“คุณชายใหญ่เค่อ นายน้อยลี่ ทั้งสองคนล้อเล่นแล้ว”“ในเมื่อพวกนายยินดีที่จะซื้อ หมิงเหยากรุ๊ปของเราจะปฏิเสธทั้งคู่ได้ยังไง พวกเราปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน…”ซูห่าวพูดด้วยรอยยิ้ม“ถ้างั้นก็ดี…”เค่ออั๋งและลี่หย่งเจี๋ยลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดหัวใจที่ค้างเติ่งอยู่ของพวกเขาก็วางลงได้เสียทีหลังจากนั้น ภายใต้การแข่งขันที่ดุเดือดของทุกคน ทั้งยาหลอมลมปราณระดับหนึ่งและยาหลอมลมปราณระดับสองก็ขายหมดอย่างรวดเร็วเนื่องจากยาหลอมลมปราณมีจำนวนจำกัด ผู้คนจำนวนมากจึงไม่ได้ยาหลอมลมปราณระดับหนึ่งกลับไป ซื้อได้เฉพาะยาหลอมลมปราณระดับสองเท่านั้นนอกจากนี้ บางคนยังถึงขั้นแย่งยาหลอมลมปราณระดับสองไม่ทันด้วยซ้ำ เนื่องจากยืนอยู่ห่างเกินไปลี่หย่งเจี๋ยเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาโชคไม่ดีมาก ๆ เขาซื้อยาหลอมลมปราณระดับหนึ่งไม่ทัน จึงทำได้เพียงซื้อยาหลอมลมปราณระดับสองกลับไปสองร้อยเม็ดอนิจจา เมื่อเทียบกับทายาทบางคนจากตระกูลชั้นนำที่ไม่ได้อะไรติดมือเลย เขานับว่าค่อนข้างดีมากแล้ว!มองดูคนจำนวนมากแย่งชิงเอาเป็นเอาตายเฝิงหลุนหัวเราะจนแทบเป็นบ้าอยู่แล้ว คนอื่นซื้อยาหลอมลมปราณระดับหนึ่งอย่างยากแสนยา
นักธุรกิจและสุภาพสตรีที่ร่ำรวยเหล่านี้ ล้วนมาที่นี่เพื่อซื้อยาบำรุงร่างกายและยาเสริมความงามเนื่องจากยาหลอมลมปราณถูกเปิดตัวก่อน ทุกคนจึงไว้วางใจในคุณภาพยาของหมิงเหยากรุ๊ปมาก นอกจากนี้ผลของยาเหล่านี้ยังดีมากจริง ๆ มันย่อมเป็นที่รักและที่ต้องการของทุกคนโชคดีที่ยาเหล่านี้ไม่ได้มีค่าเท่ากับยาหลอมลมปราณและราคาของมันก็ไม่ได้แพงมากขนาดนั้น มีราคาขายตั้งแต่สองสามร้อยไปจนถึงหลักหลายพันฉินหมิงหลอมพวกมันไว้ล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลว่ามันจะขาดแคลนเช่นยาหลอมลมปราณแต่ถึงกระนั้น ทุกคนก็ยังคงแสวงหายาเหล่านี้ ในไม่ช้าบรรยากาศในงานเลี้ยงก็ถูกผลักไปจนถึงจุดสูงสุด…เบื้องหลังฝูงชนหลินเถิงฮุ่ยไม่ได้รีบร้อนที่จะจากไปเขามองดูยอดขายของยาชนิดต่าง ๆ ตรงหน้า มองภาพการแย่งชิงกัน สีหน้าก็ดูไม่ดีอย่างถึงที่สุดสี่ตระกูลใหญ่แข่งขันกันทั้งทางตรงและทางอ้อมมาโดยตลอด ใครก็อยากขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ตระกูลหลินเองก็ไม่มีข้อยกเว้น!ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในเจียงเฉิงก็คือเครื่องสำอางระดับไฮเอนด์ตัวใหม่ที่เปิดตัวโดยอาร์ทิสทรีกรุ๊ปด้วยเวชสำอางระดับ
ซูห่าวและตระกูลซูกำลังง่วนอยู่กับการขายยาในพิธีเปิดด้านหลังเวทีที่ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่แถวนี้“ซินเหยา เรียกหาผมมีอะไรหรือเปล่า”ฉินหมิงถาม“คือแบบนี้ นายเป็นประธานบริษัท ฉันก็เลยอยากจะรายงานผลประกอบการในวันนี้ให้นายได้ทราบ…”“เมื่อกี้นี้ฉันได้คำนวณคร่าว ๆ แล้ว ยอดขายของบริษัทเราในวันนี้เกินสองพันล้านแล้ว และกำไรสุทธิเพียงอย่างเดียวก็เกือบถึงหนึ่งพันล้านแล้ว…”ซูซินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม เธออธิบายสถานการณ์โดยย่อแม้ว่าทรัพย์สินโดยรวมของตระกูลซูนั้นจะสูงถึงหนึ่งหมื่นล้าน ดังนั้นผลกำไรเพียงหนึ่งพันล้านนี้ย่อมไม่นับว่าเป็นอะไรอย่างไรก็ตาม นี่เป็นบริษัทที่เธอและฉินหมิงจัดตั้งขึ้น แถมยังเป็นครั้งแรกที่เธอได้มีส่วนร่วมในธุรกิจอย่างจริงจังตอนนี้บริษัทเริ่มต้นได้ดี มีกำไรมากกว่าหนึ่งพันล้านในวันเดียว เธอย่อมรู้สึกมีความสุขมาก!“อะไรนะ?”“กำไรสุทธิเกินหนึ่งพันล้าน?”“นี่...มากขนาดนี้เชียวเหรอ!”ฉินหมิงตกใจมากและอดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขาเช่นเดียวกับซูซินเหยา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเขาในการเริ่มต้นทำธุรกิจตอนนี้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างมาก และผลกำไรที่เขาทำได้ใน
นี่คือความปรารถนาสูงสุดของเขาในขณะนี้!“ฉินหมิง ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”“ตระกูลซูของเราได้กักยาหลอมลมปราณระดับหนึ่งไว้ล่วงหน้าแล้วหนึ่งพันเม็ด ในบรรดานี้คุณปู่ของฉันขอให้ฉันนำมามอบให้คุณห้าร้อยเม็ด”ซูซินเหยาหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวหยกออกมาหลายขวดแล้วมอบให้ฉินหมิงจำนวนยาหลอมลมปราณชั้นยอดที่ฉินหมิงหลอมครั้งสุดท้ายมีจำนวนจำกัด ตระกูลซูได้รับยาทั้งสิ้นเพียงสองพันหกร้อยเจ็ดสิบเม็ดเท่านั้นยาหลอมลมปราณชั้นยอดเหล่านี้มีจำนวนน้อยเกินไป ไม่เพียงพอให้ตระกูลซูใช้ทุกวัน ดังนั้นนายท่านซูจึงลอบกักยาหลอมลมปราณชั้นหนึ่งไว้อีกหนึ่งพันเม็ดอย่างไรก็ตาม ตระกูลซูและฉินหมิงนั้นมีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน คนหนึ่งรับผิดชอบในด้านการจัดหาวัตถุดิบยา ส่วนอีกคนรับผิดชอบการหลอมยาทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วมกันคนละครึ่ง ดังนั้นยาที่หลอมได้จึงต้องแบ่งให้เท่า ๆ กันนี่คือหลักการใช้ชีวิตของนายท่านซู“ผม…”ยาหลอมลมปราณชั้นยอดบนตัวฉินหมิงนั้นเพียงพอแล้ว ในตอนนี้เขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้หลอมลมปราณระดับหนึ่งมากขนาดนี้เดิมทีเขาต้องการปฏิเสธความหวังดีของนายท่านหลิน แต่เมื่อเขาจำได้ว่าตระกูลหลินดูเหมือนจะต้องการยาหลอ
ด้วยระดับการบ่มเพาะขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ประทานของซูห่าว ตราบเท่าที่เขาใช้ยาปราณแท้หนึ่งเม็ด ระดับการบ่มเพาะของเขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ทันที!“ดีจริง ๆ!”ซู่หาวตื่นเต้นมาก แต่เมื่อจำได้ว่าตัวยาหลักอายุห้าร้อยปีนั้นหายากและล้ำค่าเพียงใด ความตื่นเต้นของเขาก็ลดลงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้“คุณฉิน พูดตามตรงนะครับ ตัวยาหลักที่มีอายุมากกว่าห้าร้อยปีขึ้นไปนั้นหาได้ยากมากจริง ๆ แม้แต่กับตระกูลซูของเราก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้มา”“อย่างไรก็ตาม คุณวางใจเถอะ กลับไปผมจะส่งคนไปสอบถามตามเมืองรอบ ๆ เพิ่ม ขอแค่มีข่าว ผมสัญญาว่าจะแจ้งให้คุณทราบโดยเร็วที่สุด!”“ได้ ผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณ”ฉินหมิงพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับวัตถุดิบยา ฉินหมิงก็หยิบยายาเสริมความงามและยาอายุวัฒนะ จากนั้นถึงกลับไปที่ห้องโถงเห็นว่าฉินหมิงกลับมาแล้ว หลินหว่านชิงก็อดไม่ได้ถามแปลก ๆ "ฉินหมิง ฉันไม่เจอนายในห้องโถงเลย นายไปไหนมา?"“อ้อ ผมไปซื้อเม็ดยามาน่ะ…”“นี่คือยาเสริมความงาม สามารถช่วยบำรุงผิวหน้าให้คงความอ่อนเยาว์ตลอดไปได้ และได้ผลดีที่สุดสำหรับคุณสาว ๆ…”ฉินหมิงหยิบขวดยายาเสริมความงาม
หลังจากที่ฉินหมิงเห็นกว่านโม๋ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าทำไมซูห่าวถึงได้เป็นศัตรูกับเหลิ่งจวิ้นข้างหลังหลินเถิงฮุ่ยนำคนของเขาหลายคนติดตามมาแล้ว เมื่อเห็นฉากที่เหลิ่งจวิ้นและคนของเขาล้อมฉินหมิงและหลินหว่านชิงเอาไว้“นายท่าน คุณหนูใหญ่ดูเหมือนจะมีปัญหา เราควรยื่นมือเข้าแทรกดีไหมครับ?”ลูกน้องคนหนึ่งของเขาถามหลินเถิงฮุ่ยเพื่อขอคำแนะนำ“ไม่จำเป็น!”“ดูเหมือนว่าเหลิ่งจวิ้นจะมุ่งเป้ามาที่ฉินหมิง เขาไม่น่าจะแตะต้องหว่านชิง”“อย่างไรก็ตาม เรามาดูสถานการณ์กันก่อน ถ้าเหลิ่งจวิ้นกล้าที่จะทำร้ายหว่านชิงจริง ๆ ก็ยังไม่สายเกินไปที่เราจะออกหน้า”หลินเถิงฮุ่ยลังเลเล็กน้อยและกล่าวตระกูลหลินและตระกูลเหลิ่งนั้นไม่ได้มีความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์กัน ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเหลิ่งจวิ้นจะฉลาดพอและไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายหลินหว่านชิงของเขาสำหรับฉินหมิง ไอ้หนูที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนหนึ่ง ถึงกับกล้าที่จะหมายปองลูกสาวของเขา!เขาเกลียดชังฉินหมิงจับใจ และหวังว่าเหลิ่งจวิ้นจะช่วยสั่งสอนบทเรียนให้กับฉินหมิงแรง ๆ แล้วเขาจะออกหน้าแทนฉินหมิงได้ยังไง!แน่นอนว่า ถ้าลูกสาวของเขาได้เห็นกับตาตัวเองว่าฉินหม
ความเร็วในการพัฒนาความสัมพันธ์นี้ เร็วกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก ซึ่งเกินความคาดหมายของเขาอย่างมากชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกเกลียดชังฉินหมิงมากขึ้นไปอีกถ้าเมื่อสักครู่นี้เขาแค่อยากให้เหลิ่งจวิ้นสั่งสอนบทเรียนให้กับฉินหมิงสักยก ตอนนี้เขาอยากให้เหลิ่งจวิ้นฆ่าฉินหมิงให้ตาย ๆ ไปเสียจะได้จบเรื่อง!“หลินหว่านชิง คนอื่นอาจจะกลัวตระกูลหลินของเธอ แต่ฉันเหลิ่งจวิ้นไม่กลัว!”“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเขาจะเป็นแฟนของเธอหรือเปล่า สรุปง่าย ๆ คือเขาทำลายเรื่องดี ๆ ของฉันเมื่อครั้งที่แล้ว ดังนั้นวันนี้ฉันจะไม่ปล่อยเขาไปเด็ดขาด!”“ถ้าเธอยังเกะกะไม่เลิก อย่าหาว่าฉันหยาบคายกับเธอก็แล้วกัน!”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชามากไม่ต้องพูดถึงว่าฉินหมิงเป็นแค่แฟนของหลินหว่านชิง แม้ว่าฉินหมิงจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลิน และสถานะของเขาก็ทัดเทียมกับเขามากที่สุด เขาก็ไม่กลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไอ้หนูนี่ในตอนนี้เลย เขาไม่เห็นฉินหมิงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!“ฉันไม่…”หลินหว่านชิงกำลังจะหักล้างคำพูดของเขา แต่ก็ถูกฉินหมิงขัดจังหวะก่อนที่เธอจะพูดอะไร“หว่านชิง เรื่องนี้มีต้นเหตุมาจากฉัน เพราะงั้นให้ฉันจัดการเถอะ”ฉินหมิงก้าวขึ้น
“หว่านชิง วางใจเถอะ ผมไม่เป็นไรหรอกเชื่อสิ!”ฉินหมิงตบมือของหลินหว่านชิงแล้วเอ่ยปลอบใจให้เธอสบายใจก่อนเดินออกไปหลินหว่านชิงรู้สึกจนปัญญามาก เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับทั้งสองฝ่ายที่จะหวนกลับอีกแล้วเธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องเชื่อใจฉินหมิง“ไอ้หนู แกคงไม่คิดว่าจะมีวันนี้ใช่ไหม”“ครั้งที่แล้วที่แกลอบโจมตีฉัน ทำให้ฉันต้องนอนพักฟื้นนานกว่าครึ่งเดือน”“วันนี้ฉันจะใช้เลือดของแกล้างความอัปยศในครั้งนั้น!”กว่านโม๋จ้องเขาเขม็ง“ตาแก่ อย่าได้ไม่รู้ดีชั่ว ไม่เห็นน้ำใจของคนอื่น!”“ครั้งที่แล้วฉันอุตส่าห์มีเมตตา ไว้ชีวิตของแก”“แต่ครั้งนี้แกจะไม่โชคดีแบบนั้นอีกแล้ว!”ฉินหมิงพูดอย่างสงบ เขายกมือขึ้นไพล่หลังราวกับว่าเป็นปรมาจารย์ ดวงตาที่เข้มงวดของทั้งสองข้างมองไปที่กว่านโม๋ราวกับว่ากำลังมองดูมดปลวกตัวหนึ่ง“ผายลม!”“ไอ้หนู แกกำลังรนหาที่ตาย!”กว่านโม๋โกรธมาก กลิ่นอายที่ทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา จากนั้นเขาก็หยุดพูดไร้สาระ โจมตีไปที่หน้าอกของฉินหมิงอย่างรวดเร็วด้วยหมัดที่ทรงพลังพอที่จะทำให้รูปปั้นหินแหลกเป็นชิ้น ๆ“ฉินหมิง ระวัง…”ใบหน้าที่สวยงามของ