถึงได้ไม่ยอมหย่ากับเธอยังไงล่ะ แต่เธอกลับคิดอะไรโง่ ๆ ว่าเขายังมีความรู้สึกให้เธอ ถ้าเขามีความรู้สึกให้เธอจริง ๆ ล่ะก็ เขาจะอยู่กับฉันมาถึงยี่สิบปีงั้นเหรอ? เขาจะยอมให้ลูกสาวของเธอแต่งเข้าตระกูลเจียงได้ยังไงกัน? ตระกูลเจียงเป็นตระกูลที่ร่ำรวยก็จริง แต่เจียงเย่าจิ่งก็ขึ้นชื่อเรื่องความอารมณ์ร้าย ในเมื่อยกลูกสาวของเธอให้เขาไป เธอคิดว่าลูกสาวของเธอจะยังอยู่ดีมีสุขได้อีกเหรอ? ถ้าเธอฉลาดก็จงหย่ากับลี่เฉิงแต่โดยเร็ว ไม่นานลูกสาวของเธอก็จะได้รอดพ้นจากสภาพน่าสมเพชแบบนี้สักที" "ธะ… เธอพูดจาเหลวไหล!" หานซินตะคอกใส่ด้วยความโกรธจัด แต่เธอไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ หมดสิ้นแล้วซึ่งพละกำลัง! หลังจากซ่งอวิ้นอวิ้นได้ยินเช่นนี้เข้า ร่างกายของเธอก็ส่ายโงนเงน นับตั้งแต่ครั้งที่เธอยังเยาว์วัย ซ่งลี่เฉิงมักจะสั่งให้เธอเรียนอ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้ปวดใจทว่าก็ยังสามารถทุเลาลงได้ เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "แม่คะ หนูได้ยินมาว่าแม่กำลังจะออกจากโรงพยาบาลเหรอคะ?" หานซินพยักหน้า "ใช่จ้ะ ตอนนี้แม่ดีขึ้นมากแล้ว แม่อยู่ในโรงพยาบาลมานานเหลือเกินจนอยากจะออกไปแล้วล่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่กลับไปพบแพทย์เจ้าของไข้ที่ดูแลแม่ของเธอ แพทย์บอกว่าเธอสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ขอเพียงใส่ใจดูแลตัวเองและหมั่นมาตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้บอกหานซิน ทว่ากลับบอกเธอว่า "แม่คะ แม่ต้องอดทนสักสองวันนะคะ" เธอต้องหาบ้านสักหลังเผื่อออกจากโรงพยาบาลไป ก็จะได้มีที่อยู่อาศัย หานซินพยักหน้าตอบตกลง "แม่คะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ตัดสินใจถามสิ่งที่คิด "แม่อยากจะหย่ากับพ่อหรือเปล่าคะ?" หานซินจึงพูดว่า "...ใช่" ซ่งอวิ้นอวิ้นเม้มปาก ถึงแม้ว่าเธอจะอยากให้คุณแม่ของเธอหย่าไปเสียเลย แต่ผ่านมาตั้งหลายปีขนาดนั้นท่านก็ยังไม่หย่า เมื่อสักครู่นี้ตอนที่เธอถามขึ้นมา หานซินเพียงแค่ตอบว่า "ใช่" แทนที่จะตอบว่า "อยากจะหย่า" "แม่คะ แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องของหนูหรอกนะคะ หนูโตแล้ว หนูมีงานทำแล้วก็หาเงินได
เสิ่นจือเชียนพยักหน้ารับ ร่างกายของซ่งอวิ้นอวิ้นแข็งทื่อ คล้ายกับโดนน้ำเย็นถ้วยใหญ่ เทลงไปที่หัวไหลเรื่อยลงไป เย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ใช่ว่าเจียงเย่าจิ่งบอกว่า ไม่ชอบเฉินเวินเหยียนหรอกหรอ?ไม่ชอบ แต่ทำให้เธอท้อง?“อวิ้นอวิ้น เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เสิ่นจือเชียนเห็นว่าสีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีนัก จึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ซ่งอวิ้นอวิ้นได้สติ รีบส่ายหน้าทันควัน “ฉันไม่เป็นอะไร” เมื่อเธอได้ยินว่าเฉินเวินเหยียนกำลังตั้งท้อง เธอรู้สึกเสียศูนย์อยู่ไม่น้อยแต่ไม่นานความรู้สึกนั้นก็คลายหายไป เจียงเย่าจิ่งจะทำดีกับใคร ก็ไม่ใช่ธุระของเธออีกทั้งเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจด้วยซ้ำ “อวิ้นอวิ้น เธอดูแปลก ๆ นะ ไม่ใช่ว่าเธอหลงรักเย่าจิ่งเข้าแล้วใช่ไหม?” เสิ่นจือเชียนกอดอกมองอย่างสงสัยหลังจากนั้นปฏิกิริยาของเธอก็เป็นตัวแสดงออกมาอย่างชัดเจน ซ่งอวิ้นอวิ้นเงยหน้ามองเสิ่นจือเชียน ถามออกไปว่า “ฉันเหมือนชอบเขารึไง?” เสิ่นจือเชียนพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิ”“ที่ฉันแสดงออกมาน่ะไม่ใช่เพราะชอบเจียงเย่าจิ่งหรอกนะ แต่เป็นเพราะความกังวัลน่ะ” เธอเดินไปที่ม้านั่งข้างทางเดินเพื่อนั่งลงแล้วพูดว่า “ฉันรู
เจียงเย่าจิ่งมองเธออย่างเงียบ ๆ เฉินเวินเหยียนถูกจับจ้องจนรู้สึกกลัว ท้ายที่สุดในท้องของเธอไม่มีอะไร เธอจึงกังวลหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เอ่ยปากพูดออกมาอย่างช้า ๆ “ถ้าในท้องของคุณเป็นลูกของผมจริง ๆ ผมก็จะรับ”เฉินเวินเหยียนดีใจจนแทบบ้า หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าเจียงเย่าจิ่งไม่แน่เธออาจหัวเราะออกมาดังลั่น ถึงกระนั้น ใบหน้าที่เอ่อล้นไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นก็ไม่อาจปกปิดได้มิด “ถ้าอย่างนั้นเพื่อเรื่องลูก คุณจะขอแต่งงานฉันแต่งงานไหมคะ?” ขณะที่เธอกำลังดีใจ จึงได้ถามออกไปน้ำเสียงเจียงเย่าจิ่งไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ เรียบเฉย เลือดเย็น ไร้หัวใจ “ไม่”เมื่อเฉินเวินเหยียนได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้ากลับต้องแข็งทื่อ “คุณหมายความว่ายังไงคะ?”“ง่ายมาก ฉันต้องการแค่ลูก” เจียงเย่าจิ่งใช้ความอดทนครั้งสุดท้าย พูดออกไปอย่างใจเย็นเฉินเวินเหยียนไม่สงบเสงี่ยมอีกต่อไป “ตอนนี้คุณกำลังจะพาฉันไปที่ไหน?”“โรงพยาบาล” ฮั่วซุนพูดขึ้น เขาหันกลับมามองเฉินเวินเหยียนเพียงครู่ “คุณจะได้คลอดลูก แต่แม่ของลูกจะเป็นใคร คนคนนั้นไม่มีวันเป็นคุณ”หากคำพูดเมื่อครู่ทำให้เธออยู่ไม่สุข ตอนนี้ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัว เธอถา
เจียงเย่าจิ่งตื่นขึ้น กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อฉุน ๆ ลอยมาเตะจมูก เขาลุกขึ้นอย่างช้า ๆ “คุณเจียง” เลขายื่นมือมาเพื่อจะช่วยพยุงเจียงเย่าจิ่งส่ายมือ พูด “ไม่ต้อง”เขาถามออกไปอย่างช้า ๆ “ฮั่วซุนเป็นอย่างไรบ้าง?”“ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตค่ะ ทำการผ่าตัดเล็กเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ยังไม่ฟื้นค่ะ” เลขาตอบ“ท่านได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะเล็กน้อย คุณหมอบอกว่า ท่านต้องได้รับการพักผ่อนค่ะ ท่านจะนอนอีกสักครู่ไหมคะ?”เมื่อเจียงเย่าจิ่งนึกถึงเลือดบนขาของเฉินเวินเหยียนริมฝีปากเม้มเข้าหากัน เข้าสู่ความเงียบ และถามออกมาว่า “เฉินเวินเหยียนเป็นอย่างไรบ้าง?”“คุณหมอบอกว่า แท้งแล้วค่ะ มีรอยถลอกตามร่างกายเล็กน้อย ไม่มีอะไรร้ายแรง ตอนที่ดิฉันมาถึง เธอเองก็เพิ่งฟื้น อยู่ห้องพักฟื้นห้องข้าง ๆ ค่ะ” คุณเลขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ให้ไปเรียกเธอมาไหมคะ?”เจียงเย่าจิ่งยกมือขึ้น แสดงออกว่าเขาไม่ต้องการ ใจของเขารู้สึกสับสน เขารังเกียจเฉินเวินเหยียนถึงขั้นที่ไม่ยอมให้เธอมาเป็นแม่ของลูก แต่ทว่า เขาไม่เคยมีความคิดที่ว่า จะทอดทิ้งลูกของตัวเอง ตอนนี้ลูกไม่อยู่แล้ว เขาที่เป็นพ่อ ภายในใจก็เป็
หากเธอยังครองตำแหน่งคุณผู้หญิงเจียงต่อไป ก็ดูท่าว่าจะเกินไปเสียหน่อยลมอ่อน ๆ พัดผ่านใบไม้พริ้วไหวฤดูร้อนหมดไปฤดูใบไม้ร่วงกำลังมาถึง แสงแดดไม่ได้จัดขนาดนั้นแล้ว เมื่อลมพัดมา รู้สึกได้ถึงความเย็นอ่อน ๆ เธอกระชับเสื้อ รีบเดินให้เร็วขึ้น เตรียมตัวกลับไปเพื่อทำอาหารมื้อเย็นด้วยตนเอง ตอนเย็นค่อยคุยกับเจียงเย่าจิ่งเรื่องการหย่าทันใดนั้นมีรถคนหนึ่งเลี้ยวมาตรงหน้าเธอ ขวางทางที่เธอกำลังไป คนหลายคนลงมาจากรถ ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบถุงพลาสติกสีดำพุ่งตรงมาสวมที่หัวเธอ ปิดปาก ลากเธอขึ้นรถ และขับออกไป “อื้อ…”ซ่งอวิ้นอวิ้นถูกจับมัด ขยับร่างกายไม่ได้เลยไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหนแล้ว เธอถูกลากออกมาจากรถ ภาพตรงหน้ามืดสนิทมองไม่เห็นใครสักคน แต่ว่าไม่มีใครปิดปากเธอ “พวกแกเป็นใคร? ทำไมต้องจับฉันมาด้วย?”“778VQ คันนี้รถแกใช่ไหม?”ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบ นี่คือรถที่แม่ใช้เงินเก็บของตัวเองซื้อให้เธอหลังจากได้ไปทำงาน บอกว่ามันสะดวกต่อการไปกลับที่ทำงาน เธอเองก็ขับมาตลอด แต่หลังจากที่แต่งงานกับตระกูลเจียง รถก็จอดอยู่ที่บ้านตระกูลซ่งมาตลอด “ทำไม…”ยังไม่ทันได้ถามอะไร เธอถูกเตะอย่างแรง ร่างกายของเธอขดง
“พ่อ แม่ พ่อกับแม่ต้องช่วยผมนะ ไม่งั้นผมโดนจับเข้าคุกแน่” ซ่งรุ่ยเจี๋ยพูดด้วยความตื่นตระหนก พร้อมทั้งเขย่าแขนของไป๋ซิ่วฮุ่ย ซ่งลี่เฉิงมองดูท่าทางสิ้นหวังของลูกชาย จึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “แกไปก่อเรื่องอะไรมาอีก?”คำว่าอีก เป็นตัวบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาที่สร้างปัญหา“ผม ไม่ใช่เพราะผมต้องสอบใบขับขี่หรือไงเล่า รถพี่จอดอยู่ตรงนั้น ผมก็แค่อยากจะฝึกเอง ใครมันจะไปรู้ว่ารถมันจะชน…”“อะไรนะ?!” ซ่งลี่เฉิงโมโหจนแทบบ้า “คราวที่แล้ว แกก็เกือบเอาไม้เสียบบาร์บีคิวแทงตาชาวบ้านเขา ฉันทั้งต้องจ่ายเงิน ต้องเอาของขวัญไปขอโทษเขาเรื่องถึงจะจบ นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน แกก็ก่อเรื่องอีกแล้ว สอบใบขับขี่ยังไม่ทันผ่าน ก็กล้าขับรถซะแล้ว แกนี่มันรนหาที่จริง ๆ”“ลี่เฉิง อย่าโมโหไปเลยค่ะ คุณมีลูกชายอยู่แค่คนเดียวนะคะ ต้องหาทางช่วยเขาสิ ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ จะให้ติดคุกได้ยังไง ติดคุกขึ้นมาจะมีอนาคตที่ไหนกัน รถเป็นของอวิ้นอวิ้นไม่ใช่หรือ ก็บอกว่าเป็นซ่งอวิ้นอวิ้นไปสิ…”“ไป๋ซิ่วฮุ่ย ฝันไปเถอะ!” หานซินไม่เคยแข็งกร้าวขนาดนี้มาก่อน นี่คงเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิตของเธอ “อย่ามาผลักภาระของลูกชายเธอใ
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื