แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่คิดจะแนะนำนางให้ทุกคนรู้จักจำต้องหยุดคำพูดลง เมื่อรถม้าอีกคันที่ประทับตราของจวนตระกูลหยางแล่นเข้ามาแล้วหยุดลง พร้อมกับบุรุษผู้เป็นพี่ชายที่ก้าวลงจากรถม้าพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง"โม่เหยียน"คุณชายใหญ่ตระกูลหยางผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน หยางโม่ชาง ผู้ที่ไม่ชมชอบการใช้กำลัง จึงเลือกที่จะเป็นขุนนางมากกว่าการเป็นทหาร ที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน แต่ก็มิได้เป็นปัญหาเพราะทุกคนต่างเคารพในการตัดสินใจของเขา "พี่ใหญ่"สองพี่น้องที่ต่างพูดคุยกันอย่างคิดถึง ทักทายกันตามประสาบุรุษ คุณชายใหญ่หยางโม่ชางที่เห็นว่าข้างกายของน้องชายตนมีโฉมสะคราญอีกนางหนึ่ง สายตาล้อเลียนที่ส่งมาให้ผู้เป็นน้องชายตนราวจะถามถึงความสัมพันธ์ แม้จะพอรู้มาบ้างจากคำบอกเล่าในจดหมายของผู้เป็นน้องสาวอีกคน ในตอนแรกนั้นเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า น้องชายผู้นี้ของเขาจะยอมผูกมัดตัวเองง่ายๆ แต่เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าเขาก็ไม่แปลกใจเลย ว่าเหตุใดน้องชายตนจึงคิดที่จะแต่งนาง"นางเป็นภรรยาข้า ซูจือหลิง"เสียงราบเรียบที่กล่าวขึ้น ทำเอาผู้ที่ถูกกล่าวถึง ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก ก่อนจะส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้พี่ชายของบุรุษหน้ามึนที่ดึงนางมาโอบก
เมื่อเจ้านายทุกคนเข้ามากันพร้อมหน้าพร้อมตา บ่าวไพร่ต่างก็พร้อมใจยกสำรับอาหารที่หน้าตาน่ารับประทานเข้ามาเรียงรายจนเต็มโต๊ะ อาหารแต่ละจานล้วนถูกปรุงขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน บ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ลงมือทำได้เป็นอย่างดี "วันนี้พี่สะใภ้ของเจ้าตั้งใจทำอาหารทุกจานด้วยตนเองเพื่อต้อนรับเจ้าทั้งสองเชียวนะ"ฮูหยินผู้เฒ่าที่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มกล่าวขึ้น เมื่อนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย ด้านขวามือฮูหยินผู้เฒ่าคือคุณชายใหญ่หยางโม่ชาง ผู้เป็นนายท่านใหญ่ของจวน ตามด้วยสะใภ้ใหญ่ จางฮุ่ยหนิง"หลิงหลิง มานั่งข้างๆ มารดานี่"มือเหยี่ยวย่นที่ตบลงเบาๆ บนเก้าอี้ข้างตัวอีกด้าน จากหญิงชราที่ในตอนแรกใบหน้านั้นดูนิ่งขรึมเรียบเฉย แต่ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มอบอุ่นแต่งแต้ม จนคนที่เกร็งตัวอยู่ตลอดเริ่มผ่อนคลายลงนางมิใช่สตรีแก่ชราที่ดวงตาฝ้าฟาง ล้วนมองออกว่าสิ่งใดล้ำค่า สิ่งใดคือกรวดทรายเจ้าของชื่อที่ได้รับความเมตตาโดยไม่คาดคิด หันไปมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างขอความเห็น เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้ จึงก้าวไปนั่งลงด้านข้างหญิงชรา ตามด้วยแม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ตามมานั่งลงด้านข้าง"รู้สึกเหมือนตัวเองโดนแย่งชิงความรักเสี
ความสงสัยทั้งหมดถูกพับเก็บลง เมื่อคิดได้ว่าสตรีนางนั้นจะเป็นใคร เกี่ยวข้องอันใดกับบุรุษผู้นี้ก็ไม่เกี่ยวกับนาง เมื่อครบกำหนดนางก็ต้องจากไป ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก แต่ทำไมถึงรู้สึกอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น คงเป็นเพราะนางเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน และยังถูกบุรุษผู้นั้นรังแกจึงทำให้เป็นเช่นนี้กระมัง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถม้า ใบหน้างามก็ร้อนผ่าวขึ้นมา นางลืมไปได้อย่างไรกันว่าความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นจะนำพามาซึ่งความยุ่งยากใจในภายหลัง ซึ่งหากนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่"ถึงแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"เสียงของบ่าวรับใช้ใบหน้ากลมจิ้มลิ้มดูน่าเอ็นดู เอ่ยขึ้น เมื่อพานางมายังเรือนเรือนหนึ่งที่ดูใหญ่โตและสวยงาม รู้เพียงว่าเรือนหลังนี้อยู่ทางปีกตะวันออกของเรือนใหญ่ เพราะมัวแต่คิดเรื่องสตรีนางนั้น จึงทำให้มิรู้ตัวเลยว่านางเดินมาถึงเรือนแห่งนี้ได้อย่างไร แล้วจะหาแม่ทัพโม่เหยียนได้ที่ไหนล่ะทีนี้"เรือนตะวันออกนี้ เป็นเรือนพักของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะฮูหยินน้อย"เสียงแจ้วๆ ของบ่าวรับใช้ตัวกลมที่พานางเดินดูรอบๆ เรือนยังคงดังขึ้นเป็นระยะอย่างน่าฟัง สายตากลมโตที่ก
น้ำหนักมือที่บีบนวดลงบนไหล่มนอย่างพอดี ทำให้เจ้าของร่างบางที่หลับตาพริ้มครางฮืออย่างพออกพอใจ แต่มือของอาเปาช่างสากระคายยิ่งนัก ก่อนหน้านี้อาเปาทำหน้าที่ใดในจวนแม่ทัพแห่งนี้กัน แต่คงจะเป็นงานที่หนักน่าดู ใบหน้างามที่กำลังหลับสบาย จำต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อมือที่บีบนวดตรงไหล่มนของนางเริ่มที่จะร้อนผ่าวขึ้นและไต่ระดับต่ำลงมาตามท่อนแขนเล็กกลมกลึงแผ่วเบา จนขนอ่อนของนางลุกซู่ แล้วร่างบางพลันสะดุ้งเฮือก ผวาลุกพรวดขึ้นจากน้ำอย่างตกใจเมื่อฝ่ามือร้อนนั้นรวบเอาทรวงอกอวบอิ่มของนางเอาไว้เต็มฝ่ามือภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้นางแทบสิ้นสติ เพราะคนตรงหน้าไม่ใช่อาเปาแต่กลับเป็นเจ้าของเรือนที่ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากหน้าอกของนางไม่ถึงคืบ"ท่าน"มือบางข้างหนึ่งที่ยกขึ้น พาดลำแขนเล็กลงปกปิดบนทรวงอกอิ่มทั้งสองข้างอย่างหมิ่นเหม่ เพื่อให้พ้นจากสายตาหื่นกระหายของบุรุษตรงหน้า แม้จะรู้ว่ามิอาจปกปิดความใหญ่โตเกินตัวเอาไว้หมด แต่นางก็อับอายเกินกว่าจะปล่อยให้ยอดทรวงอิ่มชี้หน้าบุรุษจอมหื่นผู้นี้ อีกมือนั้นใช้ดันใบหน้าหล่อเหลาที่พยายามก้มหน้าลงมา เพื่อฉกชิมความหวานของยอดทรวงที่รวบแข็งเป็นไตท้าทายอีกฝ่ายจนน่าโมโหตั้ง
ริมฝีปากหนาที่ขบกัดขมเม้มไปทั่วทั้งลาดไหล่มนและเนินอกอวบอิ่มมิได้ทำให้รู้สึกเจ็บอย่างที่นางกังวลว่าเขาจะเอาคืน แต่กลับรู้สึกเสียวกระสันจนร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน นิ้วเรียวยาวที่สอดงองุ้มเข้ามาในจุดอ่อนไหวกลางกาย ยิ่งทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มยิ่งเผยอครวญคราง ริมฝีปากหนาสะเปะสะปะจูบไซร้ไปทั่วทั้งใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยอารมณ์พิศวาส ก่อนจะวกกลับมาครอบครองปากอิ่มบ่วมเจ่ออีกครั้ง บดคลึงด้วยแรงเสน่หา ส่งลิ้นร้อนเข้ามาควานหาความอ่อนหวานนุ่มละมุนในโพรงปากเล็กราวหิวกระหายมือหนาจับปลายคางมนแล้วดันให้แหงนเงยรับจุมพิตลึกซึ้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กของนาง พันเกี่ยวประสานดูดกลืนด้วยความร้อนเร่า จนนางแทบสำลักลมหายใจ ปากหนาจึงได้ผละออกให้นางได้สูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะประกบลงมาใหม่ ทาบทับลงมาบดเคล้ากลีบปากเล็กอย่างบ้าคลั่ง สูบเอาเรี่ยวแรงของนางไปจนหมดสิ้น สะโพกแกร่งที่บดเบียดเข้ามาระหว่างเรียวขาเล็กที่โอบรัดเอวสอบแน่น จนรู้สึกถึงลำเอ็นแข็ง ร้อนผ่าวที่นาบไปกับหน้าท้องแบนราบจนสัมผัสได้ว่ามันทั้งยาวและใหญ่เพียงใด ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกยิ่งเต้นกระหน่ำ สติที่คิดจะต่อต้านพลันพร่าเลือน ปล่อยให้ทุกอย่า
ร่างบางพลิกกายที่เมื่อยขบหันไปมองด้านข้างที่ตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาของบุรุษที่ก่ายกอดนางเอาไว้ตลอดทั้งคืน ใบหน้างามที่แดงระเรื่อขึ้น เมื่อย้อนนึกไปถึงคำพูดของแม่ทัพจอมหื่น ที่นางพึ่งได้รู้ว่านอกจากบุรุษผู้นั้นจะหื่นแล้ว ทั้งยังปากหวานและขี้อ้อนมากอีกด้วย แต่ก็ทำให้นางใจเต้นแรงและรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด"เจ้ายินดีจะเป็นฮูหยินแม่ทัพไปตลอดหรือไม่ หลิงเอ๋อ"นั่นคือคำถามที่คนตัวโตถามนางหลังจากที่ศึกรักที่กินเวลานานสงบลง นางที่ยังคงหลับตานิ่ง ใบหน้านวลซบอยู่กับอกแกร่งชื้นเหงื่อ ฟังเสียงหัวใจที่เริ่มกลับมาเต้นในจังหวะปกติของคนตัวโต นางไม่ได้หลับและได้ยินคำพูดนั้นชัดทุกคำ"ข้าอยากให้เจ้าลองให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสข้าดูสักครั้ง หากจะพูดว่ารัก มันคงจะฟังดู เร็วเกินไป แต่ข้า รู้สึกดีที่มีเจ้า และทุกคนที่นี่ก็ยินดีที่จะมีเจ้ามาเป็นครอบครัวอีกคน"คำพูดทุกคำสลักลึกลงไปในใจนาง ทั้งรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ตื้นตัน อย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงว่านางรู้สึกดีมากๆแม่ทัพหยางโม่เหยียน ที่ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งเขาจะมาร้องขอโอกาสจากสตรีคนหนึ่งเพื่อให้นางอยู่ด้วย เขาที่พยายามหลีกหนีการผูกมัดมาตลอด ตอนนี้กลับอยากผูกติด
ว่านอิงฮวา สตรีวัยสิบเจ็ดหนาวที่ยังไม่ยอมออกเรือน นางเป็นน้องสาวของอดีตลูกน้องคนสนิทของท่านแม่ทัพหยางโม่เหยียน ที่สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแต่ต้องมาจบชีวิตลงจากศึกใหญ่เมื่อหลายปีก่อน และได้ฝากฝังน้องสาวและมารดาไว้กับท่านแม่ทัพว่านอิงฮวาจึงเหลือแค่มารดาแก่ชราเพียงคนเดียว แต่เมื่อสามปีก่อน ก่อนที่ท่านแม่ทัพจะเดินทางกลับแดนใต้มารดาของนางก็ได้จบชีวิตลง จึงเหลือนางเพียงคนเดียวไร้ญาติสนิท ท่านแม่ทัพ เวทนาสงสารจึงรับนางเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพแห่งนี้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ส่วนเรื่องเบื้องลึกนั้นไม่มีใครรู้ไปมากกว่านี้อาเปาที่บอกแก่นายตนเพียงแค่นั้น แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าแม่นางว่านนั้นมีใจให้ท่านแม่ทัพจึงไม่ยอมออกเรือน ทุกคนรู้ได้เช่นไรน่ะหรือ ก็เจ้าตัวออกตัวมาตลอดตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาอยู่ที่นี่ ว่านางเป็นคนของท่านแม่ทัพ นางได้แต่เฝ้ารอวันที่ท่านแม่ทัพกลับมา แต่อาเปาก็ไม่ได้แจ้งให้ฮูหยินน้อยระคายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะท่าทีของท่านแม่ทัพไม่ได้มองแม่นางว่านเกินเลยไปกว่าสถานะน้องสาว จือหลิงที่ฟังเรื่องราวของว่านอิงฮวาจากอาเปา ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเช่นไรออกไป เพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้น แม้ในใจขอ
แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่คิดไปถึงเรื่องราวในครั้งอดีตเกี่ยวกับสตรีที่เขาได้รับปากกับลูกน้องคนสนิทที่เขารักดังสหายเอาไว้ก่อนตาย ว่าจะดูแลมารดาและน้องสาวผู้นี้ให้เป็นอย่างดี เมื่อครั้งที่มารดาของนางยังมีชีวิตอยู่เขาก็ดูแลทั้งสองอย่างที่รับปากเอาไว้ อย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย จนเมื่อมารดาของนางสิ้นใจ ก็ได้ฝากฝังนางไว้กับเขา เพราะนางนั้นไม่เหลือใครอีก จึงต้องให้นางเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพโดยมิอาจหลีกเลี่ยง ซึ่งในตอนนั้นนางอายุแค่เพียงสิบสี่หนาวยังไม่ถึงวัยออกเรือน เขาได้รับปากมารดานางว่าถึงวันที่นางต้องออกเรือน จะให้นางได้แต่งกับบุรุษที่ดีเพราะสงสารที่ชีวิตนางไม่เหลือใคร จึงให้ความสนิทสนมกับอีกฝ่าย จนกลายเป็นเขาให้ความหวังกับนางโดยไม่รู้ตัว และในวันที่เขาจะออกเดินทางในตอนนั้น นางได้เอ่ยกับเขาว่า"ข้าจะรอท่านแม่ทัพกลับมาเจ้าค่ะ"เสียงหวานปนเศร้านั้น ทำให้เขารู้สึกเวทนาในโชคชะตาของนางนัก จึงไม่คิดที่จะกล่าวอันใดให้นางรู้สึกแย่ แม้จะรู้ว่านางคิดเช่นไรกับเขา แต่คิดว่านางยังไม่เข้าใจในความรัก เมื่อเวลาผ่านไปนางคงจะเข้าใจ ในสิ่งที่เขาเคยพูดมาตลอดว่านางเป็นดังน้องสาวคนหนึ
และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง จือหลิงนางได้ให้กำเนิดคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยาง นาม หยางซือเชี่ยน ที่แปลว่าความสุขและความงดงาม โดยท่านย่าของเด็กน้อยเป็นผู้ตั้งให้ ทารกเพศหญิงที่นำความสุขทั้งมวลมาสู่จวนตระกูลหยางเมื่อหนูน้อยเชี่ยนเชี่ยนมีอายุได้สามเดือน ข่าวที่น่ายินดีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คือฮูหยินน้อยได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่สองจือหลิงที่ยังจดจำความเจ็บปวดในการคลอดบุตรได้เป็นอย่างดีได้แต่ฝืนยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน แม้จะรู้สึกยินดีที่นางจะมีบุตรเพิ่มอีกคน แต่สามีและแม่สามีจะมิให้นางได้หายใจหายคอบ้างเลยหรืออย่างไร สามีนางก็กระไร ช่างขยันขันแข็งในการทำบุตรยิ่งนัก ฮูหยินผู้เฒ่าหยางที่ดีใจอย่างที่สุด หวังอย่างยิ่งว่าหลานผู้นี้จะเป็นหลานชายสืบทอดสกุล"ดีนัก ดีดีดี"หญิงชราที่พึมพำอยู่เช่นนั้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม จนนางกล่าวคำใดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำสามีนางก็ช่างประเสริฐดีแท้ ขยันหมั่นเพียรผลิตเจ้าก้อนแป้งอยู่ทุกค่ำคืนมิได้ขาด ภายในปีนี้ สรุปแล้วนางตั้งครรภ์บุตรถึงสองคน เมื่อครบกำหนดคลอดนางก็คลอดหลานชายตัวอวบอ้วนให้แม่สามีได้เชยชมสมดังใจ บุตรชายผู้นี้ของนางเป็นบิดาของเขาที่ตั้งนามให้ นามว่า หยางเล
"แล้วหลังจากนั้นว่านอิงฮวานางก็ลอบเข้ามาหาพี่ในห้องนั้น โดยมีคนของพี่คอยเปิดทางให้ แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เจ้ารู้"สองร่างที่กอดก่ายกันอยู่ในถังน้ำใบใหญ่ มีไอความร้อนลอยกรุ่น กลิ่นหอมจากมวลดอกไม้ลอยคละคลุ้งตลบอบอวลโอบรอบกายของทั้งสอง"ร้ายกาจมาก ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว"เสียงหวานที่พึมพำขึ้น จนร่างสูงต้องดึงรั้งร่างบางขึ้นมาสบสายตา ยกมือหนาขึ้นเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้างามทัดใบหูเล็กอย่างอ่อนโยน "หากไม่ทำเช่นนั้น เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่จบไม่สิ้น พี่เองก็มิได้อยากใช้วิธีสกปรกเช่นนี้กับนาง"จือหลิงที่ช้อนตามองอีกฝ่าย ก่อนจะยกยิ้มหวานขึ้น"ข้ามิได้ว่าท่านเสียหน่อย ข้าว่าสตรีมากเล่ห์ผู้นั้นต่างหากเล่า ร้ายกาจยิ่งนักที่คิดจะแย่งชิงสามีข้า"จือหลิงที่แนบริมฝีปากอวบอิ่มกับปากหนา ส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายอย่างยั่วเย้า ร่างเล็กป่ายปีนขึ้นมาทาบทับร่างแกร่งกำยำ ภายในห้องอาบน้ำร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง ด้วยไฟพิศวาสที่สองร่างร่วมกันจุดกรี๊ดดดดดเสียงกรีดร้อง ตามด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญของสตรีที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าบุรุษข้างกายไม่ใช่บุรุษที่ตนปรารถนา แต่กลับเป็นชายที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาเป
คุณชายหานหลี่เหลียง คุณชายตระกูลคหบดีเก่าที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อว่านอิงฮวา คอยดูแลเอาอกเอาใจตลอดสามปีที่ผ่านมา บุรุษที่มอบใจรักให้นางอย่างมั่นคง แม้จะไม่เคยได้ความรักตอบแทน ก็ยังคงเฝ้ามองนาง ทำทุกอย่างตามที่นางร้องขออย่างโง่เขลา ถูกนางอันเป็นที่รักใช้ความรักที่เขามีให้ เป็นเครื่องมือ เพียงนางร้องขอ เขาก็ยินดีหาทุกอย่างมาประเคนให้ แม้กระทั่งยาปลุกกำหนัดไร้สีไร้กลิ่นที่ราคาแพงแสนแพงและหายาก เพียงนางต้องการ ก็ได้มาครอบครองโดยง่าย แม้จะล่วงรู้การกระทำทุกอย่างของนาง แต่ก็ยินยอม ขอแค่ให้นางนั้นมีความสุขและสมหวังในสิ่งที่นางปรารถนา เขาก็พร้อมจะยอมรับกับความเจ็บปวดและผิดหวัง แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะโดนจับตัวมาโดยบุรุษหน้าตาดุดัน ก่อนจะถูกบังคับให้กินน้ำแกงถ้วยหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมคุ้นจมูก เมื่อน้ำแกงถ้วยนั้นไหลผ่านลำคอรสชาติที่คุ้นลิ้นนั้น เขาจำได้ดีว่ารสมือเช่นนี้เป็นฝีมือของผู้ใด น้ำแกงที่สตรีที่เขารักปักใจมักจะทำให้เขาชิมเสมอตลอดระยะสามปีที่ผ่านมา ว่ามันอร่อยพอหรือยังที่นางจะทำให้บุรุษที่นางรักได้กินมัน ที่ผ่านมานางมักจะฝึกฝนทำอาหารด้วยความตั้งใจ เพื่อรอให้ใครคนหนึ่งกลับมากินฝีมือของนาง ซึ่งบุรุษผู้
แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่มองการกระทำของคนตัวเล็กด้วยหัวใจที่เต้นแรง รู้สึกตื่นเต้นกับทุกอย่างที่นางทำ แม้จะดูเงอะงะแต่กลับทำให้เขาเกร็งไปตลอดทั้งร่าง ลูกกวางน้อยของเขากลายร่างเป็นพยัคฆ์สาวเสียแล้วมือบางที่ลูบไล้เรือนร่างกำยำสะเปะสะปะ ริมฝีปากอวบอิ่มที่นุ่มร้อน ขบเม้มใบหูสะอาดของเขาดังที่เขาเคยทำกับนางจนกายหนากระตุกเกร็งไปทั้งร่าง จูบซับขบเม้มมาตาสันกรามแกร่ง กดจุมพิตตรงปลายคางสากระคายที่มีไรหนวดจางๆ ขบเม้มมาตามลำคอแข็งแกร่งลากไล้ปลายลิ้นผ่านลูกกระเดือกที่ดูมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ มือเล็กที่ปลดสายคาดเอว ดึงรั้งอาภรณ์ออกจากกายแกร่ง โดยมีผู้เป็นเจ้าของให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนอาภรณ์หลุดออกจากเรือนร่างกำยำ ปรากฏภาพความสมบูรณ์แบบที่ทำให้ร่างบางถึงกับชะงัก แม้จะรู้สึกอับอายจนใบหน้างามร้อนผ่าว ดวงตากลมโตดูตื่นตระหนกแต่ก็พยายามข่มกลั้นความอายเพื่อเอาอกเอาใจผู้เป็นสามีแม่ทัพหยางโม่เหยียนที่เฝ้ามองนางอยู่ ต้องยกมือหนารั้งลำคอระหงลงมามอบจุมพิตหวานละมุนให้รางวัลสำหรับความน่ารักนั้น นางกำลังทำให้เขาคลั่งกับความน่ารักของนาง นางช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก"ร่างกายนี้เป็นของเจ้า หลิงเอ๋อ"ริมฝีปากหนาที่ผล
จือหลิงที่เงยใบหน้างามเปรอะเปื้อนน้ำตาขึ้นมองใบหน้าเจ้าของอ้อมแขนอุ่นที่โอบประคองนางเอาไว้นัยน์ตากลมโตที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่เต็มหน่วยตา มองใบหน้าบุรุษตรงหน้าด้วยสายตาพร่าเลือน ก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ ขับไล่หยาดน้ำตาจนหยดล่วงเปื้อนแก้มนวลเม็ดโต ทำให้คนมองใจกระตุกสงสารโฉมสะคราญจับใจจือหลิงเมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษที่โอบกอดนางอยู่ถึงกับตกตะลึง หัวใจที่บอบช้ำเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ปากอวบอิ่มเผยอขึ้นจนสั่นระริก"เหตุใดจึงเป็นท่าน"เสียงหวานแหบเครือเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว กลัวภาพตรงหน้าเป็นเพียงภาพฝัน มือเล็กนุ่มนิ่มที่สั่นเทาจึงยกขึ้นลูบใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าใบหน้านี้จะหายไป"ร้องไห้ด้วยเหตุใดกัน หืม"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้น ยิ่งตอกย้ำว่านางมิได้ฝันไป ปากอวบอิ่มแดงเรื่อยกยิ้มขึ้นด้วยความยินดีจนสั่นระริก"เป็นท่าน หยางโม่เหยียน อึก ฮื้ออ ฮื้ออ"จือหลิงที่ร้องไห้โฮอย่างสุดจะกลั้น ทั้งดีใจ ทั้งโล่งใจ ที่เขามายืนอยู่ตรงหน้า มิได้อยู่ในห้องนั้น ซุกซบใบหน้านองน้ำตากับแผงอกกำยำ โอบกอดลำคอแกร่งอย่างลืมอาย ปล่อยให้น้ำมูกน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนอาภรณ์ตรงอกแกร่งจนเปียกชุ่ม"นิ่งเสียค
"เจ้าก็อยู่ที่นี่หรือโม่เหยียน แม่ดีใจยิ่งนัก เจ้าทั้งสองเข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่""ขอรับท่านแม่"แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ลุกขึ้นประคองร่างของมารดาตนมานั่งพร้อมเอ่ยตอบแค่ก แค่ก แค่กจือหลิงที่ขยับกายจะปฏิเสธ ต้องหยุดคำพูดลงเมื่อเสียงไอแหบแห้งของหญิงชราดังขัดขึ้น พร้อมมือเหี่ยวย่นนั้นยกขึ้นนวดคลึงศีรษะ"ท่านแม่ ไม่สบายหรือเจ้าคะ"มือบอบบางที่รินชาส่งให้ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นแม่สามี เมื่อวานท่านยังดูปกติและแข็งแรงดีอยู่เลย"คนแก่ก็เช่นนี้ สามวันดีสี่วันไข้ เจ้าอย่าได้กังวล แล้วโม่เหยียนมารับน้องกลับเรือนหรือ"ฮูหยินผู้เฒ่าหยางที่เอ่ยตอบลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปถามบุตรชายตน"ไม่ชะ.."แค่ก แค่ก แค่กจือหลิงที่ตั้งท่าจะปฏิเสธ ต้องสงบคำอีกครั้ง เมื่อเสียงไอแห้งๆ ของแม่สามีดังขึ้น"ตามท่านหมอมาดูเสียหน่อยดีกว่านะเจ้าคะ""ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวก็หาย""เช่นนั้นก่อนกลับอยู่รับสำรับกับแม่นะ มิได้ร่วมโต๊ะกับเจ้าทั้งสองพร้อมหน้าเสียหลายวัน"เสียงของหญิงชราที่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเศร้า ที่ดูเหมือนจะเศร้ามากจนเกินไป มองนางด้วยความคาดหวัง จนจือหลิงได้แต่ยิ้ม
ร่างสูงที่พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ จนแทบจะกระอักเลือดตายเพราะความคิดถึงมันจุกอก ด้วยใบหน้าหม่นเศร้า"พี่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า"น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นเสียงอ่อยราวกับว่าเมื่อครู่ท่านแม่ทัพไม่ได้มีท่าทางเกรี้ยวกราดมาก่อน ทำให้บรรดาบ่าวรับใช้ที่ถึงแม้จะเกรงกลัวท่าทางดุดันของท่านแม่ทัพ แต่ความเป็นห่วงฮูหยินน้อยนั้นมีมากกว่า จึงตามมาห่างๆ อย่างห่วงๆ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ว่าเมื่อสักครู่พวกตนฝันไปเช่นนั้นหรือ หรือว่าภาพตรงหน้าเป็นแค่ภาพลวงตาฮะแฮ่ม!!สายตาบ่าวรับใช้ที่มองมายังตน ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับออกอาการเก้อกระดาก"พวกเจ้าออกไปก่อน""เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ"บรรดาข้ารับใช้ที่ช่างรักใคร่ในตัวฮูหยินน้อยของพวกนางมากมายเหลือเกิน แม้จะมีท่าทางลังเลแต่ก็ยอมถอยออกไป นี่พวกนางกลัวว่าเขาจะสังหารภรรยาของตัวเองหรืออย่างไรถึงได้ยกโขยงมากันเช่นนี้"อาเปา เจ้าอยู่นี่"จือหลิงนางมิอาจวางใจบุรุษมากเล่ห์ผู้นี้ได้อีกแล้ว เขาอาจจะทำในสิ่งที่นางคาดไม่ถึงอีกก็เป็นได้"เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็มิได้กล่าวว่าอันใด นางคิดจริงๆ หรือว่า หากเขาต้
จือหลิงที่ถูกบุรุษชั่วผู้นั้นเคี่ยวกรำตลอดทั้งคืน ชันกายลุกขึ้นจากเตียงนุ่มอย่างอ่อนล้า เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับจวน นางพลาดท่าให้เจ้าคนมากเล่ห์นั่นจนได้ สายตาพลันตวัดมองกาน้ำชาบนโต๊ะ แต่ทว่ามันได้หายไปเสียแล้วหวนนึกไปถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากศึกรักอันเร่าร้อนในรอบแรกจบลง นางที่นอนหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยก็สำเหนียกได้ว่านางโดนบุรุษผู้นี้เล่นไม่ซื่อเสียแล้ว ร่างบางที่ขืนกายออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งชื้นเหงื่อ ก่อนจะผุดลุกต่อว่าบุรุษชั่วอย่างเคืองแค้น ทั้งที่กลางกายยังคงร้อนวูบวาบ"ท่านมันชั่วช้า ถึงขนาดกล้าวางยาข้าเชียวหรือ""เจ้ากล่าวหาพี่แล้ว มิใช่เจ้าหลอกหรือที่ข่มเหงรังแกพี่"ใบหน้าหล่อคมที่กล่าวสวนขึ้นมา พร้อมตีหน้าเศร้าราวกับตนเองถูกรังแก ทำให้นางถึงกับสะอึก ใบหน้างามร้อนผ่าวแดงก่ำไปทั้งหน้าลามไปถึงลำคอ ใบหูเล็กทั้งสองข้างแดงเถือก มือบอบบางที่กระชับผ้าห่มปกปิดกาย กำเข้าหากันแน่นอย่างแค้นเคือง"ไม่จริง...เป็นท่านแน่ที่วางยาข้า หาไม่แล้ว ข้ามิมีวันทำเรื่องน่าอายเช่นนี้แน่"จือหลิงที่มองอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล เขาเป็นคนวางยานางแน่ แต่กลับกล่าววาจาให้นางต้องอับอาย"จุ๊ จุ๊ จุ๊ หลิงเ
สายตาคมจับจ้องมองความงามตรงหน้าอย่างหลงใหล มองเนื้อโหนกนูนหนั่นแน่นขาวผ่อง สองกลีบอวบอูมที่ปิดสนิท มีน้ำหวานสีใสไหลซึม ผุดขึ้นมาจากร่องจนฉ่ำเยิ้ม จนอยากจะกดชำแรกแทรกปลายลิ้นลงไปฉกชิมความหวานด้านในมือหนาสากเริ่มบีบคลึงสะโพกงามหนักมือขึ้นเรื่อยๆ ปากหนาพรหมจูบไปตามปลีน่องขาวผ่องเรื่อยขึ้นมาตามเนื้อนวลด้านในโคนขาอ่อนนุ่มละมุน นิ้วเรียวยาวลากไล้เข้าหาจุดอ่อนไหวแยกกลีบดอกบุปผางามออกจากกัน กดชำแรกนิ้วกลางใหญ่ ร้อนผ่าวเข้าไปในความอ่อนไหวอุ่นร้อนสีแดงฉ่ำ ที่ตอดรัดนิ้วของเขาทันทีที่กดลึกลงไปจนสุดโคนนิ้ว เสียงหวานใสที่ร้องครวญครางด้วยความซ่านสยิว ร่อนสะโพกงามสู้นิ้วใหญ่ที่ผลุบเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ช่องทางรักอ่อนนุ่มตอดตุบๆ จนเขาต้องเร่งส่งนิ้วเข้าออกระรัว"อื้อออ~"น้ำหวานสีใสที่ไหลเปรอะเปื้อนชโลมนิ้วใหญ่จนเปียกชุ่ม สะโพกงามที่ตามติดทุกการเคลื่อนไหวอย่างซ่านกระสัน ก่อนร่างหนาจะถอดถอนนิ้วที่เปียกลื่นนั้นออกจากความอ่อนนุ่มที่แสนเร่าร้อน แทนที่ด้วยลิ้นสากหนาร้อนระอุ ปาดเลียน้ำหวานที่หลั่งไหลอย่างไร้ความรังเกียจ ร่างนุ่มนิ่มบิดกายด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นหนาร้อนส่งปลายลิ้นลงไปกระดกติ่งตูมเต่งสีหวานที