หลินหว่านชิงเป็นเหมือนเกล็ดย้อนของเขา ตอนนี้อีกฝ่ายพูดจาลวนลามหลินหว่านชิงอยู่ ใคร ๆ ก็จินตนาการถึงความโกรธในใจของเขาได้!เขายับยั้งชั่งใจอย่างมากที่จะไม่ให้โกรธจัด!“ให้ตายเถอะ นายกล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉัน! ”“เจ้าหนุ่ม นายอยากตายใช่ไหม! ”“ไหนนายลองพูดอีกรอบสิ! ”ชายหนุ่มสวมต่างหูโมโหขึ้นเมื่อเสียงของเขาเงียบลง หน้าต่างด้านหลังก็ลดลงมา ชายหนุ่มสองคนในชุดซอมซ่อก็โผล่หัวออกมาไปที่หน้าต่างด้วยเมื่อรวมกับชายที่สวมต่างหูซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าและชายในที่นั่งผู้โดยสาร พวกเขามีทั้งหมดสี่คน ทุกคนล้วนมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาที่ดุร้าย “พูดอีกรอบแล้วยังไง ฉันบอกให้พวกนายไสหัวไป…”ฉินหมิงไม่เกรงกลัว พูดยังไม่ทันจบ หลินหว่านชิงก็ดึงแขนเขาและขัดคำพูดของเขาไว้“ฉินหมิง ช่างมันเถอะอย่าไปใส่ใจพวกเขา อย่าปล่อยให้มันมาทำลายอารมณ์ที่ดี ๆ ของเราสองคนเลย”หลินหว่านชิงส่ายหัวและกล่าวขึ้นเนื่องจากเธอสวยมากไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้ามเสมอ เธอเองก็ชินไปแล้วและยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายมีตั้งสี่คน คนจำนวนมากกว่า ฉินหมิงมีเพียงคนเดียว หากทั้งสองฝ่ายเกิดการปะทะกันขึ้นมา เรื่องนี
“เอาล่ะ ๆ ฉันยอมรับความเก่งกาจของนาย แบบนี้ได้หรือยัง? ”หลินหว่านชิงทำหน้าเหมือนยิ้มแต่ว่าไม่ยิ้มเธอเคยเห็นฝีมือของฉินหมิงมาก่อนครั้งแรกที่ฉินหมิงพยายามช่วยเธอที่ริมแม่น้ำ เขาเกือบจะถูกฆ่าโดยพวกอันธพาลครั้งที่สองฉินหมิงถูกบอดี้การ์ดสองคนของซุนกวนฉงทุบตีอย่างแรงและถูกผลักลงกับพื้น ต้องขอบคุณที่เธอปรากฏตัวทันเวลาเพื่อช่วยฉินหมิงหลังจากเหตุการณ์ทั้งสองครั้งนี้ เธอรู้ว่าฉินหมิงนอกจากจะมีความกล้าหาญและดุร้ายแล้ว จริง ๆ แล้วฉินหมิงก็เป็นผู้ชายที่ธรรมดามาก ๆ เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเอาสองมือต่อสู้กับสี่คน นี่เขาจะเอาชนะผู้ชายสวมต่างหูสี่คนได้อย่างไรอย่างไรก็ตามผู้ชายต่างก็รักษาหน้า แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่สามารถที่จะฉีกหน้าของฉินหมิงได้“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไปเถอะพวกเราไปปีนเขากัน! ”ฉินหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อปรับอารมณ์ของเขา จากนั้นก็เดินไปตามถนนไปที่เชิงเขากับหลินหว่านชิงเชิงเขาเป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดของจุดชมวิวและยังเป็นสถานที่ที่ผู้คนหนาแน่นที่สุด ที่นี่มีของอร่อยและความสนุกสนานทุกรูปแบบถนนเต็มไปด้วยอาหารและของว่างแสนอร่อยมากมาย ร่วมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้าน
รอยยิ้มบนใบหน้าของซินเออร์เกือบจะเบ่งบานด้วยความดีใจ เธอรีบเดินไปทางด้านหน้าหลินหว่านชิง และกล่าวทักทายอย่างเป็นทางการ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซินเออร์ เป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว คุณสวยมาก ๆ เลย ฉันขอถ่ายรูปกับคุณได้ไหมคะ? ”“นี่…”หลินหว่านชิงไม่ค่อยชอบการติดต่อกับคนแปลกหน้า แต่ท่าทางของอีกฝ่ายมีความกระตือรือร้นมากและดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจขณะที่ทั้งสองถ่ายรูปร่วมกัน กล้องก็ถูกดึงมาข้างหน้า เหล่าแฟนคลับจับตาดูอย่างใกล้ชิด หลินหว่านชิงนั้นยิ่งดูก็ยิ่งสวย“ว้าว เธอสวยจริง ๆ รูปร่างและหน้าตาดูสมบูรณ์แบบ ช่างงามราวกับเทพเซียนบนสวรรค์! ”“นั่นสิ ฉันเดาว่าสี่สาวงามในสมัยโบราณก็คงไม่เป็นแบบนี้แน่ ๆ ! ”“ซินเออร์ ฉันส่งจรวดสองอันให้คุณก่อน คุณรีบถามชื่อสาวสวยคนนี้เร็ว และขอรายละเอียดช่องทางการติดต่อเช่นไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือด้วย จากนั้นฉันจะส่งจรวดอีกสองสามอันให้คุณ! ”“ฉันก็เหมือนกัน ถ้าหากได้ช่องทางการติดต่อมา ฉันก็จะส่งจรวดให้คุณสองอัน! ”...เหล่าแฟนคลับในพื้นที่แสดงความคิดเห็นต่างก็ตื่นเต้นมากขึ้นมากขึ้นเรื่อย
เพื่อนผู้ชายของซินเออร์รีบพูดด้วยรอยยิ้ม“ใช่ ๆ เราไม่ได้จะทำอะไรเธอเลย คุณจะดุไปทำไมกัน! ”ซินเออร์ตะคอกใส่อย่างเย็นชา ไม่มีความรู้สึกกลัวเลยแม้ว่าฉินหมิงจะรูปร่างสูงกว่าแฟนของเธอเล็กน้อย แต่ก็ดูผอมไม่แข็งแรงเหมือนกับแฟนของเธอหากฉินหมิงต้องการสู้จริง ๆ เขาก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแฟนเธออย่างแน่นอนถ้าอย่างนั้นเธอจะกลัวไปทำไม!“ผมไม่สนว่าพวกคุณจะมีหรือไม่มีจุดประสงค์อะไร สรุปแล้วพวกคุณรีบหลบไปจะดีกว่า! ”“ถ้าหากพวกคุณยังกล้ามารังควานหว่านชิงอีก ก็อย่ามาโทษที่ผมไม่เกรงใจพวกคุณก็แล้วกัน! ”ฉินหมิงน้ำเสียงโมโห และยังมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีให้กับอีกฝ่าย“ฉินหมิงพอเถอะ พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร พวกเราไปกันเถอะ”หลินหว่านชิงพูดพร้อมดึงแขนของฉินหมิงออกมาในขณะที่ฉินหมิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องเธอ เขาดูหล่อเหลาและเป็นลูกผู้ชายมาก เธอรู้สึกถึงความรู้สึกหอมหวานที่อธิบายไม่ได้ในใจของเธอฉินหมิงพยักหน้า เหลือบมองอีกฝ่ายเพื่อเป็นการเตือน จากนั้นจึงหันหลังกลับและจากไปพร้อมกับหลินหล่านชิง“น่ารังเกียจ! ”“ตอนนี้ของขวัญทั้งหมดสูญเปล่าหมดแล้ว! ”เมื่อเห็นฉินหมิงและหลินหว่านชิงค่อย ๆ หาย
แต่ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากที่ได้พบกับฉินหมิงแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆบางทีอาจเป็นเพราะมีฉินหมิงเป็นคู่หู ทำให้ช่วยบรรเทาความเหงาในใจของเธอได้หรือบางทีเธออาจจะมองฉินหมิงเป็นเพื่อนสนิทเหมือนหานซี ต่อหน้าฉินหมิงเธอถอดหน้ากากจอมปลอมออกทั้งหมด และใช้ชีวิตอย่างสบายตามความเป็นจริง!การปีนเขาเป็นเรื่องที่ใช้พลังงานมากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมารวมตัวกันตามบริเวณเชิงเขาอย่างคึกคัก ซึ่งความเป็นจริงไม่ค่อยมีคนเต็มใจที่จะไปปีนเขามากนักมีเพียงคู่รักหนุ่มสาวหรือกลุ่มวัยรุ่นสามถึงห้ากลุ่มกระจัดกระจายอยู่บนบันได ดูเปลี่ยวกว่าที่เชิงเขามากฉินหมิงและหลินหว่านชิงทั้งสองคนกำลังพูดคุยและหัวเราะไปตลอดทางขึ้นไปบนเขา โดยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีเงาลับ ๆ ล่อ ๆ สี่คนด้านหลังตามมาอย่างเงียบ ๆครึ่งทางขึ้นเขามีพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ มีศาลาหลายหลังที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในบริเวณจุดชมวิว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนและชมวิวทิวทัศน์ที่นี่คือจุดแบ่งของการปีนเขา ภูเขาที่อยู่ไกลออกไปมีความชันมาก ซึ่งไม่เอื้อต่อนักท่องเที่ยวทั่วไปนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะหยุดพักที่นี่ และนั่งในศาลาที่
หลินหว่านชิงภายในใจดิ่งวูบ เมื่อรู่ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาที่ไม่ดี เธอจึงรีบคว้าแขนของฉินหมิงแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนยอดเขาทันทีผลลัพธ์เป็นเพราะเธอร้อนใจมากเกินไป เท้าของเธอจึงลื่นลงไป เธอเดินโซเซ จากนั้นจึงล้มลงไปที่บันไดหิน“หว่านชิง ระวัง! ”ฉินหมิงตกใจมาก โชคดีที่เขาตาไวและมือเร็ว เขาจึงเอื้อมมือไปคว้าเอวเพรียวบางและอ่อนนุ่มของหลินหว่านชิงเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา“เจ็บมาก…”หลินหว่านชิงร้องด้วยความเจ็บปวด การลื่นล้มในครั้งนี้ทำให้ข้อเท้าของเธอพลิก ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ข้อเท้ามากจนเธอแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาในทันที“หว่านชิง คุณเป็นอะไร คุณล้มตรงที่ไหน? ”สีหน้าของฉินหมิงเปลี่ยนไป เขารีบนำหลินหว่านชิงออกจากอ้อมแขนของเขา มองสถานการณ์ของหลินหว่านชิงด้วยสีหน้าประหม่าและกังวล“เท้าของฉันดูเหมือนจะพลิกน่ะ…”ใบหน้าแสนสวยของหลินหว่านชิงซีดลง เธอกัดริมฝีปากแน่นเพื่อระงับความเจ็บปวด“บัดซบ! ”ฉินหมิงโกรธเป็นฝืนเป็นไฟ สายตาอันดุร้ายจ้องมองไปที่ชายสวมต่างหูทั้งสี่คนถ้าหากไม่เจอกับชายสวมต่างหูทั้งสี่คนจนตกใจ หลินหว่านชิงก็คงไม่มีทางเท้าพลิกได้!ด้วยเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าอีกฝ่
หลินหว่านชิงก้มหน้าลงและมองไปที่โทรศัพท์ของเธอ บนหน้าจอแสดงให้เห็นว่าไม่มีสัญญาณจริง ๆ ตอนนี้ดวงตาเธอเบิกกว้างตกตะลึงราวกับคนโง่เดิมทีเธอหวังจะพึ่งตำรวจมาข่มขู่อีกฝ่าย แต่สิ่งที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนก็คือที่นี่ไม่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือสัญญานโทรศัพท์เลย แล้วเธอจะเอาอะไรไปแจ้งตำรวจกัน!“พวกนาย…พวกนายจะทำอะไรกันแน่? ”“ถ้าพวกนายอยากได้เงินล่ะก็ ฉันสามารถให้เงินพวกนายได้ ขอเพียงพวกนายบอกจำนวนที่ต้องการมา ฉันจะเอามาให้แน่นอน”หลินหว่านชิงหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด“เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจะไปมีเงินอะไรได้! ”“พวกพี่ไม่ได้ต้องการเลย! ”ชายสวมต่างหูยิ้มอย่างเหยียดหยาม เขาเห็นหลินหว่านชิงนั่งมอเตอร์ไซค์โทรม ๆ ของฉินหมิงด้วยตาของเขาเอง ทั้งสองคนยากจนมากไม่มีแม้กระทั่งเงินซื้อรถยนต์ด้วยซ้ำ คาดว่ามีทรัพย์สินหลายหมื่นบาทก็ดีมากแล้ว เงินแค่นี้จะมาอยู่ในสายตาของเขาได้อย่างไรกัน!“แต่ว่าถ้าเธออยากปกป้องไอ้หนุ่มนี่ไว้จริง ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เลย! ”“ขอแค่เธอรับปากเงื่อนไขพวกเราหนึ่งข้อ พวกพี่รับรองว่าจะไม่แตะต้องมัน! ”ชายสวมต่างหูพูดอย่างมีเล
“ช่วยหยุดโง่เขลาแบบนี้สักทีได้ไหม! ”หลินหว่านชิงจ้องมองฉินหมิงด้วยความโกรธ กระซิบอย่างเบาเสียง “นายใช้สมองคิดให้รอบคอบ ขอแค่นายสามารถหลบหนีได้ แล้วแจ้งตำรวจหรือแจ้งให้คนในตระกูลหลินรู้ในทันที พวกเขาไม่กล้าทำอะไรกับฉันแน่นอน! ”ท้ายที่สุดแล้วหลินหว่านชิงก็เป็นคนที่เคยเห็นลมและคลื่นลูกใหญ่ แม้ในช่วงเวลาที่อันตรายเช่นนี้ จิตใจของเธอก็ยังคงสงบและความคิดของเธอก็มีความชัดเจนอย่างมากเธอรู้ว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เอื้ออำนวยต่อเธอกับฉินหมิง ตราบใดที่ฉินหมิงสามารถหลบหนีได้อย่างราบรื่น อีกฝ่ายก็จะไม่กล้าแตะต้องเขาอย่างแน่นอน เว้นแต่ว่าคนเหล่านี้จะไม่ต้องการชีวิตจริง ๆ !“ตกลง ผมเชื่อฟังคุณ คุณปล่อยผมก่อน…”ถูกหลินหว่านชิงต่อว่าให้ขนาดนี้ ฉินหมิงก็ค่อยค่อยใจเย็นลงมาความสงบของเขาไม่ใช่คิดว่าจะหลบหนีไปอย่างไร แต่เป็นการหวังว่าหลินหว่านชิงจะปล่อยพันธนาการของเธอที่มีต่อเขาได้อย่างรวดเร็วหลินหว่านชิงเชื่อว่าเป็นความจริง เธอหลบไปจับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างหนึ่งปล่อยแขนของฉินหมิงตอนนี้เท้าข้างหนึ่งของเธอแพลง มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอที่จะหลบหนี เธอทำได้เพียงฝากควา