“เขาเป็นเลขานุการของประธานบริษัทของฉัน และเขาอาศัยอยู่กับฉันชั่วคราว”หลินว่านชิงกล่าว“เขาอาศัยอยู่ที่นี่เหรอ?”“เขาเป็นแฟนของคุณและคุณสองคนอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตกใจและมองดูฉินหมิงขึ้น ๆ ลง ๆ อีกครั้ง เธอไม่เห็นอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับฉินหมิงและเธอไม่เข้าใจว่าทำไมฉินหมิงสามารถดึงดูดหัวใจของลูกพี่ลูกน้องปิงซานที่สวยงามของเธอได้อย่างไร!“จะอยู่ด้วยกันเหรอ? เราเป็นแค่เพื่อนกัน อย่าพูดไร้สาระ!”หลินหว่านชิงหน้าแดง"จริงหรือหลอก?"“ทำไมฉันไม่เชื่อเลย!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยดูน่าสงสัย“เป็นเช่นนี้ ฉินหมิงช่วยชีวิตฉันไว้ก่อนหน้านี้ ในเวลานั้นเขาไม่มีที่อยู่อาศัย ดังนั้นเขาจึงอยู่กับฉันชั่วคราว…”หลินหว่านชิงอธิบายสถานการณ์โดยย่อ"ฉันเห็น!"“ฉินอสูร คุณอยู่ที่บ้านพี่สาวของฉันมานานแล้ว ทำไมคุณถึงยังค้างอยู่ล่ะ?”“คุณไม่สามารถวางแผนต่อต้านเธอได้!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมองไปที่ฉินหมิงด้วยท่าทางที่อันตรายหัวใจของฉินหมิงเต้นผิดจังหวะ แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมรับว่าเขาคิดเกี่ยวกับหลินหว่านชิงเขาปกปิดรอยยิ้มและพูดว่า "ฉันชื่อฉินหมิงไม่ใช่ปีศาจฉิน…""บ้า! อะไรนะฉินหมิงฉันแค่อยากจะเรี
ฉินหมิงรู้สึกอับอาย“ชิ! เดิมทีก็รู้อยู่แล้วว่านายน่ะไร้ประโยชน์ แต่ไม่คิดเลยว่านายจะไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าที่ฉันคิดเสียอีก!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยกลอกตาแล้วพูดว่า "โชคดีนะที่ฉันเพิ่งได้ใบขับขี่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เพราะงั้นฉันถึงไม่ไร้ประโยชน์เหมือนนาย!"เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดพร้อมกับเชยคางจิ้มลิ้มที่เย่อหยิ่งของเธอขึ้นมาราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยผู้สูงส่ง เธอเปิดประตูรถคันหรูข้าง ๆ ก้าวเข้าไปข้างในใบหน้าของฉินหมิงเปลี่ยนเป็นสีแดงจากการถูกเหน็บแนม อุปนิสัยของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยนั้นแปลกเกินไปและทำให้เขาทนไม่ได้แต่เป็นเพราะหลินหว่านชิงจัดแจงเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยให้เขาแล้ว และแต่เขาไม่อาจทำให้หลินหว่านชิงผิดหวังได้ ดังนั้นเขาจึงต้องขึ้นรถไปอย่างไม่เต็มใจนัก……มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงฉินหมิงและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมาถึงก่อนเวลา แต่พวกเขายังคงใช้เวลาตลอดทั้งเช้าเพื่อทำขั้นตอนต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นในตอนนั้นเองเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายสองคน ซึ่งทั้งสองคนได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงเช่นเดียวกับเธอเพื่อนร่วมชั้นสองคนนี้เป็นเด็กสาวทั้งคู่ คนหนึ่งชื่อเหลียงม่านม่าน เธอมีกิริยาท่าทางค่อน
“เชอะ พวกหัวโบราณ!”“เราสามคนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำไมเราจะไปไม่ได้!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยยืดอกพูดเธอเคยเป็นเด็กและถูกผู้ปกครองที่บ้านตีกรอบให้เสมอ เธอจึงไม่สามารถไปบาร์หรือสถานที่เหล่านั้นได้ แต่ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว และอายุเกินสิบแปดปีแล้วด้วยด้วยนิสัยดื้อรั้นของเธอ เธอจึงอยากจะไปที่บาร์เพื่อสัมผัสประสบการณ์ต่าง ๆ และสนองความอยากรู้อยากเห็นของตนอย่างแน่นอน“ใช่ เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว”เหลียงม่านม่านรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและอยากสัมผัสประสบการณ์ดังกล่าวเช่นกันกล่าวตามตรง เธอและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมาจากครอบครัวที่มีฐานะดี ไม่เคยต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างขัดสนแม้แต่น้อย“ช่างเถอะ สถานที่แบบนั้นดูไม่ดีเท่าไร เราอย่าไปที่นั่นกันเลย…”จางหรูคัดค้านด้วยเสียงอันแผ่วเบา“นั่นหมายความว่ายังไง? บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะ บาร์ก็ไม่ต่างอะไรไปจากสถานบันเทิงที่คล้ายกับร้านคาราโอเกะหรอก!”“เสี่ยวหรู ไม่ต้องกลัวหรอกนะ คราวนี้ฉันจะเลี้ยงเธอเอง ไปสนุกด้วยกันเถอะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอดไม่ได้ที่จะจับแขนของจางหรูด้วยมือข้างหนึ่งและเหลียงม่านม่านด้วยมืออีกข้าง แล้วเดินออกจากมหาวิทยาลัยไปด้วยกัน"ไม่ พวกเธอไปที่นั่นไม
หลายคนมองมาด้วยความอิจฉาและความริษยาต่อฉินหมิงฉินหมิงเพิกเฉยต่อความสนใจของทุกคน เขาสั่งเครื่องดื่ม อย่างน้ำพั้นซ์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำมาก และผลไม้รวมสักถาด เพื่อนสาวและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสามยังเป็นนักเรียนอยู่ ไม่มีใครสันทัดเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ พวกเธอมาที่นี่เพียงเพราะอยากรู้อยากเห็น พวกเธอไม่ได้โต้แย้งที่เขาสั่งอาหารและเครื่องดื่มแบบนั้นมา ครืด!ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของฉินหมิงก็สั่น เขาหยิบมันออกมาและเห็นว่าเป็นสายจากซูซินเหยาเพลงในบาร์ดังเกินไปและทำให้เขาไม่สะดวกที่จะรับสายฉินหมิงแจ้งเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยและเด็กสาวทั้งสาม จากนั้นจึงออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกเมื่อเห็นว่าหมาหวงก้างอย่างฉินหมิงไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับสามสาวอีกต่อไป ดวงตาของหลายคนก็เป็นประกายและพร้อมที่จะเคลื่อนไหวแล้วในตอนนี้หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และหล่อเหลา อายุประมาณยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ปี เขาถือค็อกเทลในมือและรีบเดินเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว“สวัสดีครับสาว ๆ ผมสงสัยจังว่าพวกคุณจะรังเกียจไหมที่จะทำความรู้จักกับผม?”ชายหนุ่มเริ่มบทสนทนาพร้อมแสดงรอยยิ้มที่เขาคิดว่าหล่อและมีเสน่ห์เซี่ยเสี่ยวเต
“ฉินจอมฉาว นี่นายจะทำอะไร!”“เผิงปิงคนนี้เป็นเพื่อนใหม่ของฉัน เราสองคนกำลังคุยกันเรื่องศิลปะการต่อสู้ นายอย่ามายุ่ง!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเอ่ยปากดุอย่างไม่พอใจ เธอใช้มือผลักฉินหมิงออกไปทันที แต่ก็ไม่อาจผลักฉินหมิงออกไปได้"ไม่ได้!"“เสี่ยวเตี๋ย หมอนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี อย่าถูกเขาหลอกเอาง่าย ๆ สิ!”ฉินหมิงรีบตอบในทันที“นายน่ะสิไม่ดี!”เผิงปิงโกรธมาก แต่เมื่อตระหนักได้ว่าฉินหมิงน่าจะเป็นเพื่อนของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย เขาก็ระงับความโกรธไว้ชั่วคราวและเอ่ยปาก "เสี่ยวเตี๋ย หมอนี่เป็นใคร เขาเป็นอะไรกับคุณเหรอ"“อ๋อ เขาเป็นคนรับใช้ของบ้านลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง ช่างเขาเถอะ…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเยาะเย้ยและมองดูฉินหมิง“อ๋อก็แค่คนรับใช้นี่เอง!”เผิงปิงหัวเราะเยาะเย้ย ยกกำปั้นขึ้นแล้วพูดอย่างดูถูกว่า "เจ้าหนู ฉันขอเตือนนายนะ อย่าใจร้อนให้มันมากนัก ไม่อย่างนั้นนายเชื่อไหมว่าฉันจะอัดนายให้น่วม!""อย่างนายจะมีปัญญาเหรอ?"ฉินหมิงยิ้มพลังยุทธของเขาทะลวงผ่านขั้นต้นระดับแรกกำเนิดไปแล้ว ดังนั้นเขาจะแยแสกับคำขู่ของเผิงปิงไปทำไม“นายอยากตายสินะ!”เผิงปิงเกรี้ยวกราดและยกหมัดขึ้น พร้อมที่จะสอนบ
เขารู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้!เมื่อเห็นเผิงปิงก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง ฉินหมิงก็ล้มเลิกความคิดที่จะลงมือด้วยตัวเองชั่วคราว เขาปกป้องสาว ๆ สามคนเอาไว้ข้างหลังและก้าวถอยหลังเพื่อป้องกันไม่ให้สามสาวโดนลูกหลง“ไอ้บ้านี่ นายเป็นใครกัน”“อยากตายงั้นเหรอ”พี่จีโกรธมากและขยิบตาให้คนของเขาซึ่งล้อมรอบเผิงปิงทันทีเผิงปิงไม่รอช้า เขาโจมตีก่อนโดยเตะพี่จีเข้าที่หน้าอก ส่งพี่จีปลิวไปกระแทกกับบาร์ข้างหลัง เครื่องดื่มที่อยู่บนนั้นตกลงไปกองกับพื้น“กล้าดียังไงมาทำร้ายพี่จี!”“พี่น้องเรา มาช่วยกันฆ่าเด็กคนนี้เร็ว!”ลูกน้องคนหนึ่งของเขาตะโกนด้วยความโกรธและเรียกให้สมัครพรรคพวกคนอื่น ๆ รีบไปจัดการเผิงปิงอย่างดุเดือดพี่จีลุกขึ้นจากพื้นด้วยความอับอาย เขาโมโหมากจึงหยิบขวดไวน์ที่แตกข้างตัวกระโดดเข้าหาคู่ต่อสู้ปึง ปัง โครม!อย่างไรเสียเผิงปิงก็เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ พวกอันธพาลที่อยู่ตรงหน้าจะทำอะไรเขาได้อย่างไร?สิ่งที่เกิดขึ้นดูไม่ต่างอะไรจากเสือที่วิ่งเข้าไปในฝูงแกะ ทั้งเตะต่อย ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้ภายในไม่กี่นาที พี่จีและคนอื่น ๆ ต่างก็ล้มลงกับพื้นหมดแล้ว!ในเวลาน
เผิงปิงพูดด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขายกยิ้มและไม่เกรงกลัวเขามักจะออกไปเที่ยวที่บาร์หรือคลับอื่น ๆ แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขามายังบลูมูน บาร์ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับประธานเว่ยมาก่อนยิ่งกว่านั้น เขาเพิ่งทำการแสดงครั้งใหญ่และทำให้ผู้ชมทั้งหมดตกใจ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะยืดอกได้อย่างเต็มที่แล้ว แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินชื่อของประธานเว่ย เขาคิดว่าคงไม่มีอะไรต้องห่วง!“ฉันไม่สนใจว่าใครจะลงมือก่อน!”“แต่บาร์ก็มีกฎของบาร์!”“เนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจในส่วนของนาย ฉันจะให้โอกาสนายคุกเข่าลงและก้มหัวคำนับสามครั้งเพื่อเป็นการขอโทษ นอกจากนี้ยังจะต้องชดเชยความเสียหายให้กับบาร์เป็นสองเท่าให้ฉันจะได้ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น!"“ไม่เช่นนั้นเราจะจัดการกับนายตามกฎโลกใต้ดินและหักขาหรือแขนของพวกนายแทน!”“จะเอายังไงก็เลือกมาเลย!”ประธานเว่ยพูดอย่างเย็นชา“ประธานเว่ย เรายินดีที่จะโค้งคำนับเพื่อเป็นการขอโทษและชดเชยค่าเสียหายให้บาร์…”พี่จีแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากับคนของเขาอีกหลายคนคุกเข่าลงบนพื้น คำนับสามครั้งติดต่อกัน ทั้งยังจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเป็นสองเท่าสำห
ผู้เห็นเหตุการณ์เอาแต่บ่นอุบและรู้สึกผิดหวังกับการคุยโว้อวดของเผิงปิง“เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงพ่ายแพ้ให้กับคนอื่นจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวแบบนี้!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตกตะลึงก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเผิงปิงเป็นคู่ต่อสู้ที่ใครก็คงรับมือได้ยากจริง ๆ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายก็แค่คุยโว!"บ้าจริง!"“เขาก็เป็นแค่พวกขี้โม้ และฉันก็เกือบติดกับเขาเสียแล้ว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมีต่อเผิงปิงก็มลายหายไปทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอจำได้ว่าเธอเคยถูกอีกฝ่ายล่อหลอกก่อนหน้านี้ แถมยังเกิดจะชื่นชมเขาอีก นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้นและอยากจะพุ่งไปข้างหน้าและเตะเผิงปิงสักป้าบ!“ฉันเตือนเธอตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะถูกเขาหลอก แต่เธอไม่ฟังฉันเอง!”“ทักษะภายนอกอันน้อยนิดของเขายังห่างชั้นจากการเป็นปรมาจารย์กำลังภายในที่แท้จริง!”“แล้วเขาจะเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ได้ยังไง!”ฉินหมิงหัวเราะเย้ยหยัน“นายพูดเหมือนกับนายมีพลังมากกว่าเขาอย่างนั้นแหละ!”“ถ้าเป็นนาย นายก็คงถูกคนอื่นตบจนติดพื้นไปแล้ว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเหลือบมอ