ในเมื่อคนของตระกูลหลินและหลินหว่านชิงดูถูกเขา ทำไมเขาต้องบากหน้าไปประจบเอาใจพวกคนที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยล่ะ?เขาไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรีขนาดนั้น!แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าหลินหว่านชิงและคนตระกูลหลินไม่ได้ดูถูกเขาแต่อย่างใด เพียงแต่พวกเขาแค่รู้สึกอายเกินกว่าจะมาขอความช่วยเหลือจากตน!“ถ้างั้นก็ดีแล้ว”“แม้ว่าหมิงเหยากรุ๊ปของเราจะมีอิทธิพลในเมืองเจียงเฉิง แต่ในแง่ของธุรกิจ ความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของเรายังด้อยอยู่มาก”“ไม่สามารถช่วยเหลือหลินกรุ๊ปได้เลย!”ซูซินเหยาลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกยาหลอมลมปราณที่หมิงเหยากรุ๊ปคิดค้นควบคุมชะตากรรมของผู้ฝึกยุทธทั้งหลาย ในบรรดากองกำลังหลักของเมืองเจียงเฉิง อิทธิพลของหมิงเหยากรุ๊ปนั้นจึงนับว่าไม่ธรรมดาแต่ในแง่ของธุรกิจ ปัจจุบันสินทรัพย์โดยวมของหมิงเหยากรุ๊ปมีมูลค่าเพียงห้าถึงหกพันล้าน ซึ่งไม่ถือว่ามากมายนักตอนนี้หลินกรุ๊ปขาดทุนมากกว่าหมื่นล้าน แม้ว่าฉินหมิงจะขายหมิงเหยากรุ๊ป แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยความสูญเสียของหลินกรุ๊ปได้!“ผมรู้ ผมจะไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสิน...”ฉินหมิงถอนหายใจเขารู้ว่าเขาไม่สามารถช่วยตระกูลหลินในเรื่องการเงินได้ ถ้า
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเดาได้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นกองกำลังของตระกูลไหนกันแน่หลินหว่านชิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็กัดฟันและลุกขึ้นยืน สาวเท้าเดินออกไป“หว่านชิง นั่นลูกจะไปไหน?”หลินเถิงฮุ่ยถามขึ้น“หนูจะไปหาฉินหมิง ไปขอร้องให้เขาช่วย…”“ด้วยทักษะทางการแพทย์ของเขาที่ยอดเยี่ยม บางทีเขาอาจจะช่วยคุณปู่ให้ฟื้นขึ้นมาได้!”หลินหว่านชิงสูดลมหายใจเธอเดาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าทันทีที่นายท่านหลินล้มลง มันจะส่งผลกระทบบางอย่างต่อตระกูลหลิน แต่เธอไม่เคยคิดฝันเลยว่าผลกระทบมันจะใหญ่โตขนาดนี้!ตอนนี้ตระกูลหลินถูกปิดล้อมจากทั่วทุกทิศ สถานการณ์ไม่มั่นคง เธอจึงไม่สนใจเกียรติและศักดิ์ศรีอีกต่อไปแล้ว!เพื่อประโยชน์ของตระกูลหลินและความปลอดภัยของคุณปู่ ตอนนี้เธอต้องขอให้ฉินหมิงเข้ามาช่วย ถ้าฉินหมิงสามารถรักษาอาการป่วยของปู่ได้ บางทีอาจจะสามารถพลิกสถานการณ์ของตระกูลหลินได้!นี่เป็นโอกาสเดียวของตระกูลหลินในขณะนี้!“ไม่ได้ ลูกไปหาเขาไม่ได้!”หลินเถิงฮุ่ยคัดค้านทันที“ทำไมล่ะคะ?”หลินหว่านชิงรู้สึกประหลาดใจมาก เธอมองผู้เป็นพ่ออย่างฉงน สงสัยว่าทำไมเขาถึงคัดค้านเธอ“ตอนนี้ฉินหมิงกลายเป็นสมา
ฉินหมิงมีความคับแค้นใจต่อตระกูลหลิน และเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลซูนี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกเหรอ!"นี่..."หลินหว่านชิงพูดไม่ออกเธอรู้ว่าสิ่งที่ทุกคนพูดนั้นสมเหตุสมผล ตอนนี้ฉินหมิงเป็นแฟนของซูซินเหยาและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอแล้ว!เมื่อพิจารณาถึงความคับแค้นใจระหว่างฉินหมิงและตระกูลหลิน เป็นเรื่องดีมากแค่ไหนแล้วที่ฉินหมิงไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลิน เขาจะเต็มใจช่วยตระกูลหลินได้อย่างไร?หากพูดในอีกแง่มุมหนึ่ง แม้ว่าฉินหมิงจะเต็มใจช่วยตระกูลหลิน อย่างไรเสียมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!เธอรู้เกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงไม่กระจ่างนัก และเธอก็ไม่คิดว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงจะดีไปกว่าปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนอย่างคุณฉี เธอเดาว่าฉินหมิง อาจไม่มีความสามารถในการรักษานายท่านหลิน!ถ้าเธอไปหาฉินหมิงเพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้นที่จะต้องอับอาย แต่ยังอาจจะเป็นการฆ่านายท่านหลินด้วยก็ได้!สักพักเธอก็ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว!“พึ่งคนอื่นไม่สู้พึ่งตนเอง!”“หว่านชิง นับตั้งแต่วินาทีที่ฉินหมิงปฏิเสธที่จะก
กล่าวโดยสรุปว่าเธอทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของเธอให้กับกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป และพัฒนาบริษัทมาอย่างยากเย็น แต่ในท้ายที่สุดไป่จิ้งต้องการที่จะเด็ดเอาผลลัพธ์ไปอย่างง่ายดาย และยังวางแผนที่จะขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการฆ่าห่านเพื่อเอาไข่!นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”“กลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปเดิมก็เป็นทรัพย์สินของตระกูลหลินของเรา นายท่านเพียงมอบมันให้เธอดูแลชั่วคราวเท่านั้น!”“ตอนนี้หลินกรุ๊ปกำลังประสบกับปัญหา เพื่อที่จะรักษาหลินกรุ๊ปเอาไว้ ทำไมตระกูลหลินของเราถึงจะขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปไม่ได้?”ไป่จิ้งยิ้มอย่างเย็นชาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลินหว่านชิงนั้นเข้ากันไม่ได้มาโดยตลอด ตอนนี้ด้วยโอกาสที่หายากนี้ เธอวางแผนที่จะบังคับให้หลินหว่านชิงขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปทิ้ง ทำให้หลินหว่านชิงกลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรเลย!นี่คือจุดจบของหลินหว่านชิงที่กล้ามาต่อกรกับเธอ!“อืม ความคิดของไป่จิ้งไม่เลว!”“มูลค่าโดยรวมของกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปในปัจจุบันสูงถึงประมาณสี่ถึงห้าพันล้านแล้ว ด้วยศักยภาพในการพัฒนาของกลุ่มธุรกิจอาร์ทิสทรี กรุ
หลินหว่านชิงพูดด้วยความโกรธเธอปฏิเสธที่จะขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเธอเองเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้น เธอต้องการทิ้งหนทางไว้ให้กับตระกูลหลิน!"นี่..."เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของหลินหว่านชิง หลินเถิงฮุ่ยและผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลหลินก็พูดไม่ออกพวกเขารู้ว่าสิ่งที่หลินหว่านชิงพูดนั้นสมเหตุสมผล และการเหลือกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปไว้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อตระกูลหลินอย่างแน่นอนแต่พวกเขาไม่สามารถละทิ้งหลินกรุ๊ปเพื่อมารักษากลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปไว้ใช่ไหม?พวกเขาตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาระยะหนึ่งแล้ว และบางคนก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะดี!เมื่อเห็นว่าหลินเถิงฮุ่ยและคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะถูกหลินหว่านชิงโน้มน้าวได้ ไป่จิ้งก็ไม่ได้รีบร้อน เธอยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "เถิงฮุ่ย เนื่องจากหลินหว่านชิงไม่เต็มใจที่จะขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป งั้นก็ช่างมันเถอะ!"“แต่... ถ้าไม่ขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป แล้ววิกฤตทางการเงินของหลินกรุ๊ปจะแก้ไขได้อย่างไร?”หลินเถิงฮุ่ยพูดด้วยสีหน้ากังวล“เรื่องนี้ง่ายมาก ฉันคิดว่าเราสามารถขอความช่วยเหลือจากลี่ตั๋วไห่ไ
นี่คือความปรารถนาและความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขามาหลายปีแล้ว!“ไม่ค่ะ!”“หนูเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไม่มีทางตกลงแต่งงานกับลี่หย่งเจี๋ย และคุณปู่ก็ตกปากรับคำกับหนูแล้ว เขาปฏิเสธข้อเสนอแต่งงานของลี่ตั๋วไห่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างชัดเจนแล้ว!”หลินหว่านชิงพูดด้วยความโกรธเธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าไป่จิ้งจะร้ายกาจขนาดนี้ เริ่มจากวางแผนให้ขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป ของเธอ แต่เมื่อแผนการนี้ล้มเหลวในพริบตาก็มีแผนการอื่น นั่นคือให้เธอแต่งงานกับลี่หย่งเจี๋ย!นี่มันบัดซบและต่ำช้ามาก!“ตอนนั้นคือตอนนั้น ส่วนตอนนี้ก็คือตอนนี้!”“ในอดีต ตระกูลหลินมีนายท่านหลินเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด แต่ตอนนี้นายท่านหลินล้มป่วยแล้ว ตอนนี้ พ่อของเธอเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องภายในตระกูล!”ไป่จิ้งยิ้มอย่างเย็นชา“สิ่งที่ไป่จิ้งพูดนั้นสมเหตุสมผล!”“เถิงฮุ่ย ตอนนี้ตระกูลหลินของเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ถ้าเราสามารถดองเป็นญาติกับตระกูลลี่ได้ มันจะมีแต่ผลดีต่อตระกูลหลินของเรา ไม่มีผลเสียอะไรเลย!”“ใช่ เถิงฮุ่ย ตราบเท่าที่ตกลงที่จะให้หว่านชิงและลี่หย่งเจี๋ยหมั้นหมายกัน เราก็จะสน
เมื่อเห็นหลินหว่านชิงเดินจากไปอย่างโดดเดี่ยว ไป่จิ้งก็ฉายรอยยิ้มภาคภูมิใจ…วันต่อมาวันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของบริษัทกริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!ในตอนเช้า จู่ ๆ ฉินหมิงก็ได้รับโทรศัพท์จากหานซี โดยบอกว่ามีเรื่องสำคัญมากที่จะต้องพบกับเขา จากนั้นจึงนัดเขาไปพบที่ร้านกาแฟระดับไฮเอนด์ในเขตชานเมืองณ ร้านกาแฟซิงเหย้าฉินหมิงขับรถมอเตอร์ไซค์ไปยังร้านกาแฟซิงเหย้าด้วยความรีบร้อน หลังจากเขาจอดรถมอเตอร์ไซค์ จู่ ๆ ประตูของรถมาเซราติสีแดงข้าง ๆ เขาก็เปิดออก และเกือบชนตัวเขาแล้วถัดจากนั้น หญิงสาวแต่งตัวแฟชั่นทันสมัย หุ่นสูงเพรียว หน้าตาสะสวยและดูมีระดับก็เดินลงมาจากรถคันนั้นด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเย่อหยิ่ง“ไอ้สารเลว ตาบอดหรือไง!”“นายจอดรถยังไงของนาย ถ้าเกิดชนรถฉันขึ้นมา นายจะมีปัญญาชดใช้ฉันไหม”หญิงสาวตวาดในขณะที่สายตามองดูรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของฉินหมิงด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามฉินหมิงตะลึงงัน ใบหน้าที่สวยงามของหานซีปรากฏขึ้นมาในสมองของเขาเมื่อเขาได้พบกับหานซีครั้งแรก สถานการณ์ก็คล้ายกับตอนนี้มากในเวลานั้นหานซีเปิดประตูจนเกือบจะชนเขา แล้วก็ด่าว่าเขาอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้เหมือนก
“ฉันรู้ว่าการขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปเทียบเท่ากับการฆ่าห่านเพื่อเอาไข่ของมัน…”“เมื่อวานฉันพยายามพูดโน้มน้าวเธอตั้งหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมฟัง อีกทั้งยังยืนกรานที่จะขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปให้ได้ ไม่ว่าฉันจะพยายามพูดโน้มน้าวเธอมากแค่ไหน มันก็ไม่ได้ผลเลย…”หานซีพูดด้วยสีหน้ากลุ้มใจ"นี่..."ฉินหมิงอ้าปาก เขารู้สึกหดหู่เขารู้ว่าการที่หลินกรุ๊ปมาถึงจุดนี้ สาเหตุหลัก ๆ ก็เป็นเพราะนายท่านหลินล้มป่วยแต่หลินหว่านชิงยอมขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปมากกว่าที่จะขอให้เขาช่วยรักษานายท่านหลินเขารู้สึกอย่างไรในตอนนี้แค่คิดก็รู้แล้ว!“ฉินหมิง แม้ว่าคุณกับหว่านชิงจะเลิกกันแล้ว แต่อย่างน้อยคุณก็เคยเป็นแฟนของหว่านชิงมาก่อน และพวกคุณทั้งสองยังมีความผูกพันต่อกันอยู่…”“ฉันหวังว่าคุณจะสามารถช่วยพูดโน้มน้าวหว่านชิงได้ บางทีอาจจะทำให้เธอเปลี่ยนใจก็ได้!”หานซีพูดถึงจุดประสงค์ของการมาของตนเองด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง“เป็นไปไม่ได้หรอก!”“คุณเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ ขนาดคุณยังไม่สามารถโน้มน้าวใจเธอได้ แล้วผมที่เป็นเพื่อนผู้ชายที่ไม่สำคัญอะไรกับเธอจะโน้มน้าวอะไรเธอได้”ฉินหมิง