ซูจือหลิง เด็กสาวกำพร้าที่เติบโตมาจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของแคว้นโจว นางถูกวางเอาไว้ในโพรงไม้ข้างทางนางเฒ่าแซ่ซู หญิงหม้ายที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านผู้เป็นที่พึ่งของบรรดาเด็กๆ ที่เป็นกำพร้าไร้ซึ่งบิดามารดาดังเช่นนางได้ไปพบและนำนางมาเลี้ยงดู เพราะความถูกชะตาประกอบด้วยหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดูของนาง นางจึงถูกเลี้ยงดูดุจบุตรีและได้รับความรักความเอาใจใส่จากแม่เฒ่ามากกว่าเด็กคนอื่นๆ จวบจนนางนั้นอายุได้สิบสี่หนาว แม่เฒ่าผู้เป็นดังมารดาก็มาจากไปด้วยโรคชรา ก่อนตายท่านแม่เฒ่าก็ได้มอบแหวนหยกสิ่งมีค่าเพียงชิ้นเดียวให้แก่นางเอาไว้ดูต่างหน้า ซึ่งนางนำติดกายเอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งท่านแม่เฒ่าได้กล่าวกับนางก่อนสิ้นใจว่า หากนางอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ให้ขายมัน เพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นและใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขนางอดทนใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมหลังน้อยที่จะพังแหล่มิพังแหล่ท้ายหมู่บ้านเพราะมิอาจทนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของท่านแม่เฒ่าที่ทิ้งเอาไว้ให้เด็กๆ ในปกครองได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไป และเป็นสถานที่ในความทรงจำที่นางอยู่อาศัยมาตั้งแต่เล็กนางผู้เคยเป็นเด็กที่ท่านแม่เฒ่ารักที่สุดกลับกลายเป็นเด็กน้อยที
หญิงสาวที่ออกเดินทางมายังร้านขายยาสกุลเกา เมื่อนางก้าวลงจากรถม้า ก็เดินอ้อมไปยังด้านหลังของร้าน นางค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปยังทางเดินที่พาไปสู่ห้องพักผ่อนด้านหลังร้านที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะนางและสหายมักจะมาขลุกอยู่ที่นี่เสมอ ซึ่งเป็นทางลัดส่วนตัวที่ชายหนุ่มเคยพานางเข้ามา เมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง กำลังจะยกมือบางขึ้นเคาะประตู กลับไปสะดุดกับเสียงบางอย่างที่ดังเล็ดลอดออกมาจากด้านใน ไวเท่าความคิดจึงค่อยๆแง้มประตูเปิดออก ก้าวเท้าที่เริ่มหนักอึ้ง ก้าวเดินอย่างแผ่วเบาตรงไปยังฉากกั้น ซึ่งนางรู้ดีว่าอีกด้านนั้นถูกกั้นเป็นห้องนอนสำหรับพักผ่อนของบุรุษผู้นั้น ก่อนจะแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นว่าชายที่นางตัดสินใจจะฝากชีวิตเอาไว้ด้วยกำลังดำเนินบทรักอย่างเร่าร้อนกับสตรีนางหนึ่งอยู่บนเตียงกว้าง"พี่อี้ถง!"ภาพตรงหน้าทำให้นางเจ็บเข้าไปในหัวใจยิ่งกว่าโดนมีดกรีดลงบนเนื้อนวล สตรีผู้ที่กำลังเริงรักอยู่กับเขานั้น นางเคยเจอกับอีกฝ่ายมาก่อน สตรีผู้นี้คือผู้ที่เขาบอกแก่นางว่าเป็นเพียงน้องสาวบุญธรรมที่บิดาของเขาชุบเลี้ยงเอาไว้ ตอนนี้นางกระจ่างแจ้งแล้วว่าเหตุใดนางถึงสัมผัสได้ว่าสตรีนางนี้ดูเกลียดชังนาง ที่แท้
แล้ววันเปิดโรงเตี๊ยมแห่งใหม่ของคุณชายลู่ซานจงก็มาถึง สตรีสองนางที่ช่วยกันแต่งกายจนงดงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าดูงดงามไร้ที่ติ"โอ้! เจ้างดงามมากเลยหลิงหลิง"ว่านชิงที่เห็นสหายของนางที่แต่งกายอย่างงดงามในวันนี้ อดที่จะชื่นชมอีกฝ่ายไม่ได้ แม้ปกติสหายของนางผู้นี้จะงดงามมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่วันนี้กลับดูงดงามดังเทพเซียน มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดคุณชายเกาจึงมิยอมเลิกรายังคงตามตอแยขอคืนดี หากตัวไม่มาก็คอยส่งของกำนันมามิขาด แต่ดูท่าสหายนางจะเจ็บแล้วจำ จึงมิขอข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายอีกต่อไป จึงคอยหลบหน้าและหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอบุรุษผู้นั้น"เจ้าก็งามมากเช่นกัน ชิงชิง"*โรงเตี๊ยม ตระกูลลู่*เสียงจุดประทัดเป็นสิริมงคล ดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว งานเปิดโรงเตี๊ยมแห่งนี้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว บรรดาแขกต่างมาร่วมแสดงความยินดีอย่างเนืองแน่น เพราะคุณชายรองลู่ซานจงถือเป็นคนมีหน้ามีตาของเมืองนี้ แขกที่มาร่วมยินดีก็ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตแทบทั้งสิ้นและยังรวมไปถึงขุนน้ำขุนนางในวังอีกด้วยและหนึ่งในนั้นก็คือคุณชายเกาอี้ถงอดีตคนรักของนาง ที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะจับตามองนางอยู่ตลอดเวลาพาให้รู้สึกอึดอัด ยังดีท
จือหลิงที่มองตามหลังของสหายและคนรักเดินออกไปพ้นขอบประตู ก่อนจะหันหลังเพื่อเดินไปยังห้องพัก เพราะรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก แต่สายตากลับไปปะทะเข้ากับสายตาคุ้นเคยที่กำลังจับจ้องนางอยู่ของคุณชายเกาอี้ถงอดีตคนรักของนาง และเขากำลังที่จะก้าวตรงมาหานาง มือเรียวจึงจับราวบันไดไว้มั่นรีบก้าวขาพยุงตัวขึ้นไปบนชั้นสามของโรงเตี๊ยมที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของโรงเตี๊ยม ซึ่งบุคคลภายนอกไม่สามารถขึ้นมาวุ่นวายได้หากไม่ได้รับอนุญาต เสียงฝีเท้าที่ก้าวตามหลังมา ทำให้ร่างบางรีบก้าวขึ้นไปอย่างร้อนรน แม้ในหัวจะหนักอึ้งแต่นางยังไม่อยากจะพบเจอหรือสนทนากับอีกฝ่าย จึงรีบพาตัวเองพุ่งตรงไปยังห้องพักส่วนตัวที่เจ้าของโรงเตี๊ยมได้จัดเตรียมเอาไว้ให้มิรู้ว่าเพราะความรีบร้อนหรือห้องพักนั้นดูคล้ายคลึงกันไปหมดจึงให้สตรีที่พึ่งพุ่งตัวผ่านประตูเข้าไปไม่ทันสังเกตว่านางนั้นเข้าห้องผิด คุณชายเกาอี้ถงที่ยืนมองแผ่นหลังบอบบางที่พ้นไปจากสายตาด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เขาอยากจะปรับความเข้าใจกับนาง อยากงอนง้อขอคืนดี แต่พอมีโอกาสที่ได้พบเจอกันก็ไม่สามารถเข้าไปหานางได้ เพราะตอนนี้บุรุษร่างยักษ์สองคนกำลังขัดขวางเขาอยู่ ไม่ยอมให้เขาขึ้นไปยังส่
ใบหน้าหล่อเหลาที่คิ้วกระบี่นั้นขมวดมุ่น ครั้งนี้คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีก เห็นทีมารดาจะเอาจริงเสียแล้วใบหน้าหล่อเหลาที่ครุ่นคิดเพียงครู่ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอ่ยขึ้น"ข้าว่าข้าต้องการสตรีแล้วล่ะ ซานจง"ลู่ซานจงที่มองผู้เป็นน้าอย่างไม่เข้าใจอีกฝ่ายที่พูดจบก็กระดกสุราเข้าปากหมดจอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ในสาส์นของท่านยายมีสิ่งใดกัน"ขอเพียงท่านเอ่ยปากข้าก็พร้อมจะจัดหาหญิงงามมาให้ท่านอยู่แล้ว"ซานจงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าผู้เป็นน้าคิดจะทำสิ่งใด แต่ก็ยินดีทำตามความต้องการของท่านน้าอย่างเต็มที่"เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนดีกว่าเราค่อยคุยกัน วันนี้ดื่มให้กับความสำเร็จของเจ้า และยินดีกับเจ้าที่จะมีภรรยาเสียที"บุรุษผู้สง่าผ่าเผยยกจอกสุราขึ้นชนกับผู้เป็นหลานชายและหลานสะใภ้ตามด้วยเสียงหัวเราะครื้นเครง จากนั้นจึงขอตัวขึ้นไปพักผ่อน เพราะรู้สึกล้ามากแล้วกับการเดินทางในครั้งนี้เมื่อผู้เป็นนายลุกขึ้นบรรดาเหล่าลูกน้องก็ลุกตาม แต่ต้องชะงักเพราะผู้เป็นนายยกมือขึ้นเป็นการเอ่ยห้ามเสียก่อน"ไม่ต้อง วันนี้พวกเจ้าดื่มกินกันให้เต็มที่"ก่อนจะเดินไปยังห้องพักที่ผู้เป็นหลานชายจัดเอาไว้ให้ โดยมีเสี่ยวเอ้อ
มือหนาที่ลูบไล้ไปตามเรือนกายขาวนุ่มนิ่มอย่างหลงใหล เขาไม่เคยเจอสตรีที่มีกลิ่นกายหอมยั่วยวนและผิวที่น่าสัมผัสเช่นสตรีนางนี้มาก่อนเลย ปากหนาที่บรรจงจูบซับความหอมหวานของสตรีงามทุกซอกทุกมุม ก่อนจะปลดเปลื้องอาภรณ์ที่กีดขวางออกจากกายบาง เลื่อนริมฝีปากหนามาบดเคล้าปากอวบอิ่มจนเจ้าของครางฮือจือหลิงที่รู้สึกเจ็บตรงริมฝีปากและรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ สะดุ้งตื่นจากภาพฝัน ลืมตาโพลง ภาพที่ปรากฏในครรลองสายตาทำให้ลมหายใจสะดุดกึก เห็นเพียงกลุ่มผมดกดำที่กำลังก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวของตนจนรู้สึกซ่านสยิว จมูกโด่งเล็กได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกลุ่มผมดำนั้น ฝันซ้อนฝันหรืออย่างไร แขนเล็กที่ไร้เรี่ยวแรงยกขึ้นมาหมายจะผลักเจ้าของร่างหนาหนักออกจากกาย แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนเปียกชื้นของอุ้งปากที่อ้างับครอบครองเต้าทรวงของนาง ก่อนจะดูดดึงอย่างหิวกระหาย กลายเป็นว่าแขนบอบบางที่คิดจะผลักไสในตอนแรก กลับโอบกระชับต้นคอแกร่งกดศีรษะนั้นให้สัมผัสอกอวบของนางให้มากขึ้น สัมผัสเร่าร้อนและความรู้สึกเจ็บระคนซ่านเสียวบอกให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เรี่ยวแรงที่จะปฏิเสธกลับเหือดหาย เมื่อบุรุษที่กำลังสัมผัสนางอยู่นั้นเงยหน้าจากอกอ
กลิ่นหอมอบอวลที่แตะปลายจมูก เรียกร้องให้ลิ้นร้อนต้องแหย่ลงไปลิ้มลองรสชาติหวานล้ำ ค่อยๆ ชำแรกปลายลิ้นไปตามร่องกลางกลีบดอกที่แดงระเรื่อ ก่อนจะขบเม้มกลีบบอบบางดูดดึงจนเกิดเสียงที่ชวนให้สั่นไหว ~อ่าาาส์~เสียงครางแว่วหวานนั้นยิ่งทำให้ปากหนายิ่งปรนเปรอกดย้ำกลีบอวบอูมนั้น ดูดกลืนน้ำหวานที่เอ่อล้นทะลักจนแวววาวเคลือบปากหนา ก่อนจะกดชำแรกห่อลิ้นร้อนโจนจ้วงเข้าไปยังช่องทางรักคับแน่น กระดกปลายลิ้นระรัวจนสะโพกมนบิดเร่า ร่อนขึ้นจากเบาะนุ่มด้วยความสาดเสียว ริมฝีปากและลิ้นร้อนกลืนกินน้ำหวานฉ่ำวาวที่ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายอย่างตะกละตะกลาม กายบางที่แอ่นโค้งขึ้น รู้สึกวูบวาบเสียวซ่านจนหน้าท้องแบนราบหน่วงเกร็ง โหนกอวบอูมไร้เส้นขนพองขยาย ก่อนเสียงวี้ดร้องที่บ่งบอกว่านางพร้อมแล้วสำหรับการเริงรักขั้นต่อไปจะดังขึ้น กายขาวผ่องงดงามสั่นเทิ้มกับความสุขสมจากปลายลิ้นร้ายกาจนั้นจนดวงตาฉ่ำน้ำนั้นหยาดเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์กายหนาที่หยัดขึ้นปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกำยำอย่างเร่งรีบ สายตาคมยังคงจับจ้องกายขาวผ่องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเร่าร้อนที่พุ่งสูงจือหลิงที่มองดูเรือนร่างกำยำตรงหน้าด้วยแววตาฉ่ำปรือ ก่อนสายตา
จือหลิงที่กรีดร้องปลดปล่อยความเสียวซ่านออกมา ทอดกายหอบหายใจอยู่ใต้ร่างแกร่งที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเคลื่อนไหว ยังคงขับเคลื่อนสะโพกสอบเข้าออก ตอกย้ำบนกายนางครั้งแล้วครั้งเล่า แรงกระแทกที่ตอกอัดจนลืมไปว่านี่เป็นครั้งแรกของนาง แรงส่งจากเบื้องล่างทำให้นางแทบขาดใจ สัมผัสรุนแรงจากร่างหนาที่เบื้องล่างกระทุ้งท่อนเอ็นเร็วรัว มือหนาข้างหนึ่งจับกระชับเอวบาง ให้รับแรงส่งจากด้านล่าง มือหนาอีกข้างบีบขย่ำอกอวบที่สะท้อนขึ้นลง ปากหนาคอยป้อนจูบร้อนแรงเกินต้าน จนนางเสร็จสมครั้งแล้วครั้งเร่า กว่าร่างหนาจะปลดปล่อยสายธารขาวขุ่นฉีดเข้าร่างของนาง นางก็แทบจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ ~อ่าาาาส์~เสียงคำรามทุ้มต่ำของบุรุษที่เกร็งกระตุก ขยับสะโพกสอบเนิบนาบ รีดน้ำขุ่นข้นที่คั่งค้างออกมาทุกหยาดหยด ก่อนจะถอดถอนแกนกายออกจากร่องบุปผางามที่บวมแดงจนดูน่าสงสารมองของเหลวขาวขุ่นไหลย้อนออกมาจากร่องเล็กด้วยสายตาผ่าวร้อน ก่อนพลิกร่างบางให้นอนตะแคงข้างพากายหนาของตัวเองลงไปนอนซ้อนแผ่นหลังบาง ปากหนาบรรจงจูบซับแผ่นหลังขาวผ่องชื้นเหงื่อคลอเคลียใบหน้าหล่อเหลาไปตามแนวสันหลังเล็ก มือหนาสอดเข้ามาบีบคลึงอกอวบเอาไว้ในอุ้งมือใหญ่ อีกข้างจับขาเรี
จือหลิงที่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้นางหลับไปตั้งแต่ตอนไหน รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยแผ่ซ่านอยู่ด้านหลัง สายตาก้มลงมองอ้อมแขนแกร่งที่กอดกระชับเอวบางของนางด้วยความรู้สึกเจ็บปวดระคนสับสน เปลือกตาที่เปิดขึ้นเพียงครู่หลับลงอีกครั้ง ความเจ็บปวดจุกแน่นแผ่ซ่านไปทั่วโพรงอก เมื่อความทรงจำของเมื่อคืนหวนกลับเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้งได้โปรดเถอะ หยางโม่เหยียน อย่าทำดีกับข้าเช่นนี้ เพราะข้าไม่สามารถแบกรับความรู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้ได้อีกแล้วนางนอนคิดใคร่ครวญตลอดทั้งคืน ว่าจะทำเช่นไรกับเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ เขาทำเหมือนมีใจให้นาง เหมือนนางเป็นคนสำคัญ แต่ขณะเดียวกันก็มีสตรีอีกคน หากจะต้องอยู่เช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ นางมิอาจทานทนได้ เพราะตอนนี้นางรู้ตัวแล้วว่าได้มอบหัวใจให้บุรุษผู้นี้ไปเสียแล้ว หากอยู่แล้วต้องเจ็บ มิสู้ยอมถอยออกมาก่อนที่จะเจ็บไปมากกว่านี้ดีกว่าหรือไม่"ตื่นแล้วหรือ"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้น พร้อมวงแขนแข็งแกร่งที่กระชับร่างบางให้แนบไปกับอกแกร่งกำยำ มือหนาที่ลูบไร้หน้าท้องแบนราบจนกายบางแข็งเกร็งขึ้น มือเล็กจับมือหนาที่ทำท่าจะลูบไล้ขึ้นสูง เบี่ยงใบหน้าหนีริมฝีปา
ผ่านมาหลายวัน จือหลิงนางใช้ชีวิตอยู่ในจวนแม่ทัพอย่างมีความสุข ทุกคนต่างรักและเอ็นดูนางในฐานะสะใภ้เล็กของจวน แม่สามีรักและเอ็นดูนางดังบุตรแท้ๆ บ่าวไพร่ต่างเคารพยำเกรงในฐานะเจ้านายอีกคน จนนางรู้สึกหวงแหนกับการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้แม่ทัพหยางโม่หยียนปฏิบัติต่อนางราวกับทั้งคู่คือสามีภรรยากันจริงๆ จนบางครั้ง นางเผลอลืมความตั้งใจในตอนแรก ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา แม้ทุกอย่างจะยังไม่ชัดเจนในความรู้สึก นางเพียงขอเก็บช่วงเวลาดีๆ นี้เอาไว้ อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง จะได้รู้ว่านางก็เคยมีความสุขมากแต่ความสุขในชีวิตนางมักจะสั้นเสมอ แม้นางจะเตรียมตัวเตรียมใจแบกรับความรู้สึกผิดหวังและเสียใจเอาไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญกับความรู้สึกนั้นจริงๆ มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย ความหวาดระแวงกำลังเกาะกินจิตใจนาง ยิ่งแม่ทัพหยางโม่เหยียนแสดงความชัดเจนที่มีต่อนาง ทั้งที่สตรีอีกคนมองมาด้วยความหม่นหมอง นางกลับยิ่งรู้สึกเจ็บปวดระยะหลังมานี้ แม่ทัพหยางโม่เหยียนต้องจัดการเรื่องราวในกองทัพของเขา ที่จะมาประจำการในเมืองหลวง ซึ่งยังไม่ลงตัว ทั้งคู่จึงไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันนัก เขามักจะออกไปตั้งแต่ฟ้าสางและกลับมาใน
แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่คิดไปถึงเรื่องราวในครั้งอดีตเกี่ยวกับสตรีที่เขาได้รับปากกับลูกน้องคนสนิทที่เขารักดังสหายเอาไว้ก่อนตาย ว่าจะดูแลมารดาและน้องสาวผู้นี้ให้เป็นอย่างดี เมื่อครั้งที่มารดาของนางยังมีชีวิตอยู่เขาก็ดูแลทั้งสองอย่างที่รับปากเอาไว้ อย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย จนเมื่อมารดาของนางสิ้นใจ ก็ได้ฝากฝังนางไว้กับเขา เพราะนางนั้นไม่เหลือใครอีก จึงต้องให้นางเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพโดยมิอาจหลีกเลี่ยง ซึ่งในตอนนั้นนางอายุแค่เพียงสิบสี่หนาวยังไม่ถึงวัยออกเรือน เขาได้รับปากมารดานางว่าถึงวันที่นางต้องออกเรือน จะให้นางได้แต่งกับบุรุษที่ดีเพราะสงสารที่ชีวิตนางไม่เหลือใคร จึงให้ความสนิทสนมกับอีกฝ่าย จนกลายเป็นเขาให้ความหวังกับนางโดยไม่รู้ตัว และในวันที่เขาจะออกเดินทางในตอนนั้น นางได้เอ่ยกับเขาว่า"ข้าจะรอท่านแม่ทัพกลับมาเจ้าค่ะ"เสียงหวานปนเศร้านั้น ทำให้เขารู้สึกเวทนาในโชคชะตาของนางนัก จึงไม่คิดที่จะกล่าวอันใดให้นางรู้สึกแย่ แม้จะรู้ว่านางคิดเช่นไรกับเขา แต่คิดว่านางยังไม่เข้าใจในความรัก เมื่อเวลาผ่านไปนางคงจะเข้าใจ ในสิ่งที่เขาเคยพูดมาตลอดว่านางเป็นดังน้องสาวคนหนึ
ว่านอิงฮวา สตรีวัยสิบเจ็ดหนาวที่ยังไม่ยอมออกเรือน นางเป็นน้องสาวของอดีตลูกน้องคนสนิทของท่านแม่ทัพหยางโม่เหยียน ที่สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแต่ต้องมาจบชีวิตลงจากศึกใหญ่เมื่อหลายปีก่อน และได้ฝากฝังน้องสาวและมารดาไว้กับท่านแม่ทัพว่านอิงฮวาจึงเหลือแค่มารดาแก่ชราเพียงคนเดียว แต่เมื่อสามปีก่อน ก่อนที่ท่านแม่ทัพจะเดินทางกลับแดนใต้มารดาของนางก็ได้จบชีวิตลง จึงเหลือนางเพียงคนเดียวไร้ญาติสนิท ท่านแม่ทัพ เวทนาสงสารจึงรับนางเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพแห่งนี้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ส่วนเรื่องเบื้องลึกนั้นไม่มีใครรู้ไปมากกว่านี้อาเปาที่บอกแก่นายตนเพียงแค่นั้น แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าแม่นางว่านนั้นมีใจให้ท่านแม่ทัพจึงไม่ยอมออกเรือน ทุกคนรู้ได้เช่นไรน่ะหรือ ก็เจ้าตัวออกตัวมาตลอดตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาอยู่ที่นี่ ว่านางเป็นคนของท่านแม่ทัพ นางได้แต่เฝ้ารอวันที่ท่านแม่ทัพกลับมา แต่อาเปาก็ไม่ได้แจ้งให้ฮูหยินน้อยระคายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะท่าทีของท่านแม่ทัพไม่ได้มองแม่นางว่านเกินเลยไปกว่าสถานะน้องสาว จือหลิงที่ฟังเรื่องราวของว่านอิงฮวาจากอาเปา ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเช่นไรออกไป เพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้น แม้ในใจขอ
ร่างบางพลิกกายที่เมื่อยขบหันไปมองด้านข้างที่ตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาของบุรุษที่ก่ายกอดนางเอาไว้ตลอดทั้งคืน ใบหน้างามที่แดงระเรื่อขึ้น เมื่อย้อนนึกไปถึงคำพูดของแม่ทัพจอมหื่น ที่นางพึ่งได้รู้ว่านอกจากบุรุษผู้นั้นจะหื่นแล้ว ทั้งยังปากหวานและขี้อ้อนมากอีกด้วย แต่ก็ทำให้นางใจเต้นแรงและรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด"เจ้ายินดีจะเป็นฮูหยินแม่ทัพไปตลอดหรือไม่ หลิงเอ๋อ"นั่นคือคำถามที่คนตัวโตถามนางหลังจากที่ศึกรักที่กินเวลานานสงบลง นางที่ยังคงหลับตานิ่ง ใบหน้านวลซบอยู่กับอกแกร่งชื้นเหงื่อ ฟังเสียงหัวใจที่เริ่มกลับมาเต้นในจังหวะปกติของคนตัวโต นางไม่ได้หลับและได้ยินคำพูดนั้นชัดทุกคำ"ข้าอยากให้เจ้าลองให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสข้าดูสักครั้ง หากจะพูดว่ารัก มันคงจะฟังดู เร็วเกินไป แต่ข้า รู้สึกดีที่มีเจ้า และทุกคนที่นี่ก็ยินดีที่จะมีเจ้ามาเป็นครอบครัวอีกคน"คำพูดทุกคำสลักลึกลงไปในใจนาง ทั้งรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ตื้นตัน อย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงว่านางรู้สึกดีมากๆแม่ทัพหยางโม่เหยียน ที่ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งเขาจะมาร้องขอโอกาสจากสตรีคนหนึ่งเพื่อให้นางอยู่ด้วย เขาที่พยายามหลีกหนีการผูกมัดมาตลอด ตอนนี้กลับอยากผูกติด
ริมฝีปากหนาที่ขบกัดขมเม้มไปทั่วทั้งลาดไหล่มนและเนินอกอวบอิ่มมิได้ทำให้รู้สึกเจ็บอย่างที่นางกังวลว่าเขาจะเอาคืน แต่กลับรู้สึกเสียวกระสันจนร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน นิ้วเรียวยาวที่สอดงองุ้มเข้ามาในจุดอ่อนไหวกลางกาย ยิ่งทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มยิ่งเผยอครวญคราง ริมฝีปากหนาสะเปะสะปะจูบไซร้ไปทั่วทั้งใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยอารมณ์พิศวาส ก่อนจะวกกลับมาครอบครองปากอิ่มบ่วมเจ่ออีกครั้ง บดคลึงด้วยแรงเสน่หา ส่งลิ้นร้อนเข้ามาควานหาความอ่อนหวานนุ่มละมุนในโพรงปากเล็กราวหิวกระหายมือหนาจับปลายคางมนแล้วดันให้แหงนเงยรับจุมพิตลึกซึ้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กของนาง พันเกี่ยวประสานดูดกลืนด้วยความร้อนเร่า จนนางแทบสำลักลมหายใจ ปากหนาจึงได้ผละออกให้นางได้สูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะประกบลงมาใหม่ ทาบทับลงมาบดเคล้ากลีบปากเล็กอย่างบ้าคลั่ง สูบเอาเรี่ยวแรงของนางไปจนหมดสิ้น สะโพกแกร่งที่บดเบียดเข้ามาระหว่างเรียวขาเล็กที่โอบรัดเอวสอบแน่น จนรู้สึกถึงลำเอ็นแข็ง ร้อนผ่าวที่นาบไปกับหน้าท้องแบนราบจนสัมผัสได้ว่ามันทั้งยาวและใหญ่เพียงใด ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกยิ่งเต้นกระหน่ำ สติที่คิดจะต่อต้านพลันพร่าเลือน ปล่อยให้ทุกอย่า
น้ำหนักมือที่บีบนวดลงบนไหล่มนอย่างพอดี ทำให้เจ้าของร่างบางที่หลับตาพริ้มครางฮืออย่างพออกพอใจ แต่มือของอาเปาช่างสากระคายยิ่งนัก ก่อนหน้านี้อาเปาทำหน้าที่ใดในจวนแม่ทัพแห่งนี้กัน แต่คงจะเป็นงานที่หนักน่าดู ใบหน้างามที่กำลังหลับสบาย จำต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อมือที่บีบนวดตรงไหล่มนของนางเริ่มที่จะร้อนผ่าวขึ้นและไต่ระดับต่ำลงมาตามท่อนแขนเล็กกลมกลึงแผ่วเบา จนขนอ่อนของนางลุกซู่ แล้วร่างบางพลันสะดุ้งเฮือก ผวาลุกพรวดขึ้นจากน้ำอย่างตกใจเมื่อฝ่ามือร้อนนั้นรวบเอาทรวงอกอวบอิ่มของนางเอาไว้เต็มฝ่ามือภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้นางแทบสิ้นสติ เพราะคนตรงหน้าไม่ใช่อาเปาแต่กลับเป็นเจ้าของเรือนที่ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากหน้าอกของนางไม่ถึงคืบ"ท่าน"มือบางข้างหนึ่งที่ยกขึ้น พาดลำแขนเล็กลงปกปิดบนทรวงอกอิ่มทั้งสองข้างอย่างหมิ่นเหม่ เพื่อให้พ้นจากสายตาหื่นกระหายของบุรุษตรงหน้า แม้จะรู้ว่ามิอาจปกปิดความใหญ่โตเกินตัวเอาไว้หมด แต่นางก็อับอายเกินกว่าจะปล่อยให้ยอดทรวงอิ่มชี้หน้าบุรุษจอมหื่นผู้นี้ อีกมือนั้นใช้ดันใบหน้าหล่อเหลาที่พยายามก้มหน้าลงมา เพื่อฉกชิมความหวานของยอดทรวงที่รวบแข็งเป็นไตท้าทายอีกฝ่ายจนน่าโมโหตั้ง
ความสงสัยทั้งหมดถูกพับเก็บลง เมื่อคิดได้ว่าสตรีนางนั้นจะเป็นใคร เกี่ยวข้องอันใดกับบุรุษผู้นี้ก็ไม่เกี่ยวกับนาง เมื่อครบกำหนดนางก็ต้องจากไป ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก แต่ทำไมถึงรู้สึกอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น คงเป็นเพราะนางเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน และยังถูกบุรุษผู้นั้นรังแกจึงทำให้เป็นเช่นนี้กระมัง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถม้า ใบหน้างามก็ร้อนผ่าวขึ้นมา นางลืมไปได้อย่างไรกันว่าความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นจะนำพามาซึ่งความยุ่งยากใจในภายหลัง ซึ่งหากนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่"ถึงแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"เสียงของบ่าวรับใช้ใบหน้ากลมจิ้มลิ้มดูน่าเอ็นดู เอ่ยขึ้น เมื่อพานางมายังเรือนเรือนหนึ่งที่ดูใหญ่โตและสวยงาม รู้เพียงว่าเรือนหลังนี้อยู่ทางปีกตะวันออกของเรือนใหญ่ เพราะมัวแต่คิดเรื่องสตรีนางนั้น จึงทำให้มิรู้ตัวเลยว่านางเดินมาถึงเรือนแห่งนี้ได้อย่างไร แล้วจะหาแม่ทัพโม่เหยียนได้ที่ไหนล่ะทีนี้"เรือนตะวันออกนี้ เป็นเรือนพักของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะฮูหยินน้อย"เสียงแจ้วๆ ของบ่าวรับใช้ตัวกลมที่พานางเดินดูรอบๆ เรือนยังคงดังขึ้นเป็นระยะอย่างน่าฟัง สายตากลมโตที่ก
เมื่อเจ้านายทุกคนเข้ามากันพร้อมหน้าพร้อมตา บ่าวไพร่ต่างก็พร้อมใจยกสำรับอาหารที่หน้าตาน่ารับประทานเข้ามาเรียงรายจนเต็มโต๊ะ อาหารแต่ละจานล้วนถูกปรุงขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน บ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ลงมือทำได้เป็นอย่างดี "วันนี้พี่สะใภ้ของเจ้าตั้งใจทำอาหารทุกจานด้วยตนเองเพื่อต้อนรับเจ้าทั้งสองเชียวนะ"ฮูหยินผู้เฒ่าที่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มกล่าวขึ้น เมื่อนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย ด้านขวามือฮูหยินผู้เฒ่าคือคุณชายใหญ่หยางโม่ชาง ผู้เป็นนายท่านใหญ่ของจวน ตามด้วยสะใภ้ใหญ่ จางฮุ่ยหนิง"หลิงหลิง มานั่งข้างๆ มารดานี่"มือเหยี่ยวย่นที่ตบลงเบาๆ บนเก้าอี้ข้างตัวอีกด้าน จากหญิงชราที่ในตอนแรกใบหน้านั้นดูนิ่งขรึมเรียบเฉย แต่ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มอบอุ่นแต่งแต้ม จนคนที่เกร็งตัวอยู่ตลอดเริ่มผ่อนคลายลงนางมิใช่สตรีแก่ชราที่ดวงตาฝ้าฟาง ล้วนมองออกว่าสิ่งใดล้ำค่า สิ่งใดคือกรวดทรายเจ้าของชื่อที่ได้รับความเมตตาโดยไม่คาดคิด หันไปมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างขอความเห็น เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้ จึงก้าวไปนั่งลงด้านข้างหญิงชรา ตามด้วยแม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ตามมานั่งลงด้านข้าง"รู้สึกเหมือนตัวเองโดนแย่งชิงความรักเสี