หม่าลู่ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งแค้นใจมากขึ้นเท่านั้นซุนกวนฉงลุกขึ้นจากพื้นด้วยความอับอาย ใบหน้าและจมูกของเขาบวมช้ำเหมือนหมู สภาพของเขาดูน่าสมเพชมาก"เป็นไปไม่ได้!"“หลินหว่านชิงเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลิน สถานะของเธอนั้นสูงส่ง ในเจียงเฉินมีคุณชายที่ร่ำรวยและพวกลูกคนมีอำนาจตั้งหลายคนที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอด้วยซ้ำ เธอจะไปชอบสวะอย่างฉินหมิงได้ยังไง!"“บางทีพวกเขาอาจจะเพิ่งรู้จักกัน...”ซุนกวนฉงกุมหน้าร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดหลินหว่านชิงเป็นนางฟ้าสูงศักดิ์ในความคิดของเขาเสมอ แต่ฉินหมิงเป็นเพียงคนต่ำต้อยไร้ค่าในสายตาของเขา แม้ว่าจะตีเขาจนตาย เขาไม่มีวันเชื่อว่าฉินหมิงและหลินหว่านชิงมีความสัมพันธ์อะไรเป็นพิเศษ!“ใช่แล้ว นอกจากหลินหว่านชิงจะตาบอด คนอย่างมันถึงได้เข้าตาเธอได้…”“ไม่สิ ถึงหลินหว่านชิงจะตาบอดจริง ๆ เธอก็ไม่มีทางมองสวะพรรค์นั้นหรอก!”หม่าลู่ยิ้มอย่างเหยียดหยาม ในใจรู้สึกยุติธรรมขึ้นมามากขึ้น“ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง!”“แต่ท้ายที่สุดไอ้ขี้แพ้ฉินหมิงทำฉันแสบไม่น้อย ฉันไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่!”สีหน้าของซุนกวนฉงเต็มไปด้วยความไม่พอใจต
“เสี่ยวเหมย เกิดอะไรขึ้น?”"เกิดเรื่องอะไรขึ้น!"ไต้เหว่ยถาม“พี่มาพอดีเลย มีขอทานสองคนมาก่อปัญหาที่นี่ ภาพลักษณ์ของโรงแรมเราเสียหายหมด...”หัวหน้าหญิงชี้ไปที่หลินหว่านชิงและฉินหมิงด้วยสีหน้าดูถูกและรังเกียจไต้เหว่ยมองตามนิ้วของลูกพี่ลูกน้องเขาไป และก็เห็นหลินหว่านชิงความประทับใจแรกของเขาคือตะลึงกับความงามและความสูงศักดิ์ของหลินหว่านชิงเมื่อมองอีกแวบหนึ่ง หน้าเขาถึงกับถอดสี และมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาจากหน้าผากเขาหลินหว่านชิงไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะ เธอเป็นคนสวยและรวยในแวดวงที่ไม่ค่อยปรากฏตัว น้อยคนนักที่รู้จักเธอไต้เหว่ยเองก็ไม่น่าจะรู้จักคุ้นเคยกับหลินหว่านชิงแต่ตระกูลหลินมีธุรกิจขนาดใหญ่และมีอุตสาหกรรมมากมายที่อยู่ภายใต้การดูแล เมื่อตระกูลหลินต้องการให้ดูแลต้อนรับแก่แขกผู้มีเกียรติ หรือลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท พวกเขามักจะจัดให้พักที่โรงแรมแกรนโนเบิลเสมอไต้เหว่ยรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบกับหลินหว่านชิงในครั้งนี้เขานึกถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของหลินหว่านชิงได้ในทันทีตอนนี้ไต้เหว่ยตกใจมากเสียจนแข้งขาของเขาอ่อนแรง จนแทบจะทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นพวกเขาไม่กล้ามีเรื่องกั
หลังจากคิดเหลวไหลไปเรื่อย ฉินหมิงก็ได้สติกลับมาทันทีเขาเดินไปหาหลินหว่านชิง ดึงแขนเธอเบา ๆ และกระซิบว่า "หลิน...หลินหว่านชิงช่างเถอะ ผมชินแล้วล่ะ..."หลินหว่านชิงปวดใจ เธอสัมผัสได้ถึงความขมขื่นและปวดใจในคำพูดของฉินหมิง เช่นเดียวกับความน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเขาเอง“คุณหลิน ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของเสี่ยวเหม่ย ผมจะลงโทษเธอในภายหลังเอง โปรดเมตตาให้โอกาสเธอได้ปรับปรุงตัวเองด้วยนะครับ”ไต้เหว่ยกล่าวอย่างจริงใจเขาเริ่มต้องโหดร้ายขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจเมินเฉยต่อปัญหาของเสี่ยวเหม่ยได้อีกแล้ว แม้ว่าครั้งนี้เขาจะรอดไปได้ ครั้งหน้าเขาอาจจะถูกเสี่ยวเหม่ยพาซวยไปจนตายก็ได้ใครจะไปรู้!"ลุกขึ้น!"“เห็นแก่เพื่อนของฉันที่ขอร้องให้เธอ ฉันจะให้โอกาสเธอ ฉันหวังว่าเธอจะปรับปรุงตัวได้!”หลินหว่านชิงจิ๊ปากอย่างเย็นชาให้อภัยได้ก็ให้อภัยเถอะเธอไม่ชอบใช้ฐานะของเธอข่มเหงคนอื่น เธอไม่อยากเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป“ขอบคุณคุณหลิน ขอบคุณคุณมากค่ะ…”เสี่ยวเหม่ยรู้สึกเหมือนได้รับการยกโทษแล้ว ถึงกล้าลุกขึ้นยืน หลังของเธอเหงื่อเย็นไหลซึมจนเปียกโชกไปในเวลานี้แขกจำนวนมากโดยรอบต่างตื่นตระห
“แต่ว่านะฉินหมิง เมื่อคืนนี้ฉันเห็นคนร้ายเอามีดแทงนาย”“บาดแผลนาย...ไม่เป็นไรแล้วเหรอ?”“ไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยดีไหม?”หลินหว่านชิงถามด้วยความกังวลเมื่อคืนเธอเห็นอยู่กับตาว่าฉินหมิงถูกคนร้ายใช้มีดแทงเข้าที่หน้าอกแต่ที่แปลกก็คือ ตอนนี้ฉินหมิงกลับสบายดีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่ยิ่งทำให้เธอสงสัยว่า ที่เห็นตอนนั้นเธอมองผิดไปหรือเปล่า?"ไม่เป็นไร"“ไม่ได้เจ็บหนักอะไรมากมาย”ฉินหมิงยกมือลูบหน้าอกของเขาโดยไม่รู้ตัวแต่บังเอิญโดนแผลเข้า มันเจ็บจนเขาเผลอขมวดคิ้วส่งเสียงโอดโอยออกมา"เกิดอะไรขึ้น?"“เจ็บมากไหม?”“ไปโรงพยาบาลดีไหม!”หลินหว่านชิงผุดลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ท่าทางดูร้อนใจ"มันไม่เจ็บมากหรอก"“ก็แค่เจ็บนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายแล้ว”“ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลก็ได้”ฉินหมิงลูบแผลอีกสองสามครั้ง และความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ บรรเทาลงเขาอยากถอดเสื้อออกเพื่อดูอาการบาดเจ็บ แต่ต่อหน้าหลินหว่านชิงเขารู้สึกเขินอายขึ้นมา“ถอดเสื้อให้ฉันดูหน่อย อาการบาดเจ็บของนายเป็นยังไงบ้าง”หลินหว่านชิงยังคงรู้สึกกังวล"แบบว่า..."ฉินหมิงเลิ่กลั่กมาก เขาอายที่จะถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผู้หญิง“ถอดออก
“ถ้าฉันไม่มา ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าแกไปเก็บผู้ชายข้างทางที่ไหนมาเลี้ยงในบ้าน!”ชายวัยกลางคนด่าด้วยสีหน้าเย็นชา“ผู้ชายข้างทางที่ไหนกัน!”“ทำไมพูดจารุนแรงขนาดนี้ล่ะค่ะ!”“ฉินหมิงเป็นเพื่อนของหนู เราไม่ได้เป็นอะไรกัน!”หลินหว่านชิงไม่พอใจมากที่พ่อพูดแบบนี้“ท่าทางพวกแกสองคนเป็นแบบนั้น แต่แกยังพูดว่าไม่มีอะไรได้อีกเหรอ?”“น่าขำจริง!”“หลินหว่านชิงช่วยรู้สึกละอายใจหน่อยสิ นี่มันกลางวันแสก ๆ นะ? ทำไมไม่ไปทำที่สวนล่ะ!”หญิงงามกล่าวด้วยรอยยิ้มเหน็บแหนม"ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ!"“ฉันอยากทำอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่ใช่กงการของเธอที่ต้องมาสาระแนสั่งฉัน!”หลินหว่านชิงจ้องมองด้วยความโกรธ บรรยากาศอึมครึมระหว่างทั้งสองก็เริ่มขึ้นทันที“เถิงฮุ่ย ดูเธอสิ!”“ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ แบบนี้มันสมควรหรือคะ!”หญิงสาวเขย่าแขนของชายวัยกลางคนอย่างออดอ้อนด้วยสีหน้าเสแสร้ง“หว่านชิง เป็นอะไรกันแน่?”“ยังไงไป๋จิงเป็นแม่ของแกนะ ทำไมถึงพูดกับเธอแบบนี้!”หลินเถิงฮุ่ยดุ“เธอไม่ใช่แม่ของหนู!”“แม่ของหนูเสียชีวิตไปแล้วเมื่อยี่สิบปีก่อน!”“เธอเป็นเพียงนังจิ้งจอกที่เป็นเมียน้อย มีคุณสมบัติอะไรถึง
แต่ฉินหมิงรู้ว่าเงินนั้นไม่ใช่ของเขา เขารับมันไว้ไม่ได้หรอก“เงิน เงินอีกแล้ว เงินมันวิเศษมากนักรึไง!”"หนูบอกไปแล้วไงว่าชอบฉินหมิง ถ้าไม่ใช่เขาชีวิตนี้หนูจะไม่มีวันแต่งงานเด็ดขาด!"“ตราบใดที่หนูยังไม่ตาย พ่อไม่มีวันพรากเราสองคนแยกจากกันได้!”หลินหว่านชิงพูดด้วยความโกรธตั้งแต่แม่จากไป ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยได้สัมผัสความรักจากพ่อ เมื่อไรก็ตามที่เธอต้องการพ่อ พ่อก็เอาแต่ประเคนเงินให้เธอ เธอทนมาพอแล้ว!"เธอ...""ดี ดีมาก!"“ฉันจะไปหาปู่แกเดี๋ยวนี้!”หลินเถิงฮุ่ยโกรธจนหน้าเขียว เขาสะบัดแขนหันหลังเดินกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความบาดหมางระหว่างเขากับลูกสาวยิ่งร้าวฉานมากขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกก็ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ลูกสาวของเขาเติบโตขึ้นมีบริษัทและธุรกิจเป็นของตัวเอง เขาอยากจะควบคุมเธอ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเธอได้แล้วคนเดียวในครอบครัวที่สามารถโน้มน้าวลูกสาวให้เปลี่ยนใจได้น่าจะเป็นพ่อเขาเท่านั้นเมื่อหลินเถิงฮุ่ยและคู่เขาจากไปแล้ว สีหน้าหลินหว่านชิงก็ดูแย่มาก เธอทรุดตัวลงบนโซฟาฉินหมิงอ้าปาก เขาอยากจะปลอบหลินหว่านชิง แต่เขาพูดไม่เก่งและไม่รู้ว่าจะพู
ในตอนนี้ นอกจากนายท่านหลินแล้ว ยังมีหลินเถิงฮุยและไป๋จิงนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาในห้องโถงด้วยหลินเถิงฮุ่ยมองฉินหมิงอย่างเย็นชา เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวิลล่า ทำให้ความประทับใจครั้งแรกของเขาที่มีต่อฉินหมิงเลวร้ายมากตรงกันข้ามทัศนคติของนายท่านหลินที่มีต่อเขานั้นเป็นมิตรมาก เขาสั่งให้คนรับใช้ยกน้ำชามาให้ฉินหมิงโดยไม่ดูถูกหรือเมินเฉยเลยแม้แต่น้อย“คุณปู่ หนูแนะนำให้ปู่รู้จักนะคะ นี่ฉินหมิง เมื่อคืนนี้เขาบังเอิญช่วยหนูไว้…”หลินหว่านชิงเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง“พ่อหนุ่มฉิน ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตหลานสาวของฉันไว้ ตระกูลหลินของเราจะจดจำบุญคุณนี้ไว้อย่างแน่นอน!”“ดังที่คำโบราณกล่าวไว้ว่า บุญคุณแม้เพียงน้ำหยด ก็ควรตอบแทนให้ได้ดั่งสายธาร!”“บอกฉันมาว่าเธออยากได้อะไร แล้วตระกูลหลินของเราจะพยายามอย่างเต็มที่ให้เธอพึงพอใจ”นายท่านหลินยิ้มอย่างอบอุ่น“ไม่ครับ ผมไม่ต้องการอะไร...”ฉินหมิงส่ายหน้าเขาช่วยหลินหว่านชิงเมื่อคืนนี้ด้วยคุณธรรมประจำใจของเขา เขาไม่เคยคิดอยากได้อะไรตอบแทนเลย นอกจากนี้สำหรับสิ่งตอบแทนนั้น เขาเองก็ได้มาแล้วหลินหว่านชิงได้สั่งสอนบทเรียนอย่างหนักหน่วงให้ซุนกวนฉงที่อ
ในแง่ของสถานะ ภูมิหลัง หรือฐานะความร่ำรวยครอบครัวของฉีเหวินเจิ้งนั้นย่อมด้อยกว่าตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลิน แต่ในแง่ของชื่อเสียงและสถานะเขาไม่ได้ด้อยไปกว่านายท่านหลินเลยแม้แต่น้อยท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็ย่อมต้องเจ็บป่วย คุณฉีได้รับการยอมรับว่าเป็นแพทย์อันดับหนึ่งในเมืองเจียงเฉิน คนรวยมีอำนาจหลายคนในแวดวงขอให้เขาไปตรวจและให้ความเคารพเขาเป็นอย่างยิ่ง“คุณหลินครับ ขอโทษที่มารบกวน ผมอยากตรวจคุณอีกครั้ง…”คุณฉีประสานมือคารวะทักทายอย่างยิ้มแย้มครึ่งเดือนที่ผ่านมา คุณหลินล้มป่วยกะทันหัน มีอาการเจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหลังจากนั้นคุณฉีก็มารักษาอาการของคุณหลินทั้งสองฝ่ายตกลงจะตรวจซ้ำอีกครั้งในครึ่งเดือน หากไม่พบปัญหาระหว่างการตรวจซ้ำใหม่อีกแสดงว่าอาการหายขาดแล้ว"คุณฉี งั้นก็รบกวนคุณแล้ว"“คุณหลิน เกรงใจไปแล้ว นี่คือสิ่งที่สมควรแล้ว”หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนทักทายกันอย่างสุภาพง่าย ๆ ครู่หนึ่งคุณฉีก็ผายมือให้นายท่านหลินนั่งลง จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจชีพจรของนายท่านหลิน และพลางดูสีผิวหน้าของนายท่านหลินด้วยสีหน้าของเขาค่อย ๆ จริงจังขึ้นหลินเถิงฮุ่ยใจเต้นระรัว และเขาก็อดถามไปไม่ได้ว่