ตอนนี้ฉินหมิงก็มอบของขวัญให้เธอได้ทันเวลา ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาสำหรับเธอขอแค่ให้เธอยอมรับของขวัญของเขา ความเข้าใจผิดของทุกคนจะถูกกำจัดไปสักทีเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ที่กำลังดี ๆ กำลังจะถูกทำลายโดยฉินหมิง เอ้าเฟิงก็เริ่มวิตกกังวล“หว่านชิง คุณดูดี ๆ สิครับ จี้บนสร้อยคอนี้ต้องเป็นสินค้าแผงลอยริมถนนที่ผลิตแบบไม่ได้มาตรฐานแน่ ๆ มีราคาสูงสุดก็เพียงไม่กี่พันเท่านั้นล่ะครับ!“”ของราคาถูกอย่างนี้ จะเหมาะกับคุณได้อย่างไรกันล่ะครับ! ”เอ้าเฟิงกล่าวและรีบขยิบตาไปให้ยังตู้เซียวและผู้บริหารระดับสูงไม่กี่คน“ใช่แล้วครับ ประธานหลิน สินค้าแผงลอยริมถนนแบบนี้เป็นการดูถูกฐานะอันสูงส่งของคุณนะครับ! ”““เลขาฉินพยายามใช้ประโยชน์จากคุณอย่างชัดเจน เขาไม่มีความจริงใจเอาซะเลย คุณต้องไม่ยอมรับของจากเขานะครับ…”…ตู้เซียวและผู้บริหารระดับสูงไม่กี่คนรีบผสมโรงพูด“ฉินหมิง นี่คุณกล้ามากนะ!”“แม้ว่าคุณคิดอยากจะมอบของขวัญให้กับฉินประธานหลิน ก็ควรที่จะมอบของขวัญที่เหมาะสมกับเธอหน่อยได้ไหมล่ะ!”“แต่คุณกลับส่งของราคาถูก ๆ ชั้นต่ำให้กับประธานหลิน นี่คุณมีเจตนาไม่ดีใช่ไหม! ”“คุณนี่ดูถูกประธานหลินมากเ
แม้ครั้งนี้ฉินหมิงจะไม่ได้มอบของขวัญที่มีค่ามากมายให้กับเธอ แต่ขอให้ฉินหมิงให้ด้วยใจจริงก็เพียงพอแล้ว อย่างอื่นก็ไม่สำคัญ“นี่มัน…”ฉินหมิงตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงว่าสร้อยคอหยกเขียวจักรพรรดิที่ตัวเองตั้งใจเตรียมมา กลับกลายเป็นสินค้าแผงลอยริมถนนมูลค่าไม่กี่พันบาทไปซะอย่างนั้นแต่เขาก็ยังเถียงไม่ได้!“หว่านชิง ฉินหมิงไม่ได้พูดเล่นนะ! ”“สิ่งที่พูดมามันเป็นความจริง นี่มันเป็นสร้อยคอหยกเขียวจักรพรรดิที่มีมูลค่าสูงและหายากมาก!”จู่ ๆ หานซีก็ลุกยืนขึ้น เธอมองดูสร้อยคอนั้น และมองไปที่ฉินหมิงอย่างแปลกใจหลินหว่านชิงชะงัก สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า “ซีซี นี่เธอทำอะไรอยู่ ฉินหมิงเป็นบ้าไปคนเดียวก็พอแรงอยู่แล้ว นี่เธอยังไปผสมโรงบ้าเป็นเพื่อนเขาอีกเหรอ?”“ฉันไม่ได้บ้านะ!”“ฉันเป็นพยานให้เขาได้ สร้อยคอเส้นนี้ไม่เพียงแต่เป็นหยกเขียวจักรพรรดิ และมันถูกแกะสลักโดยอาจารย์หานเชียนผู้ที่เป็นปรมาจารญ์ด้านแกะสลักหยกผู้โด่งดัง! "หานซีพูดอย่างมั่นใจ“อะไรนะ?”“นี่เป็นผลงานของอาจารย์หานเหรอ? เธอล้อเล่นอะไรกัน!”“อาจารย์หานท่านเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในการแกะสลักหยกโบราณในเจียงเฉิง และทักษะอันแปลกป
พวกเขาทั้งสองคนรู้พื้นเพของฉินหมิงดี และก็รู้ว่าฉินหมิงเป็นเด็กกำพร้าไร้พ่อแม่ มิหนำซ้ำยังถูกภรรยาเก่าเฉดหัวอย่างกับคนไร้ค่าอีก!ต่อตีพวกเขาให้ตายก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคนอย่างฉินหมิงจะมีปัญญาซื้อสร้อยคอหยกเขียวจักรพรรดิอันล้ำค่านี้ได้!“ฉันดูไม่ผิดหรอกค่ะ!”“สร้อยหยกเขียวจักรพรรดิเส้นนี้ เป็นนายท่านซูที่ไหว้วานให้คุณปู่ฉันแกะสลัก ทั้งหมดแกะสลักออกมาได้กำไลหนึ่งคู่และสร้อยคอสองเส้น! ”“สร้อยคอสองเส้นมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ แต่มีเส้นหนึ่งสีแดง ส่วนอีกเส้นหนึ่งสีฟ้า! ”“สองเส้นนี้ฉันตั้งชื่อไว้ “ดาวคู่แห่งท้องทะเล” เส้นสีแดงเส้นนั้นฉันตั้งชื่อไว้ว่าดาวเพลิงสมุทร แต่เส้นที่อยู่ตรงหน้านั้นฉันตั้งชื่อว่า “ดาวเหมันต์สมุทร”!”หานซีกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น สร้อยคอสองเส้นนี้เธอเป็นคนตั้งชื่อเองกับมือ เธอจะดูผิดไปได้อย่างไร!“นายท่านซูไหว้วานให้อาจารย์หานแกะสลักเหรอ?””มัน…มันเป็นไปได้อย่างไร! ”เอ้าเฟิงและตู้เซียวตกตะลึงงัน!เดิมทีเจ้าของสร้อยสองเส้นนี้เป็นนายท่านซู แต่ว่าตอนนี้เส้นหนึ่งอยู่ในมือของฉินหมิง นี่ไม่ได้หมายความว่าฉินหมิงและนายท่านซูมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกันใช่ไหม?
ทุกคนหายใจเข้าลึกและหันไปมองที่ฉินหมิง ทุกคนตกใจมากจนแทบจะชาไปทั้งตัว!เมื่อกี้เอ้าเฟิงเพิ่งจะหยิบสร้อยคอเพชรมูลค่าหกสิบล้านออกมา ราคาก็เปิดโลกมากอยู่แล้ว!แต่ตอนนี้ถ้าเทียบสร้อยดาวเหมันต์สมุทรของฉินหมิง ทำเอาสร้อยเพชรของเขาดูจืดไปเลย!ในเวลานี้ ฉินหมิงได้แย่งซีนเขาไปเต็ม ๆ !สร้อยคอเพชรของเขากลายเป็นเพียงกระดาษฟอยล์ไปซะอย่างนั้น!“น่าเกลียด!”เอ้าเฟิงกำหมัดแน่น ใบหน้าของเขามืดมนอย่างน่ากลัวตอนแรกเขาก็มองฉินหมิงว่าเป็นแค่มดน้อยตัวหนึ่ง ถึงขนาดร่วมมือกับตู้เซียวทำให้ฉินหมิงขายขี้หน้า!แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ผู้ชายไร้ค่าที่พวกเขาดูถูกคนนั้น ไม่เพียงแต่ทำแผนเซอร์ไพรส์ของเขาพังไม่เป็นท่า อีกทั้งยังทำให้เขาขายขี้หน้าอีกด้วยเขาโกรธมากจนใคร ๆ ก็ดูออก“ฉินหมิง ของขวัญชิ้นนี้มันมีค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก…”หลินหว่านชิงมองสร้อยดาวเหมันต์สมุทร ในใจก็กังวลอย่างมากอีกทั้งความสัมพันธ์ของเธอและเขาก็ยังคลุมเครือ ถ้าฉินหมิงให้ในฐานะเพื่อน แค่ส่งของขวัญเล็กไม่กี่พัน เธอก็จะรับมันไว้ด้วยความดีใจอย่างแน่นอนแต่สิ่งที่เขาให้เธอมานั้น มันช่างมีค่าและแพงซะเหลือเกิน ดูเหมือนกำลังจีบ
รอยยิ้มอันภาคภูมิใจบนใบหน้าของเอ้าเฟิงจู่ ๆ ก็เหมือนโดนสาปแช่แข็งไว้ เดิมทีใจที่มีความหวังขึ้นมา ชั่วพริบตาก็เหมือนไฟที่ถูกราดด้วยน้ำจนมอดลงไม่กี่วินาทีซะอย่างนั้น“เอาล่ะ ทุกคนเริ่มสนุกกับงานเลี้ยงกันดีกว่าค่ะ ”ตามคำแนะนำของหลินหว่านชิง ทุกคนก็กลับมานั่งที่ บรรยากาศก็เริ่มครึกครื้นใหม่ขึ้นอีกครั้งวันนี้เป็นวันเกิดหลินหว่านชิง บรรยากาศแสนจะครึกครื้น ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทจำนวนมากมาดื่มเหล้าอวยพรและพูดอวยพรให้แก่หลินหว่านชิง พยายามสร้างความประทับใจที่ดีให้กับเธอเริ่มแรกเธออยากจะเปลี่ยนจากเหล้าเป็นชา แต่ก็ทนคำชักชวนของทุกคนไม่ได้ แล้วอีกอย่างเธอเองก็อารมณ์ดีซะด้วย เลยดื่มไวน์แดงพอเป็นพิธีแต่ว่าคนที่ชวนเธอดื่มเหล้าก็จำนวนไม่น้อย หลายรอบผ่านไป แม้ว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในไวน์แดงจะต่ำมาก แต่ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ค่อย ๆ แดงก่ำ ทำให้เธอมีอาการมึนเมานอกจากหลินหว่านชิง ฉินหมิงเองก็ไม่วายโดนชนแก้วเช่นเดียวกันที่เมื่อกี้เขาเพิ่งแย่งซีนเด่นไปจากเอ้าเฟิงไป ทำเอาทุกคนตกตะลึง สิ่งนี้ได้สร้างความน่าเชื่อถือขึ้นมาในจิตใจของทุกคนเดิมทีเขาเป็นตัวเอกของงานนี้ คนที่ฉลาดหลายคนก็มองออกว่าหล
ฉินหมิงพยุงหลินหว่านชิงกลับมาที่ห้องนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามายังห้องของเธอ สไตล์การตกแต่งภายในนั้นดูผ่อนคลายและสะดวกสบายและมีตุ๊กตาผ้าน่ารักมากมายวางอยู่บนเตียงและตู้ในห้องปัดกวาดเช็ดถูได้สะอาด แม้แต่อากาศก็ยังส่งกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์สดชื่นฉินหมิงค่อย ๆ วางหลินหว่านชิงลงอย่างระมัดระวังฤทธิ์ของไวน์แดงค่อนข้างแรง เมื่อลมพัดระหว่างทางกลับ หลินหว่านชิงรู้สึกเวียนหัวและมีอาการมึนเมาเล็กน้อยในเวลานี้ แก้มของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอพร่ามัว เธอแตกต่างจากรูปลักษณ์ที่เย็นชาและสูงส่งไปอย่างสิ้นเชิง เธอดูมีเสน่ห์อย่างไม่อาจพรรณนาได้สวยงามจริง ๆ !ความเมามายทำให้หลินหว่านชิงดูสวยเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว!ใจฉินหมิงเต้นตึกตัก เมื่อจ้องมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามที่สวยจนน่าทึ่งของหลินหว่านชิง ทำเอาเขาหมกมุ่นอยู่ครู่หนึ่ง“หิวน้ำจัง ฉันอยากดื่มน้ำ…”หลินหว่านชิงพึมพำออกมา“เดี๋ยวผมไปรินให้นะครับ”ฉินหมิงที่เหมือนตื่นขึ้นมาจากฝันก็กุลีกุจอรินน้ำใส่แก้วมาให้หลังจากนั้นเขาก็กึ่งประคองกึ่งกอดเธอ เขายื่นน้ำไปที่ริมฝีปากของเธอและป้อนอย่างระมัดระวังหลังจากดื่
ฉินหมิงตบตัวเองแรง ๆแม้ว่าเขาต้องการที่จะกล้าหาญและปฏิเสธที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตาง่าย ๆ แต่อย่างน้อยเขาก็ควรตามจีบหลินหว่านชิงอย่างเปิดเผยและมุ่งมั่นที่จะได้รับความโปรดปรานจากหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ขณะที่หลินหว่านชิงกำลังเมา ถ้าเขาทำอะไรเกินเลยลงไป มันจะเป็นการไม่ให้เกียรติหลินหว่านชิง และเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามหลินหว่านชิงด้วย!เมื่อหลินหว่านชิงตื่นขึ้นมาหลังจากนั้น เขาอาจจะสูญเสียหลินหว่านชิงไปตลอดกาล!นี่เป็นสิ่งที่เขาทนไม่ได้อย่างแน่นอน!“หว่านชิง ผมขอโทษ...”ฉินหมิงรู้สึกละอายใจจึงอยากจะชักแขนกลับแต่หลินหว่านชิงกลับคว้าแขนทั้งสองข้างของเขาเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย“ฉินหมิง อย่าไปนะ...”“วันนี้ฉันมีความสุขมาก อยู่กับฉันต่ออีกหน่อยได้ไหม…?”หลินหว่านชิงมองฉินหมิงด้วยดวงตางดงามที่พร่ามัวอาจเป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอเหงาเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะวันนี้เธอมีความสุขเป็นพิเศษเธอยังคงเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศงานเลี้ยงฉลองและไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกลับมาถึงบ้านแล้ว "ก็ได้"ฉินหมิงยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่อาจปฏิเสธหลินหว่านชิงได้ จึงต้องดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียงหลินหว่านชิงยิ้มหวา
หลินหว่านชิงส่ายหน้าแล้วกล่าว“ก็ได้ ผมต้องขอตัวก่อนแล้ว”ฉินหมิงดูยังสบาย ๆ หลังจากพูดออกไปเช่นนั้นก็หันหลังเดินจากไป หลังจากออกจากวิลล่าแล้วฉินหมิงไปจนถึงยอดเขาด้านหลังนับตั้งแต่เริ่มเปิดใช้ค่ายกลรวมวิญญาณ ส่งผลให้เขาต้องบ่มเพาะตนให้ได้อย่างน้อยสองหรือสามชั่วโมงต่อวันในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ปกติแล้วเขาจะนอนในตอนกลางคืนและไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อบ่มเพาะตนตอนประมาณสิบหรือสิบเอ็ดโมงเช้า เขาสามารถนอนและบ่มเพาะตนไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย!เมื่อมาถึงศูนย์กลางของค่ายกล ฉินหมิงนั่งขัดสมาธิแล้วหยิบแผ่นหยกออกมาและเปิดใช้งานค่ายกลเขาใช้เวลาบ่มเพาะตนไปประมาณชั่วโมงกว่า ๆพลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ เริ่มค่อย ๆ ขยับขึ้นทันที มันไหลรวมกันเป็นวังวนแห่งสายลม พุ่งเข้าใส่ฉินหมิงอย่างบ้าคลั่งเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งฉินหมิงร่างกายสั่นเทาและดวงตาพยัคฆ์ก็ลืมขึ้นและประกายแสงในแววตามอดดับลง"ในที่สุดก็ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว!"ฉินหมิงดูตื่นเต้นและหัวเราะอย่างมีความสุขหลังจากการบ่มเพาะตนอย่างหนักในช่วงนี้ ในที่สุดระดับการบ่มเพาะของเขาก็ทะลุผ่านช่วงคอขวดของระดับการบ่มเพาะพลังลมปราณขั้นกลางไปได้ และมา