...คิรินถอนกายออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ปล่อยเธอไป
มือหนาไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบ ลูบขึ้นมาถึงทรวงอกที่ยังหอบสะท้าน
…เสียงหายใจของเธอเริ่มช้าลง แต่ภายในยังร้อนรุ่มไม่จาง
เขากอดเธอไว้แน่นขึ้น ขณะที่สายตาคมใต้แสงสลัวมองเธอเหมือนจะกลืนกินอีกครั้ง
“มันยังไม่พอ” เสียงทุ้มกระซิบหนักแน่นใกล้หู
ก่อนที่เขาจะพลิกตัวขึ้น คว้าร่างบางขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย
“คิรัน… เดี๋ยวก่อน…” เธอร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเขาเดินพาเธอออกจากเตียง
แต่เขาไม่หยุด
สองแขนแข็งแรงอุ้มเธอไปจนถึงริมหน้าต่างสูงของห้อง
ม่านบางไหวเบาในยามค่ำคืนที่ฝนเพิ่งหยุดตก
แสงจากตึกสูงด้านนอกทาบผ่านกระจกใสสะท้อนแผ่นหลังเธอ
“อย่าหนีแสง…ให้มันเห็น” เสียงกระซิบติดกลืนหายใจ
เขาวางเธอลงชิดบานกระจกเย็นเฉียบ ร่างเปลือยเปล่าสั่นสะท้านเมื่อผิวหลังแตะกระจก
เธอสะดุ้งน้อยๆ ความเย็นบาดผิว แต่ขณะเดียวกัน มือร้อนผ่าวของเขาก็ลากผ่านต้นขา ไล่ขึ้นสูงเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าและมั่นคง
เหมือนเปลวเพลิงที่เผาทุกความลังเลในใจเธอให้มอดไหม้
“หนาวเหรอ?” เขาถามพลางจูบเธอเบาๆ ที่ไหล่เปลือย
“งั้นก็ให้ฉันทำให้ร้อนขึ้นเอง…”
และก่อนที่เธอจะทันตั้งสติ ร่างสูงก็โน้มลงมาทาบกับเธอแนบแน่น
เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องในความเงียบ
ข้างนอกเป็นแสงไฟเมืองที่ยังไม่หลับ
แต่ข้างใน…คือโลกของเขาและเธอที่ถูกกลืนด้วยความเร่าร้อนอีกครั้ง
หลังจากจบศึกรักที่หน้าต่าง คิรันอุ้มร่างบางกลับมาที่เตียงนอนอีกครั้ง
ก่อนจะก้มลงครอบครองยอดอกอีกรอบ ราวกับจะรีดทุกสัมผัสของเธอให้จมอยู่ในความรู้สึกนั้น
"ฉันต้องการอีก..."
เสียงเขาต่ำพร่า ชิดข้างหูเธอ ร่างสูงพลิกเธอนอนคว่ำโดยไม่ให้โอกาสเธอพูดหรือขยับหนี
มือข้างหนึ่งกดกลางหลังให้เธอแนบกับที่นอน อีกข้างจับสะโพกเธอไว้แน่น
"ฉันยังไม่สามารถปล่อยเธอไป..."
“อ๊ะ…คิริน...ไม่ไหวแล้ว...” เธอพูดเสียงสั่น ร่างกายทั้งอ่อนล้าและยังร้อนวูบวาบ
แต่เขาไม่หยุด
เสียงครางของเธอกลืนไปกับเสียงครางต่ำในลำคอของเขา
แรงกระแทกของเขาแน่น ลึก หนักหน่วงขึ้น—จังหวะคงเส้นคงวา ราวกับตั้งใจจะทำให้เธอทนไม่ไหวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มือใหญ่ของเขาลูบไล้ต้นขาด้านใน แล้วลากปลายนิ้วกลับไปแตะจุดอ่อนไหวอีกครั้ง
จนเธอสะดุ้ง ร้องครางออกมาอีกครั้งอย่างหมดแรง
“คิริน…อ๊ะ…ไม่ไหว…!”
"ไหวสิ" เขาหอบพร่าข้างหู ดวงตาเข้มข้นเหมือนเปลวเพลิง
"เธอจะไหวอีกครั้ง แล้วก็อีกครั้ง..."
เขาดึงเธอขึ้นมานั่งบนตัก หันหน้าเข้าหาเขา
แล้วจับสะโพกเธอโยกไปมาในจังหวะที่เขาควบคุม
สายตาของเขาไม่ละจากใบหน้าเธอแม้แต่วินาทีเดียว
"ดูฉันให้ดี...จำไว้ว่าใครเป็นเจ้าของเธอ"
เธอร้องครางหนักขึ้น หยาดน้ำตาคลอในดวงตาแต่ไม่ใช่เพราะเจ็บ
มันเป็นเพราะอารมณ์ที่ท่วมท้น ทั้งอ่อนล้า ทั้งสุขสม ทั้งอ่อนไหวไปหมด
เขาพาเธอขึ้นสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนร่างทั้งร่างอ่อนแรง ร้องครางได้แค่แผ่ว ๆ
มือข้างหนึ่งของเธอจิกแขนเขาไว้แน่น อีกข้างแทบไม่มีแรงจะยกขึ้น
คิรินยังคงไม่หยุด จูบหน้าผากเธอ ขณะที่พาเธอขึ้นสวรรค์เป็นครั้งสุดท้ายในคืนนี้
และเมื่อเธอปลดปล่อยความรู้สึกอีกครั้ง
เขาก็ฝังตัวลึก กระแทกเข้าครั้งสุดท้าย ปลดปล่อยตัวเองจนเต็ม
เธอหลับตาลงในอ้อมแขนของเขาอย่างหมดแรง
หอบหายใจถี่เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งผ่านพายุโหมกระหน่ำมา
คิรินค่อย ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้เธอ กอดเธอแน่นไว้ทั้งที่ตัวเขายังร้อนผ่าว
ฝ่ามือหนายังลูบแผ่นหลังเธอช้า ๆ ในขณะที่สายตาก็จับจ้องใบหน้าของเธอไม่วางตา
"คืนนี้…เธอเป็นของฉัน…คนเดียว"
เขากระซิบเบา ๆ เหมือนคำสัญญาในความเงียบ
ก่อนจะหลับตาลงพร้อมกันกับเธอ ในคืนฝนตกอันเปียกชื้น แต่เร่าร้อนจนยากลืม
เสียงฝนที่ตกพรำๆ ยังคงดังอยู่ด้านนอกหน้าต่าง แต่ภายในห้องนอนกว้างของคอนโดหรูกลับอบอวลไปด้วยไออุ่นของเนื้อกายที่เกี่ยวพันกันทั้งคืน
ไอรีนค่อยๆ ลืมตาขึ้นในตอนเช้า แสงแดดอ่อนลอดผ่านผ้าม่านบางๆ เข้ามากระทบใบหน้าของเธอ ร่างเปลือยเปล่าของเธอแนบอยู่ในอ้อมกอดแน่นหนาของคิรัน แขนแกร่งของเขาพาดอยู่ที่เอวเธออย่างไม่ยอมปล่อย และแม้เธอจะขยับเล็กน้อย เขาก็กลับกอดแน่นขึ้น ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป
ดวงตาสีเข้มของคิรันลืมขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะสบกับดวงตาของเธอทันที—สายตานั้นทั้งลุ่มลึกและดุดัน เต็มไปด้วยความหวงแหนและความปรารถนาที่ไม่ปิดบัง
“ฉันไม่เคยต้องการใครแบบนี้มาก่อน… แต่กับเธอ ฉันห้ามตัวเองไม่ได้” เขากระซิบเสียงต่ำข้างหูของเธอ เสียงแหบพร่าทุ้มลึกกระตุกหัวใจของเธอให้เต้นรัว
...ก่อนที่เธอจะทันตอบอะไร ปากของเขาก็ปิดริมฝีปากของเธอลงอีกครั้ง—ร้อนแรง หนักหน่วง และแฝงความคลั่งไคล้อย่างน่าหวาดหวั่น
“คิรัน…” ไอรีนเปล่งเสียงออกมาเบาๆ เมื่อริมฝีปากของเขาผละจากเธอไปจูบที่ข้างแก้ม ไล่ลงมาที่ซอกคอ ไล้ปลายลิ้นร้อนลากผ่านผิวบอบบางที่เริ่มชื้นเหงื่อจากอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาใช้ฟันขบเบา ๆ ที่ลาดไหล่เธอ สร้างรอยจาง ๆ บนผิวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าไปกระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงหอบพร่า
“ฉันจะจดจำทุกนิ้ว ทุกมุมของร่างเธอให้ฝังลึกในหัวใจ… เธอเป็นของฉันคนเดียว จำไว้”
เขาไม่ให้โอกาสเธอได้โต้แย้งหรือหลบสายตา มือหนาแกร่งกดตรึงเอวเธอไว้แน่น ก่อนจะเคลื่อนตัวลงต่ำ สัมผัสด้วยลิ้นและริมฝีปากไปทั่วผิวกายเธอ ราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของในทุกจุด
ไอรีนพยายามจะข่มเสียงสะท้านที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก แต่ก็ไม่อาจต้านทานความร้อนแรงของเขาได้ เมื่อเขาใช้มือแหวกเรียวขาเธอออกอย่างมั่นคง แล้วก้มลงประทับริมฝีปากร้อนจัดลงในจุดที่อ่อนไหวที่สุดของเธอ
“อ๊ะ… คิรัน…” เสียงเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นไหวจากแรงกระตุ้นทำให้ดวงตาของเขาแวววาวขึ้นทันที
หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบระเบิด ความต้องการ ความสับสน และแรงปรารถนาที่เขาจุดขึ้นมา มันผสมกันจนแทบแยกไม่ออก…
เขาใช้ลิ้นลากวนอย่างเชี่ยวชาญ ก่อนจะกดหนักลงในจุดไวสัมผัสนั้นซ้ำๆ จนเธอสะท้านทั้งร่าง มือทั้งสองของเธอจิกลงบนผ้าปูเตียงแน่น สะโพกแอ่นตอบสนองโดยไม่รู้ตัว
“หยุด… ไม่ไหวแล้ว…” เสียงเธอแผ่วเบาราวกับขอร้อง แต่เขากลับเงยหน้าขึ้น พร้อมกับส่งรอยยิ้มมุมปากที่อันตรายที่สุดของเขา
“เธอยังไม่เริ่มเลย… อย่าเพิ่งบอกว่าไม่ไหว”
เขาโน้มตัวขึ้นมาคร่อมเธออีกครั้ง สายตาที่จ้องมองเธอนั้นเข้มจัดจนแทบจะกลืนกิน เธอเห็นตัวเองสะท้อนในดวงตาคู่นั้น—เปลือยเปล่า และกำลังสั่นไหว
คิรันจับสะโพกของเธอไว้มั่น ก่อนจะสอดกายเข้ามาอย่างช้าๆ แน่น ลึก และเต็มไปด้วยความต้องการที่กดทับไว้ทั้งคืน
ไอรีนจิกเล็บลงบนไหล่เขา ปล่อยเสียงครางหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายของเขาใหญ่และแน่นหนาจนแทบจะบดขยี้เธอให้จมลงไปกับเตียง
เขาเคลื่อนสะโพกเข้าออกในจังหวะที่ค่อยๆ ช้าลง ลึกขึ้น และหนักแน่นในทุกครั้งที่กระแทกจนเธอแทบจะหายใจไม่ทัน
“มองหน้าฉัน… อย่าหลบ” เขากระซิบสั่งข้างหูขณะที่ยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว
“ฉันอยากเห็นหน้าเธอเวลาที่เสร็จเพราะฉันคนเดียว”
เมื่อเธอเผลอหลบสายตา เขากระชากคางเธอให้หันกลับมา “พูดสิ ว่าเธอเป็นของใคร”
“ของ… นาย… คิรัน…” เธอตอบเสียงสะท้าน
เขากระแทกเข้ามาอีกครั้งในจังหวะที่ลึกกว่าเดิม จนร่างเธอสะท้านสุดตัว
“ดี… อย่าลืมคำพูดนั้น… เพราะฉันจะทำให้เธอไม่มีวันลืม”
เสียงเตียงที่กระทบกับผนังห้อง สลับกับเสียงหอบหายใจของทั้งสองคนดังชัดในห้องอันเงียบงัน
เขาทำให้เธอไปถึงจุดสูงสุด… ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่หยุดพัก จนร่างบางแทบหมดแรง หลับตาแน่นในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
ตอนบ่าย
แสงแดดอ่อนที่ตกกระทบใบหน้าเรียวทำให้ไอรีนลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของเธอยังคงเหนื่อยล้า แขนขาแทบไร้เรี่ยวแรงเพราะถูกชายหนุ่มเคี่ยวกรำทั้งวัน
เธอหันไปมองเขาที่นอนอยู่ข้างๆ ยังหลับตา แต่ลมหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าเขายังคงตื่นตัวตลอดเวลา
ใบหน้าคมเข้มของคิรันในยามหลับดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น—แม้จะยังคงความเคร่งขรึมและเย็นชาในโครงหน้า แต่กลับมีบางอย่างในใจเธอที่เริ่มสั่นไหว
มือเรียวเอื้อมไปแตะเบาๆ ที่กรามแข็งแรงของเขา แล้วไล้ปลายนิ้วไปตามแนวกรอบหน้า หัวใจเธอเต้นแผ่วเบา… เจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูก
“เรา… กำลังตกหลุมรักเขาอยู่ใช่ไหม” เธอถามตัวเองในใจเบาๆ
แต่คำตอบที่เธอได้รับกลับเป็นเพียงเสียงลมหายใจของเขาที่แผ่วเบาอยู่ข้างหู—และอ้อมกอดที่แม้ในยามหลับก็ยังโอบรัดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย
เสียงโทรศัพท์สั่นเบาๆ บนหัวเตียง ไอรีนยื่นมือจะหยิบ แต่คิรันกลับคว้าข้อมือของเธอไว้ก่อน
“อย่าไปไหน” เสียงของเขาเข้มต่ำ ชวนสั่นสะท้าน แม้เปลือกตาจะยังไม่ลืม
“ฉันแค่จะ—”
“ไม่ต้อง” เขาพลิกตัวมาทับเธอไว้ทั้งร่าง น้ำเสียงเด็ดขาดเหมือนทุกครั้งที่เขาสั่งงาน
“วันนี้เธอไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น เวลาของเธอเป็นของฉัน”
แล้วร่างสูงก็โน้มลงมาจูบซ้ำ—เร่าร้อน หนักแน่น และยาวนานจนเธอหายใจไม่ทัน…
และไอรีนรู้ตัวดี ว่าเธอกำลังจะหนีจากผู้ชายคนนี้ไม่พ้นอีกแล้ว
บรรยากาศในออฟฟิศเปลี่ยนไปทันทีที่คิรันกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว—และไม่ใช่แค่เพราะออร่าความเคร่งขรึมของเขาเท่านั้นแต่เพราะทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าเขา...เปลี่ยนไปโดยเฉพาะกับเธอ“ไอรีน”หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูจะถูกดุรายวัน ถูกเพ่งเล็งเหมือนจะพลาดทุกลมหายใจแต่ตอนนี้กลับได้รับสายตาเรียบสงบจากเจ้านายที่ปกติจะไม่แย้มแม้แต่นิดถึงปากเขาจะยังเฉียบคม แต่แววตาที่มองเธอกลับอบอุ่นกว่าที่ใครเคยเห็นคิรันยังคงเป็นคิรัน—เข้มงวด ดุดัน และไร้ช่องโหว่แต่กับเธอ...เขาเริ่มยอมให้ความอ่อนโยนบางอย่างเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว“เอกสารเช้านี้มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม?”น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเดิม แต่ธันวาในฐานะเลขาคู่ใจรู้ดีน้ำเสียงแบบนี้...คิรันไม่เคยใช้กับใครมาก่อนเขามองเจ้านายของเขาอย่างแปลกใจในตอนแรกแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อไอรีนพยักหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆธันวากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเห็นดอกไม้บานกลางฤดูหนาวเหมือนเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่า
เช้าวันจันทร์ในออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของ วัชรานนท์ กรุ๊ป ดูเงียบกว่าปกติ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศแปลกใหม่ที่ทำให้ ธันวา เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ใช่เพราะบรรยากาศงานเปลี่ยนไม่ใช่เพราะพนักงานใหม่เดินเพ่นพ่านแต่เป็นเพราะ...เจ้านายของเขาดูอารมณ์ดีผิดปกติไม่ใช่ดีแบบยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคนอย่าง คิรัน วัชรานนท์ ไม่รู้จักคำว่ายิ้มง่ายอยู่แล้ว แต่ธันวาสังเกตว่าเช้านี้เจ้านายเขาไม่ปาแฟ้ม ไม่ขมวดคิ้วกับสไลด์พรีเซนต์ที่ฟอนต์ไม่เท่ากัน และที่สำคัญ...ยังเปิดประตูรับคนเพียงคนเดียวไอรีนผู้หญิงคนนั้น...ผู้ช่วยส่วนตัวคนล่าสุดของท่านประธาน ผู้หญิงที่กล้าปะทะสายตาและคำพูดเย็นเฉียบโดยไม่ถอย และยังอยู่รอดปลอดภัยได้มานานกว่าใครในรอบหลายปีธันวายืนมองหญิงสาวในชุดเดรสสีเรียบ กับทรงผมรวบสูงที่เผยความมั่นใจเธอกำลังเดินถือแฟ้มแนบอกไปทางห้องประธานอย่างไม่รีบร้อน ไม่มีความกลัวในแววตาอีกต่อไปแล้วเขายิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้“แบบนี้แหละที่เรียกว่า นายหญิงของจริง...”เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศในห้องทำงานชั้นบนสุดของ “วัชรานนท์ กรุ๊ป” เงียบสงบจนผิดปกติ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดงานของใคร หากแต่เป็นเพราะ เจ้าของห้อง...เดินออกไปติดตามใครบางคนแทบจะตลอดวัน"เธออยู่ไหน ฉันไปด้วย""ประชุมใช่ไหม เดี๋ยวฉันนั่งรอ""เลิกงานแล้ว? เดี๋ยวไปรับ"...คำพูดที่คิรันไม่เคยพูดกับใคร กลับกลายเป็นสิ่งที่ ไอรีน ได้ยินทุกวันในช่วงหลังและที่มากกว่านั้น—เขายัง “ทำ” ตามที่พูด...ไม่ขาดตกแม้แต่วันเดียวจากคนที่เคยเย็นชา กลับกลายเป็น เงาตามติด ที่ไอรีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวที่สุดไม่ใช่การตามติดแต่เป็น “ความใส่ใจเงียบ ๆ” ที่เขาไม่เคยพูด...แต่ลงมือทำทุกครั้งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อยเสื้อโค้ตตัวหนาที่เขาคลุมให้ของกินยามดึกที่เธอชอบแต่ไม่เคยบอกใครและการนั่งรอเธอจนดึกดื่นโดยไม่บ่นแม้สักคำเดียวแต่ถึงอย่างนั้น..."นายยังดูเครียดอยู่นะครับ..."เสียงของธันวาดังขึ้นหลังจากเขาโดนเรียกตัวเข้าพบทันทีที่ไอรีนเดินพ้นสายตา
แม้จะไม่มีใครออกปากพูดตรง ๆแต่ทุกคนในบริษัทวัชรานนท์ กรุ๊ป ก็รับรู้ได้ชัดเจน—ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในชั้นบริหาร...เปลี่ยนไปทุกอย่างเริ่มมีสี...สีชมพูจาง ๆ ที่เคลือบเคลื่อนอยู่ในอากาศตั้งแต่วันที่คิรันประกาศด้วยสายตาและการกระทำ ว่า“ไอรีน คือผู้หญิงของเขา”เขาไม่ได้พูดบ่อยแต่ทุกการกระทำ กลับชัดเจนจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกไอรีนในชุดสูทเรียบหรู เดินเคียงข้างเขาในงานเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไอรีนที่เขาคอยตักอาหารให้ในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงานไอรีนที่เขายืนรอหน้าลิฟต์ทุกเช้า—ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยรอใครแม้จะยังมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่บ้าง ว่าผู้หญิงอย่างเธอ...ไม่คู่ควรกับคนอย่างเขาแต่เสียงเหล่านั้นกลับเบาลงอย่างรวดเร็ว—เพราะถ้า “เขา” รู้เข้า...ไม่ใช่แค่โดนตำหนิ แต่ “โดนไล่ออก” แบบไม่มีข้อแม้ธันวา...มือขวาคู่ใจของคิรันทำหน้าที่เหมือนเรดาร์ลับ คอยสแกนทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวและรายงานให้นายใหญ่รู้ก่อนจะมีใครทำเรื่อง “เกินข
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
เสียงเครื่องบดกาแฟทำงานดังครืดคราด ผสมกับเสียงพนักงานพูดคุยกันเบา ๆ ในร้านกาแฟของบริษัท ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ ตึกสูงระฟ้ากลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับประเทศไอรีน วรากร นักศึกษาปีสุดท้าย คณะสถาปัตย์ ทำงานพาร์ทไทม์ในคาเฟ่เพื่อส่งตัวเองเรียน เจ้าของความสูง 165 ซม. หุ่นดี ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีดำขลับ สาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการชงลาเต้ให้ลูกค้า มือเรียวสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า เพราะนี่เป็นกะเช้าของเธอที่เริ่มตั้งแต่หกโมงตรงเธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีต่อมา โชคชะตาจะพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง…บรรยากาศในร้านที่เคยสงบเงียบเปลี่ยนไปทันทีเมื่อ ร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์หรู ก้าวเข้ามาในร้าน พร้อมกับออร่าอันเยือกเย็นและทรงพลัง พนักงานหลายคนรีบยืนตัวตรงแทบจะทันที บางคนก้มหน้า บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆคิรัน วัชรานนท์ วิศวกรหนุ่มหล่อ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ นักธุรกิจหนุ่มผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด เถื่อน และไร
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นกระเบื้องแกรนิตของตึก ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ อย่างต่อเนื่อง ไอรีนเดินตามหลังร่างสูงสง่าไปด้วยความกดดัน แม้เธอจะมีความสูงพอสมควร แต่เมื่อเดินข้างคิรัน เธอกลับรู้สึกตัวเล็กลงไปถนัดตา ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยตั้งแต่ออกจากร้านกาแฟ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงันที่น่าอึดอัด“จะพาฉันไปไหนคะ?” ไอรีนอดถามขึ้นมาไม่ได้ ขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดของตึก“ห้องทำงานของฉัน” คิรันตอบเสียงเรียบ พลางกดรหัสลับเพื่อเข้าไปยังชั้นพิเศษไอรีนเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าถามอะไรต่อ แต่สมองของเธอเริ่มหาทางออกจากสถานการณ์นี้ต้องทำยังไงก็ได้… ให้ไม่ต้องทำงานกับเขา!เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสำนักงานที่กว้างขวาง หรูหรา เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้สนและหนังจากโซฟาหรูแตะจมูกของเธอ“คุณคิรัน?” เสียงทุ้มของชายอีกคนดังขึ้นมาจากห้องทำงานห้องเล็กห้องหนึ่งไอรีนหันไปมอง ก่อนจะพบกับชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่สวมสูทสีกรมท่า ดูภูมิฐานแต่อ่อนโย
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห
แม้จะไม่มีใครออกปากพูดตรง ๆแต่ทุกคนในบริษัทวัชรานนท์ กรุ๊ป ก็รับรู้ได้ชัดเจน—ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในชั้นบริหาร...เปลี่ยนไปทุกอย่างเริ่มมีสี...สีชมพูจาง ๆ ที่เคลือบเคลื่อนอยู่ในอากาศตั้งแต่วันที่คิรันประกาศด้วยสายตาและการกระทำ ว่า“ไอรีน คือผู้หญิงของเขา”เขาไม่ได้พูดบ่อยแต่ทุกการกระทำ กลับชัดเจนจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกไอรีนในชุดสูทเรียบหรู เดินเคียงข้างเขาในงานเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไอรีนที่เขาคอยตักอาหารให้ในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงานไอรีนที่เขายืนรอหน้าลิฟต์ทุกเช้า—ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยรอใครแม้จะยังมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่บ้าง ว่าผู้หญิงอย่างเธอ...ไม่คู่ควรกับคนอย่างเขาแต่เสียงเหล่านั้นกลับเบาลงอย่างรวดเร็ว—เพราะถ้า “เขา” รู้เข้า...ไม่ใช่แค่โดนตำหนิ แต่ “โดนไล่ออก” แบบไม่มีข้อแม้ธันวา...มือขวาคู่ใจของคิรันทำหน้าที่เหมือนเรดาร์ลับ คอยสแกนทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวและรายงานให้นายใหญ่รู้ก่อนจะมีใครทำเรื่อง “เกินข
บรรยากาศในห้องทำงานชั้นบนสุดของ “วัชรานนท์ กรุ๊ป” เงียบสงบจนผิดปกติ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดงานของใคร หากแต่เป็นเพราะ เจ้าของห้อง...เดินออกไปติดตามใครบางคนแทบจะตลอดวัน"เธออยู่ไหน ฉันไปด้วย""ประชุมใช่ไหม เดี๋ยวฉันนั่งรอ""เลิกงานแล้ว? เดี๋ยวไปรับ"...คำพูดที่คิรันไม่เคยพูดกับใคร กลับกลายเป็นสิ่งที่ ไอรีน ได้ยินทุกวันในช่วงหลังและที่มากกว่านั้น—เขายัง “ทำ” ตามที่พูด...ไม่ขาดตกแม้แต่วันเดียวจากคนที่เคยเย็นชา กลับกลายเป็น เงาตามติด ที่ไอรีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวที่สุดไม่ใช่การตามติดแต่เป็น “ความใส่ใจเงียบ ๆ” ที่เขาไม่เคยพูด...แต่ลงมือทำทุกครั้งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อยเสื้อโค้ตตัวหนาที่เขาคลุมให้ของกินยามดึกที่เธอชอบแต่ไม่เคยบอกใครและการนั่งรอเธอจนดึกดื่นโดยไม่บ่นแม้สักคำเดียวแต่ถึงอย่างนั้น..."นายยังดูเครียดอยู่นะครับ..."เสียงของธันวาดังขึ้นหลังจากเขาโดนเรียกตัวเข้าพบทันทีที่ไอรีนเดินพ้นสายตา
เช้าวันจันทร์ในออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของ วัชรานนท์ กรุ๊ป ดูเงียบกว่าปกติ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศแปลกใหม่ที่ทำให้ ธันวา เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ใช่เพราะบรรยากาศงานเปลี่ยนไม่ใช่เพราะพนักงานใหม่เดินเพ่นพ่านแต่เป็นเพราะ...เจ้านายของเขาดูอารมณ์ดีผิดปกติไม่ใช่ดีแบบยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคนอย่าง คิรัน วัชรานนท์ ไม่รู้จักคำว่ายิ้มง่ายอยู่แล้ว แต่ธันวาสังเกตว่าเช้านี้เจ้านายเขาไม่ปาแฟ้ม ไม่ขมวดคิ้วกับสไลด์พรีเซนต์ที่ฟอนต์ไม่เท่ากัน และที่สำคัญ...ยังเปิดประตูรับคนเพียงคนเดียวไอรีนผู้หญิงคนนั้น...ผู้ช่วยส่วนตัวคนล่าสุดของท่านประธาน ผู้หญิงที่กล้าปะทะสายตาและคำพูดเย็นเฉียบโดยไม่ถอย และยังอยู่รอดปลอดภัยได้มานานกว่าใครในรอบหลายปีธันวายืนมองหญิงสาวในชุดเดรสสีเรียบ กับทรงผมรวบสูงที่เผยความมั่นใจเธอกำลังเดินถือแฟ้มแนบอกไปทางห้องประธานอย่างไม่รีบร้อน ไม่มีความกลัวในแววตาอีกต่อไปแล้วเขายิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้“แบบนี้แหละที่เรียกว่า นายหญิงของจริง...”เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศในออฟฟิศเปลี่ยนไปทันทีที่คิรันกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว—และไม่ใช่แค่เพราะออร่าความเคร่งขรึมของเขาเท่านั้นแต่เพราะทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าเขา...เปลี่ยนไปโดยเฉพาะกับเธอ“ไอรีน”หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูจะถูกดุรายวัน ถูกเพ่งเล็งเหมือนจะพลาดทุกลมหายใจแต่ตอนนี้กลับได้รับสายตาเรียบสงบจากเจ้านายที่ปกติจะไม่แย้มแม้แต่นิดถึงปากเขาจะยังเฉียบคม แต่แววตาที่มองเธอกลับอบอุ่นกว่าที่ใครเคยเห็นคิรันยังคงเป็นคิรัน—เข้มงวด ดุดัน และไร้ช่องโหว่แต่กับเธอ...เขาเริ่มยอมให้ความอ่อนโยนบางอย่างเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว“เอกสารเช้านี้มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม?”น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเดิม แต่ธันวาในฐานะเลขาคู่ใจรู้ดีน้ำเสียงแบบนี้...คิรันไม่เคยใช้กับใครมาก่อนเขามองเจ้านายของเขาอย่างแปลกใจในตอนแรกแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อไอรีนพยักหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆธันวากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเห็นดอกไม้บานกลางฤดูหนาวเหมือนเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่า
...คิรินถอนกายออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ปล่อยเธอไปมือหนาไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบ ลูบขึ้นมาถึงทรวงอกที่ยังหอบสะท้าน…เสียงหายใจของเธอเริ่มช้าลง แต่ภายในยังร้อนรุ่มไม่จางเขากอดเธอไว้แน่นขึ้น ขณะที่สายตาคมใต้แสงสลัวมองเธอเหมือนจะกลืนกินอีกครั้ง“มันยังไม่พอ” เสียงทุ้มกระซิบหนักแน่นใกล้หูก่อนที่เขาจะพลิกตัวขึ้น คว้าร่างบางขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย“คิรัน… เดี๋ยวก่อน…” เธอร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเขาเดินพาเธอออกจากเตียงแต่เขาไม่หยุดสองแขนแข็งแรงอุ้มเธอไปจนถึงริมหน้าต่างสูงของห้องม่านบางไหวเบาในยามค่ำคืนที่ฝนเพิ่งหยุดตกแสงจากตึกสูงด้านนอกทาบผ่านกระจกใสสะท้อนแผ่นหลังเธอ“อย่าหนีแสง…ให้มันเห็น” เสียงกระซิบติดกลืนหายใจเขาวางเธอลงชิดบานกระจกเย็นเฉียบ ร่างเปลือยเปล่าสั่นสะท้านเมื่อผิวหลังแตะกระจกเธอสะดุ้งน้อยๆ ความเย็นบาดผิว แต่ขณะเดียวกัน มือร้อนผ่าวของเขาก็ลากผ่านต้นขา ไล่ขึ้นสูงเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าและมั่นคงเหมือนเปลวเ
เสียงฝนกระทบหลังคาดังไม่หยุดตั้งแต่ช่วงบ่าย ไอรีนอยู่ในชุดสบาย ๆ ของวันหยุด นั่งอยู่หน้าต่างห้องพักที่เช่า ใจยังเต็มไปด้วยความรู้สึกดีจากคืนก่อนที่เธอกับคิรันได้เต้นรำกันท่ามกลางเสียงเพลง… ความรู้สึกที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อนแต่แล้ว... เสียงเคาะประตูก็ทำลายความเงียบทั้งหมดประตูเปิดออกเผยให้เห็นแม่ของเธอ ยืนอยู่ในสภาพเปียกปอนจากฝน ริมฝีปากซีด และสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดัน“แม่...” ไอรีนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ“แม่ต้องขอโทษที่มาหาลูกถึงที่นี่... แต่แม่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ” เสียงแม่สั่นพร่าไอรีนขมวดคิ้วทันที "อย่าบอกนะคะว่า..."“เขา... เขาต้องใช้เงินอีกแล้ว ไอรีน แม่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริง ๆ สองแสนบาท... แล้วเขาสัญญาว่าจะเลิกทุกอย่าง”“สองแสน?” เสียงของไอรีนแข็งขึ้น“แม่ยังเชื่อคำพูดเขาอีกเหรอคะ? แม่จะเอาอนาคตของหนูแลกกับคำโกหกของผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ?”“เขาสัญญาแล้วลูก! แม่แค่... แค่ขอให้ลูกช่วยแม่อีกครั้งเถอะนะ...”&ldqu
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ก่อนจะมีเสียงเหนื่อยหอบของแม่ตอบรับสายมา“ไอรีน... โทรมาทำไมตอนนี้ลูก? แม่กำลังจะออกไปคุยกับเจ้าหนี้เขาอีกแล้ว” น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความกังวลและเหนื่อยล้า“ไม่ต้องไปแล้วค่ะแม่... หนูโอนเงินให้แล้ว” ไอรีนพูดนิ่งๆ แต่ชัดเจน เธอนั่งอยู่ในห้องพักของตัวเอง มือยังคงถือโทรศัพท์แนบหู ในใจยังเต้นแรงจากสิ่งที่เธอเพิ่งตัดสินใจทำ“ฮะ... อะไรนะ? โอนอะไรลูก?” น้ำเสียงแม่สั่น“เงินหนี้ของพ่อเลี้ยง... หนูจัดการให้แล้วค่ะ” เธอเน้นย้ำคำว่า ‘พ่อเลี้ยง’ อย่างฝืนใจมีเพียงความเงียบที่ตามมาอีกเกือบสิบนาที ก่อนเสียงแม่จะดังแผ่วเหมือนคนกำลังกลั้นน้ำตา“ไอรีน... หนูไปเอาเงินมาจากไหนลูก? อย่าบอกแม่นะว่าไปกู้หนี้นอกระบบมาอีกคนน่ะ แม่ไม่อยากให้หนูลำบากเพราะเรื่องของแม่กับเขาเลยจริงๆ”“หนูไม่ได้กู้ค่ะแม่ หนูแค่... ทำงานพิเศษ” ไอรีนโกหกเสียงเรียบ“แม่ไม่ต้องห่วง หนูดูแลตัวเองได้ แล้วก็... ยินดีที่ได้ดูแลแม่กับน้อง หนูเต็มใจทำ เ