ยิ่งระดับของทักษะที่ใช้บ่มเพาะสูงมากเท่าไร การบ่มเพาะก็จะยิ่งรวดเร็วขึ้น ความสำเร็จในอนาคตเองก็จะยิ่งสูงมากขึ้นตาม!ด้วยระดับของทักษะบ่มเพาะของเขาในปัจจุบัน ถ้าเขาได้รับทักษะระดับเหนือมนุษย์ขั้นกลางหรือขั้นต่ำมา มันจะช่วยให้เขาบุกทะลวงไปสู่ระดับปรมาจารย์ได้ง่ายขึ้นมากในอนาคตสำหรับเขาแค่ได้กลายเป็นปรมาจารย์แค่นี้ก็ถือว่าบรรลุความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว!“ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ…”ฉินหมิงไพล่มือไว้ด้านหลังและถ่ายทอดทักษะปราบอสูรอเวจีให้กับเนี่ยอู๋ผ่านทางจิตโดยตรงเนี่ยอู๋สงบใจลงและพุ่งสมาธิไปที่การจดจำทักษะปราบอสูรอเวจีอย่างรวดเร็ว“เอาล่ะ ตอนนี้นายลองโคจรพลังปราณในร่างรอบหนึ่งก่อน ฉันจะคอยชี้แนะอยู่ข้าง ๆ”“ถ้ามีปัญหาอะไร จะได้ช่วยนายแก้ไขได้ทันเวลา”ฉินหมิงพูดนี่เป็นครั้งแรกที่เนี่ยอู๋บ่มเพาะทักษะปราบอสูรอเวจี ภายใต้การชี้แนะของเขา มันจะง่ายกว่าสำหรับเนี่ยอู๋ที่จะเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง“ครับ”เนี่ยอู๋รับคำ จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิบนพื้นและเริ่มบ่มเพาะขณะที่กำลังโคจรพลังปราณด้วยทักษะใหม่อยู่ กระแสพลังงานบริสุทธิ์ก็พวยพุ่งออกมาจากจุดตันเถียน ความเร็วในการบ่
ดังนั้นจุดนี้เขาจึงต้องพูดกับเนี่ยอู๋ให้ชัดเจน“ว่าไงนะครับ?”“ปฐพี...ทักษะปราบอสูรอเวจีเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นกลางอย่างนั้นเหรอ?”“ผม...นี่ผมไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?”เนี่ยอู๋ตกตะลึงกับข่าวนี้มาก เขาตัวแข็งทื่อ นิ่งงันอยู่ตรงนั้นและตอบสนองไม่ได้เป็นเวลานาน “นายได้ยินถูกต้องแล้ว”ฉินหมิงพยักหน้า"นี่..."เนี่ยอู๋ตกใจมาก ราวมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาในหัวใจของเขาอย่างบ้าคลั่งเขารู้ว่าฉินหมิงจะไม่โกหกเขา แถมเมื่อสักครู่นี้เขาได้สัมผัสกับทักษะปราบอสูรอเวจีโดยตรงผ่านการบ่มเพาะแล้ว ด้วยประสิทธิภาพของทักษะปราบอสูรอเวจี อย่างน้อย ๆ มันก็ต้องเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นต่ำอย่างแน่นอน!ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพียงพอที่จะอธิบายว่าทักษะปราบอสูรอเวจีคือระดับปฐพีขั้นกลางอย่างแท้จริง!อย่างไรก็ตาม ในความรู้ที่ค่อนข้างจำกัดของเขา ทักษะระดับสูงที่สุดในเมืองเจียงเฉิงยังอยู่แค่ระดับเหนือมนุษย์ขั้นสูงเองไม่ใช่เหรอ ดังนั้นในตอนแรกเขาจึงคิดว่าฉินหมิงจะถ่ายทอดทักษะระดับเหนือมนุษย์ขั้นต่ำหรือไม่ก็ขั้นกลางให้กับเขา ซึ่งแค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าฉินหมิงถึงกับยอมถ่ายทอดทักษะระดับปฐพีขั้นกล
เนี่ยอู๋เป็นคนที่ซื่อสัตย์และเชื่อถือได้ เห็นคุณค่าของความรักและคุณธรรม เป็นคนที่สามารถเชื่อใจได้อย่างแน่นอน!ยิ่งไปกว่านั้นเนี่ยอู๋โลดแล่นอยู่ในโลกใต้ดินมานานแล้ว มีไหวพริบและประสบการณ์อย่างยิ่ง เมื่อเขาก่อตั้งตระกูลฉินของตนเองในอนาคต เนี่ยอู๋จะเป็นผู้สมัครตำแหน่งพ่อบ้านที่เหมาะสมที่สุดอย่างแน่นอนสิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือเขาเพิ่งเริ่มสร้างกองกำลังของตัวเอง หนทางยังอีกยาวไกลนักกว่าที่ตระกูลฉินของเขาจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง แต่สิ่งนี้รีบไม่ได้“เนี่ยอู๋ นายน่าจะชัดเจนดีถึงความสำคัญของทักษะระดับปฐพีขั้นกลาง”“ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน นายห้ามบอกใครเกี่ยวกับทักษะปราบอสูรอเวจีเด็ดขาด!”ฉินหมิงไม่ลืมที่จะเตือนเขา สีหน้าดูจริงจังมาก“ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้เข้าใจแล้วครับ”“นายน้อยฉิน คุณวางใจเถอะ ผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในท้องจะไม่มีวันแพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน!”เนี่ยอู๋สัญญาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม“แบบนั้นก็ดี”“ตอนนี้ฉันมีธุระบางอย่างต้องไปพบราชาแดนใต้ ถ้านายว่าง ก็อย่าลืมตั้งใจบ่มเพาะทักษะปราบอสูรอเวจีนี้ อย่าทำให้ฉันผิดหวังเชียว”ฉินหมิงยิ้ม“ครับ”เนี่ยอู๋ขานรับอย่างรวดเร็ว จากน
“ลุงเฝิง ในโลกฝั่งสายขาว ผมได้แจ้งตระกูลซูไปแล้วให้พวกเขาช่วยตรวจสอบเรื่องนี้”“ส่วนโลกใต้ดิน ผมจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณ ได้โปรดช่วยผมหาด้วยว่าคนร้ายที่สวมหน้ากากลึกลับเหล่านี้มันเป็นใคร!”ฉินหมิงระบุจุดประสงค์ของเขาชัดเจนตระกูลซูและตระกูลเฝิงแบ่งฟากกันรับผิดชอบ ฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบโลกฝั่งหนึ่ง ภายใต้การร่วมมือกันอย่างหนักของ 2 กองกำลัง เขาเชื่อว่าเขาจะสามารถค้นหาเบาะแสบางได้อย่างแน่นอน!“ได้สิ ไม่มีปัญหา ฉันจะจัดแจงคนให้ไปตรวจสอบทันที!”เฝิงเจิ้นพยักหน้าและตอบรับ จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดหมายเลขหลายหมายเลขติดต่อกัน สั่งการลงไปรอจนกระทั่งเฝิงเจิ้นจัดการจบ ฉินหมิงถึงประเมินว่าเรื่องนี้ในช่วงสั้น ๆ นี้คงยังไม่ได้รับคำตอบแน่ จึงวางแผนที่จะไปตรวจร่างกายภรรยาของเฝิงเจิ้นก่อน จากนั้นจึงติดตามเฝิงเจิ้นและเฝิงหลุนไปยังบ้านพักของพวกเขาในลานด้านหลังในห้องโถงชั้นในของบ้านเฝิงรั่วซวงจัดยาให้แม่ของเธอเสร็จแล้วก็วางมันลงบนโต๊ะคุณผู้หญิงเฝิงนั่งอยู่ที่โต๊ะและเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม เธอค่อย ๆ ดื่มยาจีนในชาม“รั่วซวง ทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงและใบสั่งยาที่เขาให้มานั้น
เฝิงรั่วซวงแค่นเสียงเหอะหนึ่งครั้งจากนั้นก็หันกลับไป ไม่ต้องการจะพูดคุยกับฉินหมิงฉินหมิงแตะจมูกของเขาและดูสับสน เดาไม่ออกเลยว่าตัวเองไปทำให้เฝิงรั่วซวงขุ่นเคืองใจตอนไหน“คุณฉิน คุณมาเพื่อตรวจฉันไม่ใช่เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลยเถอะ”คุณผู้หญิงเฝิงเปลี่ยนเรื่อง และยื่นข้อมือสีขาวของเธอออกไปฉินหมิงละทิ้งเรื่องของเฝิงรั่วซวงไปชั่วคราว เขายื่นมือออกไปแตะชีพจรของคุณผู้หญิงเฝิงและตรวจเธออย่างระมัดระวังผ่านไปเนิ่นนานฉินหมิงตรวจชีพจรเสร็จแล้วก็ดึงมือกลับ“คุณฉิน สุขภาพของภรรยาผมเป็นยังไงบ้าง?”เฝิงเจิ้นอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความห่วงใย“คุณผู้หญิงอาการดีขึ้นมากแล้ว ตราบเท่าที่เธอยังดื่มยาต่อไปอีกสองสามวัน ร่างกายของเธอก็จะฟื้นตัวเต็มที่…”ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม“เยี่ยม เยี่ยมมาก!”เฝิงเจิ้นหัวเราะร่าอย่างมีความสุขแม้ว่าเขาจะเห็นกับตาว่าอาการของภรรยาเขาไม่ร้ายแรงอีกต่อไปแล้ว แต่ฉินหมิงเป็นมืออาชีพมากกว่า ตอนนี้เมื่อเขาได้รับการยืนยันจากฉินหมิงโดยตรง เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก“คุณฉิน ขอบคุณมากนะคะ…”“คุณไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตฉันไว้ แต่ยังรักษาฉันให้หายจากอาการป่วยเรื้อรังที่
ฉินหมิงปวดหัวมาก เป็นเรื่องยากมากจริง ๆ ที่จะเข้าใจความคิดของเฝิงรั่วซวง“แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว!”“ฉันเห็นนายเป็นเหมือนน้องชายของฉัน ถ้านายกล้าตอบรับเงื่อนไขของพ่อ ฉันจะไม่มีวันปล่อยนายไปง่าย ๆ แน่!”เฝิงรั่วซวงโต้กลับทันที“งั้นนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พี่ต้องการเหรอ?”“ผมกับเฝิงหลุนเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมเองก็มองพี่เป็นเหมือนพี่สาว”“ในเมื่อตอนนั้นผมตอบรับไม่ได้ ถ้างั้นก็มีแต่ต้องปฏิเสธไม่ใช่หรือไงครับ?”ฉินหมิงพูดอย่างรวดเร็ว“เอ่อ...ที่นายพูดมาก็มีเหตุผล...”การแสดงออกของเฝิงรั่วซวงดูอ่อนลงมาก แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย "ยังไงก็เถอะ เมื่อวานนี้นายทำให้ฉันขายหน้าต่อสาธารณชน นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้!"“ตอนนี้ยังมีคนมากมายในเมืองเจียงเฉิงพูดถึงฉันลับหลังว่า เฝิงรั่วซวงคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฝิง หนึ่งในสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง ได้ริเริ่มที่จะสานสัมพันธ์กับฉินหมิง แต่กลับถูกฉินหมิงเพิกเฉย!"“แล้วแบบนี้นายจะให้ฉันออกไปพบหน้าคนได้ยังไง?”ยิ่งเฝิงรั่วซวงพูดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น"นี่..."ฉินหมิงพูดไม่ออกเขาเข้าใจโดยคร่าว ๆ แล้วว่าเฝิงรั่วซว
อย่างไรก็ตาม เธอคิดว่าตัวเองแก่กว่าฉินหมิงสามหรือสี่ปี และเธอก็ชอบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยมีความคิดระหว่างชายหญิงใด ๆ กับฉินหมิงในใจของเธอ เธอถือว่าฉินหมิงเป็นน้องชายของเธอจริง ๆอย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่เธอคิดในตอนนี้!ออกมานอกประตูเฝิงรั่วซวงมองไปรอบ ๆ และสงสัย "เอ๋ ฉินหมิง รถนายอยู่ที่ไหนล่ะ"“รถผมอยู่นั่นครับ”ฉินหมิงพูดและชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับบลิวที่จอดอยู่ข้างโรงจอดรถ“รถมอเตอร์ไซค์?”“ทำไมนายถึงมาที่นี่ด้วยมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่รถยนต์?”เฝิงรั่วซวงรู้สึกประหลาดใจมาก“คือว่าผมยังไม่มีใบขับขี่ ก็เลยขับรถไม่ได้”ฉินหมิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย“นายไม่มีใบขับขี่เหรอ?”“นี่สมัยนี้มันยุคไหนแล้ว แต่นายไม่มีกระทั่งใบขับขี่…”“นายคิดจะทำให้ฉันหัวเราะจนตายเลยหรือไง...”เฝิงรั่วซวงอดไม่ได้ที่จะปิดปากและยิ้มหวาน รอยยิ้มของเธอช่างสวยงามมาก ร่างกายของเธอสั่นระริกเล็กน้อย“...”ฉินหมิงรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้นในปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องจากกองกำลังของตระกูลหลักว่าเป็นอันดับที่หนึ่งในกลุ่มคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิง แต่เขาไม่มีแม้แต่ใบขับขี่ นี่เป็นเร
“หว่านชิง หลาน...หลานเป็นอะไรไป?”นายท่านหลินตกใจมาก เขารีบประคองหลินหว่านชิงให้ขึ้นมานั่งบนโซฟาอย่างรวดเร็ว“คงไม่ใช่ว่าฉินหมิงปฏิเสธที่จะกลับมาคืนดีกับลูกหรอกนะ?”การแสดงออกของหลินเถิงฮุ่ยเปลี่ยนไป เขาพอจะเข้าใจบางอย่างคุณเครือแล้ว“ฮึก…”หลินหว่านชิงไม่ตอบ เธอฟุบตัวไปกับโต๊ะและร้องไห้หนักขึ้นกว่าเก่า ทำอย่างไรก็ไม่อาจหยุดน้ำตาได้เป็นเรื่องจริงที่คนมักจะเห็นค่าสิ่งที่มีอยู่ยามที่สูญเสียมันไปเธอเคยใช้เวลาร่วมกับฉินหมิงทั้งกลางวันและกลางคืนทุกวัน ฉินหมิงเองก็ดูแลและตามใจเธอทุกอย่างเท่าที่เขาทำได้ เขาทะนุถนอมเธอ ไม่เคยทำอะไรข้ามเส้นกับเธอแม้สักครั้งแม้ว่าหลังจากที่เลิกรากันแล้ว อาจเป็นเพราะว่ามีร่องรอยของฉินหมิงทุกที่ในบ้านและบริษัทของเธอ เธอจึงมักจะรู้สึกเสมอว่าฉินหมิงอยู่ข้าง ๆ เสมอและไม่เคยทอดทิ้งเธอไปแต่ตอนนี้หลังจากที่เธอรู้ว่าฉินหมิงเป็นแฟนของซูซินเหยาแล้ว ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ว่าเธอสูญเสียฉินหมิงไปแล้ว!นี่เป็นการโจมตีครั้งใหญ่สำหรับเธออย่างไม่ต้องสงสัยเลย!ในขณะนี้เธอรู้สึกเสียใจจริง ๆ เธอไม่ควรเลิกกับฉินหมิงเพียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตระกูล ขณะเดียวกันเธอก็รู
บรรพบุรุษตระกูลฉินทิ้งความรู้ไว้ให้เขาอย่างกว้างขวางมาก แถมยังรวมถึงสูตรลับบางอย่างในการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ด้วย สูตรลับเหล่านี้เกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์และได้รับการบันทึกอย่างละเอียดสำหรับยาปราณแท้ ปัจจุบันเขามีสำรองอยู่อีกหลายเม็ดตอนนี้ทั้งสองอย่างล้วนพร้อมแล้ว เขาต้องการช่วยเฝิงเจิ้นฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธไปให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!“ลุงเฝิง ผมบอกความจริงกับคุณก็แล้วกัน แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่าสามารถช่วยคุณทะลวงไปสู่ระดับราชาแห่งสงครามได้หรือไม่ แต่ผมจะพยายามลองอย่างเต็มที่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จน่าจะสูงมาก ... "ฉินหมิงพูดอย่างจริงใจ“ลองดู?”“การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ เรื่องแบบนี้จะลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!”เฝิงเจิ้นตกใจยิ่งกว่าเดิมในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ฉินหมิงกำลังพูดเรื่องไร้สาระและต้องการใช้เขาเป็นหนูทดลองหากเป็นเรื่องอื่นก็เอาเถอะ เขาคงสามารถให้ความร่วมมือกับฉินหมิงได้ แต่การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ระวังอาจกลายเป็นบ้าได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่สูญเสียทักษ
เดิมทีระดับการบ่มเพาะของลี่ตั๋วไห่นั้นทัดเทียมกับเขา ทั้งสองอยู่ในระดับของครึ่งก้าวราชาสงคราม ต่างคนต่างไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของลี่ตั๋วไห่แซงหน้าเขาไปแล้ว ต่อไปนี้มันยากมากสำหรับเขาที่จะสู้กับลี่ตั๋วไห่ได้!ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรงมาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้“บางทีลี่ตั๋วไห่อาจโชคดีมากกว่า...”ฉินหมิงฉุกคิดได้ และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือเขาเคยสงสัยมาก่อนตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ว่าลี่ตั๋วไห่สามารถฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย นี่อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการปล้นเจิ้งอวี่ มิฉะนั้นลี่ตั๋วไห่จะไม่สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเจิ้งเพียงเพื่อยาปราณแท้แค่สามเม็ดแน่ตอนนี้เขาคิดเชื่อมโยงกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าลี่ตั๋วไห่อาจจะสามารถทะลวงเข้าไปในระดับของราชาสงครามได้โดยใช้ยาปราณแท้สามเม็ดนี้!นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือในฐานะคนหลอมยาปราณแท้ เขาเข้าใจคุณสมบัติของยาปราณแท้มากกว่าใคร ๆ ในเมื่อแม้แต่ลี่ตั๋วไห่ก็มีสิทธิ์พึ่งพายาปราณแท้เพื่อกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับราชาสงคราม ถ้าอย่
ตอนนี้เขาสะบักสะบอมมาก มันเจ็บไปทั้งหัวใจ และเขาคิดอยากลบความรู้สึกที่มีต่อหลินหว่านชิงออกไปให้หมดสิ้น แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!เขาจะกลับไปคบหลินหว่านชิงอีกครั้งได้อย่างไร!“ฉินหมิง คุณใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”หลินหว่านชิงกัดริมฝีปากแล้วมองฉินหมิงด้วยใบหน้าเศร้า เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลลงมา“ไม่ได้ใจร้าย เพียงแต่ว่าโชคชะตาระหว่างเราสองคนจบลงแล้ว!”“ถ้าคุณเต็มใจ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ แต่เรื่องความรู้สึกให้มันจบลงเพียงเท่านี้เถอะ!”ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็น“ได้ คุณพูดแบบนี้เอง คุณอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”หลินหว่านชิงรู้สึกเหมือนคนอกหัก เมื่อต้องเผชิญกับความไร้เยื่อใยและความเมินเฉยของฉินหมิง เธอไม่มีความกล้าพอที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เธอจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปทันทีที่เธอหันหลังมา หยดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของเธออย่างเงียบ ๆ “ฉินหมิง ไอ้สารเลว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโกรธมาก เธอจ้องมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นก็วิ่งตามไปยังทิศทางของหลินหว่านชิง“ฉินหมิง คุณดูแลตัวเองให้ดี ๆ เถอะ!”หานซีเหลือบมองฉินหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นเธอและไล่ตามเซี
ฉินหมิงตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“แน่นอนว่านายไม่รู้!”“ครั้งที่แล้ว พี่ไปที่หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อไปง้อนาย แต่เธอถูกซูซินเหยาหลอกให้คิดว่านายกับซูซินเหยาคบกันแล้ว…”“ผู้กระทำผิดทั้งหมดนี้ก็คือซูซินเหยา ถ้าเธอไม่เข้ามาขวางทาง พี่คงไม่ได้รับข้อมูลผิด ๆ จากเธอและไม่ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆหลังจากฟังแล้ว ฉินหมิงมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็มองซูซินเหยาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟและถามว่า "ซินเหยา สิ่งที่เสี่ยวเตี๋ยพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?"“ฉัน...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธออ้าปากพูด แต่ก็พูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอจริง ๆ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่ได้กล่าวหาเธอ และเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“ทำไมต้องโกหกผม?”สีหน้าของฉินหมิงมืดลงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาจากปฏิกิริยาของซูซินเหยาว่า สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!“ฉินหมิง ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ…”“ฉันก็แค่ชอบคุณมาก และไม่อยากเสียคุณไป ฉันจึงตัดสินใจทำมันลงไป...”ดวงตาขอ
ในขณะนี้ เขายังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ และความตั้งใจอันแน่วแน่ดั้งเดิมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนเล็กน้อย“ฉินหมิง คุณอย่าตอบตกลงเธอนะ...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาซีดลง เธอมองไปที่ฉินหมิงด้วยความกังวลเธอรับรู้ความรู้สึกของฉินหมิงที่มีต่อหลินหว่านชิง และเธอก็เห็นว่าฉินหมิงหวั่นไหว หากไม่ผิดคาด ฉินหมิงน่าจะทิ้งเธอไปแล้วกลับไปหาหลินหว่านชิงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเศร้ามาก และใจของเธอก็ค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของซูซินเหยา ฉินหมิงก็ตื่นขึ้นมาทันทีราวกับว่าถูกสาดหน้าด้วยน้ำเย็นหากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะตกลงที่จะกลับไปคืนดีกับหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ เขาได้ตกลงที่จะหมั้นกับซูซินเหยาแล้ว และเมื่อสักครู่นี้ยังให้สัญญากับซูซินเหยาอีกด้วย!หากเขายกเลิกงานหมั้นในเวลานี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำให้ซูซินเหยาเสียใจมากแค่ไหน!ไม่ชอบสิ่งใด ก็อย่าได้ทำสิ่งนั้นกับคนอื่นตอนที่เขากับหลินหว่านชิงเลิกกัน เขาได้สัมผัสรสชาติความเจ็บปวดด้วยตัวเอง มันเป็นความเจ็บปวดที่จดจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน เจ็บจนเจียนตายในเมื่อแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบความเจ็บปวดแบบนี้ เขาจะใจร้ายทำร้ายซูซินเห
“ผมไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อย...”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินหว่านชิงจะทะเลาะกันจนค่อนข้างไม่มีความสุข แต่หานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามาก เขาถือว่าหานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองแสดงความเป็นห่วงเขา“ฉินหมิง ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่ทำร้ายคุณ”หลินหว่านชิงพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด“ไม่เป็นไร ทั้งหมดเป็นความสมัครใจของผมเอง...”ฉินหมิงแสร้งทำเป็นฝืนยิ้มความรักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาเสียสละมากมายเพื่อหลินหว่านชิงอย่างเต็มใจ ไม่สามารถโทษผู้อื่นได้“คุณหนูใหญ่หลิน คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”ฉินหมิงถามตรงประเด็น แม้แต่ชื่อน่ารัก ๆ ที่เขาใช้เรียกหลินหว่านชิงก็ได้เปลี่ยนไปแล้วในเมื่อตอนนี้เขาตัดใจจากหลินหว่านชิงแล้ว และกำลังจะหมั้นกับซูซินเหยา เขาควรขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจนกับหลินหว่านชิงและพยายามรักษาระยะห่าง นี่เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สมควรทำเมื่อได้ยินชื่อเรียกที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากปากฉินหมิง หลินหว่านชิงก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจแต่เธอรู้ว่าทั้งหมดน
ฉินหมิงเป็นคู่แข่งทางความรักที่ใหญ่ที่สุดของเขา ขอแค่ฉินหมิงและหลินหว่านชิงคืนดีกันไม่สำเร็จในครั้งนี้ เขาก็สามารถใช้โอกาสจากเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของหลินหว่านชิงได้ง่ายขึ้น!แค่ได้คิดก็มีความสุขมาก!......คฤหาสน์ตระกูลซูแขนข้างหนึ่งของฉินหมิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขานอนอยู่บนเตียงเพื่อพักฟื้นอยู่ในห้องเพราะเขากินยามังกรซ่อนไปหนึ่งเม็ดตอนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในระยะอ่อนแอ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงข้างเตียงซูซินเหยาดูแลฉินหมิงอย่างดี ในมือถือชามยาบำรุงพลังร่างกาย เธอป้อนยาให้ฉินหมิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเธอคนเราจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก เธอรอคอยฉินหมิงมาเป็นเวลานาน ในที่สุดวันที่ยากลำบากผ่านพ้นไป วันที่หวานชื่นก็มาถึง ได้กลับมาอยู่ด้วยกันกับฉินหมิงสมใจปรารถนาใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความสุขในใจของเธอได้!หลังจากกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลหลิน ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ไม่เคยหยุดยิ้มได้เลย…ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซูนายหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว“คุณหนูใหญ่ ข้างนอกมีผู้หญิงคนหนึ่
“สรุปก็คือหนูจะไปหาเขาตอนนี้และอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน บางทีนี่อาจจะเอาชนะใจเขากลับมาได้!”หลินหว่านชิงพูดอย่างหนักแน่นพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป“ไม่ได้ ลูกจะไปไม่ได้!”“เรื่องของฉินหมิงเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ลูกควรมองไปข้างหน้า ตอนนี้หลานเค่ออั๋งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูก!”หลินเถิงฮุ่ยหมุนรถเข็นของเขาและรีบไปหยุดหลินหว่านชิงไว้ในความเป็นจริง เหตุผลที่เขาห้ามหลินหว่านชิงก็เพราะว่าฉินหมิงกำลังจะหมั้นหมายกับซูซินเหยา และเนื่องจากเค่ออั๋งชอบหลินหว่านชิงมากแม้ว่าฉินหมิงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ฉินหมิงก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไร้อำนาจบารมี หากฉินหมิงจะเต็มใจที่จะกลับมาคืนดีกับหลินหว่านชิงจริง ๆ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาในการกลับไปสู่วงศ์ตระกูลแต่เค่ออั๋งนั้นแตกต่างออกไป หากหลินหว่านชิงยอมรับเค่ออั๋งด้วยพลังยุทธและรากฐานของตระกูลเค่อ การช่วยให้เขายึดอำนาจของตระกูลกลับคืนมาคงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน!“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อทำเพื่อประโยชน์ของตระกูล จึงเข้ามาก้าวก่ายเรื่องระหว่างหนูกับฉินหมิง อย่างไม่ลังเล และท้ายที่สุดหนูก็ทำร้ายฉินหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า...”“ตอนนี้พ่
การให้ความช่วยเหลือในเวลาที่ต้องการเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ตอนนี้หลินหว่านชิงและพ่อของเธอกำลังประสบปัญหา จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการถือโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหลินหว่านชิงในตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเธอ!ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามาทันเวลา เมื่อสักครู่นี้เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวและช่วยหลินหว่านชิงให้รอดพ้นจากอันตราย ความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขาในอดีตก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน“คุณอยากช่วยเราเหรอ?”หลินเถิงฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นตระกูลเค่อเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง ที่มีพลังยุทธและรากฐานที่ทรงพลังมาก หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากเค่ออั๋งและตระกูลเค่อได้ มันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับเขาและหลินหว่านชิงที่จะกลับคืนสู่ตระกูลหรือยึดอำนาจของตระกูลคืนมา!“ใช่แล้ว!”“ลุงหลิน ตราบเท่าที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดและทำอย่างเต็มที่!”เค่ออั๋งพูดเสียงดังฉะฉาน“ดี เยี่ยมมาก!”“หลานเค่ออั๋ง หากคุณสามารถช่วยฉันกับหว่านชิงกลับคืนสู่ตระกูลหลินได้ เราสองพ่อลูกจะขอบคุณอย่างยิ่ง!”หลินเถิงฮ