นี่เขาเป็นคนจริง ๆ เหรอนี่!ย้อนกลับไปในสมัยนั้นเฉียนเป้าเอาชนะศัตรูได้สิบเจ็บสิบแปดคน มีชื่อเสียงในการสู้ครั้งเดียวและวางอำนาจบาตรใหญ่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา!แต่ว่าตอนนี้ฉินหมิงกลับจัดการได้ถึงสามสิบสี่สิบคน อีกทั้งเฉียนเป้ายังเป็นคนที่เก่งที่สุดในย่านนี้!ใคร ๆ ก็สามารถจินตนาการถึงความน่ากลัวของความแข็งแกร่งนี้ได้!ชั่วครู่หนึ่งทุกคนต่างตกตะลึงกับพลังอันมหาศาลและอยู่ยงคงกระพันของฉินหมิง!“ซินเอ๋อร์ นี่มัน…เป็นเรื่องจริงเหรอ?”“ฉัน…ฉัน ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม…”เสียงของแฟนหนุ่มของซินเอ๋อร์สั่นเทาและเขาก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อนึกถึงแผนการก่อนหน้านี้ของเขาที่จะสั่งสอนฉินหมิง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาโง่แค่ไหน!โชคดีที่เขายังไม่ได้หาเรื่องฉินหมิง ไม่อย่างนั้นคนที่นอนกองกับพื้นคงต้องมีเขาอีกคนแน่นอน!“ที่รัก นี่…นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว พวกเราหลบห่างกันหน่อยเถอะ อย่าให้เขาเห็นเราเลย…“ซินเอ๋อร์ตกใจถึงกับหน้าถอดสี และรีบดึงมือแฟนหนุ่มออกให้จากตรงนั้น ในใจลึก ๆ กลัวว่าฉินหมิงจะมาคิดบัญชีกับพวกเธอทีหลังอีกอย่างเธอได้ไลฟ์สดทางโทรศัพท์มือถือของเธอแล้ว และฉากความกล้าหาญและการอยู่ยงคงกระพ
ตอนแรกฉินหมิงคิดว่ามีศัตรูอีกพวกมาโจมตี หัวใจของเขาบีบรัด เขากำลังตั้งท่าแต่ไม่นานก็พบว่าอีกฝ่ายดูคุ้นเคยจากนั้นเขาก็มองอย่างพิจารณาและจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบอดี้การ์ดทั้งหกของหลินหว่านชิง“คุณหนูใหญ่ครับ!“”พวกผมมาช้าเกินไป เชิญคุณหนูลงโทษพวกผมได้เลยครับ… ”บอดี้การ์ดทั้งหกคุกเข่าต่อหน้าหลินหว่านชิงทีละคน ทุกคนมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเป็นอย่างมากโดยปกติหลินหว่านชิงจะไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าใกล้เกินไป และจุดชมวิวก็เป็นสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนหนาแน่น จึงไม่ใช่สถานที่ที่พวกอันธพาลก่อความวุ่นวายเพราะฉะนั้นพวกเขาจึงชะล่าใจไม่ได้ตามใกล้ชิดอย่างที่ควรจะทำจนกระทั่งฉินหมิง เฉียนเป้าและคนอื่น ๆ เริ่มต่อสู้กัน และทั้งสองฝ่ายส่งเสียงดังมากจนพวกเขาเอะใจแต่โชคดีว่าฉินหมิงช่วยปกป้องหลินหว่านขิงแทนพวกเขา มิฉะนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับหลินหว่านชิงพวกเขาอาจถูกตำหนิหรือขั้นลงโทษถึงตายได้!“พวกนายลุกขึ้นเถอะ!”“เป็นเพราะฉันไม่อนุญาตให้พวกนายเข้าใกล้ ฉันไม่ถือโทษพวกนายหรอก”หลินหว่านชิงพูดอย่างเรียบง่าย ไม่ได้ระบายความโกรธกับบอดี้การ์ดบอดี้การ์ดโล่งใจและลุกขึ้นยืน“คุณ…คุณหนูใหญ่
สีหน้าของเฉียนเป้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตกใจบอดี้การ์ดปลดปล่อยพลังกดดันอันแกร่งกล้าที่พกพาพลังแท้จริงซึ่งผกผันอยู่ราง ๆ พวกเขาทุกคนล้วนเป็นจอมยุทธ์ !นอกเหนือไปจากนั้น พวกเขาแต่ละคนมีระดับพลังบ่มเพาะเป็นเลิศ โดยหลิวเจิ้นมีพลังบ่มเพาะขั้นสูงสุดอันลึกล้ำยากหยั่งถึง!เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือมากมายขนาดนั้น ย่อมบดขยี้เขาให้ตายได้ไม่ยากเลย เขารู้สึกสิ้นหวังสุดจะพรรณนาจนไม่อาจรวบรวมความกล้าเข้าขัดขืน!"คุณหลิน ผมไม่ล่วงรู้ตัวตนของคุณและไม่เจตนาจะล่วงเกินคุณ คราวนี้ได้โปรดเมตตาละเว้นพวกเราด้วย..."เฉียนเป้าคุกเข่าลงตรงหน้าหลินหว่านชิง จากนั้นก็โขกศีรษะวิงวอนร้องขอความเมตตาอยู่ไม่หยุดหย่อนหลังจากอยู่ในโลกใต้ดินมาหลายปีขนาดนั้น เขาก็มีศัตรูอยู่มากมาย ขืนเขาโดนหักมือเท้าขึ้นมา วันข้างหน้าย่อมต้องตายแน่ ๆ แม้แต่ลูกเมียก็ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย! ผลลัพธ์ที่ตามมาเหล่านี้เป็นเรื่องที่เขารับไม่ไหวจริง ๆ"ละเว้นแกน่ะเหรอ?""แกคิดว่าเรื่องนี้จะมีทางเป็นไปได้หรือเปล่าล่ะ?"หลินหว่านชิงมองเฉียนเป้าด้วยสายตาเย็นชา เธอไม่ได้โกรธที่เฉียนเป้าและคนอื่น ๆ พุ่งเข้ามาเล่นงานตนเอง แต่เป็นเพรา
"ส่วนอีกสี่คนที่อยู่บนเขา พวกมันเป็นเพียงแค่ขยะสังคม พวกเราห้ามปล่อยพวกมันไปง่าย ๆ เด็ดขาด!"ฉินหมิงแบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจนเสมอมา ถึงแม้ว่าเฉียนเป้าจะทำร้ายเขา แต่เฉียนเป้าก็รู้จักผิดชอบชั่วดีมากกว่าทั้งสองฝ่ายเพียงแค่มีฐานะต่างกัน เขาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสังหารเฉียนเป้าในทางตรงกันข้าม ชายสวมต่างหูทั้งสี่คนกลับไม่มีหลักการและไม่เห็นแก่ส่วนรวมเลยสักนิด วันข้างหน้าคนแบบนั้นย่อมต้องเป็นตัวหายนะแน่ ๆ จึงต้องลงโทษให้หนัก!"เอาล่ะ ฉันจะเชื่อฟังนายก็แล้วกัน..."หลินหว่านชิงพยักหน้า เพราะเชื่อมั่นในตัวฉินหมิง"ขอบคุณครับ คุณฉิน ผมเฉียนเป้าย่อมจดจำบุญคุณของคุณในวันนี้เอาไว้อย่างแน่นอน""วันหน้าขอเพียงคุณมีคำสั่งอะไรก็ช่าง ต่อให้ต้องบุกเขาดาบทะเลเพลิง ผมเฉียนเป้าก็จะไม่ลังเล!"เฉียนเป้าตื่นเต้นเสียจนหลั่งน้ำตาออกมาพลางคุกเข่าโขกศีรษะให้ฉินหมิงด้วยความเคารพนบนอบคราวนี้เขาแทงฉินหมิง แต่ฉินหมิงกลับไม่สนใจความแค้นที่ผ่านมา มิหนำซ้ำกลับเป็นฝ่ายขอร้องแทนเขาอีกต่างหากความใจกว้างและเอื้ออารีที่ฉินหมิงแสดงออกมาทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างลึกล้ำ ทั้งยังรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยกว่าอีกฝ่
แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือหลังจากฉินหมิงบาดเจ็บได้ไม่นาน บาดแผลก็ตกสะเก็ดและดูเหมือนว่าจะดีขึ้นมาก"ฉินหมิง แผลบนแผ่นหลังของนายตกสะเก็ดหมดแล้ว ความรวดเร็วในการฟื้นตัวของนายไวเกินไปแล้ว!"หลินหว่านชิงรู้สึกประหลาดใจมากเธอจำได้ชัดว่าตอนแรกฉินหมิงบาดเจ็บตรงหน้าอกระหว่างที่พยายามจะช่วยชีวิตเธอ ผ่านไปเพียงแค่วันเดียว บาดแผลก็สมานจนตกสะเก็ดโดยแทบจะไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เอาไว้เลยไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ได้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ!"บางทีอาจเป็นเพราะสมรรถภาพทางกายของผมดีขึ้นก็ได้ เลยทำให้ผมฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนอื่น..."ฉินหมิงพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะพลังภายในก็เป็นได้"อืม ก็เป็นไปได้นะ"หลินหว่านชิงพยักหน้าแล้วไม่เก็บมาใส่ใจอีกจากนั้นเธอก็ยื่นมืออันประณีตบอบบางดุจหยกออกมา แล้วค่อย ๆ ขยับไปมาแล้วรีบทายารักษาแผลลงบนแผ่นหลังของฉินหมิงสิ่งนี้จะช่วยให้ฉินหมิงฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้มากกว่า…เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากได้นอนพักผ่อนสักคืนหนึ่ง อาการบาดเจ็บตรงแผ่นหลังของฉินหมิงก็เกือบจะหายสนิทแล้วอาการบาดเจ็บที่เท้าของหลินหว
เสื้อผ้าชุดนี้ล้ำสมัยมากทีเดียว ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เสื้อผ้าแบรนด์หรูราคาแพงระยับ แต่ก็เหมาะกับท่าทางมีเสน่ห์ของเธอมาก ทั้งยังทำให้เธอดูทั้งชาญฉลาดและน่าหลงใหลอีกต่างหากนี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหมิงได้เห็นความงามที่แท้จริงของเฉินถิงถิงในแง่มุมของเรือนร่าง เฉินถิงถิงอาจจะไม่มีเสน่ห์ร้อนแรงเท่ากับหลินหว่านชิงกับหานซีแต่ในแง่มุมของรูปลักษณ์ภายนอกและความงาม เธอเกือบจะเทียบได้กับหานซี ดังนั้นเธอย่อมเป็นยอดสาวงามอย่างแน่นอน!"ฉินหมิง คะ...คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?"เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเร่าร้อนของฉินหมิง เฉินถิงถิงก็หน้าแดงใจเต้นรัวแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตาของฉินหมิงอีกนับตั้งแต่ฉินหมิงช่วยเธอไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็เริ่มชอบพอฉินหมิงที่ทั้งสูงใหญ่และหล่อเหลาเข้าโดยไม่ทันรู้ตัววันนี้นับเป็นโอกาสอันหาได้ยากที่ฉินหมิงจะมาเยือนในฐานะแขก ดังนั้นเธอจึงตั้งใจแต่งตัวเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อทิ้งความประทับใจดี ๆ ให้แก่ฉินหมิงจากท่าทีตอบสนองของฉินหมิง เธอก็รู้แล้วว่าความคิดของตนเองไม่สูญเปล่าและรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก"เปล่าหรอก......"เมื่อฉินหมิงได้สติก็ยิ้มกระอักกระอ่วนแล้วรีบถอนสายตาหยาบโลนอ
เมื่อเห็นเฉินถิงถิงกับฉินหมิงค่อย ๆ ลับตาไป เทียนปั๋วก็กำหมัดแน่นพร้อมแววตาเกลียดชัง"ไอ้หนู สวรรค์มีทางกลับไม่ไป นรกไร้ทางกลับบุกเข้ามา!""ในเมื่อแกมารนหาที่ตายถึงที่นี่เอง งั้นฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้ก็แล้วกัน!"เทียนปั๋วสีหน้าถมึงทึงพลางควักโทรศัพท์มือถือออกมาโทร…ตรงระเบียงทางเดินเฉินถิงถิงกับฉินหมิงเดินเคียงกันไป"ฉินหมิง เทียนปั๋วเป็นคนจิตใจคับแคบที่จ้องจะหาทางแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา""ฉันเคยได้ยินมาว่ามันมีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลในสังคมด้วย""ตอนนี้มันมีความแค้นกับคุณแล้ว วันหน้าเมื่อคุณเจอมันเข้าก็ระวังตัวด้วยนะ"เฉินถิงถิงเตือนด้วยสีหน้าเป็นกังวลครอบครัวของเธอกับครอบครัวของเทียนปั๋วเป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่ ทั้งสองครอบครัวเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เธอจึงพอล่วงรู้สถานการณ์ในครอบครัวของเทียนปั๋วอยู่บ้างแต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ครอบครัวของเทียนปั๋วมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาจึงซื้อบ้านสองหลังเอาไว้ในตัวเมืองและแทบจะไม่ได้กลับมาที่บ้านเก่าเลยเธอไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้จะมาเจอเทียนปั๋วเข้าโดยกะทันหัน"เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว"ฉินหมิงตอบตกลงไปเรื่อยเปื่อยโด
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ฉากนี้เข้า หลี่ฉินก็แววตาวูบไหวอยู่สองสามครั้งราวกับเธอเข้าใจอะไรสักอย่างขึ้นมาแล้วผุดรอยยิ้มตรงมุมปาก"เสี่ยวฉิน ป้ามีเรื่องอยากจะถามเธอสักหน่อย แต่ไม่แน่ใจว่าเธอสะดวกที่จะตอบหรือเปล่า"หลี่ฉินถามอย่างค่อนข้างแบ่งรับแบ่งสู้"มีเรื่องอะไรงั้นเหรอครับ?""ป้าหลี่ เชิญถามมาได้เลย"ฉินหมิงยิ้มให้"เธอก็ดูเหมือนจะอายุไม่น้อยแล้ว ป้าอยากรู้ว่าตอนนี้เธอมีแฟนแล้วหรือยัง?"หลี่ฉินถามด้วยท่าทางคร่ำเคร่งและสีหน้าลุ่มลึกแม่กับลูกสาวสื่อใจถึงกันได้ หลังจากได้ยินคำถามของแม่ตนเอง เฉินถิงถิงก็คาดเดาเจตนาของแม่ได้อย่างรวดเร็ว ใบหน้างดงามกว่าครึ่งของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เธอก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาแม่ของตัวเอง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องสบตากับฉินหมิงเลย"ยังไม่มีหรอกครับ......"ฉินหมิงส่ายหน้าแล้วหยุดพูดถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีแฟน แต่ก็เพิ่งหย่าร้างมาไม่นานนี้เองทว่าอย่างไรเสียการหย่าร้างก็ไม่ใช่เรื่องสวยงามอะไร ในเมื่อหลี่ฉินไม่ได้ถามถึงเรื่องนั้น เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก"ป้าไม่คาดคิดเลยว่าเธอที่ยอดเยี่ยมและนิสัยดีออกขนาดนั้น กลับยังไม่มีแฟนเลย!"หลี่ฉินรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง