ผ่านมาหลายวัน จือหลิงนางใช้ชีวิตอยู่ในจวนแม่ทัพอย่างมีความสุข ทุกคนต่างรักและเอ็นดูนางในฐานะสะใภ้เล็กของจวน แม่สามีรักและเอ็นดูนางดังบุตรแท้ๆ บ่าวไพร่ต่างเคารพยำเกรงในฐานะเจ้านายอีกคน จนนางรู้สึกหวงแหนกับการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้แม่ทัพหยางโม่หยียนปฏิบัติต่อนางราวกับทั้งคู่คือสามีภรรยากันจริงๆ จนบางครั้ง นางเผลอลืมความตั้งใจในตอนแรก ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา แม้ทุกอย่างจะยังไม่ชัดเจนในความรู้สึก นางเพียงขอเก็บช่วงเวลาดีๆ นี้เอาไว้ อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง จะได้รู้ว่านางก็เคยมีความสุขมากแต่ความสุขในชีวิตนางมักจะสั้นเสมอ แม้นางจะเตรียมตัวเตรียมใจแบกรับความรู้สึกผิดหวังและเสียใจเอาไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญกับความรู้สึกนั้นจริงๆ มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย ความหวาดระแวงกำลังเกาะกินจิตใจนาง ยิ่งแม่ทัพหยางโม่เหยียนแสดงความชัดเจนที่มีต่อนาง ทั้งที่สตรีอีกคนมองมาด้วยความหม่นหมอง นางกลับยิ่งรู้สึกเจ็บปวดระยะหลังมานี้ แม่ทัพหยางโม่เหยียนต้องจัดการเรื่องราวในกองทัพของเขา ที่จะมาประจำการในเมืองหลวง ซึ่งยังไม่ลงตัว ทั้งคู่จึงไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันนัก เขามักจะออกไปตั้งแต่ฟ้าสางและกลับมาใน
จือหลิงที่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้นางหลับไปตั้งแต่ตอนไหน รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยแผ่ซ่านอยู่ด้านหลัง สายตาก้มลงมองอ้อมแขนแกร่งที่กอดกระชับเอวบางของนางด้วยความรู้สึกเจ็บปวดระคนสับสน เปลือกตาที่เปิดขึ้นเพียงครู่หลับลงอีกครั้ง ความเจ็บปวดจุกแน่นแผ่ซ่านไปทั่วโพรงอก เมื่อความทรงจำของเมื่อคืนหวนกลับเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้งได้โปรดเถอะ หยางโม่เหยียน อย่าทำดีกับข้าเช่นนี้ เพราะข้าไม่สามารถแบกรับความรู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้ได้อีกแล้วนางนอนคิดใคร่ครวญตลอดทั้งคืน ว่าจะทำเช่นไรกับเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ เขาทำเหมือนมีใจให้นาง เหมือนนางเป็นคนสำคัญ แต่ขณะเดียวกันก็มีสตรีอีกคน หากจะต้องอยู่เช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ นางมิอาจทานทนได้ เพราะตอนนี้นางรู้ตัวแล้วว่าได้มอบหัวใจให้บุรุษผู้นี้ไปเสียแล้ว หากอยู่แล้วต้องเจ็บ มิสู้ยอมถอยออกมาก่อนที่จะเจ็บไปมากกว่านี้ดีกว่าหรือไม่"ตื่นแล้วหรือ"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้น พร้อมวงแขนแข็งแกร่งที่กระชับร่างบางให้แนบไปกับอกแกร่งกำยำ มือหนาที่ลูบไร้หน้าท้องแบนราบจนกายบางแข็งเกร็งขึ้น มือเล็กจับมือหนาที่ทำท่าจะลูบไล้ขึ้นสูง เบี่ยงใบหน้าหนีริมฝีปา
สายตาคมที่จ้องลึกลงไปในดวงตาหวานของสตรีที่ก่ายเกยอยู่เหนือร่างแกร่ง มือหนายื่นขึ้นมาเกี่ยวเอาเส้นผมดำขลับที่ปรกหน้าขึ้นทัดใบหูเล็กอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสอดเข้าไปในกลุ่มผมหนานุ่มหอมกรุ่น โน้มต้นคอเล็กลงมา จนริมฝีปากหนาแตะบนเรียวปากเล็กอวบอิ่มแผ่วเบาแล้วผละออก ก่อนจะประทับกลับลงมาอีกครั้ง บรรจงบดเคล้าปากอวบอิ่มอย่างอ่อนหวานทว่าหนักแน่น ลิ้นหนาสากไล้เลียไปบนริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็ก ชิมความหวานในโพรงปากนุ่ม พลิกกายบางให้ทอดกายอยู่ใต้เรือนร่างแข็งแกร่ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ท่านแม่ทัพ แม่นางว่านมาขอพบขอรับ"มือหนาที่สอดเข้าไปในสาบเสื้อรวบเอาความอวบอิ่มเข้ามาไว้ในฝ่ามือใหญ่พลันหยุดชะงัก ระบายลมหายใจออกมาอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน ก่อนจะกดจุมพิตเรียวปากอิ่มทีหนึ่ง เขาลืมไปเสียสนิทว่าได้นัดหมายอีกฝ่ายเอาไว้ "บอกนาง สักครู่ข้าจะออกไป""ขอรับ"ร่างหนาที่ผละออก พาให้เกิดความรู้สึกวูบโหวงขึ้นในอก ใบหน้างามชาวาบจนไม่รู้สึกถึงริมฝีปากร้อนผ่าวที่ก้มลงมาหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ราวกับจะขอโทษ หูทั้งสองข้างอื้ออึงไปหมด"ขอโทษทีนะหลิงเอ๋อ วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของอาฝู พี่ชา
จือหลิงที่เห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป จึงลุกออกจากเตียงเพื่อไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย นางไม่ขอทนอีกต่อไปแล้ว"เข้าใจผิดหรือ ข้ามั่นใจว่าข้ามิได้มองผิดไปว่านางมีใจให้ท่าน"แม่ทัพหยางโม่เหยียน ที่ยกมือหนาขึ้นลูบใบหน้า เมื่อเจอกับสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ มองแผ่นหลังบอบบางของเจ้าของสายตาคมดุที่ตวัดมองเขาด้วยดวงตาวาววับและคำพูดที่ทำให้เขาไม่อาจที่จะปฏิเสธ ก่อนจะเดินตามนางเข้าไปมองเงาร่างของสตรีที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นการรับมืออารมณ์ของสตรีช่างยากเย็นกว่ารับมือศัตรูหลายเท่านัก นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ยอมออกเรือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ถูกถ่ายทอดออกจากริมฝีปากหนาอย่างใจเย็น พร้อมคำพูดที่ช่างบาดใจคนฟัง"หลิงเอ๋อ เจ้าก็รู้ว่านางไม่มีใครนอกจากพี่"จือหลิงที่แค่นยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน เมื่อได้ยินคำพูดที่ออกมาจากปากบุรุษที่นางมอบหัวใจให้ ใบหน้างามแหงนเงยขึ้น เพื่อให้น้ำตาที่จวนเจียนจะไหลอยู่รอมร่อนั้นไหลย้อนกลับ ใช้นิ้วเรียวขาวกรีดหยาดน้ำที่เอ่อล้นขอบตา กลืนก้อนแข็งลงคอเค้นคำพูดที่จุกแน่นอยู่ในอกออกมาอย่างยากลำบาก"ความจริงท่านและนางรู้จักกันก่อนที่จะเจอข้าเสียอีก หากไม่เกิดเรื่องเสียก
ร่างบางที่ดิ้นรนให้ออกจากการเกาะกุมของมือหนา ข้อแขนเล็กที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระตะเกียกตะกายคลานหนีจากบุรุษใจร้าย นางจะไม่ยอมให้บุรุษผู้นี้รังแกนางอีกต่อไป"ปล่อยข้า ข้าเกลียดท่าน หยางโม่เหยียน ข้าเกลียดท่านได้ยินหรือไม่"ข้อเท้าเล็กที่คลานหนีถูกมือหนากระชากจนร่างบางนอนราบคว่ำหน้าไปกับพื้นเย็นเฉียบ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างหนาหนักก็ตามมาทาบทับแผ่นหลังเล็ก จนไม่อาจดิ้นหนี"กรี๊ดด ช่วยด้วย อึก ปล่อยข้า"ร่างหนาที่โถมทับ จากที่ไม่ยอมฟังแล้ว ยังใช้มือหนาสาก ฉีกกระชากชุดสวยที่นางพึ่งสวมดึงรั้งออกจากกายงามจนขาดวิ่น ชายกระโปรงตัวงามถูกดึงขึ้นมากองอยู่เหนือสะโพกงอนงาม ริมฝีปากร้อนผ่าวขบกัดไปทั่วไหล่มนและแผ่นหลังบางขาวผ่องจนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำ จือหลิงที่ผินใบหน้านองน้ำตาหันไปมองบุรุษที่ทาบทับกายนางอยู่ด้านหลัง สบเข้ากับดวงตาพยัคฆ์ที่แดงก่ำเต็มไปด้วยไฟแห่งโทสะจนดูน่ากลัวด้วยหัวใจที่สั่นสะท้านรุนแรง"กรี๊ดดด อย่า ได้โปรด ข้ากลัวแล้ว อื้อออ~"เสียงหวานสั่นเครือที่ร้องขอความเมตตา มิได้ช่วยให้คนที่ถูกโทสะครอบงำหยุดการกระทำป่าเถื่อนนั้นลง กลับดึงกระชากซับในตัวบางจนขาดติดมือ แก้มก้นงามงอนหนั่นแน่นขาวเนีย
ร่างบอบบางที่นอนหันหลังให้ บนแผ่นหลังขาวเนียนผุดผ่อง ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยร่องรอยแดงช้ำจากการขบกัด ไปทั่วแผ่นหลังนวลแม่ทัพหยางโม่เหยียนที่กำหมัดแน่น ในอกแกร่งเจ็บร้าวระบม รู้สึกเกลียดตัวเองเป็นอย่างมาก ปีศาจตนใดทำให้เขาทำร้ายนางได้ถึงเพียงนี้ เขาทำกับสตรีที่ตัวเองรักแบบนี้ได้เช่นไรกันมือหนาสั่นเทาที่ยกขึ้นลูบไหล่มนแผ่วเบา ยิ่งลูบลงบนรอยจ้ำแดงช้ำยิ่งรู้สึกผิด"หลิงเอ๋อ พี่ขออภัยต่อเจ้า"เสียงทุ้มสั่นเครือที่เอ่ยกับร่างบางที่ยังคงนอนนิ่ง ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดกับเขาแม้เพียงครึ่งคำ นางคงจะเกลียดเขาจนไม่อาจให้อภัย แขนแข็งแรงที่โอบกระชับร่างบางเข้ามากอด แนบใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกผิด ก่ายเกยลงบนบ่าเล็ก จูบซับร่องรอยแดงช้ำที่ตนเป็นผู้กระทำแผ่วเบาเพียงได้ยินว่านางต้องการหย่ากับเขา ต้องการไปจากเขา เพียงนางบอกว่าเกลียดเขา กลับทำให้เขาขาดสติ ข่มเหงนางอย่างป่าเถื่อนจนไม่น่าให้อภัย เขามันเลวอย่างที่นางกล่าว สมควรแล้วที่นางจะเกลียดเขา "หลิงเอ๋อ พูดกับพี่เถอะนะคนดี ขอโทษ ขอโทษจริงๆ พี่รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำมันเลวร้ายจนไม่อาจอภัย แต่เจ้าอย่านิ่งเงียบเช่นนี้ได้หรือไม่ หลิงเอ๋อ"ร่าง
สิ้นเสียงบานประตูที่ปิดลง ศีรษะเล็กก็โผล่ออกมาเหนือผ้าห่มที่คลุมกาย หอบเอากายบางที่บอบช้ำขึ้นพิงพนักหัวเตียง ภาพความป่าเถื่อนรุนแรงที่บุรุษผู้นั้นทำกับนางยังแจ่มชัด น้ำตาที่คิดว่าไม่มีจะไหลอีกแล้วกลับรินไหลออกมาจากดวงตาแดงก่ำบวมช้ำอีกครา กายบางสั่นไหวเพราะแรงสะอื้น น้ำมูกน้ำตาไหลจนแทบจะหายใจไม่ออก เจ็บช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไปทั่วกายและตรงส่วนบอบบางกลางร่าง ยิ่งตอกย้ำว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง มิใช่เพียงฝันร้ายบุรุษผู้นั้นย่ำยีนางอย่างไร้ซึ่งความเมตตา โถมกายเข้าหานางครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างป่าเถื่อน จนนางแทบสิ้นสติ รู้สึกถึงความเหนียวเหนอะหนะมากมายกลางกายและคราบคาวขาวปะปนกับสีแดงของเลือดที่แห้งกรังตรงโคนขายิ่งรู้สึกเจ็บช้ำ "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ อาเปาเองเจ้าค่ะ"เสียงของอาเปาที่เอ่ยเรียก ทำให้ร่างบางหลุดจากภาพความเลวร้ายที่ติดตรึงอยู่ภายในใจ หลับตาลง ข่มกลั้นน้ำเสียงมิให้สั่น"ไม่ต้องเข้ามา ข้าอยากอยู่คนเดียว"น้ำเสียงที่เคยอ่อนหวานสดใส ตอนนี้กลับแหบแห้งสั่นเครือจนคนฟังเกิดความไม่แน่ใจ"แต่ว่า""ข้าจะพักผ่อน"อาเปาที่ยืนลังเลอยู่อย่างเป็นห่วงได้แต่ยืนปักหลักอยู่หน้า
หลายวันผ่านไป แม้ร่างกายจะหายเป็นปกติแต่จิตใจนั้นยังคงบอบช้ำ ตั้งแต่วันที่ลืมตาตื่นขึ้นมา จือหลิง นางก็หอบเอาตัวเอง มาฝังตัวอยู่ที่เรือนใหญ่ กิน นอน อยู่ที่นั่น ใช้แม่สามีเป็นเกราะป้องกันภัยจากบุตรชายของนางเอง ไม่แม้แต่จะยื่นปลายเท้าออกจากเรือนนอนจนเป็นเหตุให้แม่ทัพหยางโม่เหยียนต้องคอยวนเวียน มาที่เรือนใหญ่ทุกเช้า สาย บ่าย เย็น และทุกช่วงเวลาที่มีโอกาส แต่ก็ไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าหรือแม้แต่เงาของโฉมสะคราญ ดึกดื่นค่อนคืนก็นอนไม่หลับ เมื่อไร้ร่างนุ่มนิ่มที่เคยกอดก่ายนอนอยู่ทุกค่ำคืนเคียงกาย ถึงเวลากินก็กินไม่ได้ หิ้วท้องไปฝากยังเรือนใหญ่ก็กลายเป็นว่าทำให้ สตรีที่เฝ้าถวิลหาทุกเมื่อเชื่อวันไม่ยอมออกมารับสำรับ จนเขาไม่กล้าที่จะไปรับสำรับยังเรือนใหญ่อีก เพราะกลัวว่านางจะไม่ยอมทานข้าว จนล้มป่วยลง จนตอนนี้แม่ทัพหนุ่มผู้หล่อเหลา งามสง่ากลับกลายเป็นบุรุษอมทุกข์ ร่างกายทรุดโทรมผ่ายผอม ปล่อยให้หนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม จนผู้เป็นมารดามิอาจทานทนไหว จนต้องคอยเอ่ยปากพูดกับลูกสะใภ้ให้ใจอ่อน ยอมให้อภัยบุตรชายในทุกๆวัน น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วเหตุใดจิตใจอ่อนไหวของสตรีจะไม่ไหวเอนจือหลิงแม้จะไ
และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง จือหลิงนางได้ให้กำเนิดคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยาง นาม หยางซือเชี่ยน ที่แปลว่าความสุขและความงดงาม โดยท่านย่าของเด็กน้อยเป็นผู้ตั้งให้ ทารกเพศหญิงที่นำความสุขทั้งมวลมาสู่จวนตระกูลหยางเมื่อหนูน้อยเชี่ยนเชี่ยนมีอายุได้สามเดือน ข่าวที่น่ายินดีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คือฮูหยินน้อยได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่สองจือหลิงที่ยังจดจำความเจ็บปวดในการคลอดบุตรได้เป็นอย่างดีได้แต่ฝืนยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน แม้จะรู้สึกยินดีที่นางจะมีบุตรเพิ่มอีกคน แต่สามีและแม่สามีจะมิให้นางได้หายใจหายคอบ้างเลยหรืออย่างไร สามีนางก็กระไร ช่างขยันขันแข็งในการทำบุตรยิ่งนัก ฮูหยินผู้เฒ่าหยางที่ดีใจอย่างที่สุด หวังอย่างยิ่งว่าหลานผู้นี้จะเป็นหลานชายสืบทอดสกุล"ดีนัก ดีดีดี"หญิงชราที่พึมพำอยู่เช่นนั้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม จนนางกล่าวคำใดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำสามีนางก็ช่างประเสริฐดีแท้ ขยันหมั่นเพียรผลิตเจ้าก้อนแป้งอยู่ทุกค่ำคืนมิได้ขาด ภายในปีนี้ สรุปแล้วนางตั้งครรภ์บุตรถึงสองคน เมื่อครบกำหนดคลอดนางก็คลอดหลานชายตัวอวบอ้วนให้แม่สามีได้เชยชมสมดังใจ บุตรชายผู้นี้ของนางเป็นบิดาของเขาที่ตั้งนามให้ นามว่า หยางเล
"แล้วหลังจากนั้นว่านอิงฮวานางก็ลอบเข้ามาหาพี่ในห้องนั้น โดยมีคนของพี่คอยเปิดทางให้ แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เจ้ารู้"สองร่างที่กอดก่ายกันอยู่ในถังน้ำใบใหญ่ มีไอความร้อนลอยกรุ่น กลิ่นหอมจากมวลดอกไม้ลอยคละคลุ้งตลบอบอวลโอบรอบกายของทั้งสอง"ร้ายกาจมาก ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว"เสียงหวานที่พึมพำขึ้น จนร่างสูงต้องดึงรั้งร่างบางขึ้นมาสบสายตา ยกมือหนาขึ้นเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้างามทัดใบหูเล็กอย่างอ่อนโยน "หากไม่ทำเช่นนั้น เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่จบไม่สิ้น พี่เองก็มิได้อยากใช้วิธีสกปรกเช่นนี้กับนาง"จือหลิงที่ช้อนตามองอีกฝ่าย ก่อนจะยกยิ้มหวานขึ้น"ข้ามิได้ว่าท่านเสียหน่อย ข้าว่าสตรีมากเล่ห์ผู้นั้นต่างหากเล่า ร้ายกาจยิ่งนักที่คิดจะแย่งชิงสามีข้า"จือหลิงที่แนบริมฝีปากอวบอิ่มกับปากหนา ส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายอย่างยั่วเย้า ร่างเล็กป่ายปีนขึ้นมาทาบทับร่างแกร่งกำยำ ภายในห้องอาบน้ำร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง ด้วยไฟพิศวาสที่สองร่างร่วมกันจุดกรี๊ดดดดดเสียงกรีดร้อง ตามด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญของสตรีที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าบุรุษข้างกายไม่ใช่บุรุษที่ตนปรารถนา แต่กลับเป็นชายที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาเป
คุณชายหานหลี่เหลียง คุณชายตระกูลคหบดีเก่าที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อว่านอิงฮวา คอยดูแลเอาอกเอาใจตลอดสามปีที่ผ่านมา บุรุษที่มอบใจรักให้นางอย่างมั่นคง แม้จะไม่เคยได้ความรักตอบแทน ก็ยังคงเฝ้ามองนาง ทำทุกอย่างตามที่นางร้องขออย่างโง่เขลา ถูกนางอันเป็นที่รักใช้ความรักที่เขามีให้ เป็นเครื่องมือ เพียงนางร้องขอ เขาก็ยินดีหาทุกอย่างมาประเคนให้ แม้กระทั่งยาปลุกกำหนัดไร้สีไร้กลิ่นที่ราคาแพงแสนแพงและหายาก เพียงนางต้องการ ก็ได้มาครอบครองโดยง่าย แม้จะล่วงรู้การกระทำทุกอย่างของนาง แต่ก็ยินยอม ขอแค่ให้นางนั้นมีความสุขและสมหวังในสิ่งที่นางปรารถนา เขาก็พร้อมจะยอมรับกับความเจ็บปวดและผิดหวัง แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะโดนจับตัวมาโดยบุรุษหน้าตาดุดัน ก่อนจะถูกบังคับให้กินน้ำแกงถ้วยหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมคุ้นจมูก เมื่อน้ำแกงถ้วยนั้นไหลผ่านลำคอรสชาติที่คุ้นลิ้นนั้น เขาจำได้ดีว่ารสมือเช่นนี้เป็นฝีมือของผู้ใด น้ำแกงที่สตรีที่เขารักปักใจมักจะทำให้เขาชิมเสมอตลอดระยะสามปีที่ผ่านมา ว่ามันอร่อยพอหรือยังที่นางจะทำให้บุรุษที่นางรักได้กินมัน ที่ผ่านมานางมักจะฝึกฝนทำอาหารด้วยความตั้งใจ เพื่อรอให้ใครคนหนึ่งกลับมากินฝีมือของนาง ซึ่งบุรุษผู้
แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่มองการกระทำของคนตัวเล็กด้วยหัวใจที่เต้นแรง รู้สึกตื่นเต้นกับทุกอย่างที่นางทำ แม้จะดูเงอะงะแต่กลับทำให้เขาเกร็งไปตลอดทั้งร่าง ลูกกวางน้อยของเขากลายร่างเป็นพยัคฆ์สาวเสียแล้วมือบางที่ลูบไล้เรือนร่างกำยำสะเปะสะปะ ริมฝีปากอวบอิ่มที่นุ่มร้อน ขบเม้มใบหูสะอาดของเขาดังที่เขาเคยทำกับนางจนกายหนากระตุกเกร็งไปทั้งร่าง จูบซับขบเม้มมาตาสันกรามแกร่ง กดจุมพิตตรงปลายคางสากระคายที่มีไรหนวดจางๆ ขบเม้มมาตามลำคอแข็งแกร่งลากไล้ปลายลิ้นผ่านลูกกระเดือกที่ดูมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ มือเล็กที่ปลดสายคาดเอว ดึงรั้งอาภรณ์ออกจากกายแกร่ง โดยมีผู้เป็นเจ้าของให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนอาภรณ์หลุดออกจากเรือนร่างกำยำ ปรากฏภาพความสมบูรณ์แบบที่ทำให้ร่างบางถึงกับชะงัก แม้จะรู้สึกอับอายจนใบหน้างามร้อนผ่าว ดวงตากลมโตดูตื่นตระหนกแต่ก็พยายามข่มกลั้นความอายเพื่อเอาอกเอาใจผู้เป็นสามีแม่ทัพหยางโม่เหยียนที่เฝ้ามองนางอยู่ ต้องยกมือหนารั้งลำคอระหงลงมามอบจุมพิตหวานละมุนให้รางวัลสำหรับความน่ารักนั้น นางกำลังทำให้เขาคลั่งกับความน่ารักของนาง นางช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก"ร่างกายนี้เป็นของเจ้า หลิงเอ๋อ"ริมฝีปากหนาที่ผล
จือหลิงที่เงยใบหน้างามเปรอะเปื้อนน้ำตาขึ้นมองใบหน้าเจ้าของอ้อมแขนอุ่นที่โอบประคองนางเอาไว้นัยน์ตากลมโตที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่เต็มหน่วยตา มองใบหน้าบุรุษตรงหน้าด้วยสายตาพร่าเลือน ก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ ขับไล่หยาดน้ำตาจนหยดล่วงเปื้อนแก้มนวลเม็ดโต ทำให้คนมองใจกระตุกสงสารโฉมสะคราญจับใจจือหลิงเมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษที่โอบกอดนางอยู่ถึงกับตกตะลึง หัวใจที่บอบช้ำเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ปากอวบอิ่มเผยอขึ้นจนสั่นระริก"เหตุใดจึงเป็นท่าน"เสียงหวานแหบเครือเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว กลัวภาพตรงหน้าเป็นเพียงภาพฝัน มือเล็กนุ่มนิ่มที่สั่นเทาจึงยกขึ้นลูบใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าใบหน้านี้จะหายไป"ร้องไห้ด้วยเหตุใดกัน หืม"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้น ยิ่งตอกย้ำว่านางมิได้ฝันไป ปากอวบอิ่มแดงเรื่อยกยิ้มขึ้นด้วยความยินดีจนสั่นระริก"เป็นท่าน หยางโม่เหยียน อึก ฮื้ออ ฮื้ออ"จือหลิงที่ร้องไห้โฮอย่างสุดจะกลั้น ทั้งดีใจ ทั้งโล่งใจ ที่เขามายืนอยู่ตรงหน้า มิได้อยู่ในห้องนั้น ซุกซบใบหน้านองน้ำตากับแผงอกกำยำ โอบกอดลำคอแกร่งอย่างลืมอาย ปล่อยให้น้ำมูกน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนอาภรณ์ตรงอกแกร่งจนเปียกชุ่ม"นิ่งเสียค
"เจ้าก็อยู่ที่นี่หรือโม่เหยียน แม่ดีใจยิ่งนัก เจ้าทั้งสองเข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่""ขอรับท่านแม่"แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ลุกขึ้นประคองร่างของมารดาตนมานั่งพร้อมเอ่ยตอบแค่ก แค่ก แค่กจือหลิงที่ขยับกายจะปฏิเสธ ต้องหยุดคำพูดลงเมื่อเสียงไอแหบแห้งของหญิงชราดังขัดขึ้น พร้อมมือเหี่ยวย่นนั้นยกขึ้นนวดคลึงศีรษะ"ท่านแม่ ไม่สบายหรือเจ้าคะ"มือบอบบางที่รินชาส่งให้ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นแม่สามี เมื่อวานท่านยังดูปกติและแข็งแรงดีอยู่เลย"คนแก่ก็เช่นนี้ สามวันดีสี่วันไข้ เจ้าอย่าได้กังวล แล้วโม่เหยียนมารับน้องกลับเรือนหรือ"ฮูหยินผู้เฒ่าหยางที่เอ่ยตอบลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปถามบุตรชายตน"ไม่ชะ.."แค่ก แค่ก แค่กจือหลิงที่ตั้งท่าจะปฏิเสธ ต้องสงบคำอีกครั้ง เมื่อเสียงไอแห้งๆ ของแม่สามีดังขึ้น"ตามท่านหมอมาดูเสียหน่อยดีกว่านะเจ้าคะ""ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวก็หาย""เช่นนั้นก่อนกลับอยู่รับสำรับกับแม่นะ มิได้ร่วมโต๊ะกับเจ้าทั้งสองพร้อมหน้าเสียหลายวัน"เสียงของหญิงชราที่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเศร้า ที่ดูเหมือนจะเศร้ามากจนเกินไป มองนางด้วยความคาดหวัง จนจือหลิงได้แต่ยิ้ม
ร่างสูงที่พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ จนแทบจะกระอักเลือดตายเพราะความคิดถึงมันจุกอก ด้วยใบหน้าหม่นเศร้า"พี่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า"น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นเสียงอ่อยราวกับว่าเมื่อครู่ท่านแม่ทัพไม่ได้มีท่าทางเกรี้ยวกราดมาก่อน ทำให้บรรดาบ่าวรับใช้ที่ถึงแม้จะเกรงกลัวท่าทางดุดันของท่านแม่ทัพ แต่ความเป็นห่วงฮูหยินน้อยนั้นมีมากกว่า จึงตามมาห่างๆ อย่างห่วงๆ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ว่าเมื่อสักครู่พวกตนฝันไปเช่นนั้นหรือ หรือว่าภาพตรงหน้าเป็นแค่ภาพลวงตาฮะแฮ่ม!!สายตาบ่าวรับใช้ที่มองมายังตน ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับออกอาการเก้อกระดาก"พวกเจ้าออกไปก่อน""เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ"บรรดาข้ารับใช้ที่ช่างรักใคร่ในตัวฮูหยินน้อยของพวกนางมากมายเหลือเกิน แม้จะมีท่าทางลังเลแต่ก็ยอมถอยออกไป นี่พวกนางกลัวว่าเขาจะสังหารภรรยาของตัวเองหรืออย่างไรถึงได้ยกโขยงมากันเช่นนี้"อาเปา เจ้าอยู่นี่"จือหลิงนางมิอาจวางใจบุรุษมากเล่ห์ผู้นี้ได้อีกแล้ว เขาอาจจะทำในสิ่งที่นางคาดไม่ถึงอีกก็เป็นได้"เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็มิได้กล่าวว่าอันใด นางคิดจริงๆ หรือว่า หากเขาต้
จือหลิงที่ถูกบุรุษชั่วผู้นั้นเคี่ยวกรำตลอดทั้งคืน ชันกายลุกขึ้นจากเตียงนุ่มอย่างอ่อนล้า เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับจวน นางพลาดท่าให้เจ้าคนมากเล่ห์นั่นจนได้ สายตาพลันตวัดมองกาน้ำชาบนโต๊ะ แต่ทว่ามันได้หายไปเสียแล้วหวนนึกไปถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากศึกรักอันเร่าร้อนในรอบแรกจบลง นางที่นอนหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยก็สำเหนียกได้ว่านางโดนบุรุษผู้นี้เล่นไม่ซื่อเสียแล้ว ร่างบางที่ขืนกายออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งชื้นเหงื่อ ก่อนจะผุดลุกต่อว่าบุรุษชั่วอย่างเคืองแค้น ทั้งที่กลางกายยังคงร้อนวูบวาบ"ท่านมันชั่วช้า ถึงขนาดกล้าวางยาข้าเชียวหรือ""เจ้ากล่าวหาพี่แล้ว มิใช่เจ้าหลอกหรือที่ข่มเหงรังแกพี่"ใบหน้าหล่อคมที่กล่าวสวนขึ้นมา พร้อมตีหน้าเศร้าราวกับตนเองถูกรังแก ทำให้นางถึงกับสะอึก ใบหน้างามร้อนผ่าวแดงก่ำไปทั้งหน้าลามไปถึงลำคอ ใบหูเล็กทั้งสองข้างแดงเถือก มือบอบบางที่กระชับผ้าห่มปกปิดกาย กำเข้าหากันแน่นอย่างแค้นเคือง"ไม่จริง...เป็นท่านแน่ที่วางยาข้า หาไม่แล้ว ข้ามิมีวันทำเรื่องน่าอายเช่นนี้แน่"จือหลิงที่มองอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล เขาเป็นคนวางยานางแน่ แต่กลับกล่าววาจาให้นางต้องอับอาย"จุ๊ จุ๊ จุ๊ หลิงเ
สายตาคมจับจ้องมองความงามตรงหน้าอย่างหลงใหล มองเนื้อโหนกนูนหนั่นแน่นขาวผ่อง สองกลีบอวบอูมที่ปิดสนิท มีน้ำหวานสีใสไหลซึม ผุดขึ้นมาจากร่องจนฉ่ำเยิ้ม จนอยากจะกดชำแรกแทรกปลายลิ้นลงไปฉกชิมความหวานด้านในมือหนาสากเริ่มบีบคลึงสะโพกงามหนักมือขึ้นเรื่อยๆ ปากหนาพรหมจูบไปตามปลีน่องขาวผ่องเรื่อยขึ้นมาตามเนื้อนวลด้านในโคนขาอ่อนนุ่มละมุน นิ้วเรียวยาวลากไล้เข้าหาจุดอ่อนไหวแยกกลีบดอกบุปผางามออกจากกัน กดชำแรกนิ้วกลางใหญ่ ร้อนผ่าวเข้าไปในความอ่อนไหวอุ่นร้อนสีแดงฉ่ำ ที่ตอดรัดนิ้วของเขาทันทีที่กดลึกลงไปจนสุดโคนนิ้ว เสียงหวานใสที่ร้องครวญครางด้วยความซ่านสยิว ร่อนสะโพกงามสู้นิ้วใหญ่ที่ผลุบเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ช่องทางรักอ่อนนุ่มตอดตุบๆ จนเขาต้องเร่งส่งนิ้วเข้าออกระรัว"อื้อออ~"น้ำหวานสีใสที่ไหลเปรอะเปื้อนชโลมนิ้วใหญ่จนเปียกชุ่ม สะโพกงามที่ตามติดทุกการเคลื่อนไหวอย่างซ่านกระสัน ก่อนร่างหนาจะถอดถอนนิ้วที่เปียกลื่นนั้นออกจากความอ่อนนุ่มที่แสนเร่าร้อน แทนที่ด้วยลิ้นสากหนาร้อนระอุ ปาดเลียน้ำหวานที่หลั่งไหลอย่างไร้ความรังเกียจ ร่างนุ่มนิ่มบิดกายด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นหนาร้อนส่งปลายลิ้นลงไปกระดกติ่งตูมเต่งสีหวานที