ดังนั้นจุดนี้เขาจึงต้องพูดกับเนี่ยอู๋ให้ชัดเจน“ว่าไงนะครับ?”“ปฐพี...ทักษะปราบอสูรอเวจีเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นกลางอย่างนั้นเหรอ?”“ผม...นี่ผมไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?”เนี่ยอู๋ตกตะลึงกับข่าวนี้มาก เขาตัวแข็งทื่อ นิ่งงันอยู่ตรงนั้นและตอบสนองไม่ได้เป็นเวลานาน “นายได้ยินถูกต้องแล้ว”ฉินหมิงพยักหน้า"นี่..."เนี่ยอู๋ตกใจมาก ราวมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาในหัวใจของเขาอย่างบ้าคลั่งเขารู้ว่าฉินหมิงจะไม่โกหกเขา แถมเมื่อสักครู่นี้เขาได้สัมผัสกับทักษะปราบอสูรอเวจีโดยตรงผ่านการบ่มเพาะแล้ว ด้วยประสิทธิภาพของทักษะปราบอสูรอเวจี อย่างน้อย ๆ มันก็ต้องเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นต่ำอย่างแน่นอน!ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพียงพอที่จะอธิบายว่าทักษะปราบอสูรอเวจีคือระดับปฐพีขั้นกลางอย่างแท้จริง!อย่างไรก็ตาม ในความรู้ที่ค่อนข้างจำกัดของเขา ทักษะระดับสูงที่สุดในเมืองเจียงเฉิงยังอยู่แค่ระดับเหนือมนุษย์ขั้นสูงเองไม่ใช่เหรอ ดังนั้นในตอนแรกเขาจึงคิดว่าฉินหมิงจะถ่ายทอดทักษะระดับเหนือมนุษย์ขั้นต่ำหรือไม่ก็ขั้นกลางให้กับเขา ซึ่งแค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าฉินหมิงถึงกับยอมถ่ายทอดทักษะระดับปฐพีขั้นกล
เนี่ยอู๋เป็นคนที่ซื่อสัตย์และเชื่อถือได้ เห็นคุณค่าของความรักและคุณธรรม เป็นคนที่สามารถเชื่อใจได้อย่างแน่นอน!ยิ่งไปกว่านั้นเนี่ยอู๋โลดแล่นอยู่ในโลกใต้ดินมานานแล้ว มีไหวพริบและประสบการณ์อย่างยิ่ง เมื่อเขาก่อตั้งตระกูลฉินของตนเองในอนาคต เนี่ยอู๋จะเป็นผู้สมัครตำแหน่งพ่อบ้านที่เหมาะสมที่สุดอย่างแน่นอนสิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือเขาเพิ่งเริ่มสร้างกองกำลังของตัวเอง หนทางยังอีกยาวไกลนักกว่าที่ตระกูลฉินของเขาจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง แต่สิ่งนี้รีบไม่ได้“เนี่ยอู๋ นายน่าจะชัดเจนดีถึงความสำคัญของทักษะระดับปฐพีขั้นกลาง”“ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน นายห้ามบอกใครเกี่ยวกับทักษะปราบอสูรอเวจีเด็ดขาด!”ฉินหมิงไม่ลืมที่จะเตือนเขา สีหน้าดูจริงจังมาก“ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้เข้าใจแล้วครับ”“นายน้อยฉิน คุณวางใจเถอะ ผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในท้องจะไม่มีวันแพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน!”เนี่ยอู๋สัญญาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม“แบบนั้นก็ดี”“ตอนนี้ฉันมีธุระบางอย่างต้องไปพบราชาแดนใต้ ถ้านายว่าง ก็อย่าลืมตั้งใจบ่มเพาะทักษะปราบอสูรอเวจีนี้ อย่าทำให้ฉันผิดหวังเชียว”ฉินหมิงยิ้ม“ครับ”เนี่ยอู๋ขานรับอย่างรวดเร็ว จากน
“ลุงเฝิง ในโลกฝั่งสายขาว ผมได้แจ้งตระกูลซูไปแล้วให้พวกเขาช่วยตรวจสอบเรื่องนี้”“ส่วนโลกใต้ดิน ผมจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณ ได้โปรดช่วยผมหาด้วยว่าคนร้ายที่สวมหน้ากากลึกลับเหล่านี้มันเป็นใคร!”ฉินหมิงระบุจุดประสงค์ของเขาชัดเจนตระกูลซูและตระกูลเฝิงแบ่งฟากกันรับผิดชอบ ฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบโลกฝั่งหนึ่ง ภายใต้การร่วมมือกันอย่างหนักของ 2 กองกำลัง เขาเชื่อว่าเขาจะสามารถค้นหาเบาะแสบางได้อย่างแน่นอน!“ได้สิ ไม่มีปัญหา ฉันจะจัดแจงคนให้ไปตรวจสอบทันที!”เฝิงเจิ้นพยักหน้าและตอบรับ จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดหมายเลขหลายหมายเลขติดต่อกัน สั่งการลงไปรอจนกระทั่งเฝิงเจิ้นจัดการจบ ฉินหมิงถึงประเมินว่าเรื่องนี้ในช่วงสั้น ๆ นี้คงยังไม่ได้รับคำตอบแน่ จึงวางแผนที่จะไปตรวจร่างกายภรรยาของเฝิงเจิ้นก่อน จากนั้นจึงติดตามเฝิงเจิ้นและเฝิงหลุนไปยังบ้านพักของพวกเขาในลานด้านหลังในห้องโถงชั้นในของบ้านเฝิงรั่วซวงจัดยาให้แม่ของเธอเสร็จแล้วก็วางมันลงบนโต๊ะคุณผู้หญิงเฝิงนั่งอยู่ที่โต๊ะและเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม เธอค่อย ๆ ดื่มยาจีนในชาม“รั่วซวง ทักษะทางการแพทย์ของฉินหมิงและใบสั่งยาที่เขาให้มานั้น
เฝิงรั่วซวงแค่นเสียงเหอะหนึ่งครั้งจากนั้นก็หันกลับไป ไม่ต้องการจะพูดคุยกับฉินหมิงฉินหมิงแตะจมูกของเขาและดูสับสน เดาไม่ออกเลยว่าตัวเองไปทำให้เฝิงรั่วซวงขุ่นเคืองใจตอนไหน“คุณฉิน คุณมาเพื่อตรวจฉันไม่ใช่เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลยเถอะ”คุณผู้หญิงเฝิงเปลี่ยนเรื่อง และยื่นข้อมือสีขาวของเธอออกไปฉินหมิงละทิ้งเรื่องของเฝิงรั่วซวงไปชั่วคราว เขายื่นมือออกไปแตะชีพจรของคุณผู้หญิงเฝิงและตรวจเธออย่างระมัดระวังผ่านไปเนิ่นนานฉินหมิงตรวจชีพจรเสร็จแล้วก็ดึงมือกลับ“คุณฉิน สุขภาพของภรรยาผมเป็นยังไงบ้าง?”เฝิงเจิ้นอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความห่วงใย“คุณผู้หญิงอาการดีขึ้นมากแล้ว ตราบเท่าที่เธอยังดื่มยาต่อไปอีกสองสามวัน ร่างกายของเธอก็จะฟื้นตัวเต็มที่…”ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม“เยี่ยม เยี่ยมมาก!”เฝิงเจิ้นหัวเราะร่าอย่างมีความสุขแม้ว่าเขาจะเห็นกับตาว่าอาการของภรรยาเขาไม่ร้ายแรงอีกต่อไปแล้ว แต่ฉินหมิงเป็นมืออาชีพมากกว่า ตอนนี้เมื่อเขาได้รับการยืนยันจากฉินหมิงโดยตรง เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก“คุณฉิน ขอบคุณมากนะคะ…”“คุณไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตฉันไว้ แต่ยังรักษาฉันให้หายจากอาการป่วยเรื้อรังที่
ฉินหมิงปวดหัวมาก เป็นเรื่องยากมากจริง ๆ ที่จะเข้าใจความคิดของเฝิงรั่วซวง“แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว!”“ฉันเห็นนายเป็นเหมือนน้องชายของฉัน ถ้านายกล้าตอบรับเงื่อนไขของพ่อ ฉันจะไม่มีวันปล่อยนายไปง่าย ๆ แน่!”เฝิงรั่วซวงโต้กลับทันที“งั้นนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พี่ต้องการเหรอ?”“ผมกับเฝิงหลุนเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมเองก็มองพี่เป็นเหมือนพี่สาว”“ในเมื่อตอนนั้นผมตอบรับไม่ได้ ถ้างั้นก็มีแต่ต้องปฏิเสธไม่ใช่หรือไงครับ?”ฉินหมิงพูดอย่างรวดเร็ว“เอ่อ...ที่นายพูดมาก็มีเหตุผล...”การแสดงออกของเฝิงรั่วซวงดูอ่อนลงมาก แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย "ยังไงก็เถอะ เมื่อวานนี้นายทำให้ฉันขายหน้าต่อสาธารณชน นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้!"“ตอนนี้ยังมีคนมากมายในเมืองเจียงเฉิงพูดถึงฉันลับหลังว่า เฝิงรั่วซวงคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฝิง หนึ่งในสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง ได้ริเริ่มที่จะสานสัมพันธ์กับฉินหมิง แต่กลับถูกฉินหมิงเพิกเฉย!"“แล้วแบบนี้นายจะให้ฉันออกไปพบหน้าคนได้ยังไง?”ยิ่งเฝิงรั่วซวงพูดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น"นี่..."ฉินหมิงพูดไม่ออกเขาเข้าใจโดยคร่าว ๆ แล้วว่าเฝิงรั่วซว
อย่างไรก็ตาม เธอคิดว่าตัวเองแก่กว่าฉินหมิงสามหรือสี่ปี และเธอก็ชอบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยมีความคิดระหว่างชายหญิงใด ๆ กับฉินหมิงในใจของเธอ เธอถือว่าฉินหมิงเป็นน้องชายของเธอจริง ๆอย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่เธอคิดในตอนนี้!ออกมานอกประตูเฝิงรั่วซวงมองไปรอบ ๆ และสงสัย "เอ๋ ฉินหมิง รถนายอยู่ที่ไหนล่ะ"“รถผมอยู่นั่นครับ”ฉินหมิงพูดและชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับบลิวที่จอดอยู่ข้างโรงจอดรถ“รถมอเตอร์ไซค์?”“ทำไมนายถึงมาที่นี่ด้วยมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่รถยนต์?”เฝิงรั่วซวงรู้สึกประหลาดใจมาก“คือว่าผมยังไม่มีใบขับขี่ ก็เลยขับรถไม่ได้”ฉินหมิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย“นายไม่มีใบขับขี่เหรอ?”“นี่สมัยนี้มันยุคไหนแล้ว แต่นายไม่มีกระทั่งใบขับขี่…”“นายคิดจะทำให้ฉันหัวเราะจนตายเลยหรือไง...”เฝิงรั่วซวงอดไม่ได้ที่จะปิดปากและยิ้มหวาน รอยยิ้มของเธอช่างสวยงามมาก ร่างกายของเธอสั่นระริกเล็กน้อย“...”ฉินหมิงรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้นในปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องจากกองกำลังของตระกูลหลักว่าเป็นอันดับที่หนึ่งในกลุ่มคนรุ่นเยาว์ของเมืองเจียงเฉิง แต่เขาไม่มีแม้แต่ใบขับขี่ นี่เป็นเร
“หว่านชิง หลาน...หลานเป็นอะไรไป?”นายท่านหลินตกใจมาก เขารีบประคองหลินหว่านชิงให้ขึ้นมานั่งบนโซฟาอย่างรวดเร็ว“คงไม่ใช่ว่าฉินหมิงปฏิเสธที่จะกลับมาคืนดีกับลูกหรอกนะ?”การแสดงออกของหลินเถิงฮุ่ยเปลี่ยนไป เขาพอจะเข้าใจบางอย่างคุณเครือแล้ว“ฮึก…”หลินหว่านชิงไม่ตอบ เธอฟุบตัวไปกับโต๊ะและร้องไห้หนักขึ้นกว่าเก่า ทำอย่างไรก็ไม่อาจหยุดน้ำตาได้เป็นเรื่องจริงที่คนมักจะเห็นค่าสิ่งที่มีอยู่ยามที่สูญเสียมันไปเธอเคยใช้เวลาร่วมกับฉินหมิงทั้งกลางวันและกลางคืนทุกวัน ฉินหมิงเองก็ดูแลและตามใจเธอทุกอย่างเท่าที่เขาทำได้ เขาทะนุถนอมเธอ ไม่เคยทำอะไรข้ามเส้นกับเธอแม้สักครั้งแม้ว่าหลังจากที่เลิกรากันแล้ว อาจเป็นเพราะว่ามีร่องรอยของฉินหมิงทุกที่ในบ้านและบริษัทของเธอ เธอจึงมักจะรู้สึกเสมอว่าฉินหมิงอยู่ข้าง ๆ เสมอและไม่เคยทอดทิ้งเธอไปแต่ตอนนี้หลังจากที่เธอรู้ว่าฉินหมิงเป็นแฟนของซูซินเหยาแล้ว ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ว่าเธอสูญเสียฉินหมิงไปแล้ว!นี่เป็นการโจมตีครั้งใหญ่สำหรับเธออย่างไม่ต้องสงสัยเลย!ในขณะนี้เธอรู้สึกเสียใจจริง ๆ เธอไม่ควรเลิกกับฉินหมิงเพียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตระกูล ขณะเดียวกันเธอก็รู
เพราะเขาเลอะเลือนไปชั่วขณะ จึงทำลายชีวิตและวาสนาที่ดีของหลานสาวตัวเอง เขาจึงค่อนข้างตำหนิตัวเองอย่างมากน่าเสียดายที่หลาย ๆ อย่างไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้!“หนู…”หลินหว่านชิงรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเธอรู้ดีว่านายท่านหลินและหลินเถิงฮุ่ยมีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ต่อในเรื่องนี้แต่ท้ายที่สุดแล้ว นายท่านหลินและหลินเถิงฮุ่ยล้วนทำเพื่อเธอ แถมการเลิกราระหว่างเธอกับฉินหมิงก็ได้บทสรุปแล้ว ต่อให้เธอจะโทษนายท่านหลินทั้งสองคนแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?ฉินหมิงไม่มีวันกลับมาอยู่ข้างกายเธอ!“ชิ เขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง!”“หลินหว่านชิง ยังไงเธอก็เป็นถึงอันดับที่หนึ่งของสี่สาวงามแห่งเมืองเจียงเฉิง แถมยังเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลิน จำเป็นต้องเสียใจขนาดนี้เพราะผู้ชายคนหนึ่งไหม?”“ไม่กลัวเหรอว่าถ้าข่าวนี้แพร่งพรายออกไป คนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะเอา!”ในขณะนี้เอง เสียงหัวเราะอย่างดูถูกก็ดังขึ้น เป็นไป่จิ้งที่เดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างสงบเธอได้ยินหลินเถิงฮุ่ยพูดเกี่ยวกับแผนการที่จะให้หลินหว่านชิงกลับมาคืนดีกับฉินหมิงเมื่อวานนี้แล้วตอนนี้เมื่อเธอเห็นหลินหว่านชิงอกหักและคร่ำครวญมากขนาดไหน เธอก็เ