“ไป่จิ้ง ฉันจะไปก่อน ที่เหลือต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอแล้ว!”ลี่ตั๋วไห่กอดไป่จิ้งอย่างอ่อนโยน จากนั้นถึงออกจากตระกูลหลินโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นสักคนอันที่จริงแล้ว เมื่อเขามาขอเข้าพบนายท่านหลินในครั้งนี้ ไป่จิ้งปล่อยให้เขาเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยมาที่ตระกูลหลิน จึงไม่มีใครรู้ว่าเขาลงมือทำร้ายนายท่านหลิน!......รอจนกระทั่งลี่ตั๋วไห่จากไปไป่จิ้งก็สงบลงเล็กน้อยแล้ว จากนั้นเธอถึงรีบวิ่งไปแจ้งผู้อาวุโสหลายคนในตระกูลหลินว่าจู่ ๆ นายท่านหลินก็ล้มป่วยและหมดสติอยู่ในห้องนอนของเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สุขภาพของนายท่านหลินไม่ค่อยจะดีนัก เขาเคยหมดสติไปครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็ได้ฉินหมิงรักษาเขาด้วยทักษะทางการแพทย์อันสูงส่งโดยพื้นฐานแล้วทุกคนในตระกูลหลินล้วนรู้เรื่องนี้ ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ข่าวว่านายท่านหลินอาการกำเริบจากปากของไป่จิ้ง จึงไม่มีใครสงสัยไป่จิ้งเลยหลังจากนั้นชายชราหลายคนและบุคคลสำคัญของตระกูลหลินก็มาถึง และพบนายท่านหลินที่หมดสติอยู่ในห้องไม่นานหลังจากนั้น สองพ่อลูกหลินเถิงฮุ่ยและหลินหว่านชิงก็รีบกลับมาจากบริษัทหลังจากทราบข่าวเนื่องจากไม่มีร่องรอยกา
“คุณฉี อย่าเพิ่งกังวลไป!”“ผมมาที่นี่เพื่อบอกคุณสองสามคำ หลังจากนี้เมื่อคุณไปรักษาตาแก่หลิน ผมหวังว่าคุณจะรู้ว่าอะไรที่ควรพูดอะไรไม่ควรพูด!”ชายสวมหน้ากากเหยียนหลัวพูดอย่างสงบ คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการคุกคาม“อะไรนะ คุณกำลังขู่ผมเหรอ?”ใบหน้าของนายท่านฉีมืดลง เขาแอบเดาว่าอีกฝ่ายคือใครและเจตนาของเขาคืออะไรกันแน่!“ใช่แล้วจะยังไงล่ะ?”ชายสวมหน้ากากเหยียนหลัวแค่นเสียงเหอะขึ้นจมูก รัศมีอันทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาเข้าครอบงำคุณฉี“ระดับราชาสงคราม!!”คุณฉีตกตะลึง เขาตระหนักได้ทันทีว่าคู่ต่อสู้คือยอดฝีมือในระดับราชาสงครามคนหนึ่งที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!แม้ว่าตระกูลฉีจะเป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของเมืองเจียงเฉิง แต่บุคคลที่มีระดับการบ่มเพาะสูงสุดในหมู่คนรุ่นเก่าของตระกูลเขา ก็อยู่แค่ขั้นครึ่งก้าวราชาสงครามเท่านั้น!นอกจากนี้ คุณฉียังอุทิศตนให้กับการศึกษาทักษะทางการแพทย์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้มุ่งมั่นกับการบ่มเพาะพลังเท่าไรนัก ดังนั้นระดับการบ่มเพาะของเขาจึงอยู่แค่ขั้นกลางระดับปรมาจารย์เท่านั้นคู่ต่อสู้เป็นถึงบุคคลที่แข็งแกร่งมากในระดับราชาสงคราม มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากถ้า
หลินหว่านชิง หลินเถิงฮุ่ยและคนอื่น ๆ ต่างก็เงียบไปตระกูลหลินไม่เพียงแต่ทำผิดต่อฉินหมิงมาก่อน ยังขับไล่ฉินหมิงออกไปอย่างเลวร้ายด้วยตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายอึดอัดมาก พวกเขาจะมีหน้าอะไรไปขอให้ฉินหมิงมาช่วยรักษานายท่านหลิน!คุณฉีไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลหลินและฉินหมิง เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้ชี้แนะเส้นทางที่ชัดเจนให้กับตระกูลหลินแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าตระกูลหลินจะเต็มใจไปขอความช่วยเหลือจากฉินหมิงหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของตระกูลหลิน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขา!“ประธานหลิน ผมจะเขียนใบสั่งยาให้แก่นายท่านหลินก่อน อย่าลืมให้เขาทานอาหารและดื่มยาตรงเวลาทุกวัน”“บางทีอาจจะได้ผลอยู่บ้างเล็กน้อย...”คุณฉีลังเลชั่วครู่แล้วพูดนายท่านหลินไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทในสมองเท่านั้น แต่เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในทั้งบริเวณหน้าอกและช่องท้องอีกด้วย เขาไม่สามารถทำให้นายท่านหลินฟื้นขึ้นมาได้ แต่เขาสามารถประคับประคองอาการบาดเจ็บภายในของนายท่านหลินเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงได้หลังจากที่นายท่านหลินหายจากอาการบาดเจ็บภายใ
แม้จะเป็นแบบนี้ ตระกูลหลินก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าไม่เกินความคาดหมายของพวกเขา เมื่อหลินกรุ๊ปจบสิ้น ตระกูลหลินก็จะเสื่อมถอยและพังพินาศไปไม่ช้าก็เร็ว!......หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อให้สะดวกในการเรียนรู้งาน ตลอดช่วงที่ผ่านมาฉินหมิงและซูซินเหยาจึงแชร์ห้องทำงานกันเสมอ แต่นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวตอนนี้เมื่อเขามีความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการของบริษัทมากขึ้น ในที่สุดเขาก็แยกห้องทำงานกับซูซินเหยาภายในห้องทำงานของประธานฉินหมิงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและทำงานอย่างหนักตอนนี้เองที่ประตูสำนักงานถูกผลักให้เปิดออก ซูซินเหยาเดินเข้ามาจากด้านนอก“ซินเหยา มีอะไรหรือเปล่า”ฉินหมิงถามอย่างสงสัย เขาหยุดทำงานในมือชั่วคราวปัจจุบันหมิงเหยากรุ๊ปกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เขายุ่งอยู่กับเรื่องงานจึงไม่รู้เลยว่าตระกูลหลินกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!“ฉินหมิง นายท่านหลินแห่งตระกูลหลินล้มป่วยแล้ว…”ซูซินเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกไป“อะไรนะ?”“ทำไมจู่ ๆ นายท่านหลินถึงล้มป่วยกัน ก่อนหน้านี้ยังสบายดีอยู่เลย”ฉินหมิงตกใจมากจนลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้“ฉันได้ยินมาว่านายท่านหลินดูเหมือนจะอาการ
ในเมื่อคนของตระกูลหลินและหลินหว่านชิงดูถูกเขา ทำไมเขาต้องบากหน้าไปประจบเอาใจพวกคนที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยล่ะ?เขาไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรีขนาดนั้น!แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าหลินหว่านชิงและคนตระกูลหลินไม่ได้ดูถูกเขาแต่อย่างใด เพียงแต่พวกเขาแค่รู้สึกอายเกินกว่าจะมาขอความช่วยเหลือจากตน!“ถ้างั้นก็ดีแล้ว”“แม้ว่าหมิงเหยากรุ๊ปของเราจะมีอิทธิพลในเมืองเจียงเฉิง แต่ในแง่ของธุรกิจ ความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของเรายังด้อยอยู่มาก”“ไม่สามารถช่วยเหลือหลินกรุ๊ปได้เลย!”ซูซินเหยาลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกยาหลอมลมปราณที่หมิงเหยากรุ๊ปคิดค้นควบคุมชะตากรรมของผู้ฝึกยุทธทั้งหลาย ในบรรดากองกำลังหลักของเมืองเจียงเฉิง อิทธิพลของหมิงเหยากรุ๊ปนั้นจึงนับว่าไม่ธรรมดาแต่ในแง่ของธุรกิจ ปัจจุบันสินทรัพย์โดยวมของหมิงเหยากรุ๊ปมีมูลค่าเพียงห้าถึงหกพันล้าน ซึ่งไม่ถือว่ามากมายนักตอนนี้หลินกรุ๊ปขาดทุนมากกว่าหมื่นล้าน แม้ว่าฉินหมิงจะขายหมิงเหยากรุ๊ป แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยความสูญเสียของหลินกรุ๊ปได้!“ผมรู้ ผมจะไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสิน...”ฉินหมิงถอนหายใจเขารู้ว่าเขาไม่สามารถช่วยตระกูลหลินในเรื่องการเงินได้ ถ้า
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเดาได้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นกองกำลังของตระกูลไหนกันแน่หลินหว่านชิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็กัดฟันและลุกขึ้นยืน สาวเท้าเดินออกไป“หว่านชิง นั่นลูกจะไปไหน?”หลินเถิงฮุ่ยถามขึ้น“หนูจะไปหาฉินหมิง ไปขอร้องให้เขาช่วย…”“ด้วยทักษะทางการแพทย์ของเขาที่ยอดเยี่ยม บางทีเขาอาจจะช่วยคุณปู่ให้ฟื้นขึ้นมาได้!”หลินหว่านชิงสูดลมหายใจเธอเดาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าทันทีที่นายท่านหลินล้มลง มันจะส่งผลกระทบบางอย่างต่อตระกูลหลิน แต่เธอไม่เคยคิดฝันเลยว่าผลกระทบมันจะใหญ่โตขนาดนี้!ตอนนี้ตระกูลหลินถูกปิดล้อมจากทั่วทุกทิศ สถานการณ์ไม่มั่นคง เธอจึงไม่สนใจเกียรติและศักดิ์ศรีอีกต่อไปแล้ว!เพื่อประโยชน์ของตระกูลหลินและความปลอดภัยของคุณปู่ ตอนนี้เธอต้องขอให้ฉินหมิงเข้ามาช่วย ถ้าฉินหมิงสามารถรักษาอาการป่วยของปู่ได้ บางทีอาจจะสามารถพลิกสถานการณ์ของตระกูลหลินได้!นี่เป็นโอกาสเดียวของตระกูลหลินในขณะนี้!“ไม่ได้ ลูกไปหาเขาไม่ได้!”หลินเถิงฮุ่ยคัดค้านทันที“ทำไมล่ะคะ?”หลินหว่านชิงรู้สึกประหลาดใจมาก เธอมองผู้เป็นพ่ออย่างฉงน สงสัยว่าทำไมเขาถึงคัดค้านเธอ“ตอนนี้ฉินหมิงกลายเป็นสมา
ฉินหมิงมีความคับแค้นใจต่อตระกูลหลิน และเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลซูนี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกเหรอ!"นี่..."หลินหว่านชิงพูดไม่ออกเธอรู้ว่าสิ่งที่ทุกคนพูดนั้นสมเหตุสมผล ตอนนี้ฉินหมิงเป็นแฟนของซูซินเหยาและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอแล้ว!เมื่อพิจารณาถึงความคับแค้นใจระหว่างฉินหมิงและตระกูลหลิน เป็นเรื่องดีมากแค่ไหนแล้วที่ฉินหมิงไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลิน เขาจะเต็มใจช่วยตระกูลหลินได้อย่างไร?หากพูดในอีกแง่มุมหนึ่ง แม้ว่าฉินหมิงจะเต็มใจช่วยตระกูลหลิน อย่างไรเสียมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!เธอรู้เกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงไม่กระจ่างนัก และเธอก็ไม่คิดว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงจะดีไปกว่าปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนอย่างคุณฉี เธอเดาว่าฉินหมิง อาจไม่มีความสามารถในการรักษานายท่านหลิน!ถ้าเธอไปหาฉินหมิงเพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้นที่จะต้องอับอาย แต่ยังอาจจะเป็นการฆ่านายท่านหลินด้วยก็ได้!สักพักเธอก็ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว!“พึ่งคนอื่นไม่สู้พึ่งตนเอง!”“หว่านชิง นับตั้งแต่วินาทีที่ฉินหมิงปฏิเสธที่จะก
กล่าวโดยสรุปว่าเธอทุ่มเทความพยายามทั้งหมดของเธอให้กับกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป และพัฒนาบริษัทมาอย่างยากเย็น แต่ในท้ายที่สุดไป่จิ้งต้องการที่จะเด็ดเอาผลลัพธ์ไปอย่างง่ายดาย และยังวางแผนที่จะขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ป ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการฆ่าห่านเพื่อเอาไข่!นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”“กลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปเดิมก็เป็นทรัพย์สินของตระกูลหลินของเรา นายท่านเพียงมอบมันให้เธอดูแลชั่วคราวเท่านั้น!”“ตอนนี้หลินกรุ๊ปกำลังประสบกับปัญหา เพื่อที่จะรักษาหลินกรุ๊ปเอาไว้ ทำไมตระกูลหลินของเราถึงจะขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปไม่ได้?”ไป่จิ้งยิ้มอย่างเย็นชาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลินหว่านชิงนั้นเข้ากันไม่ได้มาโดยตลอด ตอนนี้ด้วยโอกาสที่หายากนี้ เธอวางแผนที่จะบังคับให้หลินหว่านชิงขายกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปทิ้ง ทำให้หลินหว่านชิงกลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรเลย!นี่คือจุดจบของหลินหว่านชิงที่กล้ามาต่อกรกับเธอ!“อืม ความคิดของไป่จิ้งไม่เลว!”“มูลค่าโดยรวมของกลุ่มธุรกิจอานิวสทรี กรุ๊ปในปัจจุบันสูงถึงประมาณสี่ถึงห้าพันล้านแล้ว ด้วยศักยภาพในการพัฒนาของกลุ่มธุรกิจอาร์ทิสทรี กรุ