บรรยากาศในห้องทำงานชั้นบนสุดของ “วัชรานนท์ กรุ๊ป” เงียบสงบจนผิดปกติ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดงานของใคร หากแต่เป็นเพราะ เจ้าของห้อง...เดินออกไปติดตามใครบางคนแทบจะตลอดวัน
"เธออยู่ไหน ฉันไปด้วย"
"ประชุมใช่ไหม เดี๋ยวฉันนั่งรอ"
"เลิกงานแล้ว? เดี๋ยวไปรับ"
...คำพูดที่คิรันไม่เคยพูดกับใคร กลับกลายเป็นสิ่งที่ ไอรีน ได้ยินทุกวันในช่วงหลัง
และที่มากกว่านั้น—เขายัง “ทำ” ตามที่พูด...ไม่ขาดตกแม้แต่วันเดียว
จากคนที่เคยเย็นชา กลับกลายเป็น เงาตามติด ที่ไอรีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวที่สุดไม่ใช่การตามติด
แต่เป็น “ความใส่ใจเงียบ ๆ” ที่เขาไม่เคยพูด...แต่ลงมือทำทุกครั้งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อย
เสื้อโค้ตตัวหนาที่เขาคลุมให้
ของกินยามดึกที่เธอชอบแต่ไม่เคยบอกใคร
และการนั่งรอเธอจนดึกดื่นโดยไม่บ่นแม้สักคำเดียว
แต่ถึงอย่างนั้น...
"นายยังดูเครียดอยู่นะครับ..."
เสียงของธันวาดังขึ้นหลังจากเขาโดนเรียกตัวเข้าพบทันทีที่ไอรีนเดินพ้นสายตา
คิรันยืนกอดอก มองออกไปนอกกระจกสูงของตึกระฟ้า สีหน้าเคร่งขรึม
"ฉันทำทุกอย่างแล้ว...แต่ดูเหมือนเธอยังมีกำแพงอยู่ในใจ"
"มันไม่แปลกหรอกครับ... เธอผ่านอะไรมาเยอะ คนแบบนั้นจะให้ใจง่าย ๆ ได้ยังไง"
"..."
"แต่ถ้านายอยากให้เธอเชื่อใจจริง ๆ... ก็แค่พูดออกไปครับ"
คิรันหันขวับ
"พูด?"
"ใช่ครับ พูดความรู้สึกของนายออกไป ตรง ๆ...ไม่ต้องซ่อน ไม่ต้องกดไว้ นายพูดไม่เก่ง ผมรู้ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงจากใจ ต่อให้คำเดียว...เธอก็จะเข้าใจ"
คิรันเงียบไปนาน ก่อนจะพึมพำเสียงต่ำ
“…ฉันจะลองดู”
คืนนั้น
ไอรีนยืนงุนงงอยู่หน้าร้านอาหารหรูใจกลางเมือง ชุดเดรสผ้าพลิ้วสีครีมที่เธอสวมอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่เธอเตรียมมาเอง
แต่มันอยู่ในห้องเธอ...พร้อมโน้ตเขียนมือที่มีเพียงคำว่า
“เจอกัน 1 ทุ่ม”
เสียงเปียโนคลอเบา ๆ
บรรยากาศใต้แสงเทียนที่ล้อมรอบด้วยดอกกุหลาบขาว
และโต๊ะอาหารริมระเบียงที่มีเพียง เขา...นั่งรออยู่แล้ว
"คุณ..."
เธอก้าวเข้าไปอย่างไม่มั่นใจ
"นั่งสิ"
เขาผายมือไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ดวงตาคมเข้มไม่ได้ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว
มื้อค่ำดำเนินไปอย่างเงียบงัน
เขาตักอาหารให้เธอโดยไม่พูดอะไร
แต่ไอรีนกลับรู้สึกได้ถึงแรงบางอย่างในสายตานั้น...แรงที่ไม่ใช่ความโกรธหรือหึง
แต่เป็น ความอัดอั้น
จนกระทั่งเขาวางช้อนลง
เขากำชับมือแน่นใต้โต๊ะ ข้อนิ้วขาวซีดจากแรงกด
ไม่ใช่เพราะเขาไม่กล้า... แต่เพราะเขากลัว
กลัวว่าถ้าพูดออกไป แล้วเธอเงียบ... เขาจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกเลย
"...ฉันมีเรื่องจะพูด"
ไอรีนชะงัก ก่อนวางช้อนตาม
คิรันสบตาเธอตรง ๆ ไม่มีหลบ ไม่มีลังเล
“ฉันไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนอ่อนโยน ไม่ใช่คนที่พูดเก่ง หรือมีคำหวานให้ใครมากนัก”
“ฉันเข้มงวด เจ้าระเบียบ โหด เห็นแก่ตัว...”
เสียงเขาแผ่วลง “...แต่มีอยู่สิ่งเดียว ที่ฉันรู้ว่าฉันไม่เคยลังเลเลยตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเธอ”
ไอรีนไม่กล้าขยับแม้แต่นิด
หัวใจเธอเต้นแรง จนแทบกลั้นหายใจ
"เธอต้องเป็นผู้หญิงของฉัน"
คำพูดนั้นเรียบ...แต่หนักแน่น
เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความลังเล
“ไม่ว่าจะเมื่อวาน วันนี้ หรือวันไหน...ฉันก็จะไม่ปล่อยให้ใครพรากเธอไปจากฉันได้อีก”
"คุณ..." เสียงเธอสั่นไหว ดวงตาร้อนผ่าว
คิรันลุกขึ้น เดินอ้อมโต๊ะมาใกล้
เขาโน้มตัวลงจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับเธอ
สายตาแน่วแน่ ริมฝีปากอยู่ห่างกันเพียงนิ้ว
"จำไว้ ไอรีน..." เขากระซิบเสียงแผ่ว แต่ชัดทุกถ้อยคำ
"...เธอคือผู้หญิงของฉัน และจะเป็นแบบนั้น...ตลอดไป"
คำพูดนั้น... “เธอคือผู้หญิงของฉัน”
ดังก้องอยู่ในหัวไอรีนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอเงยหน้ามองเขา...คนที่ไม่เคยเอ่ยคำหวาน ไม่เคยยิ้มง่าย ไม่เคยแสดงความรู้สึกใดชัดเจน แต่กลับพูดคำนั้นกับเธอ...ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และจริงจังที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้น...หัวใจของผู้หญิงที่เคยถูกหลอก เคยถูกทอดทิ้ง ยังไม่อาจเชื่อได้ง่าย ๆ
"...คุณหมายความว่าไงกันแน่คะ" ไอรีนถามเสียงแผ่ว แต่แววตามุ่งมั่น "ที่คุณพูด...มันหมายถึงแค่ความครอบครอง หรือ...คุณรู้สึกกับฉันจริง ๆ?"
คิรันนิ่งไป
แววตาเขาคมกริบ ราวกับใช้เวลาเลือกคำตอบในใจอย่างรอบคอบ ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะขยับช้า ๆ
“...ฉันไม่ใช่คนพูดว่ารักได้ง่าย ๆ”
เขายอมรับตรง ๆ ตามสไตล์ของเขา
"แต่ทุกอย่างที่ฉันทำไป...ก็เพื่อบอกให้เธอรู้ ว่าฉัน...รู้สึกกับเธอมากแค่ไหน"
ไอรีนเบือนหน้าหนีไปเล็กน้อย หัวใจเธอเต้นแรงจนน่ากลัว
มันไม่ใช่คำพูดหวาน ๆ เหมือนในนิยาย ไม่ใช่คำว่ารักซ้ำ ๆ ซาก ๆ
แต่มันกลับแน่นไปถึงอก—เพราะเป็นคำสารภาพที่ มาจากเขา...คนที่เธอคิดว่าไม่มีวันจะยอมเปิดใจให้ใครง่าย ๆ
"...ฉันอาจเริ่มต้นทุกอย่างผิด"
เสียงเขาต่ำและหนักแน่น "ข่มขู่เธอ ใช้เรื่องเงินตรา...ลากเธอเข้ามาในชีวิตฉัน"
เขาสบตาเธอตรง ๆ
"แต่ตอนนี้...ฉันไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากเธอ"
ดวงตาไอรีนเริ่มร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ใช่...เขาไม่เคยพูดคำว่ารักออกมาตรง ๆ
แต่ทุกการกระทำที่ผ่านมา มันชัดเจนจนเธอปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว
ผู้ชายที่เคยเย็นชา...แต่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ
ผู้ชายที่ไม่ไว้ใจใคร...แต่กลับเชื่อใจเธอทุกเรื่อง
ผู้ชายที่ไม่เคยโอบใคร...แต่กลับคอยกอดเธอในวันที่เธออ่อนแอที่สุด
เธอยืนขึ้นช้า ๆ
"ถ้าฉัน...ยอมรับว่าฉันเองก็รู้สึกเหมือนกัน"
เสียงเธอสั่นน้อย ๆ ขณะที่สบตาเขา
"คุณจะไม่ผลักฉันออกใช่ไหม?"
คิรันไม่ตอบด้วยคำพูด เขาแค่ก้าวเข้ามา
แล้วโอบเธอเข้าไปในอ้อมแขนแน่นแต่แผ่วเบา ราวกับกลัวเธอจะหายไป
ริมฝีปากเขากระซิบข้างหูเธอ
"ฉันจะไม่ยอมให้ใครแย่งเธอไป..."
"...ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม"
ประโยคนั้นแทบทำให้หัวใจไอรีนเต้นผิดจังหวะ
แขนของเขาที่โอบอยู่ข้างหลังเริ่มรัดแน่นขึ้น
และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง...
เขาก็โน้มลงมาช้า ๆ
จูบริมฝีปากของเธออย่างลึกซึ้งและมั่นคง
จูบที่ไม่มีคำขออนุญาต...แต่ตราตรึงหัวใจ
ลมหายใจของเขาแผ่วร้อน กลิ่นกายคุ้นเคยอบอวลในอากาศ
มือของเขาประคองใบหน้าเธอไว้แผ่วเบา ขณะที่เรียวปากบดจูบลงมาราวกับจะสลักความรู้สึกลงไปในหัวใจเธอ
“คิรัน…” เธอพึมพำเสียงสั่น ขณะที่ปลายจมูกเขาซุกลงที่ซอกคอ
จูบซับเหงื่อเบา ๆ ก่อนจะไล้ปลายลิ้นสัมผัสผิวนุ่มอย่างแผ่วเบาแต่ร้อนแรง
เขากระซิบเสียงพร่า
“คืนนี้...ฉันจะให้เธอรู้ ว่าความรู้สึกของฉันมันชัดแค่ไหน”
ในห้องนอนหรูของคิรัน
เสื้อสูทถูกรูดออกด้วยมือเขาเอง
ตามด้วยชุดเดรสของเธอที่ค่อย ๆ หลุดลอยลงกับพื้น
อ้อมแขนเขาแน่นขึ้น...
ลมหายใจเธอถี่ขึ้น...
ค่ำคืนแห่งการยอมรับซึ่งกันและกัน...
กลายเป็นค่ำคืนที่เขา “รัก” เธอด้วยร่างกายและหัวใจไปพร้อมกัน
เสียงหอบหายใจ แววตาหนักลึก และจูบเร่าร้อนที่ไม่มีที่สิ้นสุด
คือคำสารภาพอีกแบบ...ที่ไม่ต้องใช้คำพูดเลยแม้แต่น้อย
แม้จะไม่มีใครออกปากพูดตรง ๆแต่ทุกคนในบริษัทวัชรานนท์ กรุ๊ป ก็รับรู้ได้ชัดเจน—ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในชั้นบริหาร...เปลี่ยนไปทุกอย่างเริ่มมีสี...สีชมพูจาง ๆ ที่เคลือบเคลื่อนอยู่ในอากาศตั้งแต่วันที่คิรันประกาศด้วยสายตาและการกระทำ ว่า“ไอรีน คือผู้หญิงของเขา”เขาไม่ได้พูดบ่อยแต่ทุกการกระทำ กลับชัดเจนจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกไอรีนในชุดสูทเรียบหรู เดินเคียงข้างเขาในงานเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไอรีนที่เขาคอยตักอาหารให้ในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงานไอรีนที่เขายืนรอหน้าลิฟต์ทุกเช้า—ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยรอใครแม้จะยังมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่บ้าง ว่าผู้หญิงอย่างเธอ...ไม่คู่ควรกับคนอย่างเขาแต่เสียงเหล่านั้นกลับเบาลงอย่างรวดเร็ว—เพราะถ้า “เขา” รู้เข้า...ไม่ใช่แค่โดนตำหนิ แต่ “โดนไล่ออก” แบบไม่มีข้อแม้ธันวา...มือขวาคู่ใจของคิรันทำหน้าที่เหมือนเรดาร์ลับ คอยสแกนทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวและรายงานให้นายใหญ่รู้ก่อนจะมีใครทำเรื่อง “เกินข
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd
เสียงเครื่องบดกาแฟทำงานดังครืดคราด ผสมกับเสียงพนักงานพูดคุยกันเบา ๆ ในร้านกาแฟของบริษัท ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ ตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับประเทศไอรีน วรากร นักศึกษาปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ ทำงานพาร์ทไทม์ในคาเฟ่เพื่อส่งตัวเองเรียน เจ้าของความสูง 165 ซม. หุ่นดี ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีดำขลับ สาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการชงลาเต้ให้ลูกค้า มือเรียวสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า เพราะนี่เป็นกะเช้าของเธอที่เริ่มตั้งแต่หกโมงตรงเธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อมา โชคชะตาจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง…บรรยากาศในร้านที่เคยสงบเงียบเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ ร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์หรู ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับออร่าอันเยือกเย็นและทรงพลัง พนักงานหลายคนรีบยืนตัวตรงแทบจะทันที บางคนก้มหน้า บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆคิรัน วัชรานนท์ วิศวกรหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ นักธุรกิจหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด เถื่อน และไร
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นกระเบื้องแกรนิตของตึก ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ อย่างต่อเนื่อง ไอรีนเดินตามหลังร่างสูงสง่าไปด้วยความกดดัน แม้เธอจะมีความสูงพอสมควร แต่เมื่อเดินข้างคิรัน เธอกลับรู้สึกตัวเล็กลงไปถนัดตา ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยตั้งแต่ออกจากร้านกาแฟ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงันที่น่าอึดอัด“จะพาฉันไปไหนคะ?” ไอรีนอดถามขึ้นมาไม่ได้ ขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของตึก“ห้องทำงานของฉัน” คิรันตอบเสียงเรียบ พลางกดรหัสลับเพื่อเข้าไปยังชั้นพิเศษไอรีนเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าถามอะไรต่อ แต่สมองของเธอเริ่มหาทางออกจากสถานการณ์นี้ต้องทำยังไงก็ได้… ให้ไม่ต้องทำงานกับเขา!เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสำนักงานที่กว้างขวาง หรูหรา เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้สนและหนังจากโซฟาหรูแตะจมูกของเธอ“คุณคิรัน?” เสียงทุ้มของชายอีกคนดังขึ้นมาจากห้องทำงานห้องเล็กห้องหนึ่งไอรีนหันไปมอง ก่อนจะพบกับชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่สวมสูทสีกรมท่า ดูภูมิฐานแต่อ่อนโย
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามเช้า ไอรีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ร่างกายของเธอหนักอึ้งจากความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับวันแรกของการทำงาน เธอถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันใหม่เมื่อเธอมาถึงบริษัทซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าในย่านธุรกิจ หัวใจของเธอเต้นแรง เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่ดูยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือหรือเอกสารในมือ บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครพูดคุยกันมากนักไอรีนเดินเข้าไปในแผนกบริหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานหลักของผู้ช่วยส่วนตัวของคิรัน เธอพบกับธันวา ผู้ช่วยคนเก่งของคิรันที่คอยแนะนำเธออย่างเป็นมิตร“คุณไอรีน คุณต้องเข้าไปพบคุณคิรันก่อนนะครับ” ธันวากล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ แต่แฝงด้วยความเห็นใจไอรีนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของคิรัน ซึ่งกว้างขวางแต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบไร้ที่ติ ไม่มีอะไรเกินจำเป็น ทุกอย่างดูเป็นทางการและสมบูรณ์แบบคิรันนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา ดวงตาคมกริบของเขาเงยขึ้นมามองเธอเพียงชั่วคร
วันถัดมาหลังจากการประชุมที่ตึงเครียดในบริษัท คิรันตัดสินใจให้ไอรีนเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันเพื่อช่วยงานในโปรเจกต์สำคัญกับลูกค้ารายใหญ่ ไอรีนรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่เคยคิดว่าเธอจะมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศกับคิรันและลูกค้าระดับนี้มาก่อนเช้าวันนั้น ไอรีนตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ความตื่นเต้นปะปนกับความกังวลทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายต้องการจะออกวิ่งไปข้างหน้า แต่ใจกลับเต็มไปด้วยความกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด การเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะไม่เพียงแค่ต้องทำงานให้สำเร็จ แต่เธอยังต้องเจอกับคิรันที่เข้มงวดอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเธอลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันสำคัญ ไอรีนเลือกใส่ชุดเดรสเรียบง่ายสีดำเข้มที่ดูสง่างาม ไม่หวือหวาเกินไปแต่ก็ยังคงดูดึงดูด สะท้อนความมั่นใจในตัวเอง แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับลูกค้าระดับสูงและคิรันที่เข้มงวด แต่เธอก็มั่นใจว่านี่คือการเลือกที่ดีที่สุดในการสะท้อนภาพลักษณ์ที่เธอต้องการแสดงออกการเดินทางไปสนามบินนั้นค่อนข้างเงียบสงัด บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ เสียงเครื่องปรับอ
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห
แม้จะไม่มีใครออกปากพูดตรง ๆแต่ทุกคนในบริษัทวัชรานนท์ กรุ๊ป ก็รับรู้ได้ชัดเจน—ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในชั้นบริหาร...เปลี่ยนไปทุกอย่างเริ่มมีสี...สีชมพูจาง ๆ ที่เคลือบเคลื่อนอยู่ในอากาศตั้งแต่วันที่คิรันประกาศด้วยสายตาและการกระทำ ว่า“ไอรีน คือผู้หญิงของเขา”เขาไม่ได้พูดบ่อยแต่ทุกการกระทำ กลับชัดเจนจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกไอรีนในชุดสูทเรียบหรู เดินเคียงข้างเขาในงานเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไอรีนที่เขาคอยตักอาหารให้ในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงานไอรีนที่เขายืนรอหน้าลิฟต์ทุกเช้า—ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยรอใครแม้จะยังมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่บ้าง ว่าผู้หญิงอย่างเธอ...ไม่คู่ควรกับคนอย่างเขาแต่เสียงเหล่านั้นกลับเบาลงอย่างรวดเร็ว—เพราะถ้า “เขา” รู้เข้า...ไม่ใช่แค่โดนตำหนิ แต่ “โดนไล่ออก” แบบไม่มีข้อแม้ธันวา...มือขวาคู่ใจของคิรันทำหน้าที่เหมือนเรดาร์ลับ คอยสแกนทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวและรายงานให้นายใหญ่รู้ก่อนจะมีใครทำเรื่อง “เกินข
บรรยากาศในห้องทำงานชั้นบนสุดของ “วัชรานนท์ กรุ๊ป” เงียบสงบจนผิดปกติ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดงานของใคร หากแต่เป็นเพราะ เจ้าของห้อง...เดินออกไปติดตามใครบางคนแทบจะตลอดวัน"เธออยู่ไหน ฉันไปด้วย""ประชุมใช่ไหม เดี๋ยวฉันนั่งรอ""เลิกงานแล้ว? เดี๋ยวไปรับ"...คำพูดที่คิรันไม่เคยพูดกับใคร กลับกลายเป็นสิ่งที่ ไอรีน ได้ยินทุกวันในช่วงหลังและที่มากกว่านั้น—เขายัง “ทำ” ตามที่พูด...ไม่ขาดตกแม้แต่วันเดียวจากคนที่เคยเย็นชา กลับกลายเป็น เงาตามติด ที่ไอรีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวที่สุดไม่ใช่การตามติดแต่เป็น “ความใส่ใจเงียบ ๆ” ที่เขาไม่เคยพูด...แต่ลงมือทำทุกครั้งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อยเสื้อโค้ตตัวหนาที่เขาคลุมให้ของกินยามดึกที่เธอชอบแต่ไม่เคยบอกใครและการนั่งรอเธอจนดึกดื่นโดยไม่บ่นแม้สักคำเดียวแต่ถึงอย่างนั้น..."นายยังดูเครียดอยู่นะครับ..."เสียงของธันวาดังขึ้นหลังจากเขาโดนเรียกตัวเข้าพบทันทีที่ไอรีนเดินพ้นสายตา
เช้าวันจันทร์ในออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของ วัชรานนท์ กรุ๊ป ดูเงียบกว่าปกติ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศแปลกใหม่ที่ทำให้ ธันวา เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ใช่เพราะบรรยากาศงานเปลี่ยนไม่ใช่เพราะพนักงานใหม่เดินเพ่นพ่านแต่เป็นเพราะ...เจ้านายของเขาดูอารมณ์ดีผิดปกติไม่ใช่ดีแบบยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคนอย่าง คิรัน วัชรานนท์ ไม่รู้จักคำว่ายิ้มง่ายอยู่แล้ว แต่ธันวาสังเกตว่าเช้านี้เจ้านายเขาไม่ปาแฟ้ม ไม่ขมวดคิ้วกับสไลด์พรีเซนต์ที่ฟอนต์ไม่เท่ากัน และที่สำคัญ...ยังเปิดประตูรับคนเพียงคนเดียวไอรีนผู้หญิงคนนั้น...ผู้ช่วยส่วนตัวคนล่าสุดของท่านประธาน ผู้หญิงที่กล้าปะทะสายตาและคำพูดเย็นเฉียบโดยไม่ถอย และยังอยู่รอดปลอดภัยได้มานานกว่าใครในรอบหลายปีธันวายืนมองหญิงสาวในชุดเดรสสีเรียบ กับทรงผมรวบสูงที่เผยความมั่นใจเธอกำลังเดินถือแฟ้มแนบอกไปทางห้องประธานอย่างไม่รีบร้อน ไม่มีความกลัวในแววตาอีกต่อไปแล้วเขายิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้“แบบนี้แหละที่เรียกว่า นายหญิงของจริง...”เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศในออฟฟิศเปลี่ยนไปทันทีที่คิรันกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว—และไม่ใช่แค่เพราะออร่าความเคร่งขรึมของเขาเท่านั้นแต่เพราะทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าเขา...เปลี่ยนไปโดยเฉพาะกับเธอ“ไอรีน”หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูจะถูกดุรายวัน ถูกเพ่งเล็งเหมือนจะพลาดทุกลมหายใจแต่ตอนนี้กลับได้รับสายตาเรียบสงบจากเจ้านายที่ปกติจะไม่แย้มแม้แต่นิดถึงปากเขาจะยังเฉียบคม แต่แววตาที่มองเธอกลับอบอุ่นกว่าที่ใครเคยเห็นคิรันยังคงเป็นคิรัน—เข้มงวด ดุดัน และไร้ช่องโหว่แต่กับเธอ...เขาเริ่มยอมให้ความอ่อนโยนบางอย่างเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว“เอกสารเช้านี้มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม?”น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเดิม แต่ธันวาในฐานะเลขาคู่ใจรู้ดีน้ำเสียงแบบนี้...คิรันไม่เคยใช้กับใครมาก่อนเขามองเจ้านายของเขาอย่างแปลกใจในตอนแรกแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อไอรีนพยักหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆธันวากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเห็นดอกไม้บานกลางฤดูหนาวเหมือนเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่า
...คิรินถอนกายออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ปล่อยเธอไปมือหนาไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบ ลูบขึ้นมาถึงทรวงอกที่ยังหอบสะท้าน…เสียงหายใจของเธอเริ่มช้าลง แต่ภายในยังร้อนรุ่มไม่จางเขากอดเธอไว้แน่นขึ้น ขณะที่สายตาคมใต้แสงสลัวมองเธอเหมือนจะกลืนกินอีกครั้ง“มันยังไม่พอ” เสียงทุ้มกระซิบหนักแน่นใกล้หูก่อนที่เขาจะพลิกตัวขึ้น คว้าร่างบางขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย“คิรัน… เดี๋ยวก่อน…” เธอร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเขาเดินพาเธอออกจากเตียงแต่เขาไม่หยุดสองแขนแข็งแรงอุ้มเธอไปจนถึงริมหน้าต่างสูงของห้องม่านบางไหวเบาในยามค่ำคืนที่ฝนเพิ่งหยุดตกแสงจากตึกสูงด้านนอกทาบผ่านกระจกใสสะท้อนแผ่นหลังเธอ“อย่าหนีแสง…ให้มันเห็น” เสียงกระซิบติดกลืนหายใจเขาวางเธอลงชิดบานกระจกเย็นเฉียบ ร่างเปลือยเปล่าสั่นสะท้านเมื่อผิวหลังแตะกระจกเธอสะดุ้งน้อยๆ ความเย็นบาดผิว แต่ขณะเดียวกัน มือร้อนผ่าวของเขาก็ลากผ่านต้นขา ไล่ขึ้นสูงเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าและมั่นคงเหมือนเปลวเ
เสียงฝนกระทบหลังคาดังไม่หยุดตั้งแต่ช่วงบ่าย ไอรีนอยู่ในชุดสบาย ๆ ของวันหยุด นั่งอยู่หน้าต่างห้องพักที่เช่า ใจยังเต็มไปด้วยความรู้สึกดีจากคืนก่อนที่เธอกับคิรันได้เต้นรำกันท่ามกลางเสียงเพลง… ความรู้สึกที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อนแต่แล้ว... เสียงเคาะประตูก็ทำลายความเงียบทั้งหมดประตูเปิดออกเผยให้เห็นแม่ของเธอ ยืนอยู่ในสภาพเปียกปอนจากฝน ริมฝีปากซีด และสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดัน“แม่...” ไอรีนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ“แม่ต้องขอโทษที่มาหาลูกถึงที่นี่... แต่แม่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ” เสียงแม่สั่นพร่าไอรีนขมวดคิ้วทันที "อย่าบอกนะคะว่า..."“เขา... เขาต้องใช้เงินอีกแล้ว ไอรีน แม่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริง ๆ สองแสนบาท... แล้วเขาสัญญาว่าจะเลิกทุกอย่าง”“สองแสน?” เสียงของไอรีนแข็งขึ้น“แม่ยังเชื่อคำพูดเขาอีกเหรอคะ? แม่จะเอาอนาคตของหนูแลกกับคำโกหกของผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ?”“เขาสัญญาแล้วลูก! แม่แค่... แค่ขอให้ลูกช่วยแม่อีกครั้งเถอะนะ...”&ldqu