เจียงเย่าจิ่งตื่นขึ้น กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อฉุน ๆ ลอยมาเตะจมูก เขาลุกขึ้นอย่างช้า ๆ “คุณเจียง” เลขายื่นมือมาเพื่อจะช่วยพยุงเจียงเย่าจิ่งส่ายมือ พูด “ไม่ต้อง”เขาถามออกไปอย่างช้า ๆ “ฮั่วซุนเป็นอย่างไรบ้าง?”“ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตค่ะ ทำการผ่าตัดเล็กเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ยังไม่ฟื้นค่ะ” เลขาตอบ“ท่านได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะเล็กน้อย คุณหมอบอกว่า ท่านต้องได้รับการพักผ่อนค่ะ ท่านจะนอนอีกสักครู่ไหมคะ?”เมื่อเจียงเย่าจิ่งนึกถึงเลือดบนขาของเฉินเวินเหยียนริมฝีปากเม้มเข้าหากัน เข้าสู่ความเงียบ และถามออกมาว่า “เฉินเวินเหยียนเป็นอย่างไรบ้าง?”“คุณหมอบอกว่า แท้งแล้วค่ะ มีรอยถลอกตามร่างกายเล็กน้อย ไม่มีอะไรร้ายแรง ตอนที่ดิฉันมาถึง เธอเองก็เพิ่งฟื้น อยู่ห้องพักฟื้นห้องข้าง ๆ ค่ะ” คุณเลขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ให้ไปเรียกเธอมาไหมคะ?”เจียงเย่าจิ่งยกมือขึ้น แสดงออกว่าเขาไม่ต้องการ ใจของเขารู้สึกสับสน เขารังเกียจเฉินเวินเหยียนถึงขั้นที่ไม่ยอมให้เธอมาเป็นแม่ของลูก แต่ทว่า เขาไม่เคยมีความคิดที่ว่า จะทอดทิ้งลูกของตัวเอง ตอนนี้ลูกไม่อยู่แล้ว เขาที่เป็นพ่อ ภายในใจก็เป็
หากเธอยังครองตำแหน่งคุณผู้หญิงเจียงต่อไป ก็ดูท่าว่าจะเกินไปเสียหน่อยลมอ่อน ๆ พัดผ่านใบไม้พริ้วไหวฤดูร้อนหมดไปฤดูใบไม้ร่วงกำลังมาถึง แสงแดดไม่ได้จัดขนาดนั้นแล้ว เมื่อลมพัดมา รู้สึกได้ถึงความเย็นอ่อน ๆ เธอกระชับเสื้อ รีบเดินให้เร็วขึ้น เตรียมตัวกลับไปเพื่อทำอาหารมื้อเย็นด้วยตนเอง ตอนเย็นค่อยคุยกับเจียงเย่าจิ่งเรื่องการหย่าทันใดนั้นมีรถคนหนึ่งเลี้ยวมาตรงหน้าเธอ ขวางทางที่เธอกำลังไป คนหลายคนลงมาจากรถ ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบถุงพลาสติกสีดำพุ่งตรงมาสวมที่หัวเธอ ปิดปาก ลากเธอขึ้นรถ และขับออกไป “อื้อ…”ซ่งอวิ้นอวิ้นถูกจับมัด ขยับร่างกายไม่ได้เลยไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหนแล้ว เธอถูกลากออกมาจากรถ ภาพตรงหน้ามืดสนิทมองไม่เห็นใครสักคน แต่ว่าไม่มีใครปิดปากเธอ “พวกแกเป็นใคร? ทำไมต้องจับฉันมาด้วย?”“778VQ คันนี้รถแกใช่ไหม?”ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบ นี่คือรถที่แม่ใช้เงินเก็บของตัวเองซื้อให้เธอหลังจากได้ไปทำงาน บอกว่ามันสะดวกต่อการไปกลับที่ทำงาน เธอเองก็ขับมาตลอด แต่หลังจากที่แต่งงานกับตระกูลเจียง รถก็จอดอยู่ที่บ้านตระกูลซ่งมาตลอด “ทำไม…”ยังไม่ทันได้ถามอะไร เธอถูกเตะอย่างแรง ร่างกายของเธอขดง
“พ่อ แม่ พ่อกับแม่ต้องช่วยผมนะ ไม่งั้นผมโดนจับเข้าคุกแน่” ซ่งรุ่ยเจี๋ยพูดด้วยความตื่นตระหนก พร้อมทั้งเขย่าแขนของไป๋ซิ่วฮุ่ย ซ่งลี่เฉิงมองดูท่าทางสิ้นหวังของลูกชาย จึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “แกไปก่อเรื่องอะไรมาอีก?”คำว่าอีก เป็นตัวบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาที่สร้างปัญหา“ผม ไม่ใช่เพราะผมต้องสอบใบขับขี่หรือไงเล่า รถพี่จอดอยู่ตรงนั้น ผมก็แค่อยากจะฝึกเอง ใครมันจะไปรู้ว่ารถมันจะชน…”“อะไรนะ?!” ซ่งลี่เฉิงโมโหจนแทบบ้า “คราวที่แล้ว แกก็เกือบเอาไม้เสียบบาร์บีคิวแทงตาชาวบ้านเขา ฉันทั้งต้องจ่ายเงิน ต้องเอาของขวัญไปขอโทษเขาเรื่องถึงจะจบ นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน แกก็ก่อเรื่องอีกแล้ว สอบใบขับขี่ยังไม่ทันผ่าน ก็กล้าขับรถซะแล้ว แกนี่มันรนหาที่จริง ๆ”“ลี่เฉิง อย่าโมโหไปเลยค่ะ คุณมีลูกชายอยู่แค่คนเดียวนะคะ ต้องหาทางช่วยเขาสิ ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ จะให้ติดคุกได้ยังไง ติดคุกขึ้นมาจะมีอนาคตที่ไหนกัน รถเป็นของอวิ้นอวิ้นไม่ใช่หรือ ก็บอกว่าเป็นซ่งอวิ้นอวิ้นไปสิ…”“ไป๋ซิ่วฮุ่ย ฝันไปเถอะ!” หานซินไม่เคยแข็งกร้าวขนาดนี้มาก่อน นี่คงเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิตของเธอ “อย่ามาผลักภาระของลูกชายเธอใ
เมื่อพูดจบก็เดินขึ้นชั้นบนไป ไป๋ซิ่วฮุ่ย โกรธลูกชายเธอมาก แต่จะไม่แยแสก็ไม่ได้ ทำได้แค่ฟังซ่งลี่เฉิงเพียงเท่านั้น“ไป บอกแม่มาว่าเกิดเรื่องตรงไหน!” ไป๋ซิ่วฮุ่ยดึงลูกชายของเธอ“พ่อเขา…”ซ่งรุ่ยเจี๋ยมีสิ่งที่อยากจะพูด แต่ถูกไป๋ซิ่วฮุ่ย ขัดไว้ “ไม่ต้องไปยุ่งกับพ่อ รีบไปจัดการเรื่องของตัวเองซะ เพราะแก ทำให้ฉันมองหน้าพ่อแกไม่ติดแล้ว!”……เมื่อซ่งลี่เฉิงถึงชั้นบน เห็นหานซินกำลังเก็บกระเป๋า เขาเดินไป ดึงเสื้อผ้าในมือของเธอออก “พวกเราเป็นผัวเมียกันมาครึ่งค่อนชีวิต คุณคิดว่าหย่าไปแล้วมันจะได้อะไร?”หานซินยิ้มเยือกเย็น “ไม่หย่า แล้วจะรอให้คุณหลอกใช้ฉัน รอให้คุณทำลายลูกสาวฉันงั้นเหรอ?”“ผมจะทำลายลูกสาวคุณได้ยังไง? ตั้งแต่เล็กจนโตผมหมดเงินไปตั้งเท่าไหร่ ส่งให้เรียนไปตั้งเท่าไหร่ คุณไม่รู้เลยรึไง?”“แล้วคุณให้ลูกเรียนพวกนั้นไปทำไม คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่ต้องให้ฉันพูดมากหรอก ซ่งลี่เฉิง ตั้งแต่ที่คุณใช้เรื่องที่ฉันป่วย มาขู่ให้อวิ้นอวิ้นต้องแต่งงาน ฉันก็ยอมแพ้แล้ว เดิมทีฉันคิดว่า ที่คุณไปมีผู้หญิงคนอื่น เพราะฉันมีลูกชายให้คุณไม่ได้ก็เท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว คุณไม่เคยรักฉันและอ
“ผมเสิ่นจือเชียนครับ อวิ้นอวิ้นได้รับบาดเจ็บ กำลังอยู่ในห้องผ่าตัดครับ” เสื่นจือเฉียนยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดหานซินถามขึ้นในทันที “เกิดอะไรขึ้น? ลูกแม่ได้รับบาดเจ็บเหรอ?”เสิ่นจือเชียนตอบ “ครับ”“อยู่ที่โรงพยาบาลไหน?” หานซินร้อนใจดั่งโดนแผดเผา เป็นกังวลจนแทบบ้า“โรงพยาบาลกองทัพภาคที่สองครับ”“เข้าใจแล้ว” หานซินวางสาย รีบเรียกรถเพื่อมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ณ โรงพยาบาล ในห้องผ่าตัด ซ่งอวิ้นอวิ้นคว้าแขนหมอที่จะทำการผ่าตัดให้เธอ “ลูกของฉัน ยังพอมีหวังไหมคะ?”เมื่อตรวจดูแล้ว มีหนึ่งชีวิตที่ไม่อาจยื้อไว้ได้ เพราะเขาจากเราไปแล้ว แต่ยังเหลืออีกหนึ่งชีวิตที่ยังต้องปกป้อง “คุณมั่นใจแล้วใช่ไหม?”ซ่งอวิ้นอวิ้นน่าซีด ริมฝีปากแห้งแตกจนมีเลือดซึม พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ฉันมั่นใจค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”คุณหมอพูด “ผมจะพยายามให้สุดความสามารถครับ”หมอที่ทำการผ่าตัดให้ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นนรีแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลกองทัพภาคที่สอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเก่งขนาดไหนเสิ่นจือเชียนอยู่แผนกศัลยกรรมทรวงอก ดังนั้น เขาจึงหานรีแพทย์ที่เก่งที่สุดเพื่อรักษาซ่งอวิ้นอวิ้นเขาที่เห็นสภาพของซ่งอวิ้นอวิ้นในตอนนั้น ท
เสิ่นจือเชียนรินน้ำให้เธอเธอดื่มไปครึ่งแก้ว พอบรรเทาอาการคอแห้งได้บ้างภายในปากไม่ได้รู้สึกขมขนาดนั้นแล้ว แต่ทว่าไม่ว่าส่วนไหนบนร่างกายก็เจ็บปวด“เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำ?” ในที่สุดเสิ่นจือเชียนก็อดไม่ได้ที่จะถาม“คงไม่ใช่เฉินเวินเหยียนทำใช่ไหม?” เขาคาดเดา ซ่งอวิ้นอวิ้นส่ายหน้าถ้าไม่ใช่เพราะแม่บอกว่า ซ่งรุ่ยเจี๋ยขับรถของเธอ เธอก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกันแต่ทว่าตอนนี้เธอกระจ่างแล้วถ้าเธอเดาไม่ผิด คนที่ซ่งรุ่ยเจี๋ยขับรถชนคือเจียงเย่าจิ่ง ถ้าหากสถานการณ์รุนแรง คงจะให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วม แต่เจียงเย่าจิ่งกลับสั่งสอนเป็นการส่วนตัว คงไม่ได้บาดเจ็บมากนัก เขาคงแค่โมโหเมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนคนที่ขับรถชนคือน้องชายต่างแม่ของเธอ แล้วที่มาทำร้ายเธอเช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมไปหน่อยไหม?“พี่ ฉันจะหย่ากับเจียงเย่าจิ่ง เสียลูกไปแล้วตั้งหนึ่งคน ถ้าฉันยังอยู่กับเขาต่อไป ลูกอีกคน ฉันคงปกป้องเขาไว้ไม่ได้” เธอพูดเสียงอ่อน “ฉันเตรียมจะสารภาพกับเขาเรื่องท้องแล้ว”เสิ่นจือเชียนพยักหน้า “เธอทำถูกแล้ว”ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้ซ่งอวิ้นอวิ้นหย่ากับเจียงเย่าจิ่งหรอกนะ แต่ทว่าพวกเขาทั้
เจียงเย่าจิ่งรับมา ด้านบนแสดงรายละเอียดของซ่งอวิ้นอวิ้น เขาขมวดคิ้ว “นี่คือคนขับที่ต้องรับผิดชอบงั้นหรือ?”เขาเห็นว่าคนขับคือเด็กผู้ชาย!เลขาไม่รู้ว่าทำไมสีหน้าของเจียงเย่าจิ่งเปลี่ยนไป แต่ก็ตอบไปตามความเป็นจริงว่า “รถคันที่ประสบอุบัติเหตุ เป็นชื่อของคุณซ่งคนนี้ค่ะ…” “รถเป็นชื่อเธอก็แน่ใจเลยหรอว่าเธอเป็นคนขับ?” เจียงเย่าจิ่งลงมาจากเตียงผู้ป่วย จ้องเลขาด้วยสายตาเยือกเย็น “คนที่คุณไปสั่งสอนคือซ่งอวิ้นอวิ้นงั้นเหรอ?”เลขาก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร“ฉันถาม!”เจียงเย่าจิ่งเดือดดาล เลขาจำเป็นต้องตอบไปว่า “ค่ะ”เจียงเย่าจิ่งหายใจเข้าลึก ๆ เลขารีบขอโทษ “ขออภัยค่ะ ดิฉันไม่รอบคอบเอง”เจียงเย่าจิ่งไม่ได้สนใจเธอ รีบเดินออกไปด้านนอกโดยเร็ว เฉินเวินเหยียนยืนอยู่หน้าประตู เธออยากพบเจียงเย่าจิ่งหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ เธอจะพูดอย่างเต็มปากว่าลูกของเธอไม่อยู่แล้ว คาดว่า เจียงเย่าจิ่งก็คงไม่พูดอะไร“เจียงเย่า…” เธอเอื้อมมือไปข้างหน้าเพื่อคว้าแขนของเขาไว้ เจียงเย่าจิ่งสะบัดมือเธออย่างโกรธเคือง “ไสหัวไป!”เฉินเวินเหยียนล้มลงกับพื้น แต่ก็ไม่มีใครสนใจเธอเลย เลขารีบวิ่งออกไปด้านนอกอย่า
“ซ่งอวิ้นอวิ้น!” เสียงของเขาแผดสูง เปล่งเสียงคำรามออกมา หน้าของขาแดงก่ำ จนกลายเป็ยเขียว ภายในลำคอคล้ายว่าจะระเบิด เขาจับไปที่คอของเธอ “เธอเชื่อไหม ฉันอยากจะบีบคอเธอให้ตายไปซะตอนนี้เลย?”ซ่งอวิ้นอวิ้นพูด “ฉันเชื่อนะ แต่ฉันไม่กลัว”ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและขุ่นเคือง “เจียงเย่าจิ่ง ฉันเกลียดคุณ!”“เพราะว่าฉัน ทำร้ายผิดคนสินะ ทำให้เธอต้องเสียลูกไป ดังนั้นเธอก็เลยเกลียดฉันงั้นสิ?” เจียงเย่าจิ่งไม่รอคำตอบของเธอ พูดต่อไปว่า “ก็คิดซะว่าไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วกัน อย่างไรซะฉันก็ไม่มีวันให้เธอคลอดลูกชู้มาให้ฉันรังเกิจหรอก เพราะฉันก็จะซ้อมเธออยู่ดี พอดีว่าตอนนี้ ฉันคงไม่ต้องลงมือเองแล้ว ดูท่าแล้ว พระเจ้าคงไม่ได้อยากให้เธอคลอดลูกชู้ ถึงได้บันดาลให้เกิดเหตุอัปยศนี้ขึ้น!”ประโยคที่เขาพูดว่าลูกชู้ แทงทะลุหัวใจของซ่งอวิ้นอวิ้น“เจียงเย่าจิ่งฉันเกลียดคุณ เกลียดจนอยากให้คุณตาย!” ทันใดนั้นเธอก็คลุ้มคลั่งนัยน์ตาของเธอไม่เพียงแค่แสดงความเกลียดชัง แต่ยังเอ่อล้นไปด้วยความเคียดแค้น!เพราะว่าเธอเสียลูกไป ถึงขั้นอยากให้เขาตายเลยงั้นหรือ?!เจียงเย่าจิ่งบีบคอของเธอ เขย่าไปมา เขาค่อย
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื