บรรยากาศในออฟฟิศเปลี่ยนไปทันทีที่คิรันกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว—และไม่ใช่แค่เพราะออร่าความเคร่งขรึมของเขาเท่านั้น
แต่เพราะทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าเขา...เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะกับเธอ
“ไอรีน”
หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูจะถูกดุรายวัน ถูกเพ่งเล็งเหมือนจะพลาดทุกลมหายใจ
แต่ตอนนี้กลับได้รับสายตาเรียบสงบจากเจ้านายที่ปกติจะไม่แย้มแม้แต่นิด
ถึงปากเขาจะยังเฉียบคม แต่แววตาที่มองเธอกลับอบอุ่นกว่าที่ใครเคยเห็น
คิรันยังคงเป็นคิรัน—เข้มงวด ดุดัน และไร้ช่องโหว่
แต่กับเธอ...เขาเริ่มยอมให้ความอ่อนโยนบางอย่างเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เอกสารเช้านี้มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม?”
น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเดิม แต่ธันวาในฐานะเลขาคู่ใจรู้ดี
น้ำเสียงแบบนี้...คิรันไม่เคยใช้กับใครมาก่อน
เขามองเจ้านายของเขาอย่างแปลกใจในตอนแรก
แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อไอรีนพยักหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆ
ธันวากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนเห็นดอกไม้บานกลางฤดูหนาว
เหมือนเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่านม่านเมฆที่ปกคลุมใจของคิรันมาตลอดหลายปี
ผู้ชายคนนี้เคยปิดตัวเองไว้ด้วยกำแพงหนาแน่นเกินกว่าที่ใครจะเข้าถึง
แต่ตอนนี้...เขากำลังเปิดช่องว่างให้ใครบางคนได้เดินเข้าไป
และธันวาก็ภาวนาให้ช่องว่างนั้นไม่ถูกปิดลงอีก
แต่ในขณะที่มีคนหนึ่งยิ้ม
คนอีกหลายคนกลับเริ่มเผาใจด้วยความอิจฉา
“ยัยนั่นมันไปทำบุญด้วยอะไรถึงได้ใกล้ชิดท่านประธานขนาดนั้น...”
เสียงกระซิบกระซาบเริ่มแทรกซึมในทุกมุมออฟฟิศ
โดยเฉพาะจากกลุ่มพนักงานหญิงที่ก่อนหน้านี้เคยพยายามเข้าหาคิรันแต่ไม่เคยเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่นิด
“หน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ฐานะก็...หึ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้วิธีลัด เธอจะอยู่ตรงนั้นได้ยังไงกันล่ะ”
คำพูดพวกนั้นไม่ได้ดังนัก
แต่มันก็แหลมคมพอจะตัดความมั่นใจของคนฟังให้บางลงทุกวัน
ไอรีนพยายามไม่สนใจ พยายามบอกตัวเองว่าไม่ควรใส่ใจ
เธอไม่ใช่คนที่จะสะทกสะท้านง่าย ๆ
แต่เมื่อได้ยินมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกวัน ทุกมุม
ในที่สุด…หัวใจของเธอก็เริ่มสั่นคลอน
เธอเริ่มสังเกตตัวเองในกระจกมากขึ้น
เริ่มคิดถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองกับคิรันมากขึ้น
และเริ่มถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ ในใจ...
“เราเหมาะกับเขาจริงเหรอ?”
ธันวาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในสายตาไอรีน
แต่คิรันยังคงเหมือนเดิม—หรืออาจจะอบอุ่นขึ้นเสียด้วยซ้ำ
เขาไม่พูดมาก แต่ทุกสัมผัส ทุกจังหวะที่เขามองเธอ ล้วนเต็มไปด้วยความใส่ใจที่ไม่ต้องการคำอธิบาย
และนั่นเอง...ที่ทำให้หัวใจของไอรีนยิ่งสับสน
ในขณะที่เขากำลังพยายามดึงเธอเข้ามาใกล้
เธอกลับเริ่มลังเลว่าจะสมควรอยู่ข้างเขาหรือไม่
บางครั้ง…เมื่อคิรันเดินผ่านโต๊ะเธอ
เธอกลับแกล้งทำเป็นยุ่งกับเอกสาร ไม่เงยหน้าขึ้น
บางที…เมื่อเขาเรียกให้เข้าไปในห้อง
เธอก็เริ่มหาข้ออ้างขอเวลาเตรียมตัวเพิ่ม ทั้งที่เมื่อก่อนเธอพร้อมจะเข้าไปทุกครั้งที่เขาเอ่ยเรียก
มันยังไม่ชัดเจน
ยังไม่ใช่การถอยห่างอย่างเต็มที่
แต่ก็เริ่ม…ห่างพอจะให้คิรันรู้สึกได้
และเมื่อเขาเริ่มรู้สึกได้…
ความเงียบสงบของเขา ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นใต้น้ำที่พร้อมปะทุขึ้นทุกเมื่อ
ภายในห้องประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท SIRIUS CORPORATION เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากการอภิปรายแผนงานระยะยาว ทว่าในท่ามกลางบรรยากาศที่แข็งกระด้าง มีเพียงสายตาคู่หนึ่งที่อ่อนลงเสมอเมื่อมองไปทางหญิงสาวข้างกาย
คิรันพาไอรีนเดินเข้าไปในห้องประชุมโดยไม่แยกทางกันแม้แต่วินาทีเดียว
แขนแข็งแรงของเขาแตะแผ่นหลังเธอเบา ๆ อย่างที่ไม่มีใครเคยได้รับ
ท่ามกลางสายตานับสิบที่มองมาอย่างสนใจ ระคนตกใจ และ...อิจฉา
ธันวาส่งสายตาให้กำลังใจไอรีนจากมุมห้อง
แต่หญิงสาวกลับเริ่มรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางมากขึ้นทุกที
งานเลี้ยงเล็ก ๆ หลังการประชุมเริ่มขึ้นในห้องรับรอง
เสียงดนตรีเบา ๆ คลอท่ามกลางเสียงพูดคุยและหัวเราะ
ไอรีนพยายามยืนเงียบ ๆ เคียงข้างคิรันเหมือนเป็นเพียงผู้ช่วยทั่วไป
แม้ในใจจะหวั่นไหวทุกครั้งที่มือเขาแตะหลังเธออย่างเผลอไผล
แต่เธอก็ยังพยายามรักษาระยะ
พยายาม “ปกป้องเขา” จากการมองของคนรอบข้าง
และนั่น...ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของคนที่จ้องจับผิดอยู่แล้ว
“คิรัน~”
เสียงหวานหรูดังขึ้นก่อนที่ใครจะทันตั้งตัว
หญิงสาวในชุดเดรสเปิดไหล่ลายหรูเดินเข้ามาแทรกตรงหน้าไอรีน แล้วเกาะแขนคิรันอย่างแนบแน่น
“คิดถึงจังเลยนะ...หายเงียบไปตั้งหลายเดือนแน่ะ”
เธอยิ้มหวาน แต่สายตาเต็มไปด้วยการหยั่งเชิง
“พอดีไม่ว่าง”
คิรันตอบเรียบ ๆ พลางขยับแขนหนีเล็กน้อย
แต่หญิงสาวกลับไม่ถอย กลับแสร้งทำเป็นหัวเราะ
“ว่าแต่คนนี้...”
สายตาคมเฉี่ยวตวัดมองไอรีนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบัง
“...คู่นอนคนใหม่เหรอ? หน้าตาก็พอได้อยู่นะ แต่แต่งตัวแบบนี้...ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร”
ไอรีนสะอึก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
แต่หญิงสาวเจ้าของคำพูดไม่ได้หยุดแค่นั้น
“แล้วเมื่อไหร่จะกลับไปหา ฉัน อีกล่ะคิรัน? หรือว่าคนนี้จะเล่นอีกนาน?”
เธอหัวเราะอย่างพอใจ ก่อนจะก้มหน้าเข้าหาเขาแล้วกระซิบเสียงแหลม
“ได้ข่าวว่าจน...นิ”
ทุกคำพูดเหมือนตบหน้าไอรีนกลางห้อง
เธอกัดฟันแน่น พยายามไม่แสดงความอ่อนแอ
แต่หัวใจกลับเจ็บจนแทบยืนไม่อยู่
คิรันยังไม่ทันตอบ
เธอก็หันหลังเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
มือกำแน่น ดวงตาร้อนผ่าว และลมหายใจติดขัด
เสียงเรียกของคิรันดังตามหลังมา
แต่เธอไม่หยุด
เธอเดินเร็วขึ้น เร็วขึ้น...
จนหลุดพ้นห้องประชุม ออกมายังโถงทางเดินหน้าบริษัท
จังหวะฝีเท้าเร็วของเธอถูกแทนที่ด้วยแรงคว้าแน่นจากด้านหลัง
มือใหญ่ของคิรันคว้าข้อมือเธอไว้
แน่นพอจะหยุดเธอได้โดยไม่ทำร้าย
แต่หนักแน่นพอจะทำให้เธอต้องหันกลับมา
“ปล่อย...”
เสียงเธอสั่น
แต่เขากลับไม่ขยับแม้แต่น้อย
ดวงตาคมกริบของเขาจ้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
ก่อนเสียงทุ้มต่ำของเขาจะดังขึ้น—ชัดเจน หนักแน่น
และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เขาไม่เคยพูดกับใคร
“อย่าหนีฉันอีก”
ดวงตาไอรีนสั่นระริก
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องพูดแบบนี้
ทั้งที่เธอแค่...ไม่อยากให้เขาเดือดร้อนเพราะเธอ
เธอแค่...อยากถอยออกมา
แต่ความคิดทั้งหมดหยุดลง
เมื่อคิรันใช้มืออีกข้างจับใบหน้าเธอแล้วบดริมฝีปากลงมาแรง ๆ
ตรงนั้น…ตรงทางเดินหน้าบริษัท
ต่อหน้าพนักงานและผู้ถือหุ้นหลายคนที่เดินผ่าน
และต่อหน้าความคิดทั้งหมดที่เธอพยายามใช้ผลักเขาออกไป
รสจูบของเขารุนแรง ดุดัน และประกาศชัดเจนว่า
เขาเป็นเจ้าของเธอ
และไม่ว่าใครหน้าไหน ก็ไม่มีสิทธิ์พรากเธอไปจากเขา
ไอรีนแทบหายใจไม่ออก
แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรง
ทั้งตกใจ ทั้งตื่นกลัว ทั้งสั่นไหว
เมื่อเขาผละออกช้า ๆ สายตาของเขากลับร้อนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ถ้าเธอคิดจะเดินหนีฉันอีก…”
เสียงของเขาหนักแน่น
“ฉันจะตาม...จนกว่าเธอจะไม่มีที่ให้หนีอีกเลย”
เช้าวันจันทร์ในออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของ วัชรานนท์ กรุ๊ป ดูเงียบกว่าปกติ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศแปลกใหม่ที่ทำให้ ธันวา เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ใช่เพราะบรรยากาศงานเปลี่ยนไม่ใช่เพราะพนักงานใหม่เดินเพ่นพ่านแต่เป็นเพราะ...เจ้านายของเขาดูอารมณ์ดีผิดปกติไม่ใช่ดีแบบยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคนอย่าง คิรัน วัชรานนท์ ไม่รู้จักคำว่ายิ้มง่ายอยู่แล้ว แต่ธันวาสังเกตว่าเช้านี้เจ้านายเขาไม่ปาแฟ้ม ไม่ขมวดคิ้วกับสไลด์พรีเซนต์ที่ฟอนต์ไม่เท่ากัน และที่สำคัญ...ยังเปิดประตูรับคนเพียงคนเดียวไอรีนผู้หญิงคนนั้น...ผู้ช่วยส่วนตัวคนล่าสุดของท่านประธาน ผู้หญิงที่กล้าปะทะสายตาและคำพูดเย็นเฉียบโดยไม่ถอย และยังอยู่รอดปลอดภัยได้มานานกว่าใครในรอบหลายปีธันวายืนมองหญิงสาวในชุดเดรสสีเรียบ กับทรงผมรวบสูงที่เผยความมั่นใจเธอกำลังเดินถือแฟ้มแนบอกไปทางห้องประธานอย่างไม่รีบร้อน ไม่มีความกลัวในแววตาอีกต่อไปแล้วเขายิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้“แบบนี้แหละที่เรียกว่า นายหญิงของจริง...”เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศในห้องทำงานชั้นบนสุดของ “วัชรานนท์ กรุ๊ป” เงียบสงบจนผิดปกติ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดงานของใคร หากแต่เป็นเพราะ เจ้าของห้อง...เดินออกไปติดตามใครบางคนแทบจะตลอดวัน"เธออยู่ไหน ฉันไปด้วย""ประชุมใช่ไหม เดี๋ยวฉันนั่งรอ""เลิกงานแล้ว? เดี๋ยวไปรับ"...คำพูดที่คิรันไม่เคยพูดกับใคร กลับกลายเป็นสิ่งที่ ไอรีน ได้ยินทุกวันในช่วงหลังและที่มากกว่านั้น—เขายัง “ทำ” ตามที่พูด...ไม่ขาดตกแม้แต่วันเดียวจากคนที่เคยเย็นชา กลับกลายเป็น เงาตามติด ที่ไอรีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวที่สุดไม่ใช่การตามติดแต่เป็น “ความใส่ใจเงียบ ๆ” ที่เขาไม่เคยพูด...แต่ลงมือทำทุกครั้งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อยเสื้อโค้ตตัวหนาที่เขาคลุมให้ของกินยามดึกที่เธอชอบแต่ไม่เคยบอกใครและการนั่งรอเธอจนดึกดื่นโดยไม่บ่นแม้สักคำเดียวแต่ถึงอย่างนั้น..."นายยังดูเครียดอยู่นะครับ..."เสียงของธันวาดังขึ้นหลังจากเขาโดนเรียกตัวเข้าพบทันทีที่ไอรีนเดินพ้นสายตา
แม้จะไม่มีใครออกปากพูดตรง ๆแต่ทุกคนในบริษัทวัชรานนท์ กรุ๊ป ก็รับรู้ได้ชัดเจน—ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในชั้นบริหาร...เปลี่ยนไปทุกอย่างเริ่มมีสี...สีชมพูจาง ๆ ที่เคลือบเคลื่อนอยู่ในอากาศตั้งแต่วันที่คิรันประกาศด้วยสายตาและการกระทำ ว่า“ไอรีน คือผู้หญิงของเขา”เขาไม่ได้พูดบ่อยแต่ทุกการกระทำ กลับชัดเจนจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกไอรีนในชุดสูทเรียบหรู เดินเคียงข้างเขาในงานเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไอรีนที่เขาคอยตักอาหารให้ในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงานไอรีนที่เขายืนรอหน้าลิฟต์ทุกเช้า—ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยรอใครแม้จะยังมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่บ้าง ว่าผู้หญิงอย่างเธอ...ไม่คู่ควรกับคนอย่างเขาแต่เสียงเหล่านั้นกลับเบาลงอย่างรวดเร็ว—เพราะถ้า “เขา” รู้เข้า...ไม่ใช่แค่โดนตำหนิ แต่ “โดนไล่ออก” แบบไม่มีข้อแม้ธันวา...มือขวาคู่ใจของคิรันทำหน้าที่เหมือนเรดาร์ลับ คอยสแกนทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวและรายงานให้นายใหญ่รู้ก่อนจะมีใครทำเรื่อง “เกินข
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
เสียงเครื่องบดกาแฟทำงานดังครืดคราด ผสมกับเสียงพนักงานพูดคุยกันเบา ๆ ในร้านกาแฟของบริษัท ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ ตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับประเทศไอรีน วรากร นักศึกษาปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ ทำงานพาร์ทไทม์ในคาเฟ่เพื่อส่งตัวเองเรียน เจ้าของความสูง 165 ซม. หุ่นดี ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีดำขลับ สาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการชงลาเต้ให้ลูกค้า มือเรียวสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า เพราะนี่เป็นกะเช้าของเธอที่เริ่มตั้งแต่หกโมงตรงเธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อมา โชคชะตาจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง…บรรยากาศในร้านที่เคยสงบเงียบเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ ร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์หรู ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับออร่าอันเยือกเย็นและทรงพลัง พนักงานหลายคนรีบยืนตัวตรงแทบจะทันที บางคนก้มหน้า บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆคิรัน วัชรานนท์ วิศวกรหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ นักธุรกิจหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด เถื่อน และไร
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นกระเบื้องแกรนิตของตึก ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ อย่างต่อเนื่อง ไอรีนเดินตามหลังร่างสูงสง่าไปด้วยความกดดัน แม้เธอจะมีความสูงพอสมควร แต่เมื่อเดินข้างคิรัน เธอกลับรู้สึกตัวเล็กลงไปถนัดตา ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยตั้งแต่ออกจากร้านกาแฟ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงันที่น่าอึดอัด“จะพาฉันไปไหนคะ?” ไอรีนอดถามขึ้นมาไม่ได้ ขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของตึก“ห้องทำงานของฉัน” คิรันตอบเสียงเรียบ พลางกดรหัสลับเพื่อเข้าไปยังชั้นพิเศษไอรีนเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าถามอะไรต่อ แต่สมองของเธอเริ่มหาทางออกจากสถานการณ์นี้ต้องทำยังไงก็ได้… ให้ไม่ต้องทำงานกับเขา!เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสำนักงานที่กว้างขวาง หรูหรา เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้สนและหนังจากโซฟาหรูแตะจมูกของเธอ“คุณคิรัน?” เสียงทุ้มของชายอีกคนดังขึ้นมาจากห้องทำงานห้องเล็กห้องหนึ่งไอรีนหันไปมอง ก่อนจะพบกับชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่สวมสูทสีกรมท่า ดูภูมิฐานแต่อ่อนโย
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามเช้า ไอรีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ร่างกายของเธอหนักอึ้งจากความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับวันแรกของการทำงาน เธอถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันใหม่เมื่อเธอมาถึงบริษัทซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าในย่านธุรกิจ หัวใจของเธอเต้นแรง เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่ดูยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือหรือเอกสารในมือ บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครพูดคุยกันมากนักไอรีนเดินเข้าไปในแผนกบริหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานหลักของผู้ช่วยส่วนตัวของคิรัน เธอพบกับธันวา ผู้ช่วยคนเก่งของคิรันที่คอยแนะนำเธออย่างเป็นมิตร“คุณไอรีน คุณต้องเข้าไปพบคุณคิรันก่อนนะครับ” ธันวากล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ แต่แฝงด้วยความเห็นใจไอรีนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของคิรัน ซึ่งกว้างขวางแต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบไร้ที่ติ ไม่มีอะไรเกินจำเป็น ทุกอย่างดูเป็นทางการและสมบูรณ์แบบคิรันนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา ดวงตาคมกริบของเขาเงยขึ้นมามองเธอเพียงชั่วคร
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห
แม้จะไม่มีใครออกปากพูดตรง ๆแต่ทุกคนในบริษัทวัชรานนท์ กรุ๊ป ก็รับรู้ได้ชัดเจน—ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในชั้นบริหาร...เปลี่ยนไปทุกอย่างเริ่มมีสี...สีชมพูจาง ๆ ที่เคลือบเคลื่อนอยู่ในอากาศตั้งแต่วันที่คิรันประกาศด้วยสายตาและการกระทำ ว่า“ไอรีน คือผู้หญิงของเขา”เขาไม่ได้พูดบ่อยแต่ทุกการกระทำ กลับชัดเจนจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกไอรีนในชุดสูทเรียบหรู เดินเคียงข้างเขาในงานเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไอรีนที่เขาคอยตักอาหารให้ในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงานไอรีนที่เขายืนรอหน้าลิฟต์ทุกเช้า—ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยรอใครแม้จะยังมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่บ้าง ว่าผู้หญิงอย่างเธอ...ไม่คู่ควรกับคนอย่างเขาแต่เสียงเหล่านั้นกลับเบาลงอย่างรวดเร็ว—เพราะถ้า “เขา” รู้เข้า...ไม่ใช่แค่โดนตำหนิ แต่ “โดนไล่ออก” แบบไม่มีข้อแม้ธันวา...มือขวาคู่ใจของคิรันทำหน้าที่เหมือนเรดาร์ลับ คอยสแกนทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวและรายงานให้นายใหญ่รู้ก่อนจะมีใครทำเรื่อง “เกินข
บรรยากาศในห้องทำงานชั้นบนสุดของ “วัชรานนท์ กรุ๊ป” เงียบสงบจนผิดปกติ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดงานของใคร หากแต่เป็นเพราะ เจ้าของห้อง...เดินออกไปติดตามใครบางคนแทบจะตลอดวัน"เธออยู่ไหน ฉันไปด้วย""ประชุมใช่ไหม เดี๋ยวฉันนั่งรอ""เลิกงานแล้ว? เดี๋ยวไปรับ"...คำพูดที่คิรันไม่เคยพูดกับใคร กลับกลายเป็นสิ่งที่ ไอรีน ได้ยินทุกวันในช่วงหลังและที่มากกว่านั้น—เขายัง “ทำ” ตามที่พูด...ไม่ขาดตกแม้แต่วันเดียวจากคนที่เคยเย็นชา กลับกลายเป็น เงาตามติด ที่ไอรีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวที่สุดไม่ใช่การตามติดแต่เป็น “ความใส่ใจเงียบ ๆ” ที่เขาไม่เคยพูด...แต่ลงมือทำทุกครั้งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อยเสื้อโค้ตตัวหนาที่เขาคลุมให้ของกินยามดึกที่เธอชอบแต่ไม่เคยบอกใครและการนั่งรอเธอจนดึกดื่นโดยไม่บ่นแม้สักคำเดียวแต่ถึงอย่างนั้น..."นายยังดูเครียดอยู่นะครับ..."เสียงของธันวาดังขึ้นหลังจากเขาโดนเรียกตัวเข้าพบทันทีที่ไอรีนเดินพ้นสายตา
เช้าวันจันทร์ในออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของ วัชรานนท์ กรุ๊ป ดูเงียบกว่าปกติ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศแปลกใหม่ที่ทำให้ ธันวา เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ใช่เพราะบรรยากาศงานเปลี่ยนไม่ใช่เพราะพนักงานใหม่เดินเพ่นพ่านแต่เป็นเพราะ...เจ้านายของเขาดูอารมณ์ดีผิดปกติไม่ใช่ดีแบบยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคนอย่าง คิรัน วัชรานนท์ ไม่รู้จักคำว่ายิ้มง่ายอยู่แล้ว แต่ธันวาสังเกตว่าเช้านี้เจ้านายเขาไม่ปาแฟ้ม ไม่ขมวดคิ้วกับสไลด์พรีเซนต์ที่ฟอนต์ไม่เท่ากัน และที่สำคัญ...ยังเปิดประตูรับคนเพียงคนเดียวไอรีนผู้หญิงคนนั้น...ผู้ช่วยส่วนตัวคนล่าสุดของท่านประธาน ผู้หญิงที่กล้าปะทะสายตาและคำพูดเย็นเฉียบโดยไม่ถอย และยังอยู่รอดปลอดภัยได้มานานกว่าใครในรอบหลายปีธันวายืนมองหญิงสาวในชุดเดรสสีเรียบ กับทรงผมรวบสูงที่เผยความมั่นใจเธอกำลังเดินถือแฟ้มแนบอกไปทางห้องประธานอย่างไม่รีบร้อน ไม่มีความกลัวในแววตาอีกต่อไปแล้วเขายิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้“แบบนี้แหละที่เรียกว่า นายหญิงของจริง...”เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศในออฟฟิศเปลี่ยนไปทันทีที่คิรันกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว—และไม่ใช่แค่เพราะออร่าความเคร่งขรึมของเขาเท่านั้นแต่เพราะทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าเขา...เปลี่ยนไปโดยเฉพาะกับเธอ“ไอรีน”หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูจะถูกดุรายวัน ถูกเพ่งเล็งเหมือนจะพลาดทุกลมหายใจแต่ตอนนี้กลับได้รับสายตาเรียบสงบจากเจ้านายที่ปกติจะไม่แย้มแม้แต่นิดถึงปากเขาจะยังเฉียบคม แต่แววตาที่มองเธอกลับอบอุ่นกว่าที่ใครเคยเห็นคิรันยังคงเป็นคิรัน—เข้มงวด ดุดัน และไร้ช่องโหว่แต่กับเธอ...เขาเริ่มยอมให้ความอ่อนโยนบางอย่างเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว“เอกสารเช้านี้มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม?”น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเดิม แต่ธันวาในฐานะเลขาคู่ใจรู้ดีน้ำเสียงแบบนี้...คิรันไม่เคยใช้กับใครมาก่อนเขามองเจ้านายของเขาอย่างแปลกใจในตอนแรกแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อไอรีนพยักหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆธันวากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเห็นดอกไม้บานกลางฤดูหนาวเหมือนเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่า
...คิรินถอนกายออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ปล่อยเธอไปมือหนาไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบ ลูบขึ้นมาถึงทรวงอกที่ยังหอบสะท้าน…เสียงหายใจของเธอเริ่มช้าลง แต่ภายในยังร้อนรุ่มไม่จางเขากอดเธอไว้แน่นขึ้น ขณะที่สายตาคมใต้แสงสลัวมองเธอเหมือนจะกลืนกินอีกครั้ง“มันยังไม่พอ” เสียงทุ้มกระซิบหนักแน่นใกล้หูก่อนที่เขาจะพลิกตัวขึ้น คว้าร่างบางขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย“คิรัน… เดี๋ยวก่อน…” เธอร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเขาเดินพาเธอออกจากเตียงแต่เขาไม่หยุดสองแขนแข็งแรงอุ้มเธอไปจนถึงริมหน้าต่างสูงของห้องม่านบางไหวเบาในยามค่ำคืนที่ฝนเพิ่งหยุดตกแสงจากตึกสูงด้านนอกทาบผ่านกระจกใสสะท้อนแผ่นหลังเธอ“อย่าหนีแสง…ให้มันเห็น” เสียงกระซิบติดกลืนหายใจเขาวางเธอลงชิดบานกระจกเย็นเฉียบ ร่างเปลือยเปล่าสั่นสะท้านเมื่อผิวหลังแตะกระจกเธอสะดุ้งน้อยๆ ความเย็นบาดผิว แต่ขณะเดียวกัน มือร้อนผ่าวของเขาก็ลากผ่านต้นขา ไล่ขึ้นสูงเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าและมั่นคงเหมือนเปลวเ
เสียงฝนกระทบหลังคาดังไม่หยุดตั้งแต่ช่วงบ่าย ไอรีนอยู่ในชุดสบาย ๆ ของวันหยุด นั่งอยู่หน้าต่างห้องพักที่เช่า ใจยังเต็มไปด้วยความรู้สึกดีจากคืนก่อนที่เธอกับคิรันได้เต้นรำกันท่ามกลางเสียงเพลง… ความรู้สึกที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อนแต่แล้ว... เสียงเคาะประตูก็ทำลายความเงียบทั้งหมดประตูเปิดออกเผยให้เห็นแม่ของเธอ ยืนอยู่ในสภาพเปียกปอนจากฝน ริมฝีปากซีด และสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดัน“แม่...” ไอรีนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ“แม่ต้องขอโทษที่มาหาลูกถึงที่นี่... แต่แม่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ” เสียงแม่สั่นพร่าไอรีนขมวดคิ้วทันที "อย่าบอกนะคะว่า..."“เขา... เขาต้องใช้เงินอีกแล้ว ไอรีน แม่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริง ๆ สองแสนบาท... แล้วเขาสัญญาว่าจะเลิกทุกอย่าง”“สองแสน?” เสียงของไอรีนแข็งขึ้น“แม่ยังเชื่อคำพูดเขาอีกเหรอคะ? แม่จะเอาอนาคตของหนูแลกกับคำโกหกของผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ?”“เขาสัญญาแล้วลูก! แม่แค่... แค่ขอให้ลูกช่วยแม่อีกครั้งเถอะนะ...”&ldqu
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ก่อนจะมีเสียงเหนื่อยหอบของแม่ตอบรับสายมา“ไอรีน... โทรมาทำไมตอนนี้ลูก? แม่กำลังจะออกไปคุยกับเจ้าหนี้เขาอีกแล้ว” น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความกังวลและเหนื่อยล้า“ไม่ต้องไปแล้วค่ะแม่... หนูโอนเงินให้แล้ว” ไอรีนพูดนิ่งๆ แต่ชัดเจน เธอนั่งอยู่ในห้องพักของตัวเอง มือยังคงถือโทรศัพท์แนบหู ในใจยังเต้นแรงจากสิ่งที่เธอเพิ่งตัดสินใจทำ“ฮะ... อะไรนะ? โอนอะไรลูก?” น้ำเสียงแม่สั่น“เงินหนี้ของพ่อเลี้ยง... หนูจัดการให้แล้วค่ะ” เธอเน้นย้ำคำว่า ‘พ่อเลี้ยง’ อย่างฝืนใจมีเพียงความเงียบที่ตามมาอีกเกือบสิบนาที ก่อนเสียงแม่จะดังแผ่วเหมือนคนกำลังกลั้นน้ำตา“ไอรีน... หนูไปเอาเงินมาจากไหนลูก? อย่าบอกแม่นะว่าไปกู้หนี้นอกระบบมาอีกคนน่ะ แม่ไม่อยากให้หนูลำบากเพราะเรื่องของแม่กับเขาเลยจริงๆ”“หนูไม่ได้กู้ค่ะแม่ หนูแค่... ทำงานพิเศษ” ไอรีนโกหกเสียงเรียบ“แม่ไม่ต้องห่วง หนูดูแลตัวเองได้ แล้วก็... ยินดีที่ได้ดูแลแม่กับน้อง หนูเต็มใจทำ เ