นายท่านหลินพูดด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว“ฉินหมิงเหรอ?”“ตาแก่ แกยังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือเปล่า?”“ตระกูลหลินของพวกแกขับไล่ฉินหมิงออกไปด้วยความแค้น แถมแกก็เพิ่งจะรับปากกับฉันว่าจะช่วยฉันควบคุมพลังของตระกูลซู เพื่อจัดการฆ่าฉินหมิงให้ตาย!”“ตอนนี้แกคาดหวังให้คนที่แกคิดจะฆ่ามาช่วยแกจริง ๆ เหรอ?”“แกนี่มันไร้ยางอายอย่างที่สุดเลยจริง ๆ!”สีหน้าของลี่ตั๋วไห่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย เขาหัวเราะจนฟันเกือบจะหลุด“นั่นสิ!”“ฉันว่าตอนนี้ฉินหมิงคงจะเกลียดแกและหลินเถิงฮุ่ยสองคนจนเข้ากระดูกแล้ว ถ้าเขารู้ว่าแกตกมาอยู่ในสภาพนี้ ไม่แน่เขาอาจจะปรบมืออย่างมีความสุขด้วยซ้ำ แล้วเขาจะช่วยแก้แค้นแทนแกได้อย่างไร!”“ช่างตลกอะไรขนาดนี้!”ไป่จิ้งเยาะเย้ย ราดเกลือลงบนบาดแผลของนายท่านหลินอย่างไม่เกรงใจ"พวกแก..."ใบหน้าของนายท่านหลินเปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับแดงก่ำ เขารู้สึกอับอายหลังจากที่ถูกลี่ตั๋วไห่และไป่จิ้งเยาะเย้ยเป็นเหมือนกับที่ลี่ตั๋วไห่พูด เมื่อสักครู่นี้เขาเพิ่งจะตกลงร่วมเป็นพันธมิตรกับลี่ตั๋วไห่และมีเจตนาที่จะฆ่าฉินหมิง เหตุผลก็เพียงเพราะเขาต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงแสดงความไม่เต็มใจเล็กน้อ
นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย!ชั่วครู่หนึ่ง เขารู้สึกเสียใจและโทษตัวเองที่โหดเหี้ยมจนเกินไป แม้ว่าเขาต้องการแยกฉินหมิงและหลินหว่านชิงออกจากกัน แต่ในเวลานั้นก็ไม่ควรขับไล่ฉินหมิงออกไปอย่างโหดร้ายแบบนั้น!ไม่อย่างนั้น ถ้าฉินหมิงยังอยู่ในตระกูลหลิน ตระกูลหลินก็อาจจะยังมีความหวังริบหรี่ในอนาคต!“ตั๋วไห่ ทำไมคุณยังพูดเรื่องไร้สาระมากมายกับตาแก่คนนี้อีก?”“แค่ฆ่าเขาก็สิ้นเรื่องแล้ว!”ไป่จิ้งแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา ยกฝ่ามือขึ้นแล้วเตรียมจะตบไปที่จุดสำคัญบนศีรษะของนายท่านหลิน“เดี๋ยวก่อน!”ลี่ตั๋วไห่ยื่นมือออกไปเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของไป่จิ้งหลังจากนั้นเขาก็พลิกมือแล้วสับท้ายทอยของนายท่านหลินจนหมดสติไปในระหว่างที่เขากำลังสะลึมสะลือไม่ค่อยจะได้สติ นายท่านหลินไม่ได้ห่วงชีวิตของตัวเอง แต่กังวลเกี่ยวกับรากฐานของตระกูลหลิน!ตอนนี้ตระกูลหลินกำลังจะถูกทำลายล้าง ความหวังเดียวของเขาก็คือหลินหว่านชิงฉลาดเพียงพอและจะเป็นการดีที่สุดที่ให้เธอตรวจพบการสมรู้ร่วมคิดระหว่างลี่ตั๋วไห่และไป่จิ้ง จากนั้นหลินหว่านชิงจะทำทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อกลับไปคืนดีกับฉินหมิง!เมื่อถึงตอนนั้น เพื่อเห็นแก่หน้าของ
“ไป่จิ้ง ฉันจะไปก่อน ที่เหลือต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอแล้ว!”ลี่ตั๋วไห่กอดไป่จิ้งอย่างอ่อนโยน จากนั้นถึงออกจากตระกูลหลินโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นสักคนอันที่จริงแล้ว เมื่อเขามาขอเข้าพบนายท่านหลินในครั้งนี้ ไป่จิ้งปล่อยให้เขาเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยมาที่ตระกูลหลิน จึงไม่มีใครรู้ว่าเขาลงมือทำร้ายนายท่านหลิน!......รอจนกระทั่งลี่ตั๋วไห่จากไปไป่จิ้งก็สงบลงเล็กน้อยแล้ว จากนั้นเธอถึงรีบวิ่งไปแจ้งผู้อาวุโสหลายคนในตระกูลหลินว่าจู่ ๆ นายท่านหลินก็ล้มป่วยและหมดสติอยู่ในห้องนอนของเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สุขภาพของนายท่านหลินไม่ค่อยจะดีนัก เขาเคยหมดสติไปครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็ได้ฉินหมิงรักษาเขาด้วยทักษะทางการแพทย์อันสูงส่งโดยพื้นฐานแล้วทุกคนในตระกูลหลินล้วนรู้เรื่องนี้ ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ข่าวว่านายท่านหลินอาการกำเริบจากปากของไป่จิ้ง จึงไม่มีใครสงสัยไป่จิ้งเลยหลังจากนั้นชายชราหลายคนและบุคคลสำคัญของตระกูลหลินก็มาถึง และพบนายท่านหลินที่หมดสติอยู่ในห้องไม่นานหลังจากนั้น สองพ่อลูกหลินเถิงฮุ่ยและหลินหว่านชิงก็รีบกลับมาจากบริษัทหลังจากทราบข่าวเนื่องจากไม่มีร่องรอยกา
“คุณฉี อย่าเพิ่งกังวลไป!”“ผมมาที่นี่เพื่อบอกคุณสองสามคำ หลังจากนี้เมื่อคุณไปรักษาตาแก่หลิน ผมหวังว่าคุณจะรู้ว่าอะไรที่ควรพูดอะไรไม่ควรพูด!”ชายสวมหน้ากากเหยียนหลัวพูดอย่างสงบ คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการคุกคาม“อะไรนะ คุณกำลังขู่ผมเหรอ?”ใบหน้าของนายท่านฉีมืดลง เขาแอบเดาว่าอีกฝ่ายคือใครและเจตนาของเขาคืออะไรกันแน่!“ใช่แล้วจะยังไงล่ะ?”ชายสวมหน้ากากเหยียนหลัวแค่นเสียงเหอะขึ้นจมูก รัศมีอันทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาเข้าครอบงำคุณฉี“ระดับราชาสงคราม!!”คุณฉีตกตะลึง เขาตระหนักได้ทันทีว่าคู่ต่อสู้คือยอดฝีมือในระดับราชาสงครามคนหนึ่งที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!แม้ว่าตระกูลฉีจะเป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของเมืองเจียงเฉิง แต่บุคคลที่มีระดับการบ่มเพาะสูงสุดในหมู่คนรุ่นเก่าของตระกูลเขา ก็อยู่แค่ขั้นครึ่งก้าวราชาสงครามเท่านั้น!นอกจากนี้ คุณฉียังอุทิศตนให้กับการศึกษาทักษะทางการแพทย์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้มุ่งมั่นกับการบ่มเพาะพลังเท่าไรนัก ดังนั้นระดับการบ่มเพาะของเขาจึงอยู่แค่ขั้นกลางระดับปรมาจารย์เท่านั้นคู่ต่อสู้เป็นถึงบุคคลที่แข็งแกร่งมากในระดับราชาสงคราม มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากถ้า
หลินหว่านชิง หลินเถิงฮุ่ยและคนอื่น ๆ ต่างก็เงียบไปตระกูลหลินไม่เพียงแต่ทำผิดต่อฉินหมิงมาก่อน ยังขับไล่ฉินหมิงออกไปอย่างเลวร้ายด้วยตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายอึดอัดมาก พวกเขาจะมีหน้าอะไรไปขอให้ฉินหมิงมาช่วยรักษานายท่านหลิน!คุณฉีไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลหลินและฉินหมิง เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้ชี้แนะเส้นทางที่ชัดเจนให้กับตระกูลหลินแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าตระกูลหลินจะเต็มใจไปขอความช่วยเหลือจากฉินหมิงหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของตระกูลหลิน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขา!“ประธานหลิน ผมจะเขียนใบสั่งยาให้แก่นายท่านหลินก่อน อย่าลืมให้เขาทานอาหารและดื่มยาตรงเวลาทุกวัน”“บางทีอาจจะได้ผลอยู่บ้างเล็กน้อย...”คุณฉีลังเลชั่วครู่แล้วพูดนายท่านหลินไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทในสมองเท่านั้น แต่เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในทั้งบริเวณหน้าอกและช่องท้องอีกด้วย เขาไม่สามารถทำให้นายท่านหลินฟื้นขึ้นมาได้ แต่เขาสามารถประคับประคองอาการบาดเจ็บภายในของนายท่านหลินเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงได้หลังจากที่นายท่านหลินหายจากอาการบาดเจ็บภายใ
แม้จะเป็นแบบนี้ ตระกูลหลินก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าไม่เกินความคาดหมายของพวกเขา เมื่อหลินกรุ๊ปจบสิ้น ตระกูลหลินก็จะเสื่อมถอยและพังพินาศไปไม่ช้าก็เร็ว!......หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อให้สะดวกในการเรียนรู้งาน ตลอดช่วงที่ผ่านมาฉินหมิงและซูซินเหยาจึงแชร์ห้องทำงานกันเสมอ แต่นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวตอนนี้เมื่อเขามีความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการของบริษัทมากขึ้น ในที่สุดเขาก็แยกห้องทำงานกับซูซินเหยาภายในห้องทำงานของประธานฉินหมิงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและทำงานอย่างหนักตอนนี้เองที่ประตูสำนักงานถูกผลักให้เปิดออก ซูซินเหยาเดินเข้ามาจากด้านนอก“ซินเหยา มีอะไรหรือเปล่า”ฉินหมิงถามอย่างสงสัย เขาหยุดทำงานในมือชั่วคราวปัจจุบันหมิงเหยากรุ๊ปกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เขายุ่งอยู่กับเรื่องงานจึงไม่รู้เลยว่าตระกูลหลินกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!“ฉินหมิง นายท่านหลินแห่งตระกูลหลินล้มป่วยแล้ว…”ซูซินเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกไป“อะไรนะ?”“ทำไมจู่ ๆ นายท่านหลินถึงล้มป่วยกัน ก่อนหน้านี้ยังสบายดีอยู่เลย”ฉินหมิงตกใจมากจนลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้“ฉันได้ยินมาว่านายท่านหลินดูเหมือนจะอาการ
ในเมื่อคนของตระกูลหลินและหลินหว่านชิงดูถูกเขา ทำไมเขาต้องบากหน้าไปประจบเอาใจพวกคนที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยล่ะ?เขาไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรีขนาดนั้น!แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าหลินหว่านชิงและคนตระกูลหลินไม่ได้ดูถูกเขาแต่อย่างใด เพียงแต่พวกเขาแค่รู้สึกอายเกินกว่าจะมาขอความช่วยเหลือจากตน!“ถ้างั้นก็ดีแล้ว”“แม้ว่าหมิงเหยากรุ๊ปของเราจะมีอิทธิพลในเมืองเจียงเฉิง แต่ในแง่ของธุรกิจ ความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของเรายังด้อยอยู่มาก”“ไม่สามารถช่วยเหลือหลินกรุ๊ปได้เลย!”ซูซินเหยาลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกยาหลอมลมปราณที่หมิงเหยากรุ๊ปคิดค้นควบคุมชะตากรรมของผู้ฝึกยุทธทั้งหลาย ในบรรดากองกำลังหลักของเมืองเจียงเฉิง อิทธิพลของหมิงเหยากรุ๊ปนั้นจึงนับว่าไม่ธรรมดาแต่ในแง่ของธุรกิจ ปัจจุบันสินทรัพย์โดยวมของหมิงเหยากรุ๊ปมีมูลค่าเพียงห้าถึงหกพันล้าน ซึ่งไม่ถือว่ามากมายนักตอนนี้หลินกรุ๊ปขาดทุนมากกว่าหมื่นล้าน แม้ว่าฉินหมิงจะขายหมิงเหยากรุ๊ป แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยความสูญเสียของหลินกรุ๊ปได้!“ผมรู้ ผมจะไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสิน...”ฉินหมิงถอนหายใจเขารู้ว่าเขาไม่สามารถช่วยตระกูลหลินในเรื่องการเงินได้ ถ้า
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเดาได้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นกองกำลังของตระกูลไหนกันแน่หลินหว่านชิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็กัดฟันและลุกขึ้นยืน สาวเท้าเดินออกไป“หว่านชิง นั่นลูกจะไปไหน?”หลินเถิงฮุ่ยถามขึ้น“หนูจะไปหาฉินหมิง ไปขอร้องให้เขาช่วย…”“ด้วยทักษะทางการแพทย์ของเขาที่ยอดเยี่ยม บางทีเขาอาจจะช่วยคุณปู่ให้ฟื้นขึ้นมาได้!”หลินหว่านชิงสูดลมหายใจเธอเดาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าทันทีที่นายท่านหลินล้มลง มันจะส่งผลกระทบบางอย่างต่อตระกูลหลิน แต่เธอไม่เคยคิดฝันเลยว่าผลกระทบมันจะใหญ่โตขนาดนี้!ตอนนี้ตระกูลหลินถูกปิดล้อมจากทั่วทุกทิศ สถานการณ์ไม่มั่นคง เธอจึงไม่สนใจเกียรติและศักดิ์ศรีอีกต่อไปแล้ว!เพื่อประโยชน์ของตระกูลหลินและความปลอดภัยของคุณปู่ ตอนนี้เธอต้องขอให้ฉินหมิงเข้ามาช่วย ถ้าฉินหมิงสามารถรักษาอาการป่วยของปู่ได้ บางทีอาจจะสามารถพลิกสถานการณ์ของตระกูลหลินได้!นี่เป็นโอกาสเดียวของตระกูลหลินในขณะนี้!“ไม่ได้ ลูกไปหาเขาไม่ได้!”หลินเถิงฮุ่ยคัดค้านทันที“ทำไมล่ะคะ?”หลินหว่านชิงรู้สึกประหลาดใจมาก เธอมองผู้เป็นพ่ออย่างฉงน สงสัยว่าทำไมเขาถึงคัดค้านเธอ“ตอนนี้ฉินหมิงกลายเป็นสมา