“หานซี คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า?”ฉินหมิงดูประหลาดใจและไม่มั่นใจหลังจากเข้ากันได้ดีและทำงานร่วมกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาจึงไว้ใจกัวลี่มากแต่เขาจำได้ว่าได้รับเอกสารจากกัวลี่เพื่อตรวจสอบก่อนที่จะลงนามและอนุมัติ ตอนนี้เขาก็รู้สึกไม่แน่ใจเหมือนเดิมแล้วท้ายที่สุด ด้วยความสามารถของกัวลี่เขาไม่พบกับปัญหาอะไรในเอกสารเลย ซึ่งค่อนข้างน่าสงสัยนิดหน่อย“ผู้ช่วยหาน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย ผมเป็นผู้บริสุทธิ์นะ…”กัวลี่ไม่คิดเลยว่าหานซีจะชี้นิ้วมาที่เขา ใบหน้าของเขาตื่นตระหนกเล็กน้อยและฝ่ามือก็มีเหงื่อออกชุ่ม“คุณรู้อยู่แก่ใจว่าคุณมีความผิดติดตัวหรือเปล่า!”“ในฐานะผู้อำนวยการที่ดูแลสายการผลิต ไม่มีทางที่คุณจะไม่ตระหนักถึงปัญหาใหญ่ในการผลิตแบบนี้!”“ในทำนองเดียวกัน หากมีใครต้องการใส่ร้ายฉินหมิง พวกเขาจะต้องผ่านมือคุณก่อน ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางซ่อนแผนการชั่วร้ายนั้นไปจากสายตาของคุณได้!”"ถ้าไม่อยากให้เรื่องไปไกลกว่านี้ ถึงคุณจะไม่ได้ใส่ร้ายฉินหมิง แต่คุณก็ต้องมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง!"หานซีกล่าวพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า"ผม...ผมไม่ได้..."ใบหน้า
“แล้วคุณล่ะ? ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคุณถูกหมากินไปแล้วหรือไง?”ยิ่งหานซีพูดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นและอยากออกตัวแทนฉินหมิงมากตามไปด้วย"อะไรนะ?"“เขาเป็นคนแนะนำผมและแถมยังให้เครดิตผมเท่ากับเขาด้วยเหรอ?”“นี่...เป็นไปได้ยังไง!”กัวลี่ตกตะลึง เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่าและยืนตะลึงอยู่ตรงจุดนั้น"แล้วทำไมจะเป็นไปไม่ได้!"“ถ้าไม่เชื่อก็ถามประธานหลินได้เลย!”หานซีพูดอย่างเย็นชาหลินหว่านชิงพยักหน้า "ผู้ช่วยหานพูดความจริงค่ะ!"“ในเวลานั้น เธอและฉินหมิงร่วมกันแนะนำความสามารถของคุณกับฉัน เมื่อพิจารณาว่าผู้อำนวยการเซี่ยแห่งโรงงานสาขาที่สองจะเกษียณในอีกหนึ่งเดือน ฉันจึงวางแผนที่จะให้คุณเข้ามาแทนที่เขาในอนาคต!”“สำหรับความปรารถนาของฉินหมิงที่จะให้สิทธิ์การจ่ายเงินปันผลครึ่งหนึ่งแก่คุณ นั่นเป็นเรื่องจริงเพียงแต่ว่าสิทธิ์ในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น ในเวลานั้นฉันจึงไม่ได้เห็นด้วยกับเขา!”"นี่มัน......"กัวลี่ตกตะลึงอย่างหนักก่อนหน้านี้เขาคิดเสมอว่าฉินหมิงเอาเครดิตไปทั้งหมด แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเข้าใจฉินหมิงผิดไปขนาดนี้!ฉินหมิงไม่เพียงแต่ไม่รับเครดิตท
ใบหน้าของหวงหย่งหลินเต็มไปด้วยความกลัว ภายในใจของเขาตอนนี้รู้สึกสับสนหลังจากได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกของเอ้าเฟิงและตู้เซียวก็เปลี่ยนไปอย่างหนัก อารมณ์ของพวกเขาจมดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดอย่างทันทีพวกเขาทั้งสองคิดไม่ตก เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังเข้าข้างพวกเขา แต่เนื่องจากกัวลี่แปรพักต์ สถานการณ์จึงแย่ลงในทันทีที่แย่กว่านั้น หากหวงหย่งหลินเปิดโปงพวกเขาสองคน พวกเขาก็คงจบเห่!“บอกฉันมาว่าใครเป็นคนสั่งคุณ!”หลินหว่านชิงไม่คิดเลยว่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลังผู้อำนวยการหวง และนั่นทำให้เธอยิ่งโกรธหนักกว่าเดิม"คือ......"หวงหย่งหลินมองไปในทิศทางของเอ้าเฟิงและตู้เซียวโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาเห็นสายตาอาฆาตของเอ้าเฟิงและตู้เซียว เขาก็ตั้งสติได้และรีบกลืนสิ่งที่พูดลงคอไป“บอกมาสิว่าใคร!”“ถ้าคุณไม่ยอมพูดแล้วก็ ฉันจะส่งตัวคุณให้ตำรวจเพื่อทำการสอบสวนและลงโทษในข้อหาก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจทันที!”หลินหว่านชิงดุด้วยความโกรธ"คือ......"หวงหย่งหลินอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เขารู้ดีถึงอำนาจและอิทธิพลของตระกูลหลิน หากหลินหว่านชิงส่งเขาให้ตำรวจ อนาคตของเขาก็จะจบลงจริง ๆ!เมื่อเห็นว่าหวงหย่งหล
ตู้เซียวจ้องมองไปที่ฉินหมิงอย่างดุเดือด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“เป็นโรคประสาทหรือไง!”“ฉันก็เคยบอกไปแล้วไงว่าฉินหมิงไม่ใช่คนรักของฉัน และฉันกับเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรต่อกันด้วย!”“พูดไม่รู้เรื่องหรือไง?!”หานซีดุด้วยความโกรธ"เป็นไปไม่ได้!"“คุณเป็นคนพาเขาเข้ามาทำงานในบริษัทตั้งแต่แรก และคุณยังโค่นเหยียนซ่งไท่เพื่อเขาด้วย!”“ถ้าเขาไม่ใช่คนรักของคุณ แล้วเขาจะเป็นอะไรได้อีก”“คุณคิดว่าผมหลอกง่ายเหมือนเด็กสามขวบง่ายรึไง?”ตู้เซียวหัวเราะเยาะ"ไร้สาระ!"“ใครบอกคุณว่าฉันเป็นคนจัดแจงให้เขาเข้ามาทำงานในบริษัท แล้วใครบอกคุณว่าฉันไล่เหยียนซ่งไท่!”"วันนี้ฉันจะขออธิบายให้ชัดเจนเลยว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นฝีมือของหลินหว่านชิง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย!"“ฉันก็แค่ออกหน้ารับแทนเธอเท่านั้น!”หานซีหัวเราะด้วยความโกรธ และความหดหู่ที่อดกลั้นมานานก็ระเบิดออกมาในที่สุดท้ายที่สุดแล้ว การตำหนิผู้อื่นไม่ใช่เรื่องน่ายินดี และเมื่อมีข่าวลือในบริษัทว่าฉินหมิงเป็นคนรักของเธอ เรื่องนี้จึงส่งผลกระทบต่อความบริสุทธิ์และชื่อเสียงของเธอในระดับหนึ่งที่เธอสามารถอดทนได้จนถึงทุกวันนี้ ก
“ตู้เซียว หวงหย่งหลิน และกัวลี่ คุณทั้งสามร่วมมือกันเพื่อใส่ร้ายฉินหมิงในครั้งนี้ ทำให้บริษัทสูญเสียอย่างหนัก ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!”“จากนี้ไปพวกคุณทั้งสามคนจะถูกไล่ออกจากบริษัท ฉันหวังว่าคุณจะประพฤติตัวให้ดีได้ในอนาคต!”หลินหว่านชิงกล่าวอย่างเย็นชาเธอคิดว่าตู้เซียวและคนอื่น ๆ ทำงานให้กับบริษัทมาหลายปีแล้วและนอกจากทุ่มเททำงานอย่างหนักแล้วก็ไม่ได้มีผลงานดีเด่นอะไร เธอตัดสินใจที่จะลงโทษพวกเขาด้วยการไล่ออก และไม่คิดที่จะปฏิบัติให้คนทั้งสามต้องเผชิญกับความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใดถือว่านี้ก็นับว่ามีเมตตาและชอบธรรมที่สุดแล้ว!“ขอบคุณครับ ประธานหลิน...”ตู้เซียวและคนอื่น ๆ ขอบคุณเธอ และยืนขึ้นทีละคนด้วยสีหน้าหดหู่ใจ เตรียมออกจากบริษัทไป“ประธานหลิน กรุณาใจเย็นก่อน”ฉินหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน"ยังมีอะไรอีกเหรอ?"หลินหว่านชิงมองไปที่ฉินหมิงอย่างสงสัย“ประธานหลิน ข้อผิดพลาดทำให้เกิดการปรับปรุงได้อย่างมากมาย”“รองผู้อำนวยการกัวถูกบังคับให้ต้องก้มหัวยอมทำตามในครั้งนี้”“แต่ท้ายที่สุดเขาก็สามารถกลับใจได้ทันเวลา ผมคิดว่าเขาควรได้รับโอกาสอีกครั้ง”ฉินหมิงขอร้องแทนกัวลี่
ฉินหมิงและหานซีเดินตามเธอออกไปพร้อมกันเมื่อเห็นฉินหมิงและคนอื่น ๆ หายไป เอ้าเฟิงก็กำหมัดแน่นและใบหน้าของเขาบอกบุญไม่รับเขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะใส่ร้ายฉินหมิงในครั้งนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเหลวและสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป!แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะรอดไปได้ แต่เขาก็รู้ว่าหลินหว่านชิงเริ่มสงสัยในตัวเขาแล้วนั่นเพราะเขาทำเงินให้กับบริษัทมากมายในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเนื่องจากปู่ของเขาเป็นผู้ถือหุ้นของหลินกรุ๊ป หลินหว่านชิงจึงยังไว้หน้าเขาอยู่สักหน่อยและไม่ได้สืบสาวราวเรื่องลงไปให้ลึกกว่านี้! เวรเอ๊ย!เอ้าเฟิงไม่พอใจอย่างที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เขารู้ว่าสายตาที่หลินหว่านชิงมองมาเมื่อครู่เป็นการเตือนเขา หากเขากล้าที่จะหาเรื่องฉินหมิงอีกในอนาคต ครั้งหน้าเขาอาจไม่โชคดีเหมือนคราวนี้!…… หลังการประชุมฉินหมิงรีบไปที่โจวกรุ๊ปโดยด่วน เขาทำการขอโทษและชี้แจงเรื่องนี้แก่ประธานโจวด้วยตนเอง ประธานโจวเป็นคนใจกว้างที่สุด แทนที่จะโทษฉินหมิง เขายังให้กำลังใจฉินหมิงอีกด้วยหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายตกลงกันเรื่องเวลาในการจัดส่งสินค้าในครั้งถัดไป จากนั้นฉินหมิงก็แอบระลึกถึงของฝากสำหรับชายชราในสั
“ฉินหมิง ในเมื่อเราพบกันแล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”ซ่งเซียงตงหัวเราะ“ไม่ล่ะ ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นฉันคงจะไม่ไป”ฉินหมิงส่ายหน้าเขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก และเขาอาศัยการเรียนไปด้วยควบคู่กับทำงานเพื่อจะได้มีโอกาสเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเนื่องจากสภาพครอบครัวที่ย่ำแย่ เขาจึงถูกเพื่อนร่วมชั้นหลายคนรังแกและรังเกียจมาโดยตลอด มีเพียงไม่กี่คนที่ยินดีติดต่อกับเขานอกจากนี้เขาค่อนข้างเป็นคนเงียบ ๆ และแทบไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมอะไรในมหาวิทยาลัยเลย สถานการณ์ของซ่งเซียงตงตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิงซ่งเซียงตงเป็นเศรษฐีรุ่นที่สองที่มีฐานะทางครอบครัวค่อนข้างดีและมีทรัพย์สินนับสิบล้านย้อนกลับไปตอนนั้น ซ่งเซียงตงเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในชั้นเรียนและได้รับความสนใจจากเพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นเรียนหลายคนเดิมทีเขาและซ่งเซียงตงไม่ได้มาจากชนชั้นเดียวกันและพวกเขาก็เคยพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย ซ่งเซียงตงกับเขาจึงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนัก และมักจะสร้างปัญหาให้เขาเสมออีกทั้งไม่มีใครบอกเขาเรื่องงานเลี้ยงรุ่น ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องหน้าด้านร่วมงานเมื่อซ่งเซียงตงไ
ซ่งเซียงตงเคยเป็นบุคคลที่โด่งดังในชั้นเรียนและได้รับความนิยมมาโดยตลอด เขาเป็นเจ้าชายผู้มีเสน่ห์ในสายตาของเพื่อนร่วมชั้นหญิงหลายคนเมื่อพวกเขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทุกคนก็ตระหนักถึงความสำคัญของเงินตราได้อย่างลึกซึ้งแม้ว่าซ่งเซียงตงจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก และภูมิหลังทางครอบครัวของเขาก็ยังห่างไกลจากพวกทายาทเศรษฐีไปมาก แต่ถึงอย่างนั้นฐานะของเขาก็ดีกว่าทุกคนที่เหลือไม่น้อยแน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องให้ความสนใจซ่งเซียงตงมากขึ้น“โอ้ เจียงชุ่นกับฉันบังเอิญเจอกันฉันพบกับฉินหมิงที่ลานจอดรถ เราพูดคุยกันสักพักก็เลยทำให้เสียเวลาไปอยู่บ้าง”ซ่งเซียงตงยิ้มเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มาก“ฉินหมิง?”ทุกคนตกใจแล้วสังเกตเห็นฉินหมิงที่อยู่ด้านหลังซ่งเซียงตงและเจียงชุ่นทันทีสายตาของหลายคนแสดงถึงความดูถูกและเย้ยหยันเล็กน้อยหลี่เจียฮุ่ยเป็นเพียงคนเดียวที่จับจ้องไปที่ฉินหมิงด้วยดวงตาเป็นประกายและเธอก็กล่าวทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม "ฉินหมิงไม่เจอกันนานเลย"“ใช่ เราไม่ได้เจอกันตั้งสามปีแล้ว...”ฉินหมิงรู้สึกเศร้ามากและลังเลที่จะพูดเขาสัมผัสได้ถึงสายตาดูถูกเหยียดหยามของทุกคน